Immortal and Martial Dual Cultivation - บทที่ 358 จะเอาก็เข้ามา
ตอนที่ 358 จะเอาก็เข้ามา
เซี่ยวเฉินดีดตัวออกจากพื้นและกระโดดขึ้นไปในอากาศ เขาหมุนเวียนสลักร่างพยัคฆ์มังกรเต็มกําลังเสียงพยัคฆ์มังกรคํารามก้องออกมาจากจุดลมปราณของเขาพยัคฆ์และมังกรหมุนเวียนอยู่รอบตัวขณะที่เขากําหมัดขึ้นเสียงแตกกราวดังออกมาจากกระดูกที่มือของเขา
เซี่ยวเฉินก้าวเท้ากลับเล็กน้อยและหลบเลี่ยงการโจมตีของชรือเฟิง จากนั้นเขาก็ชกออกไปที่หน้าอกของหรือเพิ่ง
“ปะ! ปะ!”
หินลายสีดําที่ชรือเพิ่งใช้ป้องกันหน้าอกของเขาแตกสลาย,และเขากระอักเลือดออกมากลางอากาศเขาถูกซัดลอยกลับและกระแทกลงบนโต๊ะน้ําชาของวังจิตวิญญาณค่ําคืน
มู่เฉิงเสวี่ยกําลังจะวางถ้วยชาลงในตอนที่หรือเฟิงกระแทกเข้ากับโต๊ะน้ําชา มือมู่บู่เฉิงเสวี่ยต้องหยุดค้างอยู่กลางอากาศ
เมื่อมู่เฉิงเสวี่ยเห็นชรือเพิ่งที่อยู่ในสภาพน่าสมเพชกําลังลุกขึ้นยืนอย่างยากลําบาก,เขาหัวเราและกล่าว “พี่น้องชรือ,ความแข็งแกร่งของเจ้าต่ำต้อยทําไมเจ้าถึงอยากที่จะเข้าไปร่วมวง?”
ชรือเพิ่งรู้สึกหดหู เขากระดูกซี่โครองแตกไปอย่างน้อยห้าซี่และอวัยวะภายในสาหัสอาการบาดเจ็บภายในและภายนอกของเขารวมเข้าด้วยกัน,เขาสูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปอย่างสมบูรณ์
“ช่างน่าขายหน้า! ไสหัวไปยืนข้างหลัง อย่าทําให้วงจิตวิญญาณค่าคืนต้องอับอาย!”ผู้อาวุโสหนึ่งของวังจิตวิญญาณค่าคืนดุด่าด้วยสีหน้ามืดมัวอย่างที่สุด
ชรือเฟิงพยายามจะลุกยืน เขารู้สึกผิดและก้มหัวลงต่ำ เขาไม่กล้าที่จะต่อปากต่อค่าใดๆ
มู่เฉิงเสวี่ยคลายมือที่กําลังถือถ้วยชา,ปล่อยให้มันตกลงบนพื้น แต่อย่างไรก็ตามโดยไม่คาดคิด.มันไม่ได้ตกลงไปแตกแต่กลับตกลงถึงพื้นอย่างมันคงไม่ไหวนิ่ง
“ไม่ใช่ทุกคนที่จะเข้าไปสอดในทุกเรื่องได้” มู่เฉิงเสวี่ยหยิบดาบของเขา,ความงามใต้แสงจันทร์ขึ้นมาและกระโดดขึ้นไปในอากาศ จากนั้นเขาก็ปรากฏตัวขึ้นในสนามประลอง
เขามองไปยังเซี่ยวเฉินในชุดขาวที่ถูกเปิดเผยตัวตนออกมาและยิ้มขึ้น “เรื่องของเรายังไม่จบและให้มันจบในวันนี้!”
