Immortal and Martial Dual Cultivation - ตอนที่ 289 บาดเจ็บภายใน
ตอนที่ 289 บาดเจ็บภายใน
เมื่อชายชุดดํารู้สึกถึงพลังจากกําปั้นของเซี่ยวเฉิน,เขาตกตะลึงไปเล็กน้อยเซียวเฉินเผชิญหน้ากับฝ่ามือของเขาแต่ก็ไม่ได้ถูกดันถอยกลับ
ถอยไป! ชายชุดดําตะโกนขึ้นในใจของเขาพลังซ่อนเร้นออกมาจากฝ่ามือของเขาและส่งพลัง งานอันนาากลัวออกมาเซียวเฉินกระอักเลือดและถูกระเบิดถอยหลัง
“ฟุ ฟิว!”
ก่อนที่เซี่ยวเฉินจะบินได้มั่นคง,ชายชุดดําก็ส่งฝ่ามือที่สองออกมาแล้ว เขาไม่ปล่อยให้เซี่ยวเฉินมีเวลาได้ตั้งตัว
มือซ้ายของเซี่ยวเฉินตั้งท่ามังกรและมือขวาของเซี่ยวเฉินตั้งท่าพยัคฆ์ก่อนที่เขาจะไขว้แขน ของเขาพยัคฆ์และมังกรผสานเข้าในร่างของเขา นี่คือกระบวณท่าที่สามของหมัดพยัคฆ์มังกร – พยัคฆ์หมอบมังกรซ่อน!
พยัคฆ์หมอบมังกรซ่อนสามารถทนรับพลังได้ถึงสองหมื่นห้าพันกิโลกรัม เมื่อชายชุดดําซัดฝ่ามือเข้าใส่เซียวเฉิน,มันเขากับกําลังทุบลงใส่ขุนเขาเกิดเสียงดังสนั่นและพื้นดินสั่นสะเทือน
เซี่ยวเฉินไม่ลังเลเขารู้ว่าคนผู้นี้เล่นตุกติกและใช้พลังซ่อนเร้นบางอย่างโจมตีใส่เขาดังนั้น เขาจึงเคลื่อนกลับในทันทีอย่างรวดเร็ว
สลักร่างพยัคฆ์มังกรหมุนเวียนไปไม่หยุดด้วยการใช้พลังของพยัคฆ์หมอบมังกรซ่อน,เซี่ยวเฉินรวบรวมพลังงานต่อไปพยัคฆ์และมังกรที่ว่ายเวียนอยู่เหนือเขาดูสมจริงเป็นอย่างมาก พวกเขาขู่คํารามด้วยเสียงต่ําอย่างต่อเนื่อง
ชายชุดดําเผยรอยยิ้มขึ้นใต้หน้ากากของเขา เขากล่าว“ไม่เลว,เจ้ารับไปสองฝ่ามือแล้ว ยังเห ลืออีกหนึ่งฝ่ามือหากเจ้าสามารถรับได้เจ้าออกไปได้”
เชี่ยวเฉินยังคงนิ่งเงียบและมองดูชายชุดดําบินตรงเข้ามาทันใดนั้น,เขาร้องตะโกนและเสียงคํารามของพยัคฆ์มังกรดังออกมาจากจุดตันเที่ยนของเขา
มันราวกับเสียงฟ้าคําราม,ดังกึกก้องไปไม่หยุดหย่อนในที่สุด,พวกมันมันผสานเข้าด้วยกันและเปลี่ยนกลายไปเป็นกระแสพลังที่ทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าหมู่เมฆบนท้องฟ้าสลายไปในอดใจ
มังกรคํารามคลุมนภา,ทะยานสู่สวรรค์โดยไม่คาดคิด,สลักร่างพยัคฆ์มังกรของเซี่ยวเฉินทะ ลวงขึ้นสภาวะสูงสุดในจังหวะนั้นมันพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าและสลายหมู่เมฆหายไปในพริบตา
TL:มังกรคํารามคลุมนภา,ทะยานสู่สวรรค์เป็นกระบวณท่าที่สี่ของสลักร่างพยัคฆ์มังกรนะครับ ขอเปลี่ยนเป็นชื่อนี้แทน
เซียวเฉินชกหมัดออก,ปลดปล่อยพลังงานที่รวบรวมเอาไว้จากพยัคฆ์หมอบมังกรซ่อน อากาศราวกับถูกกําปั้นนี้เจาะทะลวงเสียงโซนิคบมดังสนั่นเป็นสายไม่หยุดหย่อน
อย่างไรก็ตาม,ฝ่ามือที่สามของชายชุดดําแข็งแกร่งกว่าสองฝ่ามือแรกอย่างมากถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ใช้พลังถึงเจ็ดส่วนล,แต่อย่างน้อยมันต้องมากกว่าห้าส่วน
“ปัง!”
เสียงดังกึกก้องสะท้อนไปทั่วทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่มันราวกับเป็นเสียงคํารามที่สามารถสลาย ขุนเขาเขย่านภา
ม้าที่อยู่ใกล้เคียงตื่นตระหนกและหวาดกลัวเสียงนี้ ครู่หนึ่ง,เสียงความวุ่นวายทั้งหมดประสานกันกลายเป็นโกลาหล
พลังหมัดของเซียวเฉินมากเกินกว่าที่ชายชุดดําคาดคะเนเอาไว้มากมันบรรจุพลัง 12,500 กิโลกรัม,ทําให้เขาถอยกลับไปสามก้าว
แต่ละก้าวที่ชายชุดดําถอยกลับไป,ทิ้งเป็นรอยเท้าลึกลงในดินพื้นปฐพี่สั่นสะเทือนและเป็นผลให้ทหารหลายคนตกลงจากหลังม้า
เซียวเฉินมีสภาพน่าอดสูยิ่งขึ้นไปอีก พลังซ่อนเร้นที่ชายชุดดําส่งออกมาน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง มัน ไหลเข้าไปตามเส้นปราณของเซียวเฉิน มันขัดขวางการไหลของพลังปราณของเขา
เซียวเฉินกระอักเลือดออกมาสามครั้งในอากาศและระเบิดลอยกลับไปกว่าร้อยเมตร หลังจา กนั้น,เขาตกลงบนพื้นอย่างแรกและกระอักเลือดออกมาอีกหนึ่งคํา
ความแตกต่างระหว่างระดับขอบเขตนักบุญขั้นต่ํากับระดับขอบเขตกษัตริย์ขั้นสูงสุดมันกว้างเกินไปถึงแม้ว่าข้าจะล้มระดับขอบเขตกษัตริย์ขั้นต้นอย่างเยวหมิงชานได้ มันก็ไม่ได้มีโอกาสในตอนที่เผชิญหน้ากับระดับขอบกษัตริย์ยุทธขั้นสูงสุด
พลังในการต่อสู้ของข้าในปัจจุบันเหนือกว่าระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธขั้นต้นข้าสามารถรับมือได้แม้กระทั่งระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธขั้นกลางแต่ถ้าหากข้าไปเจอเข้ากับระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธขั้นสูงสุด,ข้าควรถอยหนีให้ไว
เซียวเฉินครุ่นคิดกับตัวเองสามฝ่ามือนี้ทําให้เขาเข้าใจถึงความแข็งแกร่งของระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธขั้นสูงสุดมากขึ้น
เซี่ยวเฉินดีดตัวจากพื้นลุกขึ้นมายืนอีกครั้งเขากลืนเม็กยาหวนคืนโลหิตและจากนั้นก็ถามชายชุดดํา “ข้าจะขอถามชื่อของท่านได้หรือไม่?”
ชายชุดดําโยนกล่องที่ใส่หินวิญญาณออกมาและกล่าวอย่างเฉยเมย “ด้วยความแข็งแกร่งของ เจ้า เจ้าคู่ควรที่จะรู้ชื่อของข้า ชื่อข้าคือฉ่จวินนั้นคือหนึ่งแสนหินวิญญาณระดับต่ําและหนึ่งพันหิน วิญญาณระดับกลางรับและออกไปะอย่าได้กลับมาที่ทุ่งหญ้ามารอสูรอีกครั้ง”
เซี่ยวเฉินเช็ดเลือดที่มัมปากของเขา เขาเผยรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้าที่ซีดเซียว “ฉ่จขึ้นใช่หรือไม่? ข้าจะจดจําสามฝ่ามือนี้เอาไว้และจะเอามันกลับมาคืนท่านในอนาคต”
“สายฟ้าฉับพลันคําราม,กองทัพหมื่นอาชา!”
