Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน - ตอนที่ 170 เซี่ยนอวี๋เอฟเฟ็กต์
ตอนที่ 170 เซี่ยนอวี๋เอฟเฟ็กต์
“ตัวแทนหลิน…”
ช่วงสายวันต่อมา
ทันทีที่หลินเยวียนมาถึงบริษัท กู้เฉียงอวิ้นก็รีบปรี่เข้ามาหา
เพียงแต่หลังจากที่เขาเกริ่นขึ้นมา ก็แทบจะลืมคำพูดท่อนหลังไปหมด ทำได้แค่จ้องมองหลินเยวียนด้วยแววตาซับซ้อน
แย่งเหยื่อจากปากเสือ!
แรกเริ่มเดิมทีกู้เฉียงอวิ้นคิดว่าตัวแทนหลินยอมแพ้กับออเดอร์ของชีซิงไปแล้ว แต่กลับไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะหยิบออเดอร์ออกมาฟาดเรดมูนกับโลนวูล์ฟ สำแดงสิ่งที่เรียกว่าการแย่งเหยื่อจากปากเสือได้อย่างอัศจรรย์ พลอยให้ทุกคนอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง!
ตะลึงไปทั่วทุกหัวระแหง…
นี่เป็นความรู้สึกของกู้เฉียงอวิ้นในตอนนี้ และเป็นความรู้สึกของทุกคนในสตาร์ไลท์มิวสิก!
หลินเยวียนกลับทึกทักไปว่ากู้เฉียงอวิ้นมาเพื่อพูดคุยเรื่องออเดอร์ใหม่ จึงเอ่ยปาก
“ช่วงนี้ไม่รับออเดอร์นะครับ”
ต่อให้หลินเยวียนแทบจะอยากรับออร์เดอร์หลายสิบชิ้นในรวดเดียวให้รู้แล้วรู้รอด แต่เขาก็จำเป็นต้องข่มกลั้นความหุนหันพลันแล่นนี้ไว้
“ครับ…ครับ…”
กู้เฉียงอวิ้นรับปากอย่างเป็นมั่นเหมาะ ท้ายที่สุดก็ข่มความรู้สึกปั่นป่วนซึ่งถั่งโถมอยู่ในใจเอาไว้ได้ เพียงแค่ยิ้มเป็นเชิงรับปาก “ช่วงนี้ตัวแทนหลินลำบากจริงๆ พวกเราเองก็จะพยายามให้มากเหมือนกัน บริษัทได้ออเดอร์มาเพิ่มอีกนับไม่ถ้วน ก็มาจากน้ำพักน้ำแรงของตัวแทนหลินทั้งนั้น พวกเราจะรักษาโอกาสนี้ให้ดี!”
หลินเยวียนพยักหน้า
หลังจากกู้เฉียงอวิ้นออกไปได้ไม่นาน กู้ตงก็ปรากฏตัวที่ห้องทำงานของหลินเยวียน
แต่ก็เหมือนกับกู้เฉียงอวิ้น เธออ้าปากพะงาบ คำพูดนับหมื่นนับพันกลับติดอยู่ที่ลำคอ สุดท้ายแล้วก็เหลือเพียงรอยยิ้มซึ่งลักลั่นอยู่ระหว่างการประจบประแจงและการชื่นชมยกย่อง “ตัวแทนหลินดื่มชามั้ยคะ”
“ครับ”
หลินเยวียนจ้องมองหน้าจอคอมพิวเตอร์ ตอบไปอย่างไม่ต้องยั้งคิดโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นมา
เมื่อชงชาเสร็จ ขณะที่กู้ตงนำน้ำชาไปวางบนโต๊ะของหลินเยวียน ก็เห็นบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ของเขาเขียนว่า ‘ท่านพ่อมด ข้ามีสหายคนหนึ่ง วิญญาณหุนทั้งสองและวิญญาณพั่วทั้งเจ็ด[1]ของนางสลายไป หลงเหลือเพียงเศษเสี้ยวของหนึ่งวิญญาณหุน นับจนบัดนี้นางราวกับเป็นคนแกล้งตายไปสิบปี ข้าได้ยินมาว่าท่านพ่อมดมีวิชาฟื้นวิญญาณหุน ท่านพ่อมดได้โปรดช่วยชีวิตนางด้วย…’
เธอสะดุ้งโหยงไปทั้งตัว
หลังจากวางชาลง เธอก็เดินออกไปจากห้องทำงานของหลินเยวียนอย่างเงียบเชียบ
“ตัวแทนหลินพูดอะไรหรือเปล่า”
ไม่รู้ว่ากู้เฉียงอวิ้นโผล่มาจากไหนก็ไม่รู้ บางทีตั้งแต่ที่กู้ตงออกมาจากห้องทำงานของหลินเยวียน เขาก็คอยจับตามองกู้ตงมาตลอด
“ไม่ได้พูดค่ะ”
สีหน้าของกู้ตงฉายแววเคารพเลื่อมใส “แต่หนูคิดว่าจนถึงวันนี้หนูเพิ่งรู้ว่าตัวแทนหลินขยันขนาดไหน…”
“ขยัน?”
กู้เฉียงอวิ้นกล่าวด้วยความลังเล “ทำไมถึงพูดอย่างนั้นล่ะ”
สีหน้าของกู้ตงเคร่งขรึมจริงจังขึ้นมา “พ่อเคยบอกไม่ใช่เหรอคะ ว่าการอ่านนิยายเป็นวิธีหาแรงบันดาลใจของตัวแทนหลิน ตอนแรกหนูก็ไม่เชื่อ ตอนนี้ในใจกลับไม่รู้สึกสงสัยแม้แต่นิดเดียวเลยละ!”
กู้เฉียงอวิ้นเอ่ยด้วยความตกใจ “หมายความว่า?”
กู้ตงพยักหน้ารัว “ตัวแทนหลินกำลังหาแรงบันดาลใจอยู่ค่ะ!”
กู้เฉียงอวิ้นเอ่ยตามสัญญา “หมายความว่าเขาอ่านนิยายในเวลางานอีกแล้ว…”
“ไม่ได้อ่านนิยายค่ะ เรียกว่าหาแรงบันดาลใจ! พ่อพูดแบบนี้จะทำให้คนเข้าใจผิดนะคะ”
กู้ตงรีบทัดทานคำพูดของกู้เฉียงอวิ้นทันที “อ่านนิยายเป็นวิธีหาแรงบันดาลใจของตัวแทนหลิน เขาเพิ่งจะทำออเดอร์ชิ้นใหญ่สำเร็จ แต่ก็ไม่ได้พักเลยสักนิด ถ้าเทียบกับเขาแล้ว พวกเราทุกคนต้องรู้สึกละอายใจนะคะ!”
“จะว่าไปก็ถูก”
กู้เฉียงอวิ้นยอมรับว่าคำพูดของตนมีจุดผิดพลาด “ตัวแทนหลินขยันมากจริงๆ ไม่มีใครประสบความสำเร็จได้เพราะโชคช่วยหรอก!”
คนอื่นอ่านนิยายเพื่อผ่อนคลายยามว่าง
แต่ตัวแทนหลินอ่านนิยายเพื่อแสวงหาแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงาน
ทั้งสองคนมองไปยังห้องทำงานของหลินเยวียน ความเลื่อมใสยกย่องวาดผ่านบนใบหน้าอย่างห้ามไม่อยู่
……
อิทธิพลจากออเดอร์ของชีซิงนั้นมีมหาศาล
เนื่องจากมีเรดมูนและโลนวูล์มารับบทเป็นตัวประกอบของออเดอร์นี้ อันดับของสตาร์ไลท์มิวสิกก็ทะยานจากท้ายตาราง ขึ้นไปครองอันดับที่ 73 ในรวดเดียว!
อันดับใกล้เคียงโดยเฉพาะอันดับที่แปดสิบกว่าก็แทบคร่ำครวญโหยไห้
นับตั้งแต่สตาร์ไลท์มิวสิกเข้ามาเป็นหนึ่งในร้อยอันดับแรก จากอันดับรั้งท้ายก็พวยพุ่งขึ้นไปประดุจเร่งสุมกองกูณฑ์
บริษัทซึ่งอยู่อันดับด้านบนสักหน่อย แรกเริ่มเดิมทีล้วนคิดว่าเปลวไฟไหม้ไปถึงคนของบริษัทอันดับที่เก้าสิบกว่าเท่านั้น
ใครจะไปคิดล่ะว่า จู่ๆ ลมบูรพาจะพัดมาช่วยจนกองเพลิงลามมาถึงอันดับที่เจ็ดสิบกว่าแล้ว
ฟู่ๆๆ
ไม่ทันไรบริษัทอันดับที่แปดสิบกว่าได้กลายเป็นตัวตายแทนเป็นที่เรียบร้อย
ส่วนบริษัทซึ่งอยู่ในอันดับที่เก้าสิบกว่ารู้สึกเสียใจก็จริง แต่ขณะเดียวกันก็ยังรู้สึกสบายใจอย่างอธิบายไม่ถูก
พวกนายไม่อนาทรร้อนใจไม่ใช่เหรอ
ไม่เชื่อก็ลองเงยหน้ามองดู ว่าเซี่ยนอวี๋เผาข้ามหัวใครไปแล้วบ้าง!
รวดเร็วปานประหนึ่งยาพิษที่แผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย!
เมื่อบรรดาบริษัทอันดับที่แปดสิบกว่าถูกปลิดชีพไปแล้ว ความรู้สึกเป็นสุขยามที่ผู้อื่นมีทุกข์ก็ย้ายไปรวมอยู่ที่บริษัทซึ่งอันดับต่ำกว่า 50 เป็นที่เรียบร้อย!
นั่งไม่ติดแล้ว
หลายคนนั่งไม่ติดกันแล้ว
หลังจากที่สตาร์ไลท์มิวสิกโชว์สกิลเทพทะลวงชาร์ต ก็มีบริษัทมากขึ้นเรื่อยๆ ที่ไม่อาจยืนอยู่บนการจัดอันดับได้โดยไม่รู้สึกทุกข์ร้อน
บ้าน่ะ!
เรดมูนกับโลนวูล์ฟก็ตุ้บเหรอเนี่ย!
แล้วบริษัทอันดับที่ห้าสิบกว่าเหล่านี้จะเอาอะไรมารับประกันได้ล่ะว่าตำแหน่งของพวกตนจะปลอดภัย
ถึงแม้หากยึดตามหลักเหตุผลทั่วไปแล้ว ถ้าสตาร์ไลท์มิวสิกอยากฮึดสู้ต่อไปเพื่ออันดับที่สูงกว่านี้ นั่นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ทว่าในตอนนี้ไม่มีใครคาดการณ์แนวโน้มของบริษัทนี้ได้จากประสบการณ์ที่สั่งสมมาแล้ว
การมีอยู่ของเซี่ยนอวี๋นั้นเป็นความอภินิหาร ไม่ใช่สิ่งที่วิทยาศาสตร์สามารถพิสูจน์ได้!
เพราะฉะนั้น
พรึ่บ!
บริษัทที่คิดว่าอันดับของตนกำลังสุ่มเสี่ยง ก็เปิดประชุมเร่งด่วน โดยมีเป้าหมายที่ง่ายดายจนแทบเรียกว่าบริสุทธิ์เลยก็ได้ นั่นก็คือ
ปีนขึ้นอันดับที่สูงกว่านี้!
หาที่ปลอดภัย!
ถึงขั้นที่มีคนเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า ‘เซี่ยนอวี๋เอฟเฟ็กต์’
แน่นอนว่านี่เป็นคำเรียกที่ล้อมาจาก ‘แคตฟิชเอฟเฟ็กต์[2]’
คนบางพื้นที่ที่บนบลูสตาร์ชอบกินปลาซาร์ดีน โดยเฉพาะปลาเป็นๆ
ตามท้องตลาด ราคาของปลาสดที่ยังมีชีวิตนั้นจะสูงกว่าปลาตาย ดังนั้นชาวประมงมักจะสรรหาสารพัดวิธีเพื่อนำปลากลับขึ้นท่าเรือในสภาพที่ยังมีชีวิตอยู่
แม้ว่าจะพยายามด้วยวิธีต่างๆ นานา แต่ก็ยังมีปลาซาร์ดีนบางส่วนที่ตายเพราะขาดอากาศหายใจระหว่างทาง
ภายหลัง มีคนใส่ปลาดุกซึ่งกินปลาเป็นอาหารลงไปในบ่อเก็บปลาซาร์ดีน
เมื่อปลาซาร์ดีนเห็นปลาดุก ก็ว่ายน้ำหลีกหนