ลิขิตฟ้าชะตารัก - ตอนที่ 217-218
ตอนที่ 217 กินมื้อดึก
“เวลาก็ล่วงเลยมาดึกดื่นแล้ว เจ้าก็รีบพักผ่อนเสียเถิด” เมื่อเห็นว่าเรื่องราวล้วนลงเอยได้ดีแล้ว หลิงอ๋องก็ไม่อยากรั้งเวลาต่อไป กล่าวเพียงไม่กี่คำก็พยุงอนุรองออกไปจากห้อง
เมื่อทั้งสามคนเดินออกไปแล้ว เจาเอ๋อร์จึงค่อยๆ เดินเข้ามา เอ่ยถามขึ้นอย่างแปลกใจว่า “คุณหนูเจ้าคะ ท่านก็รังเกียจพวกอนุรองสองแม่ลูกมาโดยตลอดมิใช่หรือเจ้าคะ เห็นๆ อยู่ว่าพวกนางมีจุดประสงค์ที่ไม่ดี แล้วเหตุใดท่านถึงได้ตอบตกลงคำขอ พาพวกนางเข้าวังด้วยเล่าเจ้าค่ะ”
“ข้ามีแผนในใจแล้ว นี่ก็ดึกแล้ว เจ้าก็ไปพักผ่อนเสียเถิด” อวี้อาเหราสะบัดชายเสื้ออย่างเงียบงัน
“แต่ว่าคุณหนูยังไม่นอน ให้บ่าวอยู่ปรนนิบัติก่อนเถิดเจ้าค่ะ”
“ไม่ต้องหรอก ตอนนี้ข้ายังไม่ง่วง หากง่วงก็จะไปนอนเอง” น้ำเสียงของอวี้อาเหราเรียบเฉยเป็นอย่างมาก
“ก็ได้เจ้าค่ะ เช่นนั้นคุณหนูก็พักผ่อนเร็วๆ หน่อยนะเจ้าคะ บ่าวขอลา” เจาเอ๋อร์อยู่ข้างกายนางมาหลายวันแล้ว แน่นอนว่าย่อมเข้าใจถึงอารมณ์ของนางดี เมื่อเห็นเช่นนี้ก็ไม่บ่นอะไรอีก ยอมถอยออกไปแต่โดยดี
อวี้อาเหราช้อนสายตาขึ้นมาจากบนโต๊ะ มองไปยังความมืดมิดภายนอกหน้าต่างครู่หนึ่ง ท้องฟ้าในยุคปัจจุบันก็เป็นสีดำมืดเช่นนี้ แต่โดยรอบยังมีโคมไฟส่องสว่าง เต็มไปด้วยความคึกคักของผู้คน แตกต่างจากที่นี่ที่เงียบสงบเป็นอย่างมาก นางนิ่งเงียบอยู่นาน ก่อนจะค่อยๆ หลุบสายตาลง
บนโต๊ะมีจานขนมดอกเบญจมาศอยู่สองจาน เดิมทีนางตั้งใจจะนำมาให้เริ่นหว่านเอ๋อร์ได้ทาน แต่เพราะนางโกรธฟู่เส่าชิงจึงได้หนีไปเสียแล้ว
ขนมที่เหลือก็ยังคงเหลืออยู่เช่นนี้ ในงานเลี้ยงก่อนหน้านี้แม้ว่าจะมีอาหารอร่อยอยู่รายล้อม แต่ยามที่อยู่บนโต๊ะอาหารนั้นก็เอาแต่ปะทะคารมกัน นอกจากหลิงอ๋องแล้วก็แทบจะไม่มีใครรับประทานอาหารด้วยใจสงบเลย ทำได้เพียงแค่ชิมไม่กี่คำ ตอนนี้นางก็รู้สึกหิวยิ่งนัก ดังนั้นจึงร้องเรียกออกไปด้านนอก “พวกเจ้า ไปบอกเจาเอ๋อร์ยกอาหารมื้อดึกมาให้ข้าที”
“เจ้าค่ะ” คาดไม่ถึงว่าจะเป็นเจาเอ๋อร์ที่ร้องตอบกลับมาในทันใด
“เหตุใดเจ้ายังไม่ไปนอนอีก” อวี้อาเหราชะงัก เมื่อครู่นางบอกให้เจาเอ๋อร์ไปพักผ่อนแล้วนี่
