My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา - ตอนที่ 1143 คามิลล่าผู้แข็งแกร่ง
- Home
- My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา
- ตอนที่ 1143 คามิลล่าผู้แข็งแกร่ง
ตอนที่ 1143 คามิลล่าผู้แข็งแกร่ง
ราชาหมาป่าอัคคีกลอกตาเจ้าลูกหมาสีดำตัวนี้มีขนาดเพียงแค่อ่างล้างหน้า ดังนั้น ด้วยขนาดที่เล็กของมันเหตุใดถึงกล้าเรียกราชาหมาป่าอัคคีว่า ‘หมาป่าน้อย’
แต่มันก็ไม่มีเวลามาต่อล้อต่อเถียงกับลูกหมาสีดำมันกำลังจะสู้กับราชินีแวมไพร์
โฮกกกกกก
!!
ราชาหมาป่าอัคคีกระโดดขึ้นไปบนฟ้าและฟาดกรงเล็บไปที่ลำคอของราชินีแวมไพร์
กรงเล็บของมันมีพลังอย่างน้อยก็40,000 กิโลกรัมและสร้างรอยแตกของมิติขึ้น !
แต่ทว่าราชินีแวมไพร์ก็ยังคงสงบนิ่งเมื่อเธอเผชิญหน้ากับการโจมตีของราชาหมาป่าอัคคี
เมื่อกรงเล็บของมันเข้ามาใกล้เธอก็จรดนิ้วมือไปข้างหน้าและยิงลำแสงสีแดงออกมา
ประกายจากแสงสีแดงนั้นเหมือนกับแสงของสายฟ้าสีแดงไม่เพียงแค่มีพลังอันรุนแรงแต่ยังน่ากลัวอีกด้วย
“หมาป่าน้อยหลบ !” ฉิงเฟิงตะโกนเตือนราชาหมาป่าอัคคี
การจู่โจมจากนิ้วของราชินีแวมไพร์นั้นรุนแรงเกินไปและทำให้ฉิงเฟิงร่ำร้องออกมาในขณะที่หลั่งเหงื่อเย็น
เมื่อได้ยินเสียงเตือนจากฉิงเฟิงราชาหมาป่าอัคคีก็เบี่ยงตัวหลบ อย่างไรก็ตามลำแสงสีแดงนั้นเร็วเกินไป มันเป็นไปไม่ได้ที่มันจะหลบทัน
ราชาหมาป่าอัคคีเอี้ยวตัวหลบอวัยวะส่วนสำคัญออกไปจากลำแสงสีแดงแต่กรงเล็บของมันหลบไม่พ้น
ตุบ!
ลำแสงสีแดงเจาะทะลุผ่านกรงเล็บของราชาหมาป่าอัคคีโลหิตฉีดพุ่งกระจายไปทุกหนทุกแห่งและส่งผลให้ร่างของราชาหมาป่าอัคคีลอยขึ้นไปบนอากาศก่อนที่จะตกลงบนพื้นอย่างหนัก
ด้วยการโจมตีครั้งเดียวราชาหมาป่าอัคคีก็พ่ายแพ้
สีหน้าของฉิงเฟิงเปลี่ยนไปเมื่อเขาได้เห็นภาพนี้เขารีบวิ่งไปข้างหน้าและอัดพลังเข้าสู่ร่างของราชาหมาป่าอัคคีเพื่อช่วยรักษาอาการของมัน
แต่ในเวลาต่อมาสีหน้าของเขาก็แปรเปลี่ยนไป เขาตระหนักว่าพลังแท้ที่ถ่ายเทสู่ร่างของอีกฝ่ายนั้นไม่อาจรักษามันได้ เลือดยังคงไหลออกจากกรงเล็บของมันอย่างต่อเนื่องและมีกลิ่นเหม็นเน่าจากเลือด