มันรู้ว่าตั้งแต่เมื่อใดมีหมู่เมฆดําจํานวนมากรวมตัวอยู่เหนือหัวของทุกคน หลังจากที่เชี่ยวเฉินตะโกนออกมา,สายฟ้าวูบไหวในความมืดและวังวนกระแสไฟฟ้าขนาดใหญ่ก่อตัวขึ้น
ทหารม้าไฟฟ้านับไม่ถ้วนทะลวงออกมาจากวังวนเซียวเฉินซ่อนตัวทากลางทหารม้าไฟฟ้าและ พุ่งไปที่ทหารม้าดําที่กําลังปิดล้อมเขาเอาไว้
“ปัง! ปัง! ปัง!”
ขณะที่พวกเขาลดการป้องกันลง,ทหารม้าไฟฟ้าพลุ่งพล่านทะลวงผ่านจุดอ่อนของวงล้อม
เซียวเฉินไม่ได้ต่อสู้ต่อไป หลังจากที่เขาทะลวงผ่านมาได้เขาทําให้ทหารม้าไฟฟ้าทั้งหมดระเบิดออกเพื่อเปิดทางให้กับเขา
หลังจากนั้น เขาเปิดใช้รองเท้าก้าววายุและใช้ ออกมังกรฟ้าเมฆาทะยานจนถึงขีดสุดความเร็วของเขาทะลวงกําแพงเสียงและมุ่งหน้าออกไปอย่างรวดเร็ว
ทหารม้าดําที่อยู่ในทิศทางอื่นๆ,รวมถึงส่วนหนึ่งที่อยู่บนท้องฟ้า,อยากที่จะไล่ตามเชี่ยวเฉินไปแต่จู่จวิ่นยกมือขึ้นหยุดพวกเขาเอาไว้
ชายสวมหน้ากากอีกคนหนึ่งถามขึ้น “ผู้บัญชาการบู่,ทําไมถึงไม่หยุดเขาเอาไว้?”
ฉ่จขึ้นกล่าวอย่างเฉยเมย “หยุดเขา? หยุดทําไม?เพื่อที่จะสังหารเขา? หรือเจ้าไม่เกรงกลัว ว่าค่ายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์จะมาโจมตีพวกเราอีกครั้ง?”
“อัจฉริยะเช่นนี้เหมือนกับมู่หลงชงในอดีตเขาจะต้องเป็นคนที่ศาลากระบี่สวรรค์ให้ความสนใจเป็นอย่างมากหากพวกเราสังหารเขาจะต้องมีโทษตามมา”
แสงสีม่วงกระพริบไหวและเชี่ยวเฉินเปลี่ยนกลายไปเป็นเงาสีม่วงเขาใช้พลังปราณออกมาโดยไม่อ้อมเอาไว้เขาเปิดใช้รองเท้าก้าววายุที่พลังสูงสุดและพุ่งทะยานไปกว่าสี่ชั่วโมงก่อนที่จะหยุดลง
เชี่ยวเฉินมองไปรอบๆและเผยสีหน้าอ่อนในตอนที่เขากําลังหนี,เขาไม่สังเกตเห็นว่าเขาได้หนีมาในทิศทางตรงกันข้ามกับศาลากระปสวรรค์
“ไม่เป็นไร,ข้าจะไม่คิดอะไรแล้วตอนนี้ข้าควรฟื้นฟูพลังตัวเองก่อนพลังงานของคนผู้นั้นจะดุ ร้ายเกินไปแล้วหากข้าเพิกเฉยและปล่อยให้มันอยู่ในร่างของข้าไปเป็นเวลานานมันจะน้องทิ้งอาการบาดเจ็บแฝงเอาไว้”
เซี่ยวไปยังพื้นที่เปลี่ยวและหยิบเอาหินวิญญาณระดับกลางออกมาจากนั้น,เขาเริ่มฟื้นฟู พลังปราณของเขา
เสี่ยวไปกระโดดออกมาจากหยกวิญญาณสีเลอดและยืนเฝ้าที่ด้านข้างของเซียวเฉิน มันช่วยไล่สัตว์อสูรวิญญาณดุร้ายที่เข้ามาป้วนเปี้ยนรอบๆมันทําให้เซี่ยวเฉินสามารถจดจ่อไปกับการรักษาตัวและฟื้นฟูพลังปราณ
