[LN] ใครกันที่เป็นคนตัดสินว่าผมมีเลิฟคอมเมดี้ในชีวิตจริงไม่ได้ - ตอนที่ 7
คิโยซาโตะ เมย์ “นางเอกหลัก”
ปี 1 ห้อง 4 เลขที่ 10 สังกัดชมรมเทนนิส เกิดวันที่ 2 เมษายน เรียน ม.ต้น ที่โรงเรียนอาคากาวะซึ่งอยู่นอกจังหวัดและมีเปิดหลักสูตรทั้ง ม.ต้น-ม.ปลาย แต่เนื่องจากการทำงานของพ่อแม่ เมื่อเข้าเรียนชั้น ม.ปลาย เธอจึงต้องย้ายเข้ามาในเมืองเคียวโกคุ ปัจจุบันเวลาไปโรงเรียนเธอต้องเดินทางมาจากบ้านที่อยู่ทางตอนตะวันออกเฉียงเหนือของเมือง
สูง 160 ซม. มีผมดำเรียบเป็นทรงบ็อบยาวถึงไหล่และมักจะถูกมัดเอาไว้เมื่อออกกำลังกายเช่นตอนทำกิจกรรมชมรม
ดวงตากลมโต ขนตาเรียวยาว มีไฝอยู่ที่ใต้ตาขวา จมูกกับปากเล็กกะทัดรัดและถูกจัดวางไว้อย่างจิ้มลิ้ม นอกจากนี้รูปร่างของเธอก็ยังดูดีและอ่อนนุ่มราวกับว่าไม่ใช่การเจริญเติบโตของเด็ก ม.ปลายปี 1 จนทำให้ทั้งการจัดอันดับ “สาวน่ารักปี 1 แห่งเคียวนิชิ” และ “สาวปี 1 ที่อยากได้เป็นแฟน” ของเธอนั้นนำที่ 2 ไปถึงเท่าตัว
รูปลักษณ์ของเธอดูเป็นกุลสตรีดุจดั่งยามาโตะนาเดชิโกะ [1] แต่ก็ยังร่าเริงสดใสและเป็นนางฟ้าที่ใจดีกับทุกคน เธอเป็นคนอารมณ์ดีและมีคำศัพท์ที่ใช้ในการพูดคุยมากมายทำให้เมื่อเจอส่วนที่ตลกของเลิฟคอมเมดี้เธอก็สามารถตอบสนองได้โดยทันที
เธอเป็นสมาชิกของชมรมเทนนิสมาตั้งแต่สมัย ม.ต้น และมีประสบการณ์ในการเข้าร่วมการแข่งขันประเภทเดี่ยวระดับประเทศมาแล้ว แถมในวิชาภาษาญี่ปุ่นเธอก็ยังได้คะแนนสูงจนติดท็อปอันดับ 5 ของสายศิลป์ด้วย
ความนิยมในหมู่ผู้ชายของเธอนั้นสูงเฉียดฟ้า แถมไม่เพียงแค่ปี 1 แต่เหล่ารุ่นพี่ก็ยังโดนเธอตกจนเข้ามาเป็นแฟนคลับอีกต่างหาก ในเรื่องประสบการณ์ด้านผู้ชายของเธอยังไม่เป็นที่ประจักษ์ แต่ดูเหมือนว่าเธอจะยังไม่มีแฟนที่เปิดเผยตัวตนต่อสาธารณะ อย่างน้อยๆ ก็มีข้อพิสูจน์แน่ชัดว่าเธอไม่ได้มีแฟนหลังจากขึ้น ม.ปลาย
