Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน - ตอนที่ 282 หักมุมล้านตลบ (2)
จู่ๆ ไต้รุ่ยก็เอ่ยเสียงเบา
จางปินกำลังฟังเพลง ทันทีที่ได้ยินก็ชะงักไป “อะไรเหรอ”
“ฉันยอมรับ…ว่าเซี่ยนอวี๋ตอบกลับได้ดีจริงๆ พอเจอกับเพลงแบบนี้แล้ว…ฉันก็ไม่มีอะไรจะพูด”
จางปินประหลาดใจ ทันใดนั้นก็หัวเราะออกมาเบาๆ “ฉันเกือบลืมเรื่องนี้ไปแล้วนะเนี่ย”
ใช่แล้ว
ในโรงฉายแห่งนี้ยังมีผู้ชมสักกี่คนกันที่ยังจำจุดประสงค์แรกเริ่มที่มาชมภาพยนตร์ได้
ไต้รุ่ยรำพันว่า “เพลงสุดยอดมากจริงๆ หนัง…ก็สุดยอดมาก!”
เข้ากันได้อย่างลงตัว!
เติมเต็มซึ่งกันและกัน!
ทว่าเรื่องราวดำเนินมาถึงตอนนี้ กลับยังไม่ได้จบบริบูรณ์
เมื่อบทเพลงบรรเลงจบลง ผู้ชมจำนวนมากต่างก็เข้ามาจับมือกับเยี่ยเซิน ทั้งยังมีคนเข้ามาขอลายเซ็นเยี่ยเซินด้วย
เยี่ยเซินทำท่าทางคลำ
“ตายังไม่หายดี?”
“ดูท่าจะไม่ได้ฆ่าคนแฮะ”
กระจกตาของเจียงเยี่ยนสามารถช่วยรักษาดวงตาของเยี่ยเซินได้ เยี่ยเซินยังมองไม่เห็น ก็หมายความว่าในตอนสุดท้ายเขาไม่ได้ฆ่าเจียงเยี่ยน…
ผู้ชมไม่รู้ว่าเยี่ยเซินทำความฝันที่ได้ขึ้นฮอลล์ทองคำสำเร็จหรือไม่
แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่ต้องสงสัยเลยก็คือ เขาได้กลายเป็นนักเปียโนเลื่องชื่อคนหนึ่งแล้ว
ในตอนนั้นเอง
ซูเฟยแฟนเก่าของเยี่ยเซินก็มาที่ฮอลล์คอนเสิร์ตแห่งนี้ จากนั้นทั้งสองก็ได้พบกัน
“ซูเฟย?”
ถึงแม้ว่าจะมองไม่เห็น แต่จากความรู้สึกยามจับมือ รวมไปถึงความเงียบของอีกฝ่าย เยี่ยเซินก็เดาได้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร
“เจอคนโกหกซะแล้ว?”
ซูเฟยแค่นหัวเราะเย็น จ้องเยี่ยเซินเขม็ง
เธอไม่รู้เรื่องราวทั้งหมดที่เยี่ยเซินประสบพบเจอ
เยี่ยเซินหัวเราะอย่างขื่นขม “เรื่องมันยาว…คุณดื่มชาอะไรดี”
ซูเฟยตอบอย่างเย็นชา “กาแฟ”
บทสนทนานี้ไปตรงกับเสียงพูดตอนเริ่มเรื่อง
ภาพยนตร์สลับฉากไป
ซูเฟยและเยี่ยเซินนั่งดื่มกาแฟอยู่ด้านนอก
จากนั้น เยี่ยเซินก็เล่าเรื่องราวหลังจากที่ตนกับซูเฟยแยกทางกันให้อีกฝ่ายฟัง
“หลังจากนั้นล่ะ?”
สีหน้าของซูเฟยตกใจเล็กน้อย เธอนึกไม่ถึงเลยว่าเหตุการณ์ที่เยี่ยเซินประสบพบเจอหลังจากนั้นจะซับซ้อนได้ถึงเพียงนี้ ชั่วขณะนั้นขอบตาของเธอแดงระเรื่อขึ้นมา
“หลังจากนั้น…”
เสียงของเยี่ยเซินขาดช่วงลงเล็กน้อย
ฉากตัดไปบนรถเมื่อสองปีก่อน
เยี่ยเซินนั่งอยู่ในรถ พยายามโน้มน้าวหมอตลาดมืดให้ปล่อยตัวเจียงเยี่ยนไป
หมอกล่าวอย่างเย้ยหยัน “ด้วยโทษของเธอน่ะ ยังไงศาลก็ต้องตัดสินประหารชีวิตอยู่แล้ว เราไม่ได้กำลังฆ่าคน เพียงแต่ใช้ประโยชน์จากสวะก็เท่านั้นเอง ถ้าคนที่ต้องตายสามารถแลกเป็นเงินก้อนโตได้ ทำให้ชีวิตหลังจากนี้ของทั้งคุณทั้งผมสบาย และที่สำคัญก็คือ คุณต้องการกระจกตาของเธอ…”
ในตอนนั้นมีเสียงดังขึ้นจากกระโปรงหลังรถ
หมอหยุดรถ หยิบเข็มฉีดยาออกไป หมายจะทำให้เจียงเยี่ยนหมดสติต่อ
ผ่านไปชั่วครู่
รถก็สตาร์ทเครื่องอีกครั้ง
แต่ทุกคนที่วางใจกับพล็อตเรื่องไปแล้ว กลับต้องสะดุ้งเฮือก ถึงขั้นที่มีคนยกมือขึ้นมาปิดปาก เมื่อเผชิญหน้ากับฉากนี้ ดวงตาทั้งคู่ของพวกเขาเต็มไปด้วยความสยดสยอง!
