Immortal and Martial Dual Cultivation - ตอนที่ 323 ของที่เป็นของข้าท้ายที่สุดก็จะกลับมาหาข้า
- Home
- Immortal and Martial Dual Cultivation
- ตอนที่ 323 ของที่เป็นของข้าท้ายที่สุดก็จะกลับมาหาข้า
ตอนที่ 323 ของที่เป็นของข้าท้ายที่สุดก็จะกลับมาหาข้า
มีผู้กล้าหลายคนนําเข้าโจมตี จากนั้นเหล่าผู้มีพรสวรรค์คนอื่นๆก็ติดตามเข้ามา
อาวุธนี่รุ่งโรจน์และฉีฆ่าฟันมากมายถูกยิงออก มา,ประดาเข้ามาจากทั่วทิศทาง
มุมปากของเซียวเฉินยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเย็นชา เขากล่าวด้วยน้ําเสียงหนักแน่น “ช่างกล้า! ความแข็งแกร่งไม่เท่าไหร! โจมตีเข้ามาแค่ไหนก็ได้ความหาย!”
“หวาขุยเปลี่ยนรูปฉี!”
เซี่ยวเฉินร้องตะโกน, และต้นหรูขุยศึกสิทธิ์โบราณปรากฏขึ้นมาจากความว่างเปล่า มันเปลี่ยนกลายเป็นเส้นกระบี่ฉีสีม่วง,บินไปรอบๆ
“เครั้ง! เครั้ง! เครั้ง!”
กระบี่ฉีสีม่วงปะทะเข้ากับอาวุธฉีมากมายที่ลอยเข้ามา เสียงระเบิดดังกึกก้องพร้อมกับกระบฉีหนา แน่นสลายอาวุธฉีมากมาย จากนั้น มันบินไปที่ฝูงชนโดยที่พลังของมันไม่ได้ลดลงแม้แต่น้อย
มีอาวุธฉีสองสามเส้นที่ลอดผ่านเข้ามาได้ เซียวเฉินกวัดแกว่งกระบี่ของเขา,กระบี่แสงวูบไหว,ป้องกันเอาไว้ได้อย่างง่ายดาย
เซายวเฉินยืนอยู่บนปากหม้อโดยไม่ไหวนิ่ง เขาดูสบายใจอย่างเหลือเชื่อ ทักษะกระบี่ที่ผสมผสานกับสภาวะแห่งสายฟ้าไม่ใช่สิ่งที่คนพวกนี้จะป้องกันเอาไว้ได้
กระบี่ฉีสีม่วงที่น่าหวาดกลัวทําให้กลุ่มคนสับสนแตกตื่นในทันที กระบีจีทะลวงผ่านเกราะปราณจํานวนมาก พวกเขาได้บาดแผลลึกเลือดไหล
เซี่ยวเฉันคิ้วขมวด เขารู้สึกได้ผ่านสัมผัสวิญญาณของเขา,มีสามคนที่กําลังบินเข้ามาจากด้านหลังของเขา พวกเขาเผยเจตนาฆ่าฟันออกมา พร้อมกับอาวุธชี้ตรงมาที่หลังของเซี่ยวเฉิน
“ทะลวงฉีหรูขุย!”
พลังงานสีม่วงที่หลงเหลืออยู่ในอากาศมารวมตัวกันที่กระบี่เงาจันทร์ในทันที เซียวเฉินหมุนตัวกลับและฟันลงด้วยกระบี่ของเขาด้วยความเร็วดุจสายฟ้า
“ปะ ปะ ปะ!”