เธอนั้นเป็นคนที่เข้ากับเพื่อนร่วมชั้นได้ดีแต่ก็ไม่ได้สังกัดอยู่กับกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ต่อให้มีคนชวนเธอไปเที่ยวเล่นที่ไหนเธอก็มักจะใช้กิจกรรมชมรมมาปฏิเสธ แถมแม้แต่ในชมรมเองเธอก็ยังไม่ได้เข้าร่วมกับกลุ่มใดๆ และดำเนินความสัมพันธ์แบบราบเรียบมาจนบัจจุบัน
งานอดิเรกของเธอก็คือการอ่านหนังสือ ประเภทหนังสือที่เธอชอบอ่านก็คือนิยายสืบสวนและสารคดี ในทางกลับกันเธอก็ไม่ได้อ่านนิยายบันเทิงจำพวกนิยายรักและไลท์โนเวลเลย
ตอนอยู่ที่บ้านเธอมักจะสวมชุดนอนและอาบน้ำก่อนกินข้าว ยาสีฟันที่ชอบใช้จะเป็นหลอดสีเขียวรสมินต์ ความกังวลใจของเธอล่าสุดก็คือหลังจากทำกิจกรรมชมรมแล้วผิวกับมือจะหยาบกระด้าง เคสสมาร์ตโฟนที่เธอชอบใช้จะเป็นเคสแบบมีฝาพับ ในกระเป๋าเครื่องสำอางของเธอจะมีลิปบาล์ม แผ่นระงับกลิ่น และครีมทามือเก็บไว้ตลอดสำหรับพร้อมใช้
ผลการจัดแรงก์—รูปลักษณ์ภายนอก A ,ความสามารถพื้นฐาน A ,นิสัย A ,พฤติกรรม A ,ทักษะเข้าสังคม A
ผลประเมินความเข้ากันได้กับเลิฟคอมเมดี้ในปัจจุบัน—S ตำแหน่งที่ถูกยืนยันแล้วก็คือ “นางเอกหลัก”
จบข้อความที่ตัดตอนมาจากบันทึกมิตรภาพ
“…สุดๆ ไปเลยนะนายเนี่ย”
อุเอโนะฮาระพูดพึมพัมออกมาขณะหรี่ตา อนึ่ง ข้อมูลตั้งแต่หน้าที่ 3 เป็นต้นไปเป็นของเธอคนนั้นทั้งหมด
“ว่าไง เห็นถึงความเป็นสองมิติของเธอคนนั้นแล้วใช่ไหมล่ะ”
“ไม่ เรื่องของเธอคนนั้นมันก็อีกเรื่อง แต่ปริมาณข้อมูลและเนื้อหาของเอกสารพวกนี้มันบ้ามาก”
“ความจริงแล้วฉันก็อยากจะรู้รายละเอียดตอนช่วง ม.ต้น ด้วยอะนะ แต่ดูเหมือนว่าการหาข้อมูลจากนอกจังหวัดมันจะยากเกินไป…”
“ขนาดนี้แล้วยังไม่พออีกเหรอเนี่ย…”
อุเอโนะฮาระส่ายหัวพร้อมกับจับหน้าผาก เป็นท่าที่มักเห็นตามโฆษณายาแก้ปวดหัว
“จะว่าไป ถ้าเกิดมาจากนอกจังหวัดแล้วนายไปรู้จักเธอได้ยังไงเหรอ เห็นบอกว่าจะเข้าห้องเดียวกันก็แปลว่านายต้องรู้จักเธอมาก่อนเข้าเรียนแล้วใช่ไหมล่ะ”
“อา ครั้งแรกที่ฉันได้เห็นเธอคนนั้นคือตอนช่วงสอบเข้าน่ะ เธอรู้ใช่ไหมว่าห้องที่ใช้สอบมันจะแบ่งไปตามภูมิภาค ดังนั้นคนที่มาจากนอกจังหวัดหรือโรงเรียนห่างๆ ก็จะถูกมัดรวมไว้ในห้องเดียวกันหมด”
อย่างไรก็ตาม ที่นั่งของผมอยู่ห่างจากเธอในแนวทแยง ดังนั้นเราก็เลยไม่สามารถคุยกันได้
“รู้ไหม ตอนที่เธอคนนั้นเข้าห้องสอบมาบรรยากาศมันเปลี่ยนไปหมดจนเผลอสงสัยว่า ‘เอ๊ะ นี่เรากำลังอยู่ในสถานที่ออดิชันไอดอลรึเปล่า’ แล้วทุกคนก็ลืมข้อสอบเงยหน้าขึ้นมามองเธอกันหมดเลยนะ”
“…นั่นสินะ ระดับผู้หญิงคนนั้นแล้วก็ไม่แปลกใจเลย”
“อืม… เอ๊ะ? รู้จักกันด้วยเหรอ”
“เปล่าหรอก แค่เคยเห็นจากไกลๆ น่ะ หลังจากอ่านนี่แล้วชื่อกับรูปลักษณ์ก็เข้ากันพอดี”
อุเอโนะฮาระเคาะเอกสารที่ถืออยู่ในมือ
“ที่จริงแล้วก็มีข่าวลือในห้องของฉันอยู่ด้วย ว่าในห้อง 4 มีสาวสวยสุดยอดอยู่”
“ขนาดอันดับ 7 ก็ยังคิดแบบนั้นเลยสินะ”
“เธอคนนั้น—แทนที่จะเรียกว่าคนปกติฉันว่าคงเหมือนกับดาราดังมากกว่า อ้อ แล้วก็ครั้งต่อไปที่นายเรียกว่าอันดับ 7 อีกฉันจะแจ้งตำรวจล่ะ”
บนจอสมาร์ตโฟนที่ยกขึ้นมามีคำว่า “Emergency call” ด้วยเว้ยเฮ้ย!
ผมรูดซิปปากเพราะกลัวว่าเธอจะทำตามที่กล่าว อุเอโนะฮาระจิบมิลค์เชคแล้วก็พูดต่อ
“งั้นที่นายบอกว่าจะให้เธอคนนั้นเป็นนางเอกหลักก็เพราะว่าเธอสวยมากใช่ไหมล่ะ”
“ไม่ แค่เพราะดูดีเฉยๆ มันไม่ได้ทำให้เธอคนนั้นกลายเป็นนางเอกหลักได้ สิ่งที่สำคัญเหนือกว่านั้นก็คือพฤติกรรมแล้วก็นิสัย ซึ่งตรงจุดนั้นเธอได้แสดงศักยภาพออกมาแล้วตอนที่สอบเข้า”
“ศักยภาพ?”
ผมนึกถึงฉากในตอนนั้น—แล้วก็ตัดสินใจเล่าเรื่องราวทั้งหมด
“ฉันคิดว่ามันน่าจะเป็นตอนประมาณ 10 นาทีก่อนสอบเสร็จนะ… ตอนนั้นเด็กสาวที่นั่งข้างโต๊ะคุณคิโยซาโตะได้ถูยางลบอย่างรุนแรงเลยล่ะ ดูเหมือนว่าจะกาพลาดไปทั้งคอลัมน์อะไรทำนองนั้น จากนั้นก็ทำยางลบตกพื้น”
ดูเหมือนว่าเธอจะรีบร้อนไปหน่อยก็เลยกะแรงผิดไป ตอนหลังจากยางลบตกลงมาก็เลยกลิ้งไปไกลพอสมควร
“เด็กสาวคนนั้นดูจะร้อนรนอย่างเห็นได้ชัดเลยล่ะ ทั้งที่ความจริงแล้วควรจะบอกผู้คุมสอบแต่เธอก็เอาแต่นั่งนิ่งอยู่ตรงนั้น”
