[LN] ใครกันที่เป็นคนตัดสินว่าผมมีเลิฟคอมเมดี้ในชีวิตจริงไม่ได้ - ตอนที่ 9
เวลาผ่านไปไม่นานตั้งแต่ได้พบอุเอโนะฮาระ มันเป็นช่วงวันจันทร์ต้นสัปดาห์ ระหว่างคาบโฮมรูมสั้นก่อนกลับบ้าน
“—เอาละ สุดท้ายนี้จะเป็นเรื่องซ้อมเชียร์นะ ขอฝากหัวหน้าห้องด้วยนะคะ”
หลังจากพูดไปด้วยเสียงเนิบนาบไปตามปกติ คุณครูโทชิมะซึ่งเป็นคุณครูประจำชั้นของเราก็ได้กวักมือเรียกผม
อนึ่ง ถึงเธอจะเป็นคุณครูสอนภาษาญี่ปุ่น แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างเธอกลับมีเครื่องหมายการค้าเป็นเสื้อคลุมสีขาว ขอบอกไว้ก่อนว่าเธอไม่ใช่คุณครูสาวสวยแต่ว่าเป็นครูคุณป้าดังนั้นอย่าไปคาดหวังอะไรไร้สาระ
“ครับ!”
ผมตอบออกไปอย่างรวดเร็วตามแบบฉบับผู้ชายที่เท่นิดๆ จากนั้นก็ขึ้นไปบนแท่นยืนแทนคุณครูที่ออกไปแล้ว
แน่นอนว่าการเตรียมการนั้นสมบูรณ์พร้อม
“ขอพูดเร็วๆ เลยนะ เราจะมาพูดเรื่องตัวแทนซ้อมเชียร์ของห้องกันครับ”
เมื่อได้ยินคำพูดของผม ห้องเรียนก็ได้เงียบฉี่
ไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้เอาซะเลย แต่มันก็เป็นอีเวนต์ที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่เพราะงั้นก็คงไม่แปลก อย่างน้อยก็ไม่มีใครแสดงการต่อต้านแบบโจ่งแจ้ง
“แหยะ น่าเบื่อชะมัดยาด นี่ต้องมาเลือกกันตอนนี้เลยจริงๆ เหรอเนี่ย”
…ไม่สิ มีอยู่คนหนึ่ง
นั่นก็คือ คัตสึนุมะ อายูมิ ที่ส่งเสียงไม่พอใจดังกึกก้องไปทั่วห้องเรียนจากการบ่นกับตัวเองนั่นเอง
“ชงเชียร์นี่มันโครตห่วยแตกไม่ใช่รึไง มีแต่จะทำให้เครื่องสำอางหลุด”
“เห็นด้วย~”
เหล่าผู้ติดตามเริ่มพ่นคำบ่นทีละคนราวกับพูดคามคัตสึนุมะ
ชิ! ก็เพราะชอบบิดเบือนความเห็นมวลชนนี่ไงค่าพฤติกรรมของหล่อนถึงได้ต่ำมาก แถมบรรยากาศแย่ๆ ยังเริ่มปกคลุมห้องเรียนไปแล้วด้วย
ผมเมินคัตสึนุมะที่กำลังพูดคนเดียวแล้วพูดข้อเท็จจริงออกไป
“ทุกคนคงรู้กันอยู่แล้วใช่ไหมครับ ว่าเราจะมีซ้อมเชียร์ส่งนักกีฬากันก่อนช่วงวันหยุดยาว ด้วยเหตุนี้เราจึงต้องคัดเลือกตัวแทนห้องกันครับ…จะว่าไปแล้วมีใครอยากจะขออาสาบ้างไหมนะ”
ห้องเรียนเงียบลงไปอีกรอบ ทุกคนพยายามหลบตาของผมด้วยใบหน้าที่ราวกับจะบอกว่าไม่อยากข้องแวะ
คนเดียวที่สบตากับผมก็คือคุณคิโยซาโตะ แต่เธอก็ยิ้มส่งมาให้ผมแบบลำบากใจ
แม้แต่เธอก็ไม่ยอมขออาสางั้นเหรอ ก็นึกว่าจะมีโอกาส 50% ที่เธอจะขออาสาเองเพราะอยากช่วยคนอื่น แต่ดูเหมือนว่าเราจะคิดผิด ยังไงซะของแบบนี้คนที่อยากทำก็มีแต่พวกไฟแรงเท่านั้น เพราะงั้นช่างมันละกัน
ผมนิ่งไปสักพักแล้วก็พูดออกมาว่า “คงไม่มีทางเลือกสินะ”
“…ก็คิดไว้อยู่แล้วละนะว่าต้องเป็นอย่างนี้ แต่มันก็เป็นกิจกรรมของโรงเรียนด้วย จะให้เราเป็นห้องเดียวที่ไม่ส่งตัวแทนห้องไปก็คงไม่ได้หรอกนะ… เข้าใจแล้ว งั้นผมจะเป็นคนอาสาเอง ยังไงซะหัวหน้าห้องก็เป็นตำแหน่งที่โชคร้ายอยู่แล้วนี่นะ”
โอ้วว เมื่อผมแสร้งทำเป็นยิ้มอย่างขมขื่นราวกับเป็นเรื่องตลก ก็ได้มีเสียงอุทานบางส่วนแสดงความชื่นชม
จริงอยู่ที่ผมกะจะขออาสาเองตั้งแต่แรก แต่ผมก็อยากจะเพิ่มหุ้นของตัวเองเข้าไปด้วย
“ขอโทษนะครับ แต่เรายังต้องตัดสินใจเรื่องคนที่เหลืออยู่นะ ถ้าเกิดไม่มีใครอยากขออาสาแบบนี้เราจะจับฉลากแบบยุติธรรมกันนะ คงไม่ว่าอะไรสินะครับ”
ความเงียบเข้ามาปกคลุมห้องเรียนเป็นครั้งที่สาม
ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีใครคนไหนที่ปฏิเสธข้อเสนอนี้ ต่อให้จะไม่พอใจยังไงพวกเขาก็รู้ดีว่าถ้าไม่ทำอย่างนี้ปัญหาก็ไม่มีทางจบได้ แถมจะให้มาบ่นกับผมที่เป็นคนเสนอตัวคนแรกพวกเขาก็คงลำบากใจด้วย
ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครมีความเห็นอื่นแล้ว ดังนั้นทุกคนจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องยอมรับ
…แต่ในขณะนั้นเอง โทคิวะก็ได้มองไปรอบๆ แล้วยกมือขึ้น
“หัวหน้าห้องครับ แล้วคนที่ทำกิจกรรมชมรมไม่มีข้อยกเว้นเลยเหรอครับ”
เหล่าผู้คนจากชมรมกีฬาต่างพยักหน้าเพื่อเป็นการเห็นพ้อง
หืม บางทีเขาคงจะถามคำถามแทนทุกคนอยู่สินะ เป็นคนมีน้ำใจกว่าที่คิด ช่างเป็นพฤติกรรมที่เหมาะสมกับตัวละครเพื่อนสนิทดีจริงๆ
“น่าเสียดายที่ไม่มีข้อยกเว้นแบบนั้น เว้นเสียแต่จะเป็นตัวแทนโรงเรียนน่ะนะ”
“เอ๋…” โทคิวะทำหน้าผิดหวัง ถึงอย่างนั้นก็ดูเหมือนว่าโทคิวะจะไม่ได้ประชดประชันใดๆ
“ว่าแล้วเชียว… แต่ปี 1 ก็ลงแข่งไม่ได้ด้วย เพราะงั้นคงช่วยไม่ได้ละนะ”
“เอาน่า เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน จนกว่างานส่งตัวจะเสร็จสิ่งนี้จะมีความสำคัญสูงสุด เพราะงั้นนายอาจจะได้รับการยกเว้นจากการฝึกสุดโหดร้ายก็ได้นะรู้มะ”
“เอ๊ะ พูดจริงใช่ไหม!? แบบนั้นเองก็น่าสนใจเหมือนกันนะ!”
ใบหน้าของโทคิวะเปลี่ยนเป็นเจิดจ้าทันที อา ช่างมองแล้วรู้สึกสงบใจดีจริงๆ ผมตรวจดูอีกรอบเผื่อจะเจอคนมีคำถามแต่ก็ไม่พบ ดังนั้นผมจึงเริ่มได้กล่าวต่อ
“เอาละ จะรอต่อไปก็คงไม่ได้อะไร ดังนั้นผมจะตัดสินด้วยการจับฉลากนะครับ”
—มาเริ่มเกมกันเถอะ
ผมหยิบกล่องกระดาษแข็งเล็กๆ ที่เตรียมไว้ล่วงหน้าจากด้านหลังมาวางไว้บนโต๊ะ
จากนั้นก็หยิบมัดกระดาษเล็กๆ ที่ตัดไว้แล้วออกมาจากในนั้น
“ก่อนอื่นทุกคนช่วยเขียนชื่อของตัวเองลงไปในกระดาษที่ผมกำลังจะแจกให้ด้วยนะครับ”
เมื่อพูดจบ ผมก็ทำการแจกจ่ายกระดาษให้กับคนข้างหน้า จากนั้นก็สั่งให้เขาส่งไปให้คนข้างหลัง
นอกจากจะให้เขียน “ชื่อเต็ม” ในแนวนอนแล้ว กระดาษแต่ละแผ่นยังมีกรอบแบ่งเป็นช่องเพื่อให้เขียนชื่อด้วย เป็นรูปแบบเดียวกับบัตรลงคะแนนเสียงเลือกตั้งสภานักเรียน
“บางทีอาจจะมีคนนามสกุลเดียวกันอยู่ ดังนั้นช่วยเขียนชื่อเต็มด้วยนะครับ อ้อ แล้วเขียนชื่อคนอื่นไปก็ไม่มีประโยชน์หรอกนะ เพราะเดี๋ยวผมจะเช็กก่อนใส่ลงในกล่องอยู่ดี เพราะงั้นยอมแพ้แล้วเขียนชื่อตัวเองลงไปดีๆ เถอะนะครับ”
ที่จริงไม่จำเป็นต้องเตือนก็ได้ แต่ก็เผื่อเอาไว้
“ถ้าเกิดกรอกเสร็จแล้วช่วยนำมาส่งให้ผมกับตัวด้วยนะครับ หลังจากเช็กเสร็จแล้วผมจะได้พับครึ่งแล้วก็ใส่ลงไปในกล่องใบนี้”
หลังจากพูดจบ ผมก็ถอดฝากล่องออกเพื่อโชว์ให้ดูด้านใน จุดศูนย์กลางของกล่องถูกตัดออกเป็นโพรงกลมๆ แต่นอกเหนือจากนั้นมันก็เป็นเพียงกล่องเปล่าธรรมดาไม่มีลูกเล่นใดๆ
“เดี๋ยวพอได้ชื่อทุกคนแล้วผมจะเขย่ากล่องแล้วหยิบกระดาษออกมา 3 แผ่นนะครับ คนที่มีชื่ออยู่ในนั้นจะได้เป็นตัวแทนห้อง ถ้าเกิดถูกเลือกขึ้นมาก็ขอให้ยอมรับผลด้วยนะครับ”
ถึงผมจะหัวเราะอย่างติดตลกออกไป แต่ดูเหมือนว่าสายตาทุกคนจะจับจ้องไปที่กระดาษอย่างจริงจังราวกับกำลังวิงวอนขอร้องอย่างสิ้นหวัง
เมื่อกระดาษถูกแจกจ่ายไปให้ทุกคนแล้วผมก็ตบมือ
“ถ้างั้นก็กรอกได้เลยครับ!”
หลังจากผมประกาศด้วยเสียงดังลั่นออกไปแล้ว ทุกคนก็เขียนชื่อลงไปอย่างไม่เต็มใจราวกับว่าพวกเขายอมแพ้
—เยี่ยม! ยังราบรื่นอยู่
กำลังคิดอยู่เลยว่าถ้าฉลากถูกสงสัยจะทำยังไง แต่โชคดีที่ไม่มีใครสนใจ
คนที่เขียนชื่อเสร็จแล้วค่อยๆ ส่งกระดาษกลับมาทีละคน ผมหยิบกระดาษออกมาตรวจเช็กในมุมที่พวกเขาเห็น จากนั้นก็พับครึ่งแล้วโยนลงเข้าไปในกล่องแบบมั่วๆ
ไม่นานนักโทคิวะก็เดินมาด้วยท่าทางลำบากใจ
“อืม ฉันเองก็ไม่ได้อยากถูกจับได้เท่าไหร่ แต่ก็รู้สึกว่าถูกจับได้ก็ดี…แต่สุดท้ายมันก็ขึ้นอยู่กับดวงละนะ~ ขอฝากด้วยนะหัวหน้าห้อง!”
ก่อนจะจากไปเขาก็หัวเราะพร้อมกับพูดว่า “ถึงจะจับโดนฉันก็ไม่โกรธหรอก”
อา ช่างสมกับเป็นแรงก์ A เป็นคนที่ดีจริงๆ เดี๋ยวจะตอบแทนด้วยเลิฟคอมเมดี้ให้เอง ตั้งตารอเอาไว้ได้เลย
โทริซาวะเดินมาต่อและส่งแผ่นกระดาษให้เงียบๆ แล้วเดินกลับไป
บางทีเขาอาจจะคิดว่ายังไงก็ช่าง ไม่ก็ถูกเลือกจริงๆ ค่อยจัดการก็ได้ ผมอ่านใจเขาไม่ได้เลย ทั้งๆ ที่ไม่ได้ทำอะไรเป็นพิเศษแท้ๆ ทำไมถึงได้หล่อเซ็กซี่จังนะ ถ้าเกิดเป็นแบบนี้ต้องมีเลิฟคอมเมดี้ได้เท่าที่ต้องการแน่ๆ น่าอิจฉาชะมัด
ขณะที่กำลังคิดเรื่องเหล่านี้อยู่ คัตสึนุมะกับเหล่าผู้ติดตามที่เป็นคนต่อไปก็ได้มองมาที่ผม
“ถ้าจับโดนฉัน แกตายแน่”
จ้าๆ ผมไม่เลือกคุณ เพราะงั้นผมไม่ตายหรอกจ้า~ อย่าให้ผมต้องเล่นมุกที่เก่าเกินกว่าใครจะเข้าใจได้ไหม [1]
“ทุกคนช่วยอย่าโกรธผมเลยนะ มาสนิทสนมในฐานะเหยื่อด้วยกันดีกว่าเนอะ”
ในระหว่างที่กำลังพูดออกไปแบบสบายๆ ผมก็รีบจัดการกับกระดาษอย่างรวดเร็ว
คนสุดท้ายก็คือคุณคิโยซาโตะ
“ต้องมาเล่นบทโดนเกลียดแบบนี้คงลำบากแย่สินะนากาซากะคุง แต่ถ้าฉันถูกจับได้เธอต้องถูกปรับนะ”
เอ๊ะ! ถ้างั้นก็หมายความว่าเราถูกปรับแน่ๆ น่ะสิ!
จากฟังที่พูดแล้ว ดูเหมือนว่านางเอกหลักจะไม่ยอมให้ผมเลือกเธอได้ฟรีๆ สินะ…
คุณคิโยซาโตะเหลือบมองมาที่ผม แล้วก็เดินจากไปพร้อมกับรอยยิ้ม
“จะเขย่าละนะ”
หลังจากพูดเสร็จ ผมก็เอามืออุดที่รูของกล่องและเขย่าขึ้นลงซ้ายขวาจนกระดาษกระเด้งไปมาเสียงดัง
หลังจากเขย่าไปได้สักพัก กล่องก็ถูกวางไว้บนโต๊ะคุณครูดัง ตึง
ผมค่อยๆ ปรับท่าทางตัวเอง จากนั้นก็แสดงทำหน้าจริงจังราวกับกำลังจะกล่าวเรื่องสำคัญ
ห้องเรียนเกิดความตึงเครียด
—เริ่มได้!
“จะหยิบขึ้นมา 3 ใบนะครับ!”
ผมยืดหลังตรง จากนั้นก็ยกมือขวาขึ้นและล้วงเข้าไปในกล่องทันที ผมกวนกระดาษกรอบแกรบอยู่พักหนึ่งแล้วก็หยุด
หลังจากทำซ้ำไป 3 ครั้ง ผมก็ดึงมือออกมาจากรูอย่างรวดเร็ว
“ทั้ง 3 คนมีดังนี้!”
ผมคลี่กระดาษด้วยมือขวาทีละแผ่น จากนั้นก็ชูมันขึ้นต่อหน้าทุกคนให้มองเห็นได้ชัด
“คนที่ 1 โทคิวะ เออิจิคุง!”
“ยะฮู้! โดนจับได้แล้ววว!”
โทคิวะส่งเสียงโห่ร้องด้วยความยินดี ปฏิกิริยาจะขัดแย้งคนอื่นไปไหม
“คนที่ 2 คุณคิโยซาโตะ เมย์!”
“…อะ งั้นเหรอ นี่ฉันถูกเลือกสินะ”
คุณคิโยซาโตะพูดด้วยสีหน้าลำบากใจ ผมขอโทษ รับรองว่าผมจะจ่ายค่าปรับคืนให้แน่ๆ
“คนที่ 3 โทริซาวะ คาเครุคุง!”
“…เห?”
โทริซาวะยกมุมปากขึ้นด้วยใบหน้าเยือกเย็น พวกหนุ่มหล่อแค่ยิ้มก็มีพลังทำลายล้างขนาดนี้แล้วเหรอเนี่ย
“คนที่ถูกเลือกก็คือ 3 คนนี้! ช่วยปรบมือให้กับสมาชิกที่เป็นตัวแทนให้พวกเราทุกคนด้วยครับ!”
คราวนี้เสียงปรบมือได้ดังสนั่นเต็มห้องเรียน ท่าทีของทุกคนสลับขั้วเนื่องจากเพิ่งผ่านพ้นอันตรายมาได้
“—มันน่าสงสัยไม่ใช่เหรอ สมาชิกก็แปลกๆ ทำไมเออิจิกับเมย์—”
เมื่อเหลือบมองไปที่คัตสึนุมะ ผมก็ได้เห็นเธอยื่นคอกระซิบกระซาบบางอย่างกับผู้ติดตามตัวเองด้วยความเคลือบแคลง
ว่าแล้ว ดูเหมือนว่าเธอจะสังเกตเห็นความผิดปกติบางอย่างในการคัดเลือกตัวแทนครั้งนี้สินะ
สำหรับคนมีเซนส์ด้านมนุษยสัมพันธ์กับคนในห้องแล้วคงไม่แปลกเท่าไหร่ที่จะมองเห็น ว่าคนที่ถูกเลือกโดยบังเอิญนั้นที่จริงแล้วมีเพียงคนที่ผมคัดไว้แล้วเท่านั้น
แต่อย่างไรก็ตามพวกเขาก็ไม่ใช่คนที่ได้รับผลกระทบโดยตรง ถ้าเกิดไปสงสัยเรื่องการปลอมแปลงฉลากแล้วถูกบอกว่า “อยากจะจับใหม่ไหมครับ” เขาก็คงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องหุบปาก
ผมรีบพูดต่อไปเพื่อตัดจบการสนทนา
“ถ้าอย่างนั้น คนที่ถูกคัดเลือกให้เป็นตัวแทนห้องกรุณาไปรวมตัวกันในห้องโถงเบียคโกะหลังเลิกเรียนวันจันทร์หน้าด้วยนะครับ สำหรับคนที่ติดกิจกรรมชมรมก็ไปแจ้งคุณครูที่ปรึกษาตาม—”
ไม่มีใครแสดงการคัดค้านออกมาอย่างโจ่งแจ้งจนกระทั่งผมพูดจบ
ด้วยเหตุนี้ พร้อมๆ กับการป่าวประกาศเลิกเรียน ชัยชนะของผม—ไม่สิ ชัยชนะของ “โปรเจกต์” ก็ได้รับการยืนยัน
◆
“นากาซากะ ขอเวลาสักหน่อยได้ไหม”
ไม่นานหลังจากโฮมรูมสั้นจบ ทุกคนก็เริ่มแยกย้ายกันไปทำกิจกรรมชมรมไม่ก็กลับบ้าน
ในขณะที่ผมกำลังเก็บกล่องฉลากไปไว้หลังโต๊ะคุณครู โทริซาวะก็ปรากฏตัวออกมา
“อ๊ะ โทริซาวะ เรื่องที่นายต้องเป็นตัวแทนห้องนี่ต้องขอโทษด้วยนะ”
“ไม่เป็นไรๆ เรื่องนั้นฉันไม่คิดมากหรอก ก็มันทำอะไรไม่ได้นี่ ยังไงมันก็แค่ฟลุ้คถูกจับฉลากได้ใช่ไหมล่ะ”
พูดเสร็จ เขาก็ทำหน้าเหมือนมันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้
…คิดไปเองรึเปล่า ว่าเขาเน้นตรงคำว่าฟลุ้คแบบแปลกๆ
ถึงจะรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ค่อยดี แต่ผมก็รีบจัดระเบียบอย่างรวดเร็วเพื่อไม่ให้แสดงความกังวลใจ
เอาเป็นว่าต้องรีบทำให้เรื่องนี้จบให้ได้…
“ฉันก็แค่อยากจะตรวจสอบเรื่องหนึ่งน่ะ”
ทันทีที่ผมวางมือลงบนกล่องฉลากที่อยู่บนโต๊ะคุณครู โทริซาวะก็กล่าวออกมา
ตึกตัก หัวใจของผมเต้นไม่เป็นจังหวะ
“ตรวจสอบ?” ผมเอียงหัวออกไปด้วยใบหน้าไร้เดียงสา
“—ฉันขอดูฉลากพวกนี้หน่อยได้รึเปล่า”
อึก ผมกลืนน้ำลาย
โทริซาวะยิ้มอย่างมีเลศนัย
มะ…ไม่จริงใช่ไหม! อย่าบอกนะว่าเขารู้—ไม่ๆ เรายังไม่ได้ทำอะไรผิดพลาดไปแบบโจ่งแจ้ง เพราะงั้นเรายังไม่ถึงฆาต
“…เอ่อ อย่าบอกนะว่าโทริซาวะเองก็สงสัยฉัน”
“เห~ หมายถึงอะไรเหรอ”
“ก็ดูเหมือนว่าจะมีบางคนบอกว่าฉันพยายามโกง—”
พูดได้
ก่อนหน้านี้คัตสึนุมะกับคนอื่นๆ ก็พูด ดังนั้นผมจึงพร้อมที่จะถูกสงสัยเอาไว้แล้ว แทนที่จะให้โดนพูดใส่ สู้พูดออกไปเองแม้ว่าจะถูกสงสัยเลยดีกว่า
โทริซาวะพูด “อย่างนี้นี่เอง” ออกมาด้วยท่าทางน่าสนุกและยื่นมือขวาออกมาข้างหน้า
“ถ้างั้นก็คุยกันง่ายเลย ขอดูหน่อยได้ไหม พอดีที่นั่งฉันอยู่ไกลก็เลยมองชื่อไม่ค่อยชัดน่ะ”
เห็นได้ชัดว่าโกหก จากข้อมูลที่ผมมีอยู่สายตาของโทริซาวะอยู่ที่ 2.0
“อะ…ฮ่าๆๆ ไม่มีคนชื่อเดียวกันอยู่สักหน่อย ฉันไม่อ่านผิดไปหรอก”
“ถ้างั้นแค่ขอตรวจสอบนิดหน่อยก็คงไม่เป็นไรใช่ไหมล่ะ”
“…อ๊ะ นายคงจะสงสัยว่าฉลากเป็นของปลอมใช่ไหม ต่อให้นายไม่ตรวจสอบฉันก็รับรองได้ว่ามันเป็นของจริ—”
“เอาน่าๆ อย่าพูดงั้นงี้เลย ก็แค่แบมือขวานั่นออกมาก็พอแล้วไม่ใช่รึไง”
พูดเสร็จเขาก็ชี้นิ้วไปที่กำปั้นของผม
…บัดซบ
นี่จะหนีไปไม่ได้จริงๆ ใช่ไหม
“…”
“มีอะไรผิดปกติเหรอ”
“…………เข้าใจแล้ว”
พูดเสร็จผมก็ค่อยๆ แบมือออก
โทริซาวะหยิบฉลากที่มีชื่อของเขาเขียนอยู่
“ไหนดูซิ…”
หัวใจของผมเต้นถี่
—ขอร้องเถอนะ ขอร้องเถอนะ อย่าเห็นเลยนะ
จะมาแพ้ตอนนี้…ด้วยเรื่องพรรค์นี้ไม่ได้!
“…หืม”
ความเงียบราวกับชั่วนิรันดร์
มือซ้ายที่อยู่ในกระเป๋าของผมกำลังกำแน่น
“…………เป็นไงบ้าง……”
เนื่องจากทนไม่ได้แล้ว ผมจึงถามเขาออกไปอย่างระมัด—
“อื้ม ดูเหมือนว่านี่จะเป็นลายมือฉันเองแหละ”
—สำเร็จ!
“………พอใจแล้วใช่ไหม……”
“อื้ม ฉันผิดเองแหละ ทำให้นายตกใจไปรึเปล่า”
“น่าๆ ไม่เป็นไรหรอก ขอโทษนะที่ดวงของฉันทำให้นายซวยไปด้วยน่ะ”
“ก็บอกแล้วไงว่าไม่เป็นไร เอาเป็นว่าฉันจะตั้งตารอนะ ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นต่อจากนี้”
โทริซาวะตบไหล่ซ้ายของผมเบาๆ และเดินจากไป
เฮ้อ เอาตัวรอดไปได้แล้วสินะ… คนฉลาดนี่มันจะน่ากลัวไปแล้ว กับหนุ่มหล่อมากความสามารถนี่คลายความระมัดระวังไม่ได้เลย
“นี่ๆ มีอะไรเกิดขึ้นกับโทริซาวะคุงน่ะ”
“ก็…เอ๊ะ คุณคิโยซาโตะ?”
ก่อนจะรู้ตัว คุณคิโยซาโตะที่น่าจะพูดคุยอยู่กับเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอยู่ก็ปรากฏตัวออกมาข้างๆ
เธอถือกระเป๋านักเรียน และมีไม้เทนนิสสะพายห้อยอยู่บนหลัง ดูเหมือนว่ากำลังอยู่ระหว่างเดินไปทำกิจกรรมชมรม
“ดูเหมือนว่าเขาจะอารมณ์ดีกว่าปกตินะ มีอะไรน่าสนใจเกิดขึ้นรึเปล่านะ”
คุณคิโยซาโตะแหงนตามองมาหาผม
ไม่เป็นไรแล้วล่ะครับ ตอนนี้พลังชีวิตของผมฟื้นขึ้นมาแล้ว
“ฮะๆๆ นั่นน่ะสิ สงสัยเขาจะเริ่มมองซ้อมเชียร์ดีขึ้นแล้วละมั้ง”
“โอ้ ที่ร็อกๆ นั่นสินะ ฉันได้ยินมาจากรุ่นพี่ในชมรมน่ะว่าที่นั่นอย่างกับสปาร์ตัน”
หลังจากพูดเสร็จ คุณคิโยซาโตะก็ได้ทำแก้มพอง
“แต่ฉันไม่ค่อยถูกกับเรื่องพวกนี้ด้วยสิ… บู มาให้ฉันปรับซะดีๆ เลยนะ”
“เอ่อ ขอโทษครับ…”
ถ้าเป็นเงินผมจะจ่ายให้เองครับ จะจ่ายให้ทุกบาททุกสตางค์เลยครับ เพื่อเลิฟคอมเมดี้แล้วได้โปรดยกโทษให้ผมด้วยเถอะนะครับ
อ๊ะ แต่หน้าบึ้งแบบนี้ก็แหล่มเหมือนกัน… ไอ้แพทเทิร์นที่โกรธแล้วทำแก้มพองแบบนี้มันยอดเยี่ยมไปเลยไม่ใช่รึไง นางเอกหลักนี่ไม่ทำให้ผิดหวังเลย ช่างสมกับเป็นตัวละครสองมิติโดยกำเนิดจริงๆ
“แต่ยังไงก็ต้องมีคนทำอยู่ดีเพราะงั้นคงช่วยไม่ได้ละนะ เดี๋ยวมันก็จบ เพราะงั้นมาพยายามให้เต็มที่แล้วก็ผ่านมันไปให้ได้กันเถอะ!”
คุณคิโยซาโตะกำมือทั้งสองข้างพร้อมกับลุกเป็นไฟ
ขนาดท่าทางก็ยังสมกับเป็นนางเอก น่ารักอะ♥
“โอ้ ถ้างั้นฉันไปชมรมแล้วน้า! เจอกันพรุ่งนี้!”
“อ-อื้ม ขอให้โชคดีกับกิจกรรมชมรมนะ”
สุดท้ายเธอก็ก้าวเดินอย่างร่าเริงออกจากห้องเรียนไปด้วยรอยยิ้ม
ณ ตรงจุดนั้นได้เต็มไปด้วยกลิ่นดอกซากุระ
_____
[1] ล้อเรื่อง “101 ตื๊อรักนายกระจอก” ซีรีส์โรแมนซ์ในตำนานสุดเก่าของญี่ปุ่น ซึ่งประโยคที่โคเฮย์ล้อเลียนก็คือประโยคเด็ดที่พระเอกใช้พูดกับนางเอกว่า “ผมจะไม่ตาย เพราะผมรักคุณ”