Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน - ตอนที่ 431 ซูเปอร์ฮีโรล้นหลาม
“บทภาพยนตร์เรื่องใหม่?”
ช่วงบ่ายวันรุ่งขึ้น หลินเยวียนนำบทภาพยนตร์เรื่องใหม่ไปหาเหล่าโจว เพื่อขอการสนับสนุนจากทางบริษัท
“ขอฉันดูหน่อย!”
เหล่าโจวมีสีหน้าดีใจ รีบรับบทภาพยนตร์เรื่องสไปเดอร์แมนไปทันที กล่าวกับหลินเยวียนด้วยใบหน้าฉายแววคาดหวัง
“นายนั่งเล่นไปก่อน”
หลินเยวียนพยักหน้า มองไปยังเปียโนในห้องทำงานของเหล่าโจว พลันรู้สึกคันไม้คันมือขึ้นมา “ผมขอเล่นได้ไหม”
“ได้สิ”
เหล่าโจวพยักหน้าอย่างยิ้มแย้ม
ไม่ว่าอย่างไรก็เป็นถึงพี่ใหญ่ของแผนกประพันธ์เพลง เหล่าโจวย่อมมีพื้นฐานด้านดนตรีอยู่บ้าง อย่างเช่นเปียโนหลินเยวียนก็เล่นได้ เพียงแต่ฝีมือธรรมดา ฉะนั้นเปียโนซึ่งวางอยู่ในห้องทำงานเช่นนี้ โดยมากมีไว้เพียงเพื่อประดับตกแต่ง
“ขอบคุณครับ”
หลินเยวียนนั่งลงด้านหน้าเปียโน และเริ่มบรรเลงทำนอง ส่วนเหล่าโจวก็อ่านบทภาพยนตร์เรื่องสไปเดอร์แมนไปพลาง
“♪♪♪~”
เมื่อนึกถึงเรื่องราวของสไปเดอร์แมน บางครั้งทำนองเปียโนของหลินเยวียนก็อ่อนโยน บางครั้งก็เปี่ยมพลัง บางครั้งก็แผ่วเบาชวนเคลิ้มฝัน
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเพียงใด ในที่สุดเหล่าโจวก็อ่านบทจบ หลินเยวียนจึงหยุดบรรเลงเพลงตามไปด้วย
“เป็นครั้งแรกที่มีคนเล่นดนตรีประกอบตอนอ่านบท”
เหล่าโจวมองไปยังหลินเยวียนซึ่งอยู่หน้าเปียโน “เป็นความรู้สึกที่ไม่เลว”
หลินเยวียนตัดเข้าประเด็น “บทเป็นยังไงบ้างครับ”
เหล่าโจวเงียบลงชั่วขณะ ก่อนจะเอ่ยออกมาสองคำ “ดีมาก”
หลินเยวียน “…”
เหล่าโจวหลุดหัวเราะ “นายจะให้ฉันพูดว่ายังไง คนตัวเล็กๆ กลายร่างเป็น ซูเปอร์ฮีโรกอบกู้โลก นี่เป็นหนังเชิงไซไฟเชิงพาณิชย์ทั่วไป การประเมินว่าหนังเรื่องนี้ดีหรือไม่ ไม่ใช่แค่ดูว่าบทเป็นอย่างไร แต่ยังต้องดูด้วยว่าบทตื่นเต้นพอไหม ไม่เหมือนกับหนังเรื่องที่แล้วของนาย ปากง สุนัขยอดกตัญญู หนังวรรณกรรมมักจะให้ความสำคัญกับพล็อตเรื่องและนักแสดง”
หลินเยวียนพยักหน้า
จะว่าไปนี่ก็เป็นเรื่องจริง
เขาไม่ได้คาดหวังให้คนอื่นตกใจเมื่อได้อ่านบทสไปเดอร์แมน นี่เป็นเรื่องที่ไม่สมจริงเอาซะเลยบนบลูสตาร์ ไม่สู้ยิงคำถามที่ตรงประเด็นกว่านี้
“ถ่ายทำได้ไหมครับ”