“ฉิงเฟิงราชาหมาป่าอัคคีได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีเฉพาะของราชินีแวมไพร์ มีเพียงเม็ดยาจิตวิญญาณของตระกูลโลหิตเท่านั้นที่สามารถรักษาได้ พลังแท้ของเจ้าช่วยอะไรไม่ได้หรอก” ลูกหมาสีดำกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว ฉิงเฟิงหันหลังกลับมาและกล่าวกับราชินีแวมไพร์ว่า“ส่งมอบยาเม็ดจิตวิญญาณโลหิตมา”
ราชินีแวมไพร์คามิลล่าฉีกยิ้มอย่างมีเสน่ห์และพูดว่า“หากเจ้ายอมมอบเลือดของเจ้าให้ข้าสักแก้วหนึ่ง ข้าจะมอบเม็ดยาให้เจ้า ว่าไง ”
การแสดงออกของฉิงเฟิงเปลี่ยนไปเมื่อเขาได้ยินคำพูดของราชินีแวมไพร์แสงเย็นชาพัดผ่านดวงตาของเขา
เลือดของฉิงเฟิงทุกหยดนั้นมีค่ามากและเขาจะไม่ยอมมอบเลือดของตนแม้แต่หยดเดียวให้ราชินีแวมไพร์
“เธออยากได้เลือดของฉัน ฝันต่อไปเถอะ” ฉิงเฟิงกล่าวพร้อมรอยยิ้มเย็นชา ในขณะที่เขาเดินไปข้างหน้าและปลดปล่อยกลิ่นอายอันแข็งแกร่งออกมา
ในเมื่อราชินีแวมไพร์ปฏิเสธที่จะมอบยาเม็ดยาจิตวิญญาณโลหิตเขาก็จะใช้กำลังแย่งมันจากเธอ ถึงแม้ว่าราชินีแวมไพร์จะทรงพลังมากแต่ฉิงเฟิงก็ไม่ได้อ่อนแอเช่นกันเขามีวิชาและพลังที่แข็งแกร่ง
“เจ้าหนุ่มชาวตะวันออกคนนั้นต้องการต่อสู้กับราชินีแวมไพร์ เขาหาที่ตายชัดๆ”
“ถูกต้องราชินีคามิลล่าเป็นนักรบที่แข็งแกร่งมาก ชื่อเสียงของเธอนั้นโด่งดังไปทั่วทวีปเสือ”
“ข้าพนันได้เลยว่าชายหนุ่มชาวตะวันออกคนนั้นจะต้องพ่ายแพ้ต่อราชินีแวมไพร์”
ผู้ฝึกตนจากทวีปเสือต่างก็พูดคุยกันอย่างมีชีวิตชีวาในขณะที่พวกเขามองดูฉิงเฟิงด้วยอาการเยาะเย้ยล้อเลียน
ในทวีปเสือราชินีแวมไพร์คามิลล่าสร้างความหวาดกลัวให้ผู้ฝึกตนนับไม่ถ้วน
วูบ!!
ฉิงเฟิงสะบัดข้อมือของเขาและใช้กระบี่แสงสีทองเขาเหวี่ยงกระบี่ไปเบื้องหน้า
กระบี่แสงสีทองเปล่งพลังงานกระบี่ที่แข็งแกร่งซึ่งทำให้เกิดรอยร้าวมากมายที่ปรากฏในอากาศ
เขาฟาดกระบี่ไปหาราชินีแวมไพร์อย่างเหี้ยมหาญซึ่งทำให้เธอแสยะยิ้มและชักกระบี่สีแดงที่มีความยืดหยุ่นออกมาจากร่างของเธอ กระบี่สีแดงเป็นกระบี่อ่อนและเปล่งกลิ่นอายโลหิตอันเข้มข้นของพลังงานกระบี่ออกมา
วูบ!
คามิลล่าฟาดฟันกระบี่อ่อนของเธอเพื่อเรียกกระแสพลังกระบี่สีแดงออกมาซึ่งปะทะเข้าใส่พลังกระบี่แสงสีทองของฉิงเฟิงโดยตรงจนเกิดเสียงดังสนั่น
ปัง!
