แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย - ตอนที่ 1053 ขอโทษนะ ไม่ทันระวังเหมือนกัน
ถึงแม้ประธานเชี่ยนจะเกลียดกางเกงคนงานที่ตัวเองใส่อยู่ในตอนนี้มาก แต่ด้วยความที่เธอเป็นคนที่จิตใจแข็งแกร่ง ดังนั้นจึงยังคงไปเข้าสอนแทนอาจารย์ได้
เถ้าแก่ใหญ่ดีกับเธอมาก ปกติไม่ค่อยให้เธอสอนแทนหรือไปคุมสอบ ภารกิจที่มอบให้ส่วนใหญ่จะเป็นงานลงมือปฏิบัติที่สำคัญๆ โดยเฉพาะช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมานี้ ล้วนเลือกแต่เคสผู้ป่วยที่ตัวเองคิดว่าเสี่ยวเชี่ยนไม่น่าจะเคยได้พบเจอให้เสี่ยวเชี่ยนได้ลองหาทางรักษาดู
เสี่ยวเชี่ยนมีประสบการณ์การรักษาคนไข้จากเมื่อชาติก่อน ดังนั้นเธอจึงรักษาหายทุกครั้ง ครั้งนี้เธอเชื่อว่าเถ้าแก่ใหญ่จะต้องหาเคสที่เธอไม่เคยเจอมาก่อนในชาตินี้ให้แน่นอน ต้องแสร้งทำเป็นว่ามันยากมากให้อาจารย์เห็นไหมนะ…
อย่างไรเสียทุกครั้งเธอทำการรักษาได้อย่างสบายๆ อาจารย์เลยอาจคิดว่ามันไม่หนักพอ?
เธอเดินไปหยุดที่หน้าห้องเรียนด้วยความคิดแบบนั้น ยังไม่ทันจะได้เข้าไปก็ได้ยินเสียงคนพูดจากทางด้านหลัง
“ปู้หลี ฉันต้องไปเข้าเรียนนะ อย่าตามมาเลย…” เป็นเสียงสาวน้อย
“จะรีบไปไหน? ไหนบอกว่าวันนี้คนโง่มาสอนแทนไง? ไม่ให้มาเดี๋ยวก็ได้ถูกรังแกอีก!” อีกคนเป็นผู้ชายพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
เสี่ยวเชี่ยนเลิ่กคิ้ว คนโง่?
“ฉันบอกแล้วว่าเรื่องนี้มันไม่มีอะไร กลับไปทำงานเถอะ ฉันต้องไปเข้าเรียนนะ!” นักศึกษาหญิงคนนี้ถึงกับขอร้อง
“X! เรียนทำห่าไร? ไม่เห็นด้วยหรอกนะมหาลัยที่เชิญคนโง่มาสอนแบบนี้น่ะ แค่คาบแรกก็ให้นักศึกษามาสอนแทนแล้วเหรอ? เกลียดที่สุดไอ้พวกนักศึกษาสมองX รู้ไม่จริงแล้วทำมาสอนคนอื่น ไอ้พวกX!”
หนึ่ง สอง สาม สี่…พูดแค่นี้คำหยาบมาเต็ม แถมยังพูดได้คล่องปาก ไม่ได้เข้ากับน้ำเสียงเพราะๆเลยสักนิด
ในฐานะที่เป็นคนถูกด่าด้วยอวัยวะอันหยาบคายตั้งมากมาย เสี่ยวเชี่ยนจึงขอหันไปดูหน่อยด้วยความอยากรู้
สองคนที่อยู่ด้านหลังไม่รู้ว่าเป็นพี่น้องกันหรือว่าคู่รัก มองจากภายนอกเสี่ยวเชี่ยนว่าเป็นพี่น้องกันมากกว่า รูปร่างหน้าตาของผู้หญิงคนละเรื่องกับผู้ชายเลยทีเดียว ดูยังไงก็ไม่เหมือนคู่รัก
ผู้หญิงหน้าตาดูกลางๆพอไปวัดไปวาได้ รูปร่างอ้วนน่าจะเกินหกสิบโล ใส่แว่นตากรอบดำที่แสนขี้เหร่ จับไปอยู่ในฝูงชนแทบไม่มีอะไรเด่น
ส่วนผู้ชายที่พูดจาสุนัขไม่รับประทานคนนั้นหล่อมาก แขนขายาวผิวคล้ำเล็กน้อย ริมฝีปากบาง จมูกโด่ง ตาตี่ ในลูกตามีเส้นเลือดขึ้น เหมือนคนที่นอนไม่พอ