“บ่าวคิดว่าคุณหนูจะต้องหิวเป็นแน่ เช่นนั้นจึงไม่กล้าไปนอน และก็เป็นอย่างที่บ่าวคาดเดาเอาไว้จริงๆ ด้วยเจ้าค่ะ” บนใบหน้าของเจาเอ๋อร์เผยรอยยิ้มซุกซน อากาศด้านนอกทั้งมืดมิดและหนาวเย็นผิดกับความอบอุ่นด้านในอย่างชัดเจน ใบหน้าของอวี้อาเหราอ่อนโยนขึ้นมาไม่น้อย “ในเมื่อเจ้ายังไม่นอนก็ไปนำเหล้าจากคลังมาสักไหเถิด มาดื่มเป็นเพื่อนข้าสักจอก”
“แต่ว่าแผลของคุณหนู…”
“ไม่เป็นไร ตอนนี้ดีขึ้นมากแล้ว อีกอย่างการดื่มเหล้าก็ยังเป็นการทำให้ร่างกายแข็งแรงด้วยมิใช่หรือ”
“จะว่าไปก็ใช่เจ้าค่ะ ถ้าเช่นนั้นบ่าวจะไปนำเหล้ามา คุณหนู ท่านทานยาบำรุงมาตั้งหลายวันแล้วก็ทานให้มากๆ เถิดนะเจ้าคะ สองสามวันมานี้เห็นท่านผ่ายผอมลงบ่าวก็รู้สึกเจ็บปวดยิ่งนัก”
“รีบไปเถิด วันนี้ข้าอยากกินเนื้อเยอะๆ เลย”
อวี้อาเหราพยักหน้าลง มองตามแผ่นหลังบอบบางของเจาเอ๋อร์หายไปภายใต้แสงเทียนสลัว
ผ่านไปไม่นานนัก นางก็ถือของกลับมามากมาย ในมือมีทั้งเหล้าและเนื้อ
อวี้อาเหราดื่มเหล้าที่เจาเอ๋อร์รินให้ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองนางที่ยืนอยู่ข้างๆ “เจ้าก็นั่งลงกินด้วยกันสิ”
“จะได้อย่างไรเจ้าคะ ท่านเป็นคุณหนู ส่วนบ่าวเป็นบ่าว…” เจาเอ๋อร์ตกใจจนทำอะไรไม่ถูก มีที่ไหนกันที่ให้บ่าวไพร่นั่งตีตนเสมอเจ้านายเช่นนี้
“ไม่เป็นไร อย่างไรเสียตอนนี้ก็มีแค่เราสองคน เจ้ารีบนั่งลงเถิด ข้ารำคาญความอ้อยอิ่งเช่นนี้เต็มทนแล้ว” อวี้อาเหราดุขึ้นด้วยความไม่พอใจ เจาเอ๋อร์จึงรีบกระวีกระวาดนั่งลงในทันที ก่อนจะยกจอกเหล้าดื่มเข้าปากเสียอึกใหญ่ จนเกือบจะกระฉอกออกมา
“เจ้าจะรีบร้อนดื่มอะไรถึงเพียงนั้น” อวี้อาเหราหัวเราะ ยกจอกเหล้าที่ทำจากหยกขาวขึ้นส่องกับแสงเทียน หยดเหล้าใสส่องประกายอยู่บนจอกเหล้าหยกขาววูบวาบไปมา ราวกับสายน้ำใสในอ่างที่ต้องละอองคลื่น จนอดไม่ได้ที่จะเอ่ยพึมพำเสียงแผ่วเบา “สุราเลิศรสดังใจหมาย หยกขาวงามดังดวงเดือน ได้ดื่มเหล้ากินกับแกล้มเช่นนี้ช่างเป็นวันที่สุขใจยิ่งนัก…”
ตอนที่ 218 หัวเราะเยาะ
“หยกขาวดวงเดือนอะไรหรือเจ้าคะ” เจาเอ๋อร์มองท่าทีเลือนลอยของนางด้วยความตกตะลึง