หมอถูกเจียงเยี่ยนฆ่าตายแล้ว!
เจียงเยี่ยนซึ่งบนร่างเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดของหมอ กลับมายังที่นั่งคนขับ และขับรถต่อไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ผู้หญิงคนนี้สุดยอดมาก!
โหดเหี้ยมสุดๆ สวยสังหารของจริง!
เยี่ยเซินที่มองไม่เห็นย่อมไม่รู้ ยังคงเอ่ยโน้มน้าวต่อไป
“หมอครับ ผมขอร้องล่ะ ถ้าฆ่าเธอ แล้วรักษาดวงตาผม ผมก็คงเล่นเปียโนไม่ได้อีกแล้ว หมอบอกว่าที่พูดแบบนี้แค่ขู่เธอให้กลัว ทำไมต้องผ่าไตเธอออกไปด้วยล่ะ จอดรถข้างทาง แล้วปล่อยพวกเราไปเถอะ…”
เจียงเยี่ยนซึ่งกำลังขับรถยกมือขึ้นปาดน้ำตา
เธอเหยียบเบรกกะทันหัน เอ่ยเสียงเย็น “ลงไปซะ!”
บางทีคำอ้อนวอนของเยี่ยเซินอาจไปทำให้เจียงเยี่ยนรู้สึกซาบซึ้ง
เธอปล่อยเยี่ยเซินไป!
เยี่ยเซินตกตะลึง…
เขานึกไม่ถึงว่าคนด้านข้างจะกลายเป็นเจียงเยี่ยนไปซะได้
แล้วหมอล่ะ?
เจียงเยี่ยนตวาดลั่น “ไสหัวไป!”
เธอออกแรงผลักเยี่ยเซิน
เยี่ยเซินลงจากรถไปอย่างทำอะไรไม่ถูก ยืนอยู่ตรงนั้นด้วยความงงงัน
น้ำตาของเจียงเยี่ยนหยดเปาะๆ ลงมา
“ถือว่าหายกัน…ซะที่ไหนล่ะ!”
ท่ามกลางจุดหักมุมก่อนหน้านี้ ขณะที่ผู้ชมกำลังคิดว่าเจียงเยี่ยนจะปล่อยเยี่ยเซินไป เจียงเยี่ยนก็พลันเลี้ยวรถกลับ!
เธอยังอยากฆ่าเยี่ยเซินให้ตาย!
เสียงของไต้รุ่ยสั่นเครือ “อาปิน ผู้หญิงคนนี้น่ากลัวเกินไปแล้ว!”
อาปินไม่ได้พูดอะไร
ถึงอย่างไรตัวเอกก็ไม่ตาย
แต่สรุปแล้วเป็นเพราะอะไรกัน
คำตอบกำลังจะถูกเปิดเผยในฉากถัดไป
เมื่อนายพรานเล็งเป้าหมาย กระต่ายก็กระโจนออกมาทันที
ปรากฏว่ากระต่ายถูกชนเข้าพอดี ก่อนที่รถของเจียงเยี่ยนจะพลิกคว่ำจนเกิดเสียงดังสนั่น
ระเบิด!
“กระต่าย!”
“กระต่าย?”
ชั่วขณะนั้นผู้ชมถึงนึกออก ว่าฉากเปิดของภาพยนตร์ปรากฏภาพนี้มาก่อน
ตอนนั้นกระต่ายขโมยผัก ปรากฏว่าถูกเจ้าของสวนใช้ปืนล่าสัตว์ตามล่า
นี่คือการเกริ่นเหตุการณ์ที่สอดแทรกไว้ตั้งแต่ต้นเรื่อง!
ผู้ชมเกือบลืมเรื่องนี้ไปแล้ว!