อย่างไรก็ดี เวลาสอบเสร็จก็ได้เข้ามาใกล้เรื่อยๆ หากปล่อยให้เป็นอย่างนี้กรณีที่เลวร้ายสุดคือเธอสอบตก ผมรู้เลยว่าสิ่งที่เรียกว่าจิตใจว่างเปล่ามันเป็นยังไง
“ตรงนั้นแหละที่คุณคิโยซาโตะเริ่มลงมือ เธอหยิบยางลบสำรองออกมาทำอะไรอยู่สักพักแล้วก็ส่งไปให้เด็กสาวคนนั้น พอเด็กสาวคนนั้นได้รับมันไปก็กำยางลบแน่นแล้วรีบกลับไปทำข้อสอบต่อ”
เรื่องหลังจากนั้น เด็กผู้สาวคนนั้นก็ได้กลับมามีสมาธิจนในที่สุดก็ทำข้อสอบเสร็จในตอนสุดท้าย
การเปลี่ยนแปลงของเธอหลังจากได้ยางลบไปมันน่าทึ่งมากจนผมใคร่รู้ ดังนั้นหลังจากการสอบผมเลยเข้าไปคุยกับเธอเพื่อถามว่ามันเกิดอะไรขึ้น
“ ‘ใจเย็นๆ ไม่เป็นไรนะ’ ตรงยางลบมันมีข้อความแบบนี้เขียนเอาไว้ เมื่อได้เห็นแบบนี้ผู้หญิงคนนั้นก็เลยสงบสติอารมณ์ได้ ทั้งที่หากถูกพบเข้าเธอคนนั้นอาจจะถูกตัดสิทธิ์”
นอกจากการกระทำนั้นมันจะไม่ได้มีประโยชน์ต่อคุณคิโยซาโตะแล้ว มันยังเป็นการกระทำอันตรายที่เต็มไปด้วยความเสี่ยง
เมื่อได้เห็นเธอยอมทำเพื่อคนแปลกหน้าโดยไม่คำนึงถึงตัวเองขนาดนั้นผมก็มั่นใจโดยทันทีว่า
“ถ้าเกิดเป็นผู้หญิงใจดีที่ช่วยคนอื่นได้โดยทันทีแบบนี้ละก็… เธอจะต้องคู่ควรกับการเป็นนางเอกหลักในแผนการของฉันแน่ๆ นั่นคือสิ่งที่ฉันคิด”
สำหรับผมการเชื่อสัญชาตญาณโดยไม่อิงข้อมูลแบบนี้นับเป็นอะไรที่หายาก… แต่ผมก็แน่ใจว่าไม่ได้ตัดสินใจผิด ความเชื่อมั่นแบบนันมันเกิดขึ้นอย่างน่าประหลาด
อันที่จริงแล้วความรู้สึกนั้นไม่ใช่การเข้าใจผิดหรอก เพราะหลังจากที่ได้สืบสวนภายหลังตัวเลขที่ได้ออกมามันก็ตรง หลังจากนั้นแผนการที่มีเธอเป็นนางเอกหลักก็ได้กลายมาเป็นแผนการในปัจจุบัน
“เอ้า! ที่นี้ก็รู้แล้วใช่ไหมว่าทำไมฉันถึงอยากจะได้เธอคนนั้น”
ผมมองหน้าอุเอโนะฮาระอย่างมีชัย
แต่…เธอกลับเอาแต่ฟังอยู่เงียบๆ ด้วยสีหน้าที่ซับซ้อน
“เป็นอะไรเหรอ หรือว่าจะมีเรื่องอะไรกวนใจอยู่”
อุเอโนะฮาระส่ายหัวเพื่อตอบคำถามของผม
“เปล่า ไม่มีอะไรหรอก ฉันแค่กำลังคิดเรื่องอื่นอยู่น่ะ”
“เรื่องอื่น?”