ความพิเศษอยู่ตรงหูของผู้ชายคนนี้ หูแหลมๆคล้ายหูแมว พอมารวมกับหน้าตาแล้วให้ความรู้สึกน่าเอ็นดู
แต่ในฐานะที่เป็นจิตแพทย์ พอเสี่ยวเชี่ยนเห็นคนที่หน้าตาแบบนี้พูดจาแบบนี้สมองเธอก็เริ่มคิดทันที
คนที่ชื่อปู้หลีนี่คงไม่ใช่ผู้ป่วยที่อาจารย์บอกว่าแยกง่ายหรอกนะ? แต่ดูจากรูปร่างท่าทางของเขาแล้วไม่เหมือนนักศึกษา เหมือนคนที่ทำงานใช้แรงงานมากกว่า เพราะภายใต้เสื้อเชิ้ตที่เขาใส่นั้นมีกล้ามเป็นมัดๆซ่อนอยู่
สายตาของเสี่ยวเชี่ยนเริ่มกวาดมองจากบนลงล่าง ปู้หลีใส่กางเกงคนงานเหมือนเสี่ยวเชี่ยน ท่อนบนใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวแขนยาวปกปิดหมดทั้งร่างกาย เสี่ยวเชี่ยนจึงสังเกตอะไรไม่ได้มาก แอบเสียดายนิดหน่อย
ถ้าเป็นหน้าร้อนล่ะก็ เธอคงจะได้ข้อมูลมากกว่านี้
“มองอะไรเล่า! หลบไป อย่ามาเกะกะ!” ปู้หลีพูดด้วยน้ำเสียงไม่ดีกับเสี่ยวเชี่ยน
ผู้หญิงที่อยู่ข้างเขารีบขอโทษ “ขอโทษด้วยนะคะ คุณก็มาเข้าเรียนเหรอ พวกเราเข้าไปด้วยกันนะ!”
เสี่ยวเชี่ยนดูเด็กกว่าผู้หญิงคนนี้ บวกกับเธอเรียนข้ามชั้นสองปี ดังนั้นพวกรุ่นน้องจึงไม่คิดว่าเธอก็คือ ‘คนโง่’ ที่จะมาสอนแทนอาจารย์ในวันนี้ คิดว่าเธอก็มาเข้าเรียนเหมือนกัน
“ทำไมพูดมากแบบนี้? น่ารำคาญ!” ปู้หลีว่าผู้หญิงคนนั้น
ผู้หญิงสี่ตานิสัยดีคนนั้นยิ้มขอโทษเสี่ยวเชี่ยนแล้วตามปู้หลีเข้าไปในห้องเรียน
รอยยิ้มของผู้หญิงคนนี้มีลักยิ้มข้างหนึ่งที่ชัดมาก ดูแล้วคุ้นหน้าชอบกล…เอ่อ เสี่ยวเชี่ยนส่ายหน้า แต่ผู้หญิงที่หน้าตาธรรมดาและหุ่นแบบนี้มีอยู่เต็มท้องถนน ถือเป็นคนหน้าตาพื้นๆมาก เธอเองก็จำไม่ได้ว่าตัวเองเคยเจอคนหน้าตาแบบนี้ด้วย
“ปัง!”
เสี่ยวเชี่ยนเห็นปู้หลีเข้าไปในห้องแล้วก็ระบายอารมณ์ด้วยการถีบประตู จากนั้นก็โอบไหล่ผู้หญิงสี่ตาเดินเข้าไปข้างใน
ขณะที่เสี่ยวเชี่ยนเตรียมจะเดินเข้าห้องไปนั้นก็ได้ยินเสียงดังโครมครามมาจากด้านใน ตามมาด้วยเสียงเอะอะโวยวายคล้ายคนมีเรื่องกัน?
พอเสี่ยวเชี่ยนเข้าไปก็เห็นปู้หลีที่เพิ่งเตะประตูกำลังมีเรื่องกับคนอื่น
“แกใช่ไหมที่เอาตะปูใส่รองเท้าผู้หญิงคนนี้?” ปู้หลีกระชากคอเสื้อผู้หญิงผมยาวจนตัวลอยจากเก้าอี้
ผู้หญิงคนนั้นหน้าตาใช้ได้ ดูก็รู้ว่าบ้านมีฐานะ พอถูกทำแบบนี้ใส่ก็ตกใจกลัวจนหน้าซีด
ผู้หญิงอ้วนที่อยู่ข้างตัวปู้หลีรีบห้ามเขา “ปู้หลี ช่างมันเถอะ—”
“หุบปากไปเลยนะ!” ปู้หลีหันไปตะคอกใส่ แล้วชี้หน้าผู้หญิงที่เขากระชากคอขึ้นมาพลางพูดด้วยความโมโห
“พูดมา! แกเป็นคนทำใช่ไหม?”
