[LN] ใครกันที่เป็นคนตัดสินว่าผมมีเลิฟคอมเมดี้ในชีวิตจริงไม่ได้ - ตอนที่ 30
“ไม่จริงใช่ไหม นี่มันไม่ใช่เรื่องจริงใช่ไหม”
อุเอโนะฮาระยกมือทั้งสองข้างขึ้นปิดหน้าและพูดออกมาอย่างรวดเร็ว แต่เท่านั้นดูจะยังไม่พอ ดังนั้นเธอจึงได้เดินวนไปวนมารอบๆ อย่างลุกลี้ลุกลน
อนึ่ง ในตอนนี้ผมกำลังอยู่ท่านั่งคุกเข่าล่ะ พื้นบนดาดฟ้านี่มันช่างเย็นสุดๆ
“อ๊ะ พอมองๆ ดูแล้วบทพูดของคุณมันดูสมกับเป็นซึนเดเระดีนะครับ ผมว่าเสียงของ คุณคุกิ〇ยะ [1] ดูจะเหมาะกับคุณดีนะ”
“ใครบอกให้นายพูดได้ ห๊ะ!?”
“ขอประทานอภัยด้วยครับ”
เสียงน่ากลัวเกินไปแล้ว โคตรน่ากลัวเลย
“ฉันรู้ ฉันรู้อยู่แล้วว่านายมันบ้าตั้งแต่หัวจรดเท้า… แต่ฉันไม่คิดว่านายจะ… นายจะทำให้คนอื่นอับอายขายขี้หน้าได้แบบนี้”
“ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริงๆ เลยนะครับ”
“เดี๋ยวฉันจะเย็บนายแน่ ทางกายภาพน่ะ”
“x”
ผมรีบปิดปากเมื่อได้พบเจอกับคลื่นแห่งเจตนาฆ่า อุเอโนะฮาระถอนหายใจจนน่าจะเกินครั้งที่ 100 จากนั้นก็ตบแก้มตัวเองแปะๆ
“…อับอายไปทั้งชีวิตแน่ๆ นี่มันเลวร้ายยิ่งกว่าโดนเห็นตอนโป๊อีก”
ขนาดนั้นเลยเหรอ… ในขณะที่ผมกำลังเงี่ยหูฟังเงียบๆ อุเอโนะอาระก็ได้ถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วก็บ่น
“…นี่นายน่ะ ทำไมถึงต้องมาทำเรื่องอะไรโง่ๆ แบบนี้ด้วยล่ะ”
“…หือ?”
“นายไม่เห็นมีเหตุผลที่ต้องทำแบบนี้เพื่อรั้งฉันเอาไว้สักนิด ยังไงซะฉันมันก็เป็นคนธรรมดาที่ไม่ควรมาเกี่ยวข้องกับเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว”
อุเอโนะฮาระเบนสายตาไปจากผม
“จะ ‘นางเอก’ หรือ ‘ตัวละครหลัก’ ก็ไม่ใช่ เดิมทีแล้วใช่ว่าจะขาดฉันไปไม่ได้ด้วย… ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมนายถึงต้องดึงฉันเข้ามาร่วมในแผนการแบบนี้”
จากนั้นอุเอโนะฮาระก็ได้ทำสีหน้าดูไม่สบายใจ
“นากาซากะ…นายต้องการอะไรจากฉัน”
—ต้องการอะไรเหรอ
ผมลุกขึ้นยืน และปรับลมหายใจ
“…อย่างแรก อีเวนต์นี้ไม่ใช่สิ่งที่ฉันสามารถสร้างขึ้นมาด้วยตัวเองได้ แต่มันเป็นเลิฟคอมเมดี้ที่ฉันสร้างขึ้นเพราะว่าเธอเป็นคนริเริ่ม”
ฟู่ว์ ผมถอนหายใจแล้วก็พูดต่อ