“ก็…นากาซากะเอาแต่จ้องสิ่งนั้นอยู่ตลอดการสอบเลยใช่ไหมล่ะ อย่าบอกนะว่าที่จริงแล้วนายฉลาด”
“เฮ้ย! สุดท้ายเธอก็ยังวกกลับมาด่าฉันได้อีกเรอะ ฉันเก็งข้อสอบมาถูกก็เลยเวลาเหลือต่างหากเฟ้ย”
“ว่าแต่ผลสอบเข้าของนายได้ที่เท่าไหร่”
“ฮะ? อันดับ 10 อยู่หลังจากเธอไป 2 อันดับน่ะ ขอโทษด้วยล่ะ”
“…เอาจริงดิ ห่างแค่นั้นเองเหรอเนี่ย”
เอ๊ะ? สายตากำลังเลื่อนลอยอยู่ เอ๊ะ? สติหลุดสุดๆ ไปเลยนี่หว่า
ในขณะที่ผมกำลังรู้สึกยากอธิบาย อุเอโนะฮาระก็ได้ดื่มมิลค์เชคจนหมดแล้วก็พูดต่อไป
“ว่าแต่นายก็ยังอุตส่าห์กล้าไปสารภาพรักกับผู้หญิงแบบนั้นอีกนะ จะเรียกว่ามุทะลุดีหรือว่าน่าเวทนาดีกันนะ”
“หมายความว่ายังไงที่น่าเวทนา ความจริงต่อให้ถูกปฏิเสธใน ‘อีเวนต์สารภาพรัก’ ไปก็ไม่เป็นไรหรอก”
“เอ๊ะ? โดนปฏิเสธแล้วมีความสุขเหรอ หรือว่านายจะเป็น M”
“เอ้า จะขอเมินคำด่านั่นไปละกัน ในกรณีของเธอคนนั้น ถ้าเกิดฉันไม่สร้างอีเวนต์อะไรให้เอาไว้บ้าง ให้ตายฉันก็ไม่มีทางหลุดพ้นจากการเป็น ‘เพื่อนร่วมชั้น A’ แน่ แต่ถ้าเกิดเปิดเรียนมาแค่ 2 สัปดาห์แล้วถูกเด็กหนุ่มที่นั่งข้างโต๊ะสารภาพรักเลยยังไงเธอก็ต้องนึกถึงเขาใช่ไหมล่ะ”
อันที่จริงแล้วคนที่พยายามเข้าใกล้คุณคิโยซาโตะทุกครั้งที่มีโอกาสนั้นก็มีอยู่ไม่น้อย แม้แต่ในห้องเรียเราเองก็ยังมีหลายกลุ่มโดยเฉพาะพวกเจ้าชู้พยายามชักชวนเธอออกไปเที่ยวตลอด
จนปัจจุบันคุณคิโยซาโตะก็ยังไม่เคยออกไปเที่ยวเล่นกับใครเลย ดังนั้นถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยสมเหตุสมผลแต่ผมก็คิดว่าควรจะจัดอีเวนต์ดราม่าเพื่อพัฒนาความสัมพันธ์กับเธอไปอีกขั้น
โหว เมื่อได้ฟังคำตอบของผมอุเอโนะฮาระก็ได้เปล่งเสียงอุทานที่หายากออกมา
“ฉันเข้าใจแล้ว ก็คือนายตั้งเป้าไว้ว่าจะถูกปฏิเสธตั้งแต่แรก ‘ถึงจะเป็นแฟนกันไม่ได้แต่ถ้าเป็นเพื่อนกันล่ะ’ ที่เขาเรียกกันว่า Door-in-the-face [2] สินะ“
“โอ้! รู้ดีเลยนี่นา มันไม่แย่เลยใช่ไหมล่ะ”
“แต่สถานการณ์นั่นมันก็น่าขยะแขยงอยู่ดีไม่ใช่รึไง ไอ้การที่เรียกขึ้นไปบนชั้นดาดฟ้าด้วยจดหมายนั่นมันดูชัดเจนเกินไปชัดๆ แถมยังเขียนชื่อจริงตัวเองลงบนกวีแบบเงอะๆ งะๆ ไปหย่อนในตู้รองเท้าอีก ถ้าเกิดเป็นฉันคงรู้สึกอายมากจนไม่กล้าออกไปข้างนอกแล้วล่ะ”
“พูดออกมาแล้วสินะ! ออกมานี่เลย ฉันจะทำให้ร่างของเธอโชกไปด้วยเลือดจนต้องร้องขอชีวิตเอง!”