แต่ถึงอย่างไร การเกริ่นเหตุการณ์นี้ก็มีบทบาทในตอนท้ายเรื่อง!
กระต่ายไม่ได้ถูกรถชนตาย หากแต่กระโดดหนีไปอย่างน่ารักน่าเอ็นดู
กล้องซูมเข้าไป
ดวงตาของกระต่ายตัวนั้นไม่ค่อยดี…
ในตอนนั้น ผู้ชมต่างตะลึงงันจนพูดไม่ออก!
ในโรงฉายเต็มไปด้วยเสียงหายใจเย็นเฉียบ!
หักมุม หักมุม หักมุม หักมุมไปล้านตลบ!
การหักมุมในตอนสุดท้ายยิ่งน่าตกใจขึ้นไปอีก!
ยามที่ผู้ฟังตั้งสติได้ การหวนระลึกความหลังก็สิ้นสุดลง ฉากก็ตัดไปที่หน้าร้านกาแฟอีกครั้ง
“คุณผู้ชาย ที่เป็นของที่คุณสั่งทำหรือเปล่าครับ”
“ใช่ครับ”
ร้านช่างฝีมือข้างร้านกาแฟ พนักงานนำไม้เท้ามาส่งให้เขา และที่ด้ามจับของไม้เท้านั้นเป็นรูปหัวกระต่าย
“คุณไม่ได้ทำอะไรผิด…”
ซูเฟยบอกกับเยี่ยเซินด้วยสีหน้าจริงจัง
เยี่ยเซินส่ายหน้าอย่างขมขื่น เงียบไปชั่วขณะ ก่อนเอ่ยขึ้น
“ขอบคุณ คุณจะมาคอนเสิร์ตผมไหม ฮอลล์ทองคำ”
ในที่สุดเยี่ยเซินก็ทำตามความฝันได้สำเร็จ
ซูเฟยชะงักไปชั่วขณะ จากนั้นก็กระแอมออกมา “ไม่แน่ใจว่าฉันจะมีเวลาไหม…ฉันจะพยายาม”
ทั้งสองคนบอกลากันตรงนี้
แม้ว่าภาพยนตร์จะมีจุดหักมุมนับไม่ถ้วน แทบทลายขีดจำกัดจินตนาการของผู้ชม แต่จุดจบนี้กลับเติมเต็มความรู้สึกได้อย่างดีเยี่ยม!
“สุดยอด!”
ไต้รุ่ยเอ่ยชื่นชม
จางปินอยากพยักเพยิดตาม แต่ใบหน้ากับแลดูแปลกชอบกล “ฉันว่ามันแปลกๆ นะ…”
“อะไรเหรอ”
ได้รุ่ยขมวดคิ้วมุ่น
หลังจากนั้น ภาพยนตร์ก็ดำเนินมาถึงฉากสุดท้าย
เป็นค่ำคืนอันเงียบสงัด เยี่ยเซินเดินอยู่ลำพังท่ามกลางอากาศอันหนาวเหน็บพร้อมกับไม้เท้าคู่ใจ ภาพนี้ชวนให้รู้สึกเปล่าเปลี่ยวเหลือเกิน
เบื้องหน้าของเขา มีกระป๋องโซดาเปล่าอยู่ใบหนึ่ง
เยี่ยเซินไม่ได้หยุดฝีเท้า ขณะที่เขากำลังจะเหยียบกระป๋อง ทันใดนั้น เขาก็เหวี่ยงไม้เท้านำทางและหวดกระป๋องอย่างแม่นยำราวกับนักกอล์ฟมืออาชีพ…
ปังๆๆ!
เสียงดังกัมปนาทราวเสียงระเบิดดังขึ้นสามครั้ง หน้าจอมีตัวอักษรสว่างวาบ ประหนึ่งยิงกระสุนเข้าทะลวงหัวใจของผู้ชมทุกคน
นักปรับเสียงเปียโน!
และด้านล่างคำนี้ ก็มีวงเล็บเขียนว่า (นักเปียโน)
ในที่สุดจางปินก็ตระหนักได้ถึงจุดที่ผิดปกติ
ถ้าตัวเอกตาบอด เขาจะไม่มีทางรู้ว่ากระต่ายช่วยชีวิตตนไว้
“เชี่ย!”
ไต่รุ่ยตัวสั่นเทิ้ม “เยี่ยเซินโกหก!! แถมยังปลอมเป็นคนตาบอดด้วย!!!”
ชั่วขณะนั้น!
เสียงอุทานด้วยความตกใจนับไม่ถ้วนดังก้องไปทั้งโรงภาพยนตร์ ผู้ชมต่างอ้าปากค้างด้วยสีหน้าที่แตกต่างกันออกไป!
ทุกคนล้วนตกตะลึง!
…………………………………………………..