“เดิมทีแล้วฉันมันก็เป็นพวกไร้ประโยชน์นั่นแหละ ทำอะไรก็ทำไม่ค่อยดี ใจปลาซิว เจออะไรหน่อยก็เริ่มคิดอะไรไม่ออกและล่กไปหมด”
ผมนั้นมีข้อบกพร่องหลายเรื่อง
ซ้ำยังมีสิ่งที่มองข้ามไปเยอะมาก
“นั่นเป็นเหตุผลที่ในแผนการของฉันต้องมี ‘ตัวละคร’ ที่ชื่อ ‘ผู้สมรู้ร่วมคิด’ ที่ทั้งใจเย็นรอบคอบ มีเหตุมีผล คอยตบมุกใส่เป็นครั้งคราว และคอยช่วยเหลือไอ้บ้าตัวพ่ออย่างฉัน นั่นแหละคือสิ่งที่ฉันคิด”
“…”
อุเอโนะฮาระมองมาที่ผม
ดวงตาแดงซีดของเธอได้เปล่งประกายท่ามกลางอาทิตย์อัสดง จนราวกับจะเค้นสิ่งที่อยู่ในใจของผมออกมา
“ด้วยเหตุนี้ฉันจึงต้องการให้เธอมาเป็น ‘เพื่อนสมัยเด็ก’ ของฉัน สำหรับเลิฟคอมเมดี้ เขาเป็นตัวตนที่สนิทกับตัวเอกยิ่งกว่าใคร รู้จักตัวเอกลึกซึ้งยิ่งกว่าใคร ‘ตัวละคร’ ที่คอยช่วยเหลือทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง และในบางครั้งก็คอยเตือนสติไม่ให้วิ่งหนี… นั่นแหละก็คือเพื่อนสมัยเด็ก”
ผมจ้องไปที่ดวงตาคู่นั้นตรงๆ
หลังจากสูดหายใจเข้าไปลึกๆ ผมก็ได้พูดออกมาอย่างชัดเจน
“อุเอโนะฮาระ อายาโนะ เป็นตัวละครพิเศษที่มีแค่ในเลิฟคอมเมดี้ของฉันเท่านั้น เพราะงั้นหลังจากนี้เธอจะช่วยสนับสนุนฉัน—สนับสนุนแผนการของฉันอยู่ข้างๆ ได้ไหม”
ทันใดนั้นสายลมก็ได้พัดกรรโชกผ่านดาดฟ้า
ม่านตาของอุเอโนะฮาระได้สะท้อนกับอาทิตย์ยามเย็น จากนั้นเธอก็ค่อยๆ หลับตาลง
—ความเงียบได้ผ่านไปนานจนราวกับชั่วนิรันดิ์
จากนั้นอุเอโนะฮาระก็—
“……………………เฮ้อออออออ~”
—ถอนหายใจออกมาทีเดียวยาวๆ อย่างดูหงุดหงิดใจ
…หือ อะไรน่ะ
ปฏิกิริยาที่คิดเอาไว้มันไม่ใช่แบบนี้นี่
“…รู้อะไรไหมนากาซากะ”
“…อะไรล่ะ”
“นายนี่มันโครตบ้าตัวพ่อเลยล่ะ”
“ไหงงั้น!?”
ล้อเล่นใช่ไหม!?
ทั้งที่มันเป็นฉากชักชวนที่สมบูรณ์แบบแล้วแท้ๆ
“พอแล้ว ขยะแขยง ขยะแขยงสุดๆ ไอ้บทสนทนานี้มันคืออะไรกันน่ะ เล่นเอาซะขนลุกซู่ไปหมด”
“วะ ว่าไงนะ!?”
“จู่ๆ ก็มาเล่าอดีตให้ฟังในสถานที่แบบนี้ แถมยังหลงไปกับบรรยากาศซึ่งมันเลวร้ายสุดๆ อีกทั้งเนื้อหาสำคัญซึ่งเป็นหัวใจหลักมันยังจืดชืดและโคตรน่าเบื่ออีก”
“จืดชืดเรอะ!? นี่แธอพูดว่าจืดชืดเรอะ!? นี่มันเป็นตอนที่น่าตื่นเต้นที่สุดในประวัติศาสตร์เลยนะรู้ไหม!?”
“แล้วไงล่ะ นายรู้หรือเปล่าว่าพวกเราไม่ได้แก้ไขปัญหาอะไรจริงๆ เลยน่ะ ‘ขอแค่เป็นเพื่อนสมัยเด็กทุกอย่างก็จบ’ มันไม่มีการผ่อนปรนอย่างไร้เงื่อนไขแบบนั้นหรอก อย่างแรก มันไม่ได้เปลี่ยนภาพลักษณ์เรื่องที่ว่าฉันเป็นพวกน่ารำคาญได้เลยสักนิด แถมยังทำให้สถานการณ์ซับซ้อนขึ้นด้วยซ้ำ นายจะรับผิดชอบได้ไหม อย่าคิดว่าจะหนีไปจากการรับผิดชอบได้เชียวนะ”
อุเอโนะฮาระโจมตีผมรัวๆ อย่างไร้อารมณ์จนราวกับปืนกล
อะ อะไรกันฟะ! จู่ๆ ก็กลับไปเป็นเหมือนเดิมซะอย่างนั้น!
ผมตอกกลับไปอย่างสั่นสะท้านราวกับว่าไม่อยากเป็นคนแพ้
“ธะ เธอนี่มันช่าง… โว้ย นี่แหละเหตุผลที่เธอเป็นมือสมัครเล่น! ถ้ามัวแต่บ่นถึงขนาดนี้เธอไม่มีทางมีเลิฟคอมเมดี้ได้แน่ๆ!”
ผมกระทืบพื้นอย่างหงุดหงิด
บัดซบ อุตส่าห์ว่าจะจบแบบจริงจังในตอนสุดท้ายแท้ๆ พังไปหมดแล้ว! นี่มันฉากจบแบบการ์ตูนแก๊กชัดๆ!
ในขณะที่ผมกำลังโกรธเคืองอยู่ในใจ อุเอโนะฮาระก็ได้เดินแต่กๆ ไปยังทางออกดาดฟ้าราวกับว่าไม่อยากต่อปากต่อคำ
—และในตอนนั้นเอง
“เอาจริงๆ นะ… นากาซากะนี่ช่างขาดสามัญสำนึกตั้งแต่ต้นจนจบเลยล่ะ”
วาจาหยาบคายของเธอได้ถูกพ่นออกมาด้วยใบหน้าเรียบๆ และไร้อารมณ์เหมือนเคย
แต่มีสิ่งที่ต่างกันอยู่เรื่องหนึ่ง
“แต่ก็นะ… ยังไงซะมันก็ไม่มีประโยชน์ที่จะไปพูดกับพวกบ้าตัวพ่อตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ถ้าเกิดฉันปล่อยให้นายทำอะไรโดยไม่จำเป็น ตำแหน่งทางสังคมของฉันก็คงจะป่นปี้พอดี และต่อให้ฉันปล่อยนายทิ้งไว้ตามลำพัง บางทีเดี๋ยวพวกเราก็คงมาเกี่ยวพันกันอยู่ดี—”
นั่นก็คือเสียงของเธอดูราวกับกำลังเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข
และสีหน้าที่ผมได้เห็นหลังจากหรี่ตามองพระอาทิตย์ย้อนแสงนั้น—
“นายจะว่าอะไรไหม—ถ้าเกิดฉันจะขอเล่นกับความบ้าของนายไปอีกสักพัก”
ก็คือสิ่งที่ผมเพิ่งเคยพบเห็นเป็นครั้งแรก
รอยยิ้มที่มีความสุขราวกับเด็กเล็กๆ
_____
[1] ล้อ คุกิมิยะ ริเอะ นักพากย์ญี่ปุ่นที่มักจะพากย์แต่ตัวละครซึนเดเระและเสียงมีเอกลักษณ์มาก นอกจากนี้ยังเป็นคนพากย์จตุรเทพเตี้ยแบนซึนในตำนานด้วย