มีเสียงคมชัดดังขึ้นสามครั้ง กระบี่ทะลวงของเซี่ยวเฉินทําลายอาวุธของคนทั้งสาม
พลังงานในกระบี่ระเบิดออกมาไม่หยุดหย่อน เซียวเฉินร้องตะโกน,และกระบี่แสงสีม่วงก็ระเบิด
คลื่นกระแทกซัดคนทั้งสามลอยออกไป:พวกเขาหน้าซีดกระอักเลือด
เซี่ยวเฉินถือกระบี่ของเขาและยืนอย่างภาคภูมิ เขามีสีหน้าที่เคร่งขรึมพร้อมกับกล่าวอย่างเฉยเมย “พวกเจ้าสามารถหยิบสมบัติลับตามพื้นออกไปได้ตามใจ แต่อย่าหวังกับหม้อมังกรฟินิกซ์ใบนี้ มิฉะนั้น,เจ้าต้องผ่านกระบี่ของข้าไปก่อน”
กระบี่ที่น่าทึ่งของเซียวเฉินทําให้ทุกคนตกตะลึง พวกเขาหยุดมือจากสิ่งที่กระทําทั้งหมด และสถานการณ์ก็ตกสู่ความเงียบ
“ช่างโอหัง! ข้า,หงหยุนต์,จากแคว้นหนานหลิง,อยากจะรู้ว่าดจ้าจะแกร่งถึงเพียงใด” เสียงดูหมิ่นดังขึ้นจากฝูงชน ผู้บ่มเพาะพลังในชุดคลุมขาว,ถือดาบยาว 2.33 เมตร,กระโดดออกมาจากฝูงชน
ดาบของหงหยุนตู้ส่งดาบแสงออกมาพร้อมกับเขาเคลื่อนผ่านไปในอากาศ ร่างของเขาดูราวกับไม่มีตัวตน,และการเคบื่อนไหวของเขาไม่อาจคาดเดา ในระยะเวลาสั้นๆ,เขาส่งดาบจีนับร้อยไปที่เซี่ยวเฉิน
หมอกเมฆปรากฏขึ้นที่ด้านข้างของหงหยุนตู้ คนผู้นี้บรรลุสภาวะแห่งเมฆา ไม่น่าแปลกใจที่ทักษะกระบี่ของเขาจะดูเหมือนไร้ตัวตน เขามีความคล้ายคลึงกับมู่หลงชง
สีหน้าของเซียวเฉินไม่เปลี่ยน ทันมดนั้นสายฟ้าปรากฏขึ้นรอบกายของเขา,สาดแสงไปในโรงหลอมขนาดใหญ่แห่งนี้ บางครา,จะมีสายฟ้าแตกเสียงออกมา
เมื่อเซี่ยวเฉินมองไปยังดาบแสงนับร้อยเล่มตรงหน้าของเขา เขาไม่ได้ตื่นตกใจ เขาป้องกันตัวเองด้วยกระบี่ของเขาและใช้จังหวะนั้นเริ่มเคลื่อนไหว
ในตอนแรกผู้อื่นสามารถเห็นความรวดเร็วของเซี่ยวเฉิน อย่างไรก็ตาม,ผ่านไปครู่หนึ่ง,ความเร็วค่อยๆเพิ่มขึ้น ในไม่ช้า,เขากลายเป็นรวดเร็วจนไม่เห็นแม้แต่ภาพติดตา
“เครั้ง! เครั้ง! เครั้ง! เครั้ง!”
เสียงอาวุธปะทะดังสะท้อนไปภายในโรงหลอม ฝูงชนมองเห็นเพียงดาบและกระบี่ฉีลอยปะทะกัน พวกมันเกิดระเบิดรุนแรงเป็นคลื่นในอากาศ
ภายในหมู่เมฆนับพัน,ร่างของหงหยุนตู้ดูเหมือนจะไร้ตัวตน อย่างไรก็ตาม,ความกังวลเริ่มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา
เป็นเพราะหงหยุนตู้พบว่า ตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้,เซียวเฉินได้ชิงความได้เปรียบในการต่อสู้ไป,เขาคือผู้ที่ตกเป็นฝ่ายป้องกัน
คู่ต่อสู้ของหงหยุนตู้เห็นชัดว่ายืนอยู่ตรง จุดเดิมตั้งแต่เริ่มเขาไม่แม้แต่จะได้ก้าวขยับ แต่อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเขาจะลงมือทีหลัง,แต่เขากลับกดกระแสพลังของหงหยุนตู้เอาไว้ได้อย่างสมบูรณ์
กระบี่ของคู่ต่อสู้ของหงหยุนตู้เร็วขึ้นและเร็วขึ้น เขารู้สึกว่ามันยิ่งป้องกันได้ยากขึ้น
เม็ดเหงื่อแตกผลักบนหน้าผากของเขา ร่างที่ไร้ตัวตนของเขาเริ่มเผยช่องโหว่ออกมา
“ทลาย!”