เซี่ยวเฉินจ้องมองไปที่มู่เฉิงเสวียอย่างไร้สีหน้า เขาไม่คาดคิดว่าคนผู้นี้จะเฉลียวฉลาดเพียงนี้มู่เฉิงเสวี่ยค้นพบตัวจริงของเขานานมาแล้วแต่ไม่ได้เปิดเผยออกมา
มู่เฉิงเสวี่ยรอจนกระทั่งถึงวันนี้และเปิดเผยตัวตนของเขาต่อหน้าของทุกคน,ต้อนให้เขาจนมุม
ฝูงชนบนอัฒจันทร์ตกตะลึง หกตระกูลชั้นสองร่วมมือกันไล่ล่าเซี่ยวเฉิน ในประวัติศาสตร์อาณาจักรตาฉิน,เซี่ยวเฉินเป็นคนแรกที่ทําได้ถึงเพียงนี้
อย่างไม่คาดคิด,ศิษย์อันดับต้นแห่งวังจิตวิญญาณค่ําคืน,หนึ่งในสามนิกายใหญ่, มู่เฉิงเสวี่ยก็มีเรื่องบาดหมางกับเซียวเฉินเช่นกัน
หากไม่ใช่เพราะเซี่ยวเฉินเพิ่งจะจัดการกับคนของดินแดนศักดิ์สิทธิ์,เขาก็คงท้าทายพวกเขาเช่นกันบุคคลที่ผ่าเผยเช่นนี้คงไม่ปรากฏตัวขึ้นอีกในอนาคต
ด้วยขุมอํานาจมากมายเคลื่อนไหวต่อต้านเซียวเฉิน,แม้หากว่าศาลากระบี่สวรรค์อยากจะปกป้องเขา,พวกเขาก็ต้องคิดตัดสินใจให้ดี
สามตระกูลชั้นสูงที่แข็งแกร่งที่สุด,ขุนนางกุยยีที่มีตําแหน่งสูงส่งในต่าหนักหลวง,และวังจิตวิญญาณค่ําคืนที่เป็นหนึ่งในสามนิกายใหญ่, มีกลุ่มอํานาจที่แข็งแกร่งมากมาย,พวกเขาสามารถขับเคลื่อนทุกสิ่งที่ต้องการภายในอาณาจักรต้าฉัน
นอกเสียจากเซี่ยวเฉิน,จะมีใครอีกที่กล้าท้าทายพวกเขา? ในอดีตที่ผ่านมาหามีไม่และคงจะไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกในอนาคต
“ใครที่คิดจะสังหารเซียวเฉินจะต้องข้ามศพของข้า,หลิวหรูเยว่,ไปก่อน!”ร่างอันงดงามบนฐานดาดฟ้าชักกระบี่เล่มบางของนางออกมา นางยืนอยู่ตรงหน้าของเซียวเฉิน,ปกป้องเขาและปลดปล่อยกระแสพลังระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธของนางออกมา
เซี่ยวเฉันมองไปที่แผ่นหลังของหลิวหรูเยวและอดไม่ได้ที่จะเกิดความอบอุ่นขึ้นในใจหนึ่งในไม่กี่คนที่ออกมาปกป้องเขาในทันทีคือหลิวหรูเยว่
“แม้ว่าตัวข้า,หลิวสุยเฟิง,จะไม่ได้แข็งแกร่ง,แต่หากมีใครคิดจะสังหารพี่น้องของข้า,พวกมันต้องผ่านศพข้าไปก่อน” หลิวสุยเฟิงพุ่งตรงเข้ามา
“หากตระกูลชั้นสูงคิดสังหารศาลากระปสวรรค์,พวกเราไม่ยินยอม” จางเลี้ยและมู่เฉินกระโดดอกมาจากฝูงชนและเข้าปกป้องเซียวเฉิน
“เสี่ยวไปก็จะปกป้องพี่ใหญ่เซียวเฉิน เสี่ยวไปจะทุบทุกคนที่ต้องการจะสังหารพี่ชาย”
บนฐานดาดฟ้า,เสี่ยวไปที่ปกติมีพลังงานล้นเหลือ เมื่อนางเห็นสถานการณ์เปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน,นางสับสน:นางไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
เมื่อนางตระหนักได้ว่ามีคนที่อยากจะสังหารเซี่ยวเฉิน,ใบหน้าอันละเอียดอ่อนของนางก็จมลึก
“ฟู ฟิว!”
มีร่างสีขาวอีกร่างหนึ่งเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและลงจอดพื้นพื้นโดยปราศจากเสียงราวกับใบไม้ที่ร่วงหล่นลงพื้น หยุนเข่อซินออกมาแล้ว
หยุนเข่อซินวางมือขวาของนางลงบนด้ามกระบี่ที่ห้อยอยู่ตรงเอวของนาง นางไม่กล่าววาจาอะไร,แต่ความตั้งใจของนางชัดเจน
หากมีใครที่ต้องการจะสังหารเซี่ยวเฉิน ก็ต้องผ่านนางไปให้ได้เช่นกัน
คนสองกลุ่มปรากฏตัวขึ้นคนละมุมของสนามประลอง,กําลังปลดปล่อยกระแสพลังอันไร้ขอบเขตออกมา
กระแสพลังของพวกเขาปะทะกันในอากาศ,ไม่เปิดทางให้กันและกัน สายลมโหม,และหมู่เมฆหมุนวน:สภาพอากาศแปลเปลี่ยน
สถานการณ์ยังคงพลิกเปลี่ยนไปอีก ฝูงชนเดิมที่คิดว่าเซียวเฉินต้องเผชิญกับความตายพวกเขาไม่คาดคิดว่าจะมีคนมากมายออกมาปกป้องเขา
จากทุกคนในที่นี้ มีอยู่หนึ่งคนที่รู้สึกยินดีเป็นอย่างมาก คนผู้นี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากซ่งเฉวทุกคนรู้สึกสูญเสีย: มีเพียงซ่งเฉวที่ตื่นเต้น
เดิมที่,ซึ่งเฉวคิดว่าสภาสูงกําลังจับตามองพรสวรรค์ของเซียวเฉิน,เขาไม่อาจแตะต้องได้
แต่อย่างไรก็ตาม,ซ่งเฉวพบว่าเซียวเฉินนั้นเป็นผู้หลบหนี นอกจากนั้น มีขุมอ่านาจใหญ่มากมายในอาณาจักรต้าฉันที่ตั้งค่าหัวของเขา เขาได้มีโอกาสอีกครั้ง
สวรรค์ช่างเล่นตลกกับผู้คน ในช่วงเวลาที่มืดมนที่สุด,แสงแห่งความหวังได้ปรากฏขึ้นไม่มีอะไรอื่นนอกจากความยินดี
ยิ่งซ่งเฉวคิดไตร่ตรอง,เขายิ่งยินดี เขาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะขึ้น เขากล่าวเสียงดัง “ผู้อาวุโสหนึ่ง,เซี่ยวเฉินผู้นี้ได้ปิดบังตัวตนแทรกซึมเข้าสู่ศาลากระบี่สวรรค์ เขาตั้งใจจะชักนําให้พวกเราศาลากระปสวรรค์ขัดแย้งกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์และเหล่าตระกูลชั้นสูง”
“เห็นชัดว่าเขาตั้งใจจะทําลายศาลากระปสวรรค์ของพวกเรา มรดกที่ตกทอดมานับหมื่นปีเขามีแรงจูงใจชั่วร้ายและน่ากลัว พวกเราต้องสังหารเขาเสีย!”
ซ่งเฉวใช้ฐานะท่านเจ้ายอดเขาซื้อนของเขาและกล่าวหาเซี่ยวเฉิน,ตั้งใจที่จะตัดความสัมพันธ์ระหว่างศาลากระบี่สวรรค์และเซี่ยวเฉิน
เจียงชื่อมองซ่งเฉวอย่างเย็นชาและเมินเฉยไป เขาจดจ่อไปกับเสียงของเขาและสื่อสารกับเซียวเฉินแย่างลับๆ “ข้าไม่สนใจถึงตัวตนของเจ้าข้าเพียงจะขอถามเจ้าเพียงอย่างเดียวเจ้าจะเข้าร่วมค่ายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์หรือไม่?หากเจ้าตกลง,ศาลากระบี่สวรรค์ของข้าจะจัดการเรื่องนี้ให้กับ
เจ้า”
เมื่อเซี่ยวเฉินได้ยินคําของเจียงซื้อ,เขาส่ายหัว เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะอยู่ที่ศาลากระปสวรรค์“ขอบคุณผู้อาวุโสมากสําหรับความหวังดี ข้าต้องขออภัย:ข้าไม่อาจรับข้อเสนอ
“เมื่อเป็นเช่นนั้น ก็เป็นการตัดสินใจของเจ้า อย่าโทษว่าข้าไม่มีความปรานี”
ไม่ว่าเซี่ยวเฉินจะมีพรสวรรค์ถึงเพียงใด แต่หากว่าพวกเขาไม่อาจดึงตัวบองเขาเอาไว้ที่ศาลากระบี่สวรรค์, ความรุ่งเรืองของเขาในอนาคตก็ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับศาลากระปสวรรค์หากเป็นเช่นนั้น,ไม่มีความจําเป็นที่จะต้องพยายามช่วยเขาออกจากภัยในครั้งนี้
เจียงชื่อกล่าวอย่างมืดมัว “สานุศิษย์ศาลากระบี่สวรรค์บนฐานทั้งหมด,ฟังคําสั่งข้าถอยออกมาซะ นี้เป็นเรื่องบาดหมางส่วนบุคคล,ศาลากระบี่สวรรค์จะไม่ขอยุ่งเกี่ยว”
หลังจากสิเนเสียงของเจียงชื่อ,ไม่มีใครบนสนามประลองขยับ กลับเป็นเหล่าผู้อายุโสตระกูลชั้นสูงบนฐานดาดฟ้าที่ได้ยินความตั้งใจของเจียงชื่อ,พวกเขาลุกขึ้นยืน
อย่างไรก็ตาม ในจังหวะที่พวกเขายืนได้เต็มเท้า,พงกเขารู้สึกถึงเจตนาฆ่าฟันอันไร้รูปจู่โจมเข้ามา
“ให้เหล่าผู้เยาว์สะสางกันเอง ผู้อาวุโสจีและผู้อาวุโสฮวา,พวกท่านคิดเช่นไร?” เจียงชื่อมองไปที่เหล่าผู้อาวุโสของตระกูลชั้นสูงและยิ้มขึ้น แต่อย่างไรก็ตามมีเจตนาฆ่าฟันที่แฝงไปกับรอย ยิ้มของเขา
ท้ายที่สุด,เจียงชื่อก็อยากที่จะปกป้องเซี่ยวเฉินและไม่ยอมให้สถานการณ์เลวร้ายไปถึงขีดสุด
ฟงซวนยี่,ผู้ที่นิ่งเงียบ,ก็ยิ้มและกล่าวขึ้น “ข้าเห็นด้วย ให้เหล่าผู้เยาว์สะสางกันเอง ให้พวกเรา,เหล่าผู้อาวุโสเพียงมองดู”
“ผู้เยาว์ที่น่าสนใจถึงเพียงนี้ไม่ได้ปรากฏตัวที่อาณาจักรต้าฉันมาเป็นเวลานานมากแล้วชายชราผู้นี้ยินดีที่จะยื่นมือให้กับเขา ผลมันจะออกมาเป็นเช่นไรก็ขึ้นอยู่กับตัวเขา”
ขณะที่ฟงซวนยกล่าวจบ,ความเฉียบคมของยอดกษัตริย์ดาบจับจ้องลงบนผู้อาวุโสของตระกูลชั้นสูงในทันที พวกเขาทุกคนรู้สึกราวกับมีดาบมาจ่อที่คอของพวกเขา
เหล่าผู้อาวุโสตระกูลชั้นสูงยิ้มอย่างขมขึ้น แม้ว่าพวกเขาอยากจะลุกขึ้นยืน,พวกเขาก็ไม่กล้าแม้ว่าพวกเขาจะไม่พอใจกลับทัศนคติของชายชราสองคนนี้,พวกเขาก็ไม่กล้าแสดงออกมา
เมื่อเซียวเฉินสังเกตเห็นสถานการณ์บนฐานดาดฟ้า,เขารู้สึกอบอุ่นในใจของเขา เขาไม่อาจแสดงความขอบคุณออกมาได้ในตอนนี้แต่เขาจะตอบแทนคืนในอนาคต
“สุยเฟิง,หรูเยา,เข่อซิน,มู่เฉิน,และจางเลี่ย,ข้าเซียวเฉิน,ขอขอบคุณพวกเจ้าทั้งหลายพวกเจ้าควรถอยออกไปในวันนี้เป็นเรื่องบาดหมางของข้ากับเหล่าตระกูลชั้นสูงข้าจะต้องจัดการด้วยตัว
เอง”
เซี่ยวเฉินคํานับมือและแนะนําคนอื่นๆ ก่อนที่หยุนเข่อซินจะจากออกไป,นางกล่าวกับเซียวเฉินอย่างนุ่มนวล “เซี่ยวเฉิน หลังจากการต่อสู้ครั้งนี้,ข้าเชื่อว่าเจ้าจะกลายเป็นมือกระบี่ที่แท้จริง”
เซี่ยวเฉินยิ้มบางๆและกล่าวขึ้น “เจ้าเชื่อว่าข้าจะรอดชีวิตไปได้?”
ใบหน้าอันละเอียดอ่อนของหยุนเช่อซินนิ่งสงบยิ่ง นางยิ้มอย่างอ่อนโยนและกล่าว “ข้าเคยกล่าวเอาไว้นานแล้ว ข้ามองคนเก่ง”
หลังจากที่เซียวเฉินส่งหยุนเข่อซินออกไป,เขาก็เดินตรงมาที่หลิวหรูเยว่ รู้สึกผิดเล็กน้อยและกล่าวขึ้นอย่างยากเย็น “หรูเยา,ข้าขอโทษที่โกหกเจ้ามาเป็นเวลานาน”
ดวงตาของหลิวหรูเย่อค่อนข้างนุ่มชื่น นางกล่าว “คนโง่,ทําไมเจ้าไม่บอกข่าก่อนหน้านี้?มีหรือที่ข้าจะกล่าวโทษเจ้า? ไม่ว่าเจ้าจะเป็นเซียวเฉินหรือเย่เฉิน,มันก็ไม่มีอะไรแตกต่างในสายตาของข้า”
ปมสุดท้ายในใจของเซียวเฉินถูกคลานออก ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาเผยรอยยิ้มมีความสุขขึ้นในทันที “เจ้าควรถอยออกไปก่อน นี่เป็นโชคชะตาของข้า;ข้าจะต้องจัดการด้วยตัวข้าเองเชื่อคําของข้า”
หลิวหรูเยว่รู้ว่าเซียวเฉินได้ตัดสินใจแล้ว นางพวกหน้าเงียบๆและถอยกลับ
หลังจากที่ทุกคนออกไป,นอกจากเหลาลูกหลานตระกูลชั้นสูง,มีเพียงเซียวเฉินที่เหลืออยู่
เซี่ยวเฉอนสวมชุดคลุมสีขาว,และกระบี่เงาจันทร์ถูกชักออกมาแล้ว เขากวาดสายตาผ่านใบหน้าของคนทุกคน,ตัวนมู่ฉิง,จีชางคว,ฮวาหยุนเฟย,มู่เฉิงเสวีย,และขุนนางกุยยี
เป็นเวลากว่าหนึ่งปี, ที่เซียวเฉินได้เปลี่ยนรูปลักษณ์ของเขาและซ่อนตัวจากคนเหล่านี้
แม้แต่คนต่าต้อยก็ไม่รู้สึกยินดีที่ต้องปิดบังตัวตน,วิ่งหลบหนีไปมาราวกับหนู
มีใครที่ไม่อยากใช้ชีวิตอย่างเที่ยงธรรม,เดินไปมาอย่างผ่าเผย? เหล่าตระกูลชั้นสูงเหลืออดพอแล้ว,เซียวเฉินก็เช่นกัน!
เซี่ยวเฉินจะจบทุกอย่างลงในวันนี้ เขาจะปล่อยให้ชื่อเย่เฉินผ่านไปเป็นอดีตและเหลือเพียงชื่อเซี่ยวเฉินที่โลกต้องจดจํา
เซียวเฉินมองตรงไปอย่างจดจ่อ สีหน้าของเขาไม่เปลี่ยนแปลงพร้อมกับมือขวาที่กุมกระบี่เงาจันทร์เอาไว้แน่นเขาถามขึ้นอย่างเฉยเมย “พวกเจ้าจะเข้ามาพร้อมกันหรือที่ละคน?”
“ชิ!”
เมื่อตัวนมู่ฉิง,จีชางคง,ฮวาหยุนเฟย,มู่เฉิงเสวี่ยและขุนนางกุยได้ยินคําของเซี่ยวเฉิน, พวกเขาทั้งหมดกระโดดลงจากสนามประลอง คนเหล่านี้มีความภาคภูมิใจร่วมมือกันจัดการกับเซี่ยวเฉินไม่มีทางที่จะเกิดขึ้น
เหลือเพียงเยี่ยนชื่อเสวี่ยและเซี่ยวเฉินที่เหลืออยู่บนสนามประลอง
TL:คนนี้ก็กระโดดลงมาพร้อมกับคนอื่นในตอนก่อนแต่ผมตกข้ามชื่อไปครับ
เยี่ยนชื่อเสวี่ยรู้สึกกดดัน ความแข็งแกร่งของเขานับว่าอ่อนที่สุดในกลุ่ม เดิมที,เขาคิดจะร่วมมือกับคนอื่นเพื่อจัดการกับเซี่ยวเฉิน
แม้ว่าว่าพวกเขาจะไม่ได้ร่วมมือกัน,เยี่ยนชื่อเสวี่ยก็วางแผนที่จะรอจนคนอื่นๆต่อสู้กันก่อนที่เขาจะลงมือ
อย่างไรก็ตาม ด้วยสถานการณ์ในตอนนี้, เขียนชื่อเสวี่ยก็ไม่อาจถอยได้ถึงแม้ว่าเขาจะอยากทํามิฉะนั้น,ชื่อเสียงของเขาจะเสียหายหนัก
ไม่มีอะไรต้องเป็นกังวล;เขาได้ต่อสู้ประมือมาอย่างต่อเนื่อง เขาจะต้องเสียพลังปราณไปมากแล้วข้ามีโอกาสครึ่งต่อครึ่งที่จะชนะเยี่ยนชื่อเสวี่ยปลอบใจตัวเอง