อวี้อาเหราได้สติขึ้นมาก็รีบส่ายหน้าในทันที เมื่อได้ดื่มเหล้าแล้วอารมณ์ของนางก็เปลี่ยนไปเป็นระทมทุกข์ ยกจอกเหล้าขึ้นแล้วยิ้มให้กับเจาเอ๋อร์ “พวกเรามาชนแก้วกันดีหรือไม่”
“ชนแก้วคืออะไรเจ้าคะ” เจาเอ๋อร์ถูกศัพท์ใหม่ทำให้ชะงักไปอีกครั้ง
“ชนแก้วก็คือคนสองคนชนแก้วกันแล้วร่วมกันดื่มเหล้าอย่างไร เร็วๆ เข้าสิ” หลังจากที่อวี้อาเหราอธิบายแล้ว ก็รีบเร่งรัดอีกฝ่ายขึ้นในทันที
“เจ้าค่ะ” เจาเอ๋อร์รู้สึกว่าเป็นการละเล่นที่แปลกใหม่ดี เช่นนั้นจึงยกจอกเหล้าขึ้นชน
ทั้งสองดื่มเหล้าจนกระทั่งค่อนคืน ใบหน้าเต็มไปด้วยความเมามาย ฟุบลงบนโต๊ะอย่างหมดสภาพ เจาเอ๋อร์นั้นยังคงดีหน่อย เมื่อเงยหน้าขึ้นมาอย่างมึนงงก็เห็นว่าคุณหนูของตนเมาเสียแล้ว เช่นนั้นจึงอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา ก่อนจะพยุงนางไปที่เตียงเพื่อนอน ส่วนตนเองก็ถอยออกไป ยังดีที่พรุ่งนี้ไม่ใช่วันที่ต้องเข้าวังเพื่อร่วมงานเลี้ยง มิเช่นนั้นคุณหนูของนางคงตื่นไม่ไหวแน่
วันต่อมา เมื่ออวี้อาเหราตื่นขึ้นก็รู้สึกปวดหัวอย่างหนัก ดื่มมากไปก็เป็นเช่นนี้นี่เอง
ได้พักผ่อนหนึ่งวันถึงได้ค่อยดีขึ้น เวลาผ่านไปเจ็ดวัน เพียงชั่วพริบตาก็มาถึงวันที่จัดงานเลี้ยงในวังหลวงแล้ว วันนี้ทั่วทั้งจวนก็วุ่นวายกันตั้งแต่เช้าตรู่ ทางด้านอนุรองนั้นก็ยิ่งทำให้เป็นเรื่องใหญ่ เจาเอ๋อร์ช่วยอวี้อาเหราแต่งหน้ามวยผมจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ยังคงกังวลอีกว่าว่าจะใส่ชุดเช่นไรดี
คุณหนูของตนนั้นแต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่ค่อยจะใส่ใจเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว อีกทั้งนางยังลืมว่าจะต้องตัดชุดเพื่อเข้าวังอีกด้วย หากสวมเสื้อผ้าชุดที่เคยใส่ไปเมื่อครั้งที่แล้วเข้าไปในงานเลี้ยง ก็คงจะต้องถูกเหล่าฮูหยินและบรรดาคุณหนูหัวเราะเยาะลับหลังเป็นแน่
อวี้อาเหราได้ฟังคำแล้ว แต่ก็ยังไม่สนใจอยู่ดี “เจ้าจะไปสนใจทำไมว่าพวกนางจะพูดว่าอะไร ขอเพียงเป็นคนสวย เพียงใส่ชุดเก่าๆ ขาดๆ ก็ยังดูดีกว่าเหล่าคุณหนูสมองกลวงพวกนั้นตั้งเยอะ”
“แม้ว่าคุณหนูจะพูดเช่นนี้ แต่งานเลี้ยงในวังหลวงนั้นไม่เหมือนงานทั่วไปนะเจ้าคะ หากแต่งกายไม่ดีก็เท่ากับทำให้จวนของเราเสียหน้า อีกหนึ่งชั่วยามก็ต้องขึ้นรถม้าเข้าวังแล้ว พวกเราไม่มีทางหาชุดได้ทันแน่เลยเจ้าค่ะ นี่ก็เป็นเพราะบ่าวไม่ดีเองที่ลืมเรื่องสำคัญเช่นนี้ไปเสียได้ ถ้าหากทำให้จวนของเราขายหน้า บ่าวจะรับผิดชอบได้อย่างไรเจ้าคะ!” เจาเอ๋อร์โทษตัวเองไม่หยุด
เรื่องนี้ไม่ว่าจะพูดอย่างไร ก็ล้วนแล้วแต่เป็นเพราะนางเลินเล่อ นางเคยรอบคอบกว่านี้ แต่เพราะหลายวันมานี้ต้องคอยจัดการเรื่องของเฉียนหลงจู๊ ทำให้ลืมเรื่องที่จะต้องตัดเย็บเสื้อผ้าไปเสียสนิท นี่ก็ไม่เท่ากับเป็นความผิดของนางหรือ
“ไม่เป็นไร เจ้าอย่าได้รู้สึกผิดไปเลย จะว่าไปแล้วเรื่องของเฉียนหลงจู๊ก็เป็นเพราะข้ามอบหมายให้เจ้าทำ หากจะโทษใครสักคนก็ควรจะเป็นความผิดของข้า” อวี้อาเหราส่ายหน้าแล้วเอ่ยปลอบเจาเอ๋อร์ ถามขึ้นพร้อมทั้งคิ้วที่ขมวดมุ่น “นี่ก็ไม่มีกระโปรงชุดอื่นเลยหรือ”
“อาภรณ์ที่ใช้สวมใส่ทุกวันย่อมมีอยู่มากเจ้าค่ะ เพียงแต่ชุดที่ใส่ออกงานนั้นเป็นรูปแบบของเมื่อหลายปีก่อน หากสวมใส่ไปงานก็คงจะถูกหัวเราะเยาะแน่ ยามนี้เมื่อคิดขึ้นว่าทุกคนแต่งตัวด้วยความงดงามวิจิตร แต่คุณหนูกลับสวมเสื้อผ้าแบบนั้นไปคงต้องถูกเย้ยหยันแน่ๆ เลยเจ้าค่ะ!”
“เช่นนั้นแล้วมีวิธีอื่นอีกหรือไม่”
“ไม่มีเจ้าค่ะ แต่ไหนแต่ไรมาคุณหนูไม่ชอบเข้าร่วมงานเลี้ยงอยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่ค่อยได้ตัดชุดใหม่ ยามนี้ก็ไม่มีชุดสวยๆ เอาไว้ใส่แล้วเจ้าค่ะ” ใบหน้าของเจาเอ๋อร์แฝงความทุกข์ระทม
อวี้อาเหราเท้าคางครุ่นคิด หากมัวแต่วิตกกังวลก็คงไม่รู้จะแก้ปัญหาอย่างไร ตอนนี้สิ่งที่เร่งรีบมากที่สุดก็คือการหาชุดแบบที่ทันสมัยและไม่เคยสวมมาก่อน นี่ก็เป็นเรื่องที่ยากอยู่บ้าง ก็แค่งานเลี้ยงธรรมดาๆ เท่านั้นเองมิใช่หรือ ทำอย่างกับจะไปเดินพรมแดงไปได้ แต่สำหรับหญิงสาวในยุคโบราณแล้ว ก็คงจะเหมือนงานเดิมพรมแดงจริงๆ ล่ะนะ
“แล้วชุดของเสด็จแม่เล่า ไม่มีแล้วหรือ”
“ขอบ่าวนึกก่อนนะเจ้าคะ” เจาเอ๋อร์นิ่งไปสักครู่ ก่อนจะส่ายหน้าออกมา “ไม่มีเจ้าค่ะ”