แสงสว่างจ้าวูบไหวในดวงตาของเซียวเฉิน เขาร้องตะโกน,และแสงกระแสไฟฟ้ารุ่งโรจน์ปรากฏ ขึ้นบนกระบี่ของเขา
เชี่ยวเฉินบิดเอวและเหวี่ยงกระบี่ตรงไปข้างหน้า พลังงานอันแข็งแกร่งในแสงกระแสไฟฟ้าผลักกาบที่หงหยุนต์ใช้ป้องกันลอยออกไป
พลังของมันไม่ได้ลดลงแม้แต่น้อย มันทะลวงผ่านเกราะปราณของฝ่ายตรงข้ามได้อย่างง่ายดาย ทิ้งบาดแผลใหญ่เอาไว้บนหน้าอกของหงหยุนตู้
หงหยุนตู้ร้องออกมาอย่างน่าสังเวชและร่วงหล่นลงมาจากอากาศ เขาตกถึงพื้นด้วยความเจ็บปวด,สีหน้าของเขาซีดเซียวอย่างไม่น่าเชื่อ
“ความแข็งแกร่งของหงหยุนต้อยู่ที่ระดับขอบเขตนักบุญขั้นสูงสุด เขาค่อนข้างที่จะมีชื่อเสียงในแคว้นหนานหลิง กระนั้น เขายังไม่แกร่งพอที่จะทําให้เซี่ยวเฉินถอยกลับไปแม้แต่ก้าวเดียว” มีคนกระซิบขึ้น
“พวกเราสามพี่น้องต้องการหมอมังกรฟินิกซ์ใบนั้น! ไอ้เด็กเหลือขอจากศาลากระบี่สวรรค์,ลงมาซะ!” คนหนุ่มสามคนก้าวเข้ามาจากทางเดินอีกด้านหนึ่งของโรงหลอม
อาวุธที่พวกเขาทั้งสามคนใช้แตกต่างกันไป คนตรงกลางใช้ดาบที่ห้อยอยู่ตรงเอวของเขา;คนทางซ้ยแบกกระบี่ใหญ่,และคนทางขวาถือพับมือ
“สามคนนี้เป็นทายาทของตระกูลหลัวแห่งเมืองหลวง;พวกเขาเป็นพี่น้องเลือดเดียวกัน ตระกูลหลัวมีขุมอํานาจใหญ่ภายในเมืองหลวง ดูเหมือนว่าพวกเขาจะได้หม้อมังกรฟินิกซ์ใบนี้ไปแล้ว”
“อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่าทั้งสามคนนั้นไล่ตามฉาวอวนไปเมื่อครู่?
ทําไมเขาถึงได้มาอยู่ที่นี่?”
“ใครจะไปรู้?
คอยระวังอยู่ห่างๆกันเถอะ,จากนั้นก็ใช้ความได้เปรียบในตอนที่ทั้งสองฝ่ายเหนื่อยล้า ในการต่อสู้เมื่อครู่ของเซียวเฉิน,เขาจะต้องใช้พลังออกไปอย่างเต็มที่แน่นอน เขาน่าจะเสียพลังปราณไปไม่น้อยแล้ว”
สามพี่น้องตระกูลหลัวก้าวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เมื่อพวกเขาอยู่ห่างออกไปหนึ่งร้อยเมตรจากหม้อมังกรฟินิกซ์,น้องสาม,เผยรอยยิ้มเหี้ยมโหดพร้อมกับกล่าว “สิ่งที่ข้าเกลียดที่สุดก็คือมีคนมองต่ําลง มาที่ข้า ลงมาซะ!”
หลังจากที่น้องสามกล่าวจบ,เขาก็เตะหม้อมังกรฟินิกซ์ที่สูงกว่าสิบเมตร ลูกเตะที่แบกพลังอันน่าหวาดกลัวซัดลงบนหม้อในทันที เสียงร้องดังกึกก้องภายในโรงหลอม
“เว้ง! เจ๋ง! เว้ง!”