ผมซดกาแฟเย็นเข้าปากด้วยความโมโห จากนั้นรสชาติที่เจือจางของน้ำแข็งที่ละลายก็ได้พวยพุ่งเข้าหน้าผม ตอนมิลค์เชคเองก็พลาดไปทีแล้ว อันนี้ก็ยังมาพลาดอีก เดี๋ยวคราวหน้าผมจะสั่งกาแฟร้อนแล้ว
—จากนั้นอุเอโนะฮาระก็ถอนหายใจและวางเอกสารลงบนโต๊ะแล้วก็พูดเบาๆ
“…ให้ตายสิ มัวทำอะไรอยู่ตั้งนานกันนะตัวฉัน พอมาลองค่อยๆ คิดแล้วนี่มันแปลกชัดๆ”
“เฮ้ย หยุดหาเรื่องด่า—”
ฉันได้แล้ว เมื่อผมกำลังพยายามทักท้วง ปากของอุเอโนะฮาระก็ได้โค้งยิ้มออกมาเล็กๆ
“ใช่แล้ว… นี่ฉันกำลังทำเรื่องบ้าอยู่จริงๆ ด้วยสินะ”
สีหน้าของเธอตอนพูดมันไม่ได้มีอารมณ์ร่วมมาก
แต่บางทีคงเพราะเมื่อเทียบกับตอนปกติท่าทางของเธอมันดูมีความสุขมากกว่าเดิม คำพูดของผมมันจึงหายไปโดยไม่ได้ตั้งใจ
ฉาด อุเอโนะฮาระตบเข่าตัวเองจากนั้นก็ลุกขึ้นยืน
“ชักจะเหนื่อยที่ต้องมาคุยเรื่องจริงจังแล้วสิ งั้นเดี๋ยวฉันไปเอาของหวานมาเติมก่อนล่ะ”
“นี่เธอยังกินไม่อิ่มอีกเรอะ!?”
“เอ๊ะ? เห็นอย่างนี้ฉันก็อดกลั้นเอาไว้อยู่นะ”
“มีแต่ปริมาณของหวานที่เธอกินเท่านั้นแหละที่เหมือนกับสาวสองมิติ!”
อย่ามาสร้างคาแรกเตอร์โดดเด่นแปลกๆ อย่างไร้ความหมายแบบนี้สิ!
เชิงอรรถ
[1] ยามาโตะนาเดชิโกะ เป็นคำที่ใช้กล่าวถึงคุณลักษณะของกุลสตรีญี่ปุ่นในอุดมคติ อาทิ รูปลักษณ์งาม มารยาทงาม มีความอ่อนน้อมถ่อมตน แต่ก็ยังมีความเข้มแข็งดุจดั่งดอกนาเดชิโกะที่ทั้งงดงามและทนร้อนทนหนาว ส่วนคำว่ายามาโตะนั้นมาจากชื่อของเก่าของประเทศญี่ปุ่น
[2] Door-in-the-face เป็นเทคนิคการยื่นข้อเสนอที่ไม่มีใครยอมรับได้ก่อน เปรียบเสมือนกับการปิดประตูอัดหน้าคนที่เข้ามา จากนั้นก็ค่อยๆ แง้มประตูยื่นข้อเสนอที่ใหญ่รองลงมาดู ซึ่งบางครั้งข้อเสนอนั้นอาจจะแย่กว่าที่อีกฝ่ายตั้งเป้าไว้ตอนแรกก็ได้ แต่เพราะว่าเคยเจอข้อเสนอที่ไม่สมเหตุสมผลมาแล้วก็เลยอาจจะคิด ‘อย่างน้อยๆ ก็ดีกว่าอันก่อน’ แล้วรับข้อเสนอนั้นไป