มีนักศึกษาชายจะเข้าไป แต่ปู้หลีหยิบมีดพกออกมาปักบนโต๊ะ “ฉันไม่อยากหาเรื่องคนอื่น ใครไม่เกี่ยวข้องก็ถอยไป ไม่อย่างนั้นฉันเหมารวมหมด นังแรด พูดมาสิ!”
เสี่ยวเชี่ยนยืนดูเหตุการณ์อยู่ตรงประตู เธอพอจะมองออกแล้ว คงเป็นการทะเลาะที่แสนไร้เดียงสาของนักศึกษาใหม่ที่เป็นรูมเมทกัน
นักเรียนบางคนที่ฐานะดีชอบข่มนักเรียนที่ฐานะไม่ค่อยดี พอเข้ามหาวิทยาลัยความคิดเริ่มโตขึ้นเรื่องพวกนี้ก็น้อยลงไปมาก แต่บางคนจากที่ข่มทางด้านร่างกายก็กลายเป็นข่มทางด้านจิตใจเมื่อมาเข้ามหาวิทยาลัย อย่างเช่น พอได้รูมเมทที่ฐานะไม่ดีก็ไม่ยุ่งด้วย แสดงท่าทางรังเกียจ ไม่คุยด้วย เมินหนี ไม่กินข้าวด้วย เป็นต้น ดูจากผู้หญิงอ้วนใส่แว่นคนนั้นแต่งตัวธรรมดาฐานะทางบ้านคงไม่ได้ดีเท่าไร เลยถูกผู้หญิงผมยาวนั่นรังแก
จากนั้นปู้หลีที่ไม่รู้ว่าเป็นอะไรกับผู้หญิงอ้วนคนนี้ก็เลยจะมาเอาเรื่อง
ปกติเสี่ยวเชี่ยนไม่อยากยุ่งเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว ขอแค่ไม่ทำให้เป็นเรื่องใหญ่ในคลาสเรียนของเธอ เธอก็ไม่อยากออกโรง เพราะเรื่องทุกอย่างล้วนมีเหตุและผล สำหรับพวกที่รังแกคนอื่นแล้วถูกล้างแค้นกลับ ประธานเชี่ยนขอดูเอามัน เธอเดินเข้าห้องอย่างไม่รีบร้อน จากนั้นก็เท้าแขนบนแท่นโพเดียมแล้วมองเหตุการณ์
ผู้หญิงผมยาวที่ถูกกระชากคอตกใจจนขาสั่น เธอไม่เคยคิดเลยว่าผู้ชายจะกล้าใช้กำลังแบบนี้กับผู้หญิง
พอเห็นผู้หญิงคนนี้ตัวสั่นไม่ยอมพูดปู้หลีจึงดึงมีดขึ้นมา ผู้หญิงเห็นก็ตกใจกรีดร้อง
“อย่าทำอะไรฉันนะ!”
“พูดมา! แกใช่ไหมที่เอาตะปูใส่รองเท้าเขา?”
“ฉัน ฉันไม่ได้ตั้งใจ ฉันไม่ทันระวังตะปูมันเลยตกลงไป…ลั่วเสียวหย่า เธอพูดอะไรบ้างสิ!”
พอเห็นผู้หญิงคนนี้ไม่ได้มีท่าทีสำนึกผิดเลยแม้แต่น้อย ทันใดนั้นปู้หลีก็หยิบกล่องใบหนึ่งออกมา จากนั้นก็เทของที่อยู่ในนั้นลงในเสื้อผ้าของผู้หญิงคนนั้นอย่างรวดเร็ว แล้วใช้มือขยี้จนฝ่ายหญิงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด
“ขอโทษทีนะ ไม่ทันระวังตะปูมันเลยร่วงน่ะ”
ปู้หลียิ้มเผยให้เห็นฟันขาวสะอาด จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงโหด
เสี่ยวเชี่ยนนวดขมับ สอนแทนวันแรกก็เจอผู้ชายที่มีแนวโน้มชอบใช้ความรุนแรงแล้ว ไหนจะนักศึกษาที่อาจารย์บอกว่าเป็นเด็กมีปัญหา ตกลงคนไหนกันแน่?