เสียงสั่นสะเทือนแก้วหูและสะท้อนไปมาภายในหูของทุกคน หม้อมังกรฟินิกซ์สั่นสะเทือนไม่หยุด อย่างไรก็ตาม,ทั้งสามขาของมันไม่ขยับแม้แต่น้อย
กลับกัน,พลังลูกเตะสะท้อนกลับไปที่น้องสามแห่งตระกูลหลัว เป็นผลให้ขาของเขาด้านชา เขาพึมพําและกล่าว “เป็นไปไม่ได้ ลูกเตะเบาๆของข้าสามารถทะลวงกําแพงเมือง ทําไมหม้อพังๆนี่ถึงไม่ขยับ?”
เมื่อน้องหลัวสามจ้องมองไปที่เซียวเฉินที่อยู่บนปากหม้อ,เขาครุ่นคิดกับตัวเอง มันจะต้องเป็นฝีมือของเจ้าหมอนี่ เขากล่าวอย่างเกรี้ยวกราด “อีกครั้ง! ข้าไม่เชื่อว่าจะเตะเจ้าลงมาไม่ได้”
น้องหลัวสามร้องตะโกนและหมุนตัว 180 องศา จากนั้นเขาก็เตะออก สายลมจากลูกเตะทําให้อากาศต้องสั่นสะเทือน
“ก้อง…!”
ขาหม้อทั้งสามข้าจมลงไปและติดแน่นอยู่กับพื้นของโรงหลอม
พลังอันไร้ขอบเขตซัดลงบนพื้นที่โดยรอบ ในทันที,เป็นผลให้พื้นดินพังทลายและลอยขึ้นรอยๆหม้อมังกรฟีนิกซ์,พุ่งไปถึงเพดาน
น้องหลัวสามที่เพิ่งจะพุ่งเข้ามาไม่ได้มีเวลาให้ตอบสนอง คลื่นพลังซัดเขาลอยไปในอากาศ
“ปัง!”
เซี่ยวเฉินถือฝึกกระบี่เอาไว้ในมือซ้ายและตวัดมันอย่างรวดเร็ว ปลายของฝึกกระบี่ทะลวงผ่านซากปรักหักพังและแทงเข้าที่หน้าอกของน้องหลัวสาม
น้องหลัวสามกระอักเลือดออกมาเต็มคําและลอยกลับหลังไป สีหน้าของเขารีดขาว;เขาได้รับบาดเจ็บภายในสาหัส
“น้องสาม!”
พี่ใหญ่และพี่กลางอุทานขึ้นพร้อมกับรับตัวของน้องสาม พวกเขาไม่คาดคิดว่าเซียวเฉินจะทําเขาสาหัสได้ภายในกระบวณทาาเดียว
“เจ้ากล้าทําลายน้องสาม! ไม่มีใครช่วยเจ้าได้ในวันนี้!” พวกเขาทั้งสองชักอาวุธของพวกเขาออกมา,และเกิดสายลมรุนแรงขณะที่พวกเขากระโดดตรงไปที่เซียวเฉินพร้อมกับเจตนาฆ่าฟัน
“หวายุยสะเทือนสวรรค์!”
เซียวเฉินไม่สนใจไปวอแวกับพวกเขา เขาเพียงใช้ออกกระบวณท่าสังหารของทักษะกระบี่ หวี่ขุย ต้นหวี่ขุยศักดิ์สิทธิ์โบรางอกขึ้นมาในอากาศอย่างรวดเร็ว
มันราวกับภูเขาที่แบกพลังมหาศาล มันเต็มไปด้วยสภาวะแห่งสายฟ้าของเซียวเฉินขณะที่มันพุ่งขึ้นไปและร่วงหล่นลงมา
“ปัง!”
ต่อหน้าพลังอันเด็ดขาด,พวกเขาทั้งสองไม่อาจต้านทาน ต้นไม้ใหญ่ตกลงมาบนหัวของพวกเขา
ร่างของพวหเขาจมลงไปพื้นดินใต้เท้าของพวกเขา พลังปราณธาตุสายฟ้าที่บ้าคลั่งทะลวงผ่านร่างของพวกเขา,ทําให้พลังปราณของพวกเขาปั่นป่วน
เซี่ยวเฉินล้มสามพี่น้องลงได้อย่างง่ายดาย เป็นผลให้ฝูงชน,ที่กําลังรอฉวยโอกาสรู้สึกหวาดกลัว ผู้บ่มเพาะพลังที่ไล่ตามเซียวเฉินมายอมลามือ จากหม้อมังกรฟินิกซ์และถอยกลับไป แต่ผู้คนที่เข้ามาจากทางที่ตู้ฮาวใช้กลับท้าทายเขา
เซี่ยวเฉินไม่ได้รู้สึกหวาดกลัว เขาป้องกันด้านหน้าด้วยกระบีของเขาและยืนหยัดอย่างภาคภูมิ ผมของเขาปลิวไหวไปขณะที่เขายืนอยู่บนปากหม้อซัดผู้ท้าทายแต่ละคนลอยออกไปในกระบวณท่าเดียว
เซียวเฉินยืนอยู่บนปากหม้อมังกรฟินิกซ์และถือกระบี่เอาไว้ด้วยมือเดียว เขามองดูผู้มากพรสวรรค์คนอื่นๆภายในโรงหลอมด้วยใบหน้าไร้สี
จากนั้นเขาก็กล่าวอย่างเฉยเมย “ข้ายืนยันคําเดิม พวกเจ้าทําได้ตามที่ต้องการกับสมบัติลับที่อยู่บนพื้น,แต่ข้าต้องการหม้อมังกรฟินิกซ์ใบนี้”
มีคนประมาณห้าหรือหกสิบคนที่เข้ามาภายในซากนิกายหลี่เพลิง นอกจากส่วนน้อยที่ไล่ตามฉู่ฉาวอวิ๋นไป,คนอื่นได้มารวมตัวกันที่นี่แล้ว
หม้อมังกรฟินิกซ์เป็นหนึ่งในสิ่งสําเป็นที่ต้องใช้ในการหลอมสมบัติลับที่อยู่เบื้องหลังของทุกคน ที่นี่ต่างเป็นขุมอํานาจใหญ่ หากพวกเขาได้วิธีการสร้างสมบัติลับไป,มันจะเพิ่มขุมกําลังของพวกเขาในทันที
หม้อมังกรฟินิกซ์สําคัญมากสําหรับพวกเขา นี่เป็นเหตุผลว่าทําไมถึงได้มีคนเขามาท้าทายเซียวเฉินไม่หยุดหย่อน แม้ว่าจะต้องร่วงลงไป พวกเขาก็ไม่ยอมลามือ
ดูเหมือนว่าข้าจะต้องสังหารใครสักคนแล้ว,เซียวเฉินครุ่นคิดกับตัวเอง ทีแรกเขาวางแผนว่าจะเผิดใช้รองเท้ากาววายุในจังหวะที่เขาเอาหม้อมังกรฟินิกซ์ลงไปในแหวนห้วงจักรวาลได้
อย่างไรก็ตาม เซียวเฉินพบว่าไม่สามารถใส่หม้อมังกรฟินิกซ์ลงไปในแหวนห้วงจักรวาลได้ นี่ทําให้เซียวเฉินตั้งในแน่วแน่ครุ่นคิดหาวิธีที่จะถอนหม้อตัวฟินิกซ์ออกมา
สมบัติลับสามารถเก็บเอาไว้ในแหวนห้วงจักรวาลได้ แต่อย่างไรก็ตาม หากว่ามันใส่ลงไปไม่ได้ มันหมายความว่าหม้อมังกรฟินิกซ์มีพลังแห่งมิติ,ที่ขัดแย้งกับพื้นที่ภายในอหวนห้วงจักรวาล
นี่เป็นข้อพิสูจน์ว่าหม้อมังกรฟินิกซ์ใบนี้มีค่ามากอย่างยิ่ง ถึงแม้ว่ามันจะเป็นของปลอม บางทีตํานานอาจจะเป็นเรื่องจริง
“ให้ตาย! โจมตีพร้อมกัน! ข้าไม่เชื่อว่าพลังปราณของมันจะไม่มีวันหมด หลังจากสังหารมันได้แล้ว พวกเราค่อยตัดสินว่าใครจะได้หม้อมังกรฟินิกซ์ไป” หงหยุนต์ ผู้ที่ถูกเซียวเฉินล้มไปเมื่อก่อนหน้านี้,กล่าวออกมาอย่างเกรี้ยวกราด