พลังงานจิตวิญญาณอันมหาศาลภายในหินวิญญาณระดับกลางเทเข้าไปในร่างของเซี่ยวเฉิ นอย่างรวดเร็วเขาได้ใช้พลังปราณไปมากในตอนที่หนีออกมาหากว่าเขาไม่ฟื้นฟูพลังปราณกลับไปสู่สภาพสูงสุดมันจะไม่ง่ายที่จะใช้พลังปราณรักษาอาการบาดเจ็บของเขา
ดังนั้น เพื่อที่จะรักษาอาการบาดเจ็บสิ่งแรกเขาต้องฟื้นฟูพลังปราณขึ้นมาทั้งหมดในขั้นตอนเริ่มแรก,เขาจําเป็นต้องใช้เวลาทั้งคืนเพื่อที่จะดูดซับพลังงานทั้งหมดจากหินวิญญาณระดับกลาง
ตอนนี้เขาต้องการเวลาเพียงสี่ชั่วโมงเพื่อดูดวังพลังงานทั้งหมดจากหินวิญญาณระดับกลาง อย่างไรก็ตามเป็นเพราะเขาบาดเจ็บในตอนนี้,ความเร็วของเขาช้ากว้าตอนปกติ
เซี่ยวเฉินใช้เวลาหกชั่วโมงเพื่อที่จะขับพลัง ซ่อนเร้นของชายชุดดําออกไปจากร่างของเขา ในตอนที่พวกมันพลถูกขับออกไปทั้งหมด,เซี่ยวเฉินก็รู้สึกผ่อนคลายในทันที
เมื่อเซี่ยวเฉินมองขึ้นไป, ท้องฟ้ามืดสนิทแล้วเขาตัดสินใจที่จะตลเดินทางต่อในตอนกลางคืนจากนั้นเขาก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะล้มความคิดที่จะใช้เรือสงครามสีเงิน
เรือสงครางสีเงินมันเตะตากลเกินไป,มันง่ายดายที่จะเป็นการเผยตัวตนของเขา ที่เมืองไปสุ่ย,มีคนมากมายเห็นว่าเขาใช้เรือสงครามสีเงินหากเขาถูกพบตัว,มันจะเป็นปัญหา
ตระกูลชั้นสูงยังไม่ล้มเลิกในการตามหาเซียวเฉินตลอดการเดินทางครั้งนี้ ทดลกเมืองที่เขาผ่าน,เขาสามารถเห็นภาพเหมือนของเขาแปะอยู่
เซียวเฉินพักอยู่ไม่นานนักก่อนที่จะพุ่งทะยานกลับไปในทิศทางที่ถูกต้อง เสี่ยวไปตามติดมาข้าง หลัง,มันไม่ได้เชื่องช้าไปกว่าเซี่ยวเฉิน
หลังจากนั้นเซียวเฉินไม่พบอุปสรรคอะไรอีกตลอดทางของเขาการเดินทางที่เดิมที่ต้องใช้เวลาห้าวันลดกลายเป็นสามวันจากการช่วยเหลือของรองเท้าก้าววายุ
เมื่อเซี่ยวเฉินมองเห็นเขตเทือกเขาหลิงหยุน,ความรู้สึกไม่สบายใจของเขากลายเป็นรุนแรงยิ่งขึ้นจะต้องมีอะไรเกิดขึ้นกับคนที่เขาเป็นห่วงเป็นใยมิฉะนั้น,มันคงไม่เกิดความรู้สึกรุนแรงเช่น
ในห้องของซ่งเฉวที่ยอดเขาซื้อวิ่น,เสียงฝีเท้าเร่งรีบดังขึ้นมาให้ได้ยินบานประตูเปิดออกกระแทกเสียงดังปัง
ซ่งเชียนเหอเร่งรีบกล่าวขึ้น “ท่านพ่อ,ข้าได้รับข่าวมาเย่เฉินอยู่ห่างจากศาลากระบี่สวรรค์ไปเพียงสี่ชั่วโมง
ไอ้ตัวนซ่งเฉวที่อยู่บนเตียงลืมตาตื่นขึ้นเจตนาฆ่าฟันหนาแน่นวูบไหวเขากล่าว“ส่งสัญญาณให้กับมือสังหารของคฤหาสน์หิมะล่องลอยหลังจากนั้น,ทําเป็นไม่รู้ไม่ชี้ไปซะตราบใดที่มันตกตายอยู่ภายนอกศาลากระปสวรรค์,มันจะไม่เป็นปัญหากับพวกเรา”
ในตอนที่ซ่งเฉวได้รับข่าวที่ว่าเยวหมิงชานถูกสังหารโดยเซียวเฉิน,เขาตกตะลึงถึงขีดสุดเขาไม่คาดคิดว่าเซี่ยวเฉินจะสังหารระดับขอบเขตกษัตริย์ขั้นต้นเยวหมิงชานลงได้
นอกจากนั้น,เยวหมิงชานที่ระวังตัวอยู่เป็นนิสัยมันยิ่งทําให้ซ่งเฉวรู้สึกว่าถูกคุกคาม เจ้าเด็กนี่ แข็งแกร่งขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
หากซ่งเฉวรอให้เซียวเฉินขึ้นสู่ระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธ,ชีวิตของเขาจะตกอยู่ในอันตรายโดยเฉพาะที่ตอนนี้เขาเหลืออยู่แขนเดียว
ดังนั้น ก่อนที่เชี่ยวเฉินจะได้เติบโต,ต้องสังหารเขาลงเสียมิฉะนั้นหากเขาจะหาจังหวะลงมีออีกในอนาคต
มันจะยิ่งเป็นการยาก
ตลอดทางขึ้นไปบนเทือกเขา,เซี่ยวเฉินมองไปที่ยอดของเทือกเขาหลิงหยุนทันใดนั้นเขาก็หยุด เท้าลงเพราะเขารู้สึกได้ถึงร่องรอยฉีฆ่าฟัน
เซียวเฉินส่งสัมผัสวิญญาณออกไปในทันที เขาพบระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธสี่คนที่ดักซุ่มอยู่ตรงข้ามทางในทันทีเซียวเฉินคิ้วขมวดเล็กน้อยและวางมือขวาของเขาลงที่ด้ามกระบี่เงาจันทร์ในทันที
ที่จริงแล้วพวกเขาเป็นคนของคฤหาสน์หิมะล่องลอย,เซี่ยวเฉินคิดออกในตอนที่เขามองเข้าไปที่ทั้งสี่คนใกล้ๆไม่สงสัยว่าทําไมพวกมันถึงได้กล้าที่จะลงมือที่ใต้เทือกเขาหลิงหยุน
เซียวเฉินรู้สึกเกรี้ยวโกรธในทันที เขาเป็นกังวลอย่างมากเช่นกันแม้ว่าเขาจะรู้คนที่อยู่เบื้องหลัง,เขาก็ไม่คาดคิดว่าจะมาซุ่มโจมตีถึงตรงนี้
คนที่รู้การเคลื่อนไหวของเขาเป็นอย่างดีและมั่งคั่งพอที่จะจ้าวระดับขอบเขตกษัตริย์มาลอบสัง หารเขา จะเป็นใครไปไม่ได้อีกนอกจากซ่งเฉว
ให้ตาย! จะต้องหาโอกาสสังหารมันให้ได้มิฉะนั้น, เขาจะสร้างปัญหาให้กับข้าไม่จบไม่สิ้นเชี่ยวเฟแอนคิดอย่างเย็นชาในใจ
เมื่อทั้งสี่คนที่ซุ่มตัวอยู่เห็นว่าเซี่ยวเฉินทันใดนเนก็หยุดเท้าลง พวกเขารู้ว่าพวกเขาถูกพบตัวเข้าให้แล้วพวกเขาไม่ลังเลที่จะชักดาบออกมา
“ชี! ชี!”
ดาบฉีหนาแน่นสี่เส้นทะลวงผ้าพุ่มหญ้าและพุ่งเข้าหาเซียวเฉิน มีความแตกต่างของคุณภาพดาบฉีระหว่างขอบเขตกษัตริย์ยุทธและขอบเขตนักบุญ
ด้วยพลังปราณของเซียวเฉิน,มันจะเป็นการยากสําหรับเขาที่จะป้องกันการโจมตีนี้ อย่างไรก็ตาม,เซี่ยวเฉินไม่แม้แต่คนจะหลบเลี่ยงมือขวาของเขาชักกระบี่ออกมารวดเร็วราวกับสายฟ้า