ปัจจุบันนี้หลินเยวียนมีทรัพย์สินมหาศาล ถ้าบริษัทยินดีลงทุนย่อมดีที่สุด แต่ถ้าบริษัทไม่ยินดีลงทุน หลินเยวียนจะควักกระเป๋าจ่ายเงินเอง และให้ทีมงานของบริษัททำงานให้กับเขา
“ได้อยู่แล้ว”
เหล่าโจวปิดบทภาพยนตร์ลง “ดูจากบทแล้วชวนคาดหวังอยู่นะ ถึงตลาดจะมีหนังซูเปอร์ฮีโรเยอะ แต่นั่นก็หมายความว่าซูเปอร์ฮีโรเป็นแนวที่ได้รับความนิยมมาก…”
หลินเยวียนสีหน้าแปลกพิลึก
นี่คือเหตุผลที่เหล่าโจวไม่ได้ตกตะลึงกับบทภาพยนตร์เรื่องสไปเดอร์แมนเลยสักนิด คนธรรมดาแปลงร่างเป็นซูเปอร์ฮีโรกอบกู้โลก เป็นแนวทางที่พบได้บ่อยในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ เพราะเมื่อหลายปีก่อน ชาวฉีได้เริ่มต้นยุคสมัยของกระแสภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโรไปแล้ว!
รายละเอียดคงต้องย้อนไปเมื่อสามสิบปีที่แล้ว
ตอนนั้นฉีโจวผลิตภาพยนตร์เรื่องหนึ่งมีชื่อว่า ‘บุตรแห่งมังกร’ รูปแบบของพล็อตเรื่องคล้ายคลึงกับมาร์เวล วันหนึ่งมีสัตว์ประหลาดน่าสะพรึงกลัวปรากฏตัวขึ้นบนบลูสตาร์ คล้ายกับกำลังแย่งชิงขวดยาประหลาด พระเอกในฐานะนักข่าวจึงต้องถ่ายภาพของสัตว์ประหลาดทั้งสองตัวมาให้ได้
หลังจากนั้นก็เป็นการเปิดเผยเรื่องในรูปแบบอันแสนจำเจ
สัตว์ประหลาดทั้งสองตัวตายพร้อมกัน ขวดยาที่พวกมันแย่งกันแตกกระจาย ทั้งยังสาดลงบนร่างกายของตัวเอกชายเข้าพอดี ร่างกายของตัวเอกชายเกิดการเปลี่ยนแปลง ไม่กี่วันต่อมาเขาก็มีความสามารถในการแปลงร่าง และสามารถกลายร่างเป็นสัตว์ประหลาดครึ่งคนครึ่งมังกรได้ตามใจปรารถนา
หลังจากนั้น
บลูสตาร์ก็มีสัตว์ประหลาดตัวใหม่ถือกำเนิดขึ้นมาอีก สัตว์ประหลาดกลุ่มนี้คล้ายกับกำลังตามหายาชนิดนี้เช่นเดียวกัน จากนั้นถึงได้พบว่ายานั้นถูกพระเอกใช้ไปเสียแล้ว ฉะนั้นพวกเขาจึงตัดสินใจจับพระเอกมา และสกัดยาออกมาใหม่
ผลปรากฏว่ากลายเป็นมหาสงครามครั้งใหญ่
ด้วยการถ่ายทอดสดไปทั่วทั้งบลูสตาร์
ในที่สุดตัวเอกชายก็เอาชนะสัตว์ประหลาด และเขาได้กลาย เป็นซูเปอร์ฮีโรคนแรกของประวัติศาสตร์ภาพยนตร์บลูสตาร์ หลังจากนั้นก็ปรากฏภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโรในรูปแบบนี้ตามกระแสมา ซึ่งโดยพื้นฐานแล้วยังคงหนีไม่พ้นพล็อตเรื่องเกี่ยวกับพระเอกแปลงร่างเพราะสาเหตุบางอย่าง จากนั้นจึงต่อสู้กับผู้แข็งแกร่ง จนท้ายที่สุดก็กอบกู้บลูสตาร์ไว้ได้
พล็อตเรื่องเรียบง่ายสุดๆ!
แต่เมื่อสามสิบปีก่อน การถือกำเนิดของภาพยนตร์เรื่องนี้กลายเป็นกระแสโด่งดังทันทีที่เข้าฉาย ลำพังยอดบ็อกซ์ออฟฟิศในฉีโจวก็ทะลุหนึ่งล้านไปแล้ว และหลังจากนั้นจึงได้รับการเผยแพร่ไปยังทวีปอื่นๆ บ็อกซ์ออฟฟิศสุทธิทะลุสองร้อยล้านเป็นประวัติการณ์ จวบจนปัจจุบันนี้ยังคงติดหนึ่งในสิบอันดับภาพยนตร์ซึ่งทำรายได้สูงสุดในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์บลูสตาร์
เพราะมันสดใหม่และน่าตื่นเต้น!
ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นจุดเริ่มต้นกระแสภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่ เพราะฉะนั้นเหล่าโจวจึงไม่ได้รู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นบทเรื่องสไปเดอร์แมน เพราะนั่นคือภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโรตามแบบฉบับ คนธรรรมดาแปลงร่าง สุดท้ายก็กอบกู้โลกได้สำเร็จ
แต่ว่า…
เนื่องจากภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโรมีมากเหลือเกิน ดังนั้นยอดบ็อกซ์ออฟฟิศของภาพยนตร์เรื่องนี้จึงมีการแบ่งขั้วอย่างสุดโต่ง ถ้าหากสร้างออกมาได้ดี บ็อกซ์ออฟฟิศจะถล่มทลาย ถ้าหากสร้างออกมาได้ไม่ดี อาจต้องชดใช้เงินให้กับบริษัทภาพยนตร์จนกระเป๋าฉีก และเนื่องจากภาพยนตร์ประเภทนี้โดยส่วนมากใช้ต้นทุนสูง ฉะนั้นไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ ภาพยนตร์แนวซูเปอร์ฮีโรจึงมีจำนวนลดลงมาก ทุกคนมักคำนึงถึงความเสี่ยง ปัจจุบันนี้จึงไม่ใช่ยุคของการลอกเลียนรูปแบบจากเรื่องบุตรแห่งมังกร แล้วจะสามารถกวาดรายได้เป็นกอบเป็นกำได้
นี่คือฉีโจว!
ตำหนักภาพยนตร์แห่งบลูสตาร์!
ต่อให้บนดาวดวงนี้จะไม่มีสตูดิโอมาร์เวล แต่กลับมีภาพยนตร์แนวซูเปอร์ฮีโรซึ่งคล้ายคลึงกับมาร์เวล ชาวฉีบุกเบิกภาพยนตร์ประเภทนี้มานานแล้ว ทั้งยังทำให้มันกลายเป็นหนึ่งในประเภทภาพยนตร์ซึ่งได้รับความนิยมมากที่สุดบนบลูสตาร์ด้วย!
สำหรับหลินเยวียน
เรื่องนี้มีทั้งข้อดีและข้อเสียปะปนกัน
ข้อดีคือผู้ชมชื่นชอบภาพยนตร์แนวซูเปอร์ฮีโรจริงๆ ไม่มีปัญหาเรื่องฐานผู้ชมอย่างแน่นอน ข้อเสียคือผู้ชมดูภาพยนตร์แนวเดียวกันมากเกินไป จึงจู้จี้จุกจิกกับคุณภาพของภาพยนตร์มากเป็นพิเศษ ถ้าเรื่องสไปเดอร์แมนไม่มีจุดเด่น ย่อมยากต่อการสร้างความประทับใจให้กับผู้ชมบนบลูสตาร์ซึ่งดูภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโรจนแก่วิชาแล้ว
นอกจากนี้…
เนื่องจากกระแสของภาพยนตร์บุตรแห่งมังกร บนบลูสตาร์ยังปรากฏการ์ตูน นิยาย รวมไปถึงอนิเมชันแนวซูเปอร์ฮีโรอีกมากมาย ทว่านิยายซูเปอร์ฮีโรไม่ได้รับความนิยมมากนัก กลับเป็นการ์ตูนและอนิเมชันซึ่งมีอิทธิพลมากกว่า ซึ่งเรื่องนี้มีเป็นเพราะผลงานแนวซูเปอร์ฮีโรจำเป็นต้องอาศัยผลกระทบจากภาพและฉากต่างๆ สูงมาก
“คืออย่างนี้นะ”
เหล่าโจวลุกขึ้นกล่าว “ฉันจะเอาบทหนังไปหารือกับแผนกภาพยนตร์ก่อน น่าจะได้คำตอบมา ส่วนเรื่องเงินทุนรอก่อน ถ้าคนอื่นจะสร้างหนังซูเปอร์ฮีโรฉันไม่อนุมัติแน่ แต่ถ้าเป็นนาย ไม่ว่าจะเป็นฉันหรือบริษัท เรามั่นใจในตัวนายระดับหนึ่ง”
หลินเยวียนพยักหน้า
เขาจะไม่ยอมละทิ้งเรื่องสไปเดอร์แมน เพราะเขาดูภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโรของบลูสตาร์มาแล้วหลายเรื่อง เขาพบปัญหาแล้วสองข้อ
ปัญหาข้อแรก
ภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโรของบลูสตาร์ไม่ให้ความสำคัญกับการสร้างตัวละคร ตัวเอกขาดเอกลักษณ์และความเป็นปัจเจกบุคคล โดยทั่วไปแล้วล้วนเป็นคนธรรมดาซึ่งได้รับปาฏิหาริย์ ภาพยนตร์ชอบเน้นด้านความแข็งแกร่งและยิ่งใหญ่ของคนธรรมดาหลังจากแปลงร่าง แต่กลับมองข้ามด้านหนึ่งของตัวเอกในฐานะคนธรรมดา
แน่นอนว่านี่เป็นคำกล่าวเชิงเปรียบเทียบ
มีภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโรบางเรื่องทุ่มเทกับการสร้างตัวละครเอกเป็นอย่างมาก แต่ไม่ยักประสบความสำเร็จ ต่อให้ประสบความสำเร็จก็ไม่ได้สร้างอิทธิพลได้เป็นวงกว้าง
ปัญหาที่สอง
ภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโรบนบลูสตาร์ไม่ได้ใช้รูปแบบการครอสโอเวอร์ของมาร์เวลบนโลก ต่อให้เป็นภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโรคนเดียวกัน ภาคที่สองก็เพียงเปลี่ยนตัวสัตว์ประหลาดเท่านั้น น้อยครั้งเหลือเกินที่จะเห็นซูเปอร์ฮีโรต่างกันร่วมฉากเดียวกัน ต่อให้มี การครอสโอเวอร์ก็ไม่สูง
นี่คือความได้เปรียบของหลินเยวียน
เขาต้องใช้มันให้เป็นประโยชน์
ในบรรดาซูเปอร์ฮีโรของมาร์เวล ภาพยนตร์เรื่องสไปเดอร์แมน มีคำจำกัดความที่ค่อนข้างชัดเจน พระเอกเป็นคนช่างพูด ชอบพูดเจื้อยแจ้วจำนรรจายามที่ต่อสู้กับสัตว์ประหลาด ชอบกลมกลืนไปกับคนธรรมดา เขามีคุณลักษณะของวีรบุรุษในหมู่พลเรือน นับว่าเป็นหนึ่งในซูเปอร์ฮีโรที่มีเสน่ห์มากที่สุดในจักรวาลมาร์เวล
…………………………………………………….