Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน - ตอนที่ 480 คิดแล้วขนลุก
“อาจารย์หลานหลิงอ๋อง…”
ถงถงชำเลืองมองหลินเยวียน
“หืม?”
หลินเยวียนมองเธอ
ถงถงเงียบไปประมาณสิบวินาที ก่อนจะถอนหายใจ “ไม่มีอะไรค่ะ”
หลินเยวียนพยักหน้า
การแสดงหลังจากนั้นไม่เลวเลย ทุกคนล้วนร้องเพลงของคณะกรรมการตัดสิน ทำให้เหล่าคณะกรรมการตัดสินต่างรู้สึกซาบซึ้ง หลิ่วซวี่และเหมาเสวี่ยวั่งถึงขั้นน้ำตารื้น บรรยากาศในห้องส่งอบอุ่นกินใจ
นี่คือสัปดาห์ที่ให้ความรู้สึกถึงการแข่งขันน้อยที่สุด
วันนี้ไม่มีการแสดงระเบิดพลังเสียงดัง ทั้งหมดล้วนเป็นอารมณ์ความรู้สึก
แต่ว่า…
ไม่มีผู้ชมคนใดรู้สึกเบื่อ
หลังจากจัดหนักจัดเต็มกันมาสามสัปดาห์รวด ความอบอุ่นในสัปดาห์ที่สี่จึงราวกับเป็นการเยียวยาจิตใจ ทำให้ทุกคนหวนนึกถึงบทเพลงอันแสนคลาสสิก และเชยชมวันคืนอันรุ่งโรจน์ของเหล่าคณะกรรมการประเมิน
แน่นอน พวกเขายังคงรุ่งโรจน์
เพียงแต่ปัจจุบันนี้ อายุอานามของพวกเขาก็มากขึ้นแล้ว
แต่เพลงที่นักร้องนำมาขับร้องเหล่านี้ ล้วนเป็นผลงานสมัยพวกเขายังวัยรุ่น
ในนั้น
นักร้องเสริมซึ่งขึ้นเวทีเป็นคนที่หกนั้นดึงดูดความสนใจของหลินเยวียนได้ทันใด
คนคนนี้ใช้ชื่อว่านางเงือก ทว่าเสียงของอีกฝ่าย หลินเยวียนกลับฟังแล้วรู้สึกคุ้นเคย
เจียงขุย?
หลินเยวียนรู้สึกไม่มั่นใจ
การแข่งขันนี้ ความเป็นไปได้ที่จะเจอกับคนคุ้นเคยนั้นสูงมาก
หลินเยวียนครุ่นคิด
หลังจากการแสดงทั้งหมดสิ้นสุดลง ช่วงประกาศอันดับก็มาถึง
ทุกคนเดินเข้าไปรวมตัวยังห้องโถงด้านหลังเวที
“ร้องได้ไม่เลว”
ปลาปักเป้ามองนางเงือก
นางเงือกพยักหน้า “คุณเองก็ไม่เลว”
หืม?
บรรยากาศเหมือนแปลกๆ อยู่นะ?
นักร้องคนอื่นๆ สัมผัสได้ถึงกลิ่นบางเบาของเขม่าดินปืน
“พวกเราน่าจะรู้จักกัน?”
“ความเป็นไปได้เริ่มสูงแล้ว”
นางเงือกกับปลาปักเป้ากำลังสนทนากัน
แต่เมื่อทุกคนนั่งลง ทั้งสองกลับจงใจหลบเลี่ยงกันและกัน โดยเลือกนั่งที่โซฟาซึ่งอยู่ห่างกัน
“…”
รูปลักษณ์ชนกัน เลยไม่ชอบหน้ากันงั้นหรือ?