หลังจากการปะทะฉิงเฟิงก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าวด้วยใบหน้าซีดเซียว เขาคาดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะแข็งแกร่งกว่าตนเอง
“เจ้าหนุ่มชาวตะวันออกวิชากระบี่ของเจ้านั้นไม่เลวทีเดียว เจ้าสามารถปิดกั้นกระบี่ของตระกูลโลหิตได้” ราชินีแวมไพร์กล่าวด้วยความประหลาดใจ กระบี่อ่อนโลหิตของเธอนั้นเป็นถึงอุปกรณ์วิญญาณระดับราชันขั้นที่สี่
ถึงแม้ว่ากระบี่แสงสีทองของฉิงเฟิงจะทรงพลังแต่เขาก็ปลดผนึกได้เพียงแค่ชั้นที่สองเท่านั้น ทำให้มันเทียบเท่ากับพลังของอุปกรณ์วิญญาณระดับราชันขั้นที่สอง มันอ่อนด้อยกว่ากระบี่อ่อนโลหิตของคามิลล่าถึงสองขั้น ดังนั้นก็เป็นธรรมดาที่มันไม่สามารถรับมือเธอได้
ฉิงเฟิงรู้ว่าเขาต้องปลดผนึกที่สี่ของกระบี่แสงสีทองเสียก่อนจึงจะสามารถเอาชนะกระบี่อ่อนโลหิตของเธอได้
อย่างไรก็ตามตอนนี้ฉิงเฟิงมีพลังในระดับจิตราชันขั้นที่สองซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะปลดผนึกต่อไปของกระบี่เล่มนี้
เนื่องจากอาวุธของเขาอ่อนแอกว่าเธอมากเขาเก็บกระบี่กลับไปและตัดสินใจจะสู้กับเธอด้วยวิธีการอื่น
“ราชินีแวมไพร์คามิลล่าเธอกล้าสู้กับฉันด้วยหมัดลุ่นๆหรือเปล่า ” ฉิงเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้มเย็นชาในขณะที่เขากล่าวยั่วยุราชินีแวมไพร์
คามิลล่าหัวเราะเบาๆเมื่อเธอได้ยินคำพูดของฉิงเฟิงเธอตอบว่า “ข้ารู้ว่าเจ้าต้องการจะยั่วยุให้ข้าลงไปเล่นในเกมของเจ้า แต่เอาเถอะ ในเมื่อเจ้าร้องขอ งั้นข้าจะเติมเต็มความปรารถนาของเจ้าและแสดงให้เจ้าได้เห็นถึงพลังของวิชาหมัดโลหิต”
คามิลล่าเก็บกระบี่อ่อนของเธอกลับไปและมองไปที่ฉิงเฟิงอย่างสงบ
“
หมัดทลายนรกานต์
,
หนึ่งหมัดเขย่าปฐพี
!
“
ฉิงเฟิงคำรามออกมาในขณะที่เขาใช้เพลงหมัดทลายนรกานต์ พลังแท้ของเขารวมตัวเป็นกำปั้นขนาดใหญ่ในอากาศซึ่งทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือนบนพื้นดินในขณะที่มันพุ่งเข้าหาราชินีแวมไพร์
ต้นไม้และหินลาวาที่อยู่รายรอบถูกทุบเป็นชิ้นๆด้วยพลังของหมัดทลายนรกานต์เห็นได้ชัดว่าหมัดนี้มีพลังมหาศาลเพียงใด
“
หมัดโลหิตเทพ
!
“
คามิลล่ากล่าวพึมพำในขณะที่เธอเหวี่ยงหมัดไปข้างหน้าหมัดของเธอยิงพลังงานสีแดงเข้มออกมาในรูปของกำปั้นสีแดงมหึมา
กำปั้นสีแดงยาวกว่า1,000 ฟุตและมีพลังที่น่าสะพรึงกลัว มันเจาะทะลุเป็นหลุมขนาดใหญ่บนพื้นและพุ่งเข้าปะทะกับหมัดของฉิงเฟิง
ตูม
!! หมัดทลายนรกานต์และหมัดโลหิตเทพชนกันด้วยเสียงดังสนั่นกึกก้องซึ่งเขย่าพื้นปฐพีแรงปะทะนี้รุนแรงและส่งเสียงดังมากจนสามารถได้ยินไกลไปถึงหลายกิโลเมตร
พลังเสียงดังกระจายไปสู่สภาพแวดล้อมและทำลายต้นไม้กับหินลาวาโดยรอบต้นไม้และก้อนหินถูกพัดขึ้นไปบนท้องฟ้าจนบดบังให้ท้องฟ้ามืดมิด
ครืดครืด !
ฉิงเฟิงและคามิลล่าต่างก็ถอยหลังคนละก้าวดวงตาของพวกเขาทั้งสองต่างเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ
ฉิงเฟิงรู้ว่าหมัดทลายนรกานต์ของเขาเกิดจากการบ่มเพาะกายาแดนชำระและมันเป็นเคล็ดวิชาที่สามารถพัฒนาระดับความแข็งแกร่งจนไปถึงระดับอมตะได้
ซึ่งในขั้นปลายของวิชานี้ฉิงเฟิงจะสามารถกลายเป็นตัวตนอมตะในตำนานได้
แต่ตอนนี้วิชาหมัดของราชินีแวมไพร์คามิลล่านั้นสามารถเทียบได้กับวิชาหมัดของเขา นั่นหมายความวิชาหมัดของเธอไม่ได้อ่อนแอไปกว่าเขาเลย และอย่างน้อยวิชานี้ต้องเป็นระดับอมตะ
แน่นอนว่าในโลกตะวันตกไม่มีตัวตนระดับอมตะไว้เรียกขานแต่เป็นเทพ ดังนั้นมันควรจะเรียกวิชาของเธอว่าระดับเทพ