คงไม่ถึงขนาดนั้นหรอกมั้ง
นักร้องคนอื่นลอบคิดในใจ
ในขณะนั้นถงซูเหวินเดินเข้ามาแล้ว เริ่มประกาศผลการแข่งขันด้วยท่าทางเงอะๆ งะๆ ซึ่งฝึกซ้อมมาเป็นอย่างดี
หงส์ขาวอันดับหนึ่ง
หลานหลิงอ๋องอันดับสอง
หุ่นยนต์อันดับสาม
นางเงือกอันดับสี่
ปลาปักเป้าอันดับห้า
ดอกกุหลาบตกรอบ
บางทีอาจเป็นเพราะการแข่งขันในรอบนี้ไม่รุนแรง ดอกกุหลาบจึงไม่รู้สึกเศร้านัก เพียงแต่ยิ้มพลางพูดกับหลานหลิงอ๋อง
“ด่าได้แต่อย่าแรง”
ผู้ชมหัวเราะครืน
หลินเยวียนพยักหน้า เดิมทีเขาไม่คิดจะพูดอะไรอยู่แล้ว ดอกกุหลาบร้องเพลงได้ดีมาก เพียงแต่ไม่มีเอกลักษณ์ของตนเองก็เท่านั้น
จะโทษนักร้องคงไม่ได้
อย่างไรก็ตาม หลินเยวียนจึงให้คำแนะนำ “คุณเหมาะกับการร้องเพลงประกอบหนังหรือซีรีส์”
เน้นเพลงซาวด์แทร็กเป็นหลัก
ดอกกุหลาบชะงักไป ชั่วขณะนั้นแลดูราวกับกำลังขบคิด สุดท้ายจึงพยักหน้า
“ขอบคุณ”
ดอกกุหลาบถอดหน้ากาก
ครั้งนี้คือนักร้องหญิงแถวสองซึ่งมีชื่อว่าหยางหย่าง
แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ นักร้องแถวสองคนนี้ขึ้นชื่อว่าเชี่ยวชาญด้านการร้องเพลงประกอบภาพยนตร์และซีรีส์!
ผู้ชมมองไปทางหลานหลิงอ๋องอย่างอดไม่ได้
ในแง่หนึ่ง คำแนะนำเมื่อครู่ของหลานหลิงอ๋องนั้นถูกต้อง!
“ฉันเองก็เหน็บหนาวเหมือนกัน”
หยางหย่างหัวเราะพลางเอ่ย ราวกับการเอ่ยถึงเพลง ‘เหน็บหนาว’ กลายเป็นประเพณีของนักร้องหลังจากที่เปิดเผยใบหน้า
“ขอแสดงความยินดีกับทุกท่าน!”
ถงซูเหวินมองไปยังนักร้องห้าคนที่เหลือ
“หลังจากผ่านการแข่งขันอันดุเดือดทั้งสี่รอบ ในที่สุดพวกคุณก็ก่อตั้งทีมแรกของรายการราชาหน้ากากนักร้อง หลังจากนี้ทุกท่านจะมีเวลาพักผ่อนสักพัก”
หุ่นยนต์เอ่ยถาม “ยังมีอีกกี่ทีมครับ?”
ถงซูเหวินกล่าวกลั้วหัวเราะ “ผมอยากแจ้งทุกท่านทราบว่ายังมีอีกสามทีม นั่นก็หมายความว่ารายการจะคัดเลือกผู้เข้าแข่งขันทั้งหมดสี่ทีมในสี่เดือน รวมนักร้องทั้งสิ้นยี่สิบคน เมื่อถึงตอนนั้นจะแบ่งทีมออกเป็นสองต่อสอง รายละเอียดโปรดรอแจ้งจากทีมงานรายการ”
“เข้าใจแล้ว”
เมื่อถึงเวทีซึ่งต้องดวลกัน ความเร็วที่นักร้องตกรอบก็จะเร็วขึ้น
ทว่าในตอนนี้ยังใช้การแสดงเป็นหลัก ถ้าหากไม่มีอะไรผิดพลาด แต่ละรอบจะมีนักร้องตกรอบเพียงคนเดียวเท่านั้น
หลังจากการแสดงจบลง
หลินเยวียนจึงนั่งรถกลับบ้าน หลังจากนี้อย่างน้อยก็ยังมีเวลาพักอีกสองสามเดือน
การแข่งขันไม่เกี่ยวข้องกับเขาเป็นการชั่วคราว
……
ครั้งนี้ไม่มีอะไรให้สรุป หลังจากการแข่งขันสิ้นสุดลง หลินเยวียนจึงพิมพ์นิยายของตนต่อไป
วันเวลาช่างสงบสุข
ทว่าวันเวลาอันสงบสุขไม่ได้อยู่กับเขานานนัก
วันอาทิตย์
รายการรอบที่สี่ออกอากาศแล้ว โลกออนไลน์ล้วนแตกตื่น!
‘เชี่ยยย!’
‘หลานหลิงอ๋องเปิดแล้ว!’
‘ครั้งนี้จัดเฟ่ยหยางเลยเหรอเนี่ย!’
‘ฮ่าๆๆๆๆๆ ผมละอย่างชอบฝีปากแบบหลานหลิงอ๋อง!’
‘สีหน้าของอันหงทำฉันขำปอดแทบโยก!’
‘ราชาเพลงเฟ่ยหยาง ราชินีเพลงหยวนซี นักร้องแถวหน้าชายมู่สือ นักร้องแถวหน้าหญิงจ้าวอิ๋งเก้อ หลานหลิงอ๋องเก็บสถิติแขวะนักร้องตัวท็อปสี่คนในสี่รอบ ไลน์อัปใหญ่มาก กองรวมกันไปเลย!’
‘รอบหน้าไม่มีหลานหลิงอ๋องแล้ว…พอมาคิดดู แอบคิดถึงนางอยู่นะ’
‘หวังว่านักร้องกลุ่มต่อไปจะใส่เต็มแบบนี้นะ!’
‘นักร้องกลุ่มต่อไปใส่เต็มไหมไม่รู้ ฉันรู้แค่ว่าหลานหลิงอ๋องไม่อยู่ ไม่มีประเด็นร้อนแน่นอน’
‘…’
ขณะเดียวกันนั้น!
เป็นดังที่คาดหมาย แฟนคลับของเฟ่ยหยางโมโหสุดขีด!
หลังจากกลุ่มแฟนคลับของหยวนซี จ้าวอิ๋งเก้อ และมู่สือลุกฮือ แฟนคลับของเฟ่ยหยางก็ลุกฮือเช่นเดียวกัน!
‘รอให้ถอดหน้ากากก่อนนะ!’
‘ถ้าไม่มีหน้ากาก คุณจะยังกล้าพูดพล่อยอีกไหม!’
‘ราชาเพลงคุณยังกล้าชน!’
‘พวกเราจัดการเขาเลย!’
‘เพื่อราชาเพลงเฟ่ย!’
‘ไม่มีใครรังแกราชาเพลงเฟ่ยได้…นอกจากเซี่ยนอวี๋!’
‘บุกๆๆ บุกไปเจี๋ยนเขาเดียวนี้!’
‘…’
เอาเถอะ จะไปบุกที่ไหนได้ล่ะ
เพราะหลังจากนี้จะไม่มีการแข่งขันของหลานหลิงอ๋องแล้ว
หลานหลิงอ๋องไม่ได้เปิดเผยตัวตน ต่อให้แฟนคลับของเฟ่ยหยางคิดจะเข้าไปหยุมหัวเขา ก็ไม่รู้จะไปที่ไหน ทำได้เพียงปั่นประเด็นของหลานหลิงอ๋องบนเว็บบอร์ดบางแห่งอย่างสุดชีวิตเท่านั้น และร่วมมือกับแฟนคลับกลุ่มอื่นๆ ของนักร้องซึ่งเป็นคู่กรณี ช่วยกันสาปส่งหลานหลิงอ๋อง
มีแนวโน้มที่จะร่วมมือกัน?
แต่ชาวเน็ตคล้ายว่าจะคุ้นชินกับความตื่นเต้นของแฟนคลับนักร้องเหล่านี้มากนัก ความสนใจจึงมีไม่มาก กลับเป็นชาวเน็ตผ่านทางซึ่งเขียนสรุปผลงานของหลานหลิงอ๋องในสัปดาห์ที่สี่
‘ฝีมือของหลานหลิงอ๋องรู้สึกยังงงๆ อยู่นะ ตอนนี้ไม่มีใครงัดของจริงออกมาเลย!’
‘คณะกรรมการตัดสินบอกว่าทักษะการร้องเพลงของหลานหลิงอ๋องก้าวหน้าไปทุกสัปดาห์ เป็นไปได้ไหมถ้าจะตีความว่าเขากำลังค่อยๆ แสดงฝีมือที่แท้จริงออกมา?’
‘ผมไม่ได้พูดถึงทักษะการร้องเพลง แค่บอกว่าที่หลานหลิงอ๋องกล้าแซะไปทั่วแบบนี้ ผมรู้สึกว่าเป็นการบอกใบ้ว่าเขาเก่ง’
‘อันนี้จริง ช่วงสุดท้ายของตอนที่สี่ จริงๆ แล้วน่าสนใจมากที่หลานหลิงอ๋องแนะนำหยางหย่างว่าต่อไปให้ร้องเพลงประกอบหนังหรือซีรีส์มากขึ้น เพราะหลังจากที่หยางหย่างถอดหน้ากาก พวกเราทุกคนก็รู้ว่าคำแนะนำของเขาตรงประเด็น หยางหย่างเหมาะกับการร้องเพลงประกอบจริงๆ แต่พวกเราได้ข้อสรุปหลังจากหยางหย่างถอดหน้ากาก ส่วนหลานหลิงอ๋องกลับมองเห็นจุดแข็งและจุดอ่อนของอีกฝ่ายก่อนจะถอดหน้ากากด้วยซ้ำไป’
‘คิดแล้วขนลุก!’
‘ฉันขอพูดเรื่องหนึ่งในสัปดาห์แรก ทุกคนในห้องส่งมีแต่คนบอกว่าหุ่นยนต์คือนักร้องแถวหน้า รวมไปถึงผู้ชมอย่างเราๆ ที่ดูอยู่หน้าจอด้วย ปรากฏว่ามีแค่หลานหลิงอ๋องกับพ่อเพลงหยางที่ฟังหุ่นยนต์แค่เวทีเดียวก็ตัดสินได้ว่าอีกฝ่ายคือราชาเพลง แค่นี้ก็บอกได้แล้วว่าสายตาของหลานหลิงอ๋องเฉียบคมขนาดไหน แม่นยำเหมือนกับพ่อเพลงไม่มีผิด!’
‘แถมจ้าวอิ๋งเก้อยังออกมาบอกว่าตัวเองยินดีรับคำวิจารณ์ของหลานหลิงอ๋อง…’
‘ย้อนกลับไปดู คำพูดของพ่อเพลงหยางเหมือนกับหลานหลิงอ๋องมากเลยนะ แต่หลานหลิงอ๋องไม่ได้ลอกคำพูดของพ่อเพลงหยาง หลายครั้งที่เขาพูดออกมาก่อนหยางจงหมิงด้วยซ้ำ’
‘ใช่ๆ หลานหลิงอ๋องแค่พูดตรงไปหน่อย แต่สิ่งที่เขาพูด ผมว่าเป็นข้อเท็จจริง!’
‘บางเพลงของเฟ่ยหยางมีปัญหาเรื่องการร้องนี่ไม่ใช่แค่หลานหลิงอ๋องคนเดียวที่พูดนะ ก่อนหน้านี้มีผู้ทรงคุณวุฒิในวงการเคยบอกเป็นนัยไว้เหมือนกัน ตอนที่หลานหลิงอ๋องพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา พ่อเพลงหยางก็เห็นด้วย ทางอาจารย์อู่หลงเองก็พยักหน้า’
‘ถ้าเป็นแบบนี้ ฉันชักจะรู้สึกแล้วว่าหลานหลิงอ๋องน่าจะโหดอยู่?’
‘อย่างน้อยด้านการประเมิน ก็มืออาชีพมาก!’
‘เฮ้อ น่าเสียตายที่รอบต่อไปไม่มีหลานหลิงอ๋องแล้ว’
‘…’
ไม่ต้องให้บอก
ไม่ว่าจะเป็นผู้ชมที่ชอบหรือไม่ชอบหลานหลิงอ๋อง หรือแม้แต่ผู้ชมซึ่งเป็นกลาง ต่างสัมผัสได้ถึงความไม่คุ้นชินนักหลังจากเห็นแผนการแข่งขันหลังจากนี้ของรายการ
ตลอดเวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ทุกวันล้วนมีแต่ประเด็นเกี่ยวกับหลานหลิงอ๋อง ทะเลาะกันอย่างเมามัน จนกลายเป็นความคุ้นเคยของใครหลายคน
เมื่อคิดว่าหลังจากนี้อีกพักใหญ่จะไม่ได้เห็นหลานหลิงอ๋อง ชาวเน็ตหลายคนจึงรู้สึกเสียดายขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
วันแรกที่ไม่มีหลานหลิงอ๋อง
คิดถึงเขา…
และในบริษัทสักแห่งหนึ่ง
เฟ่ยหยางค่อยๆ หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาพูดด้วยความโกรธ
“ผมไม่สน ผมจะเข้าร่วมราชาหน้ากากนักร้อง จะกี่คนก็ช่างปะไร ผมจะเข้าร่วมซีซันแรก ซีซันที่สองไม่มีหลานหลิงอ๋อง เพราะฉะนั้นไม่มีความหมาย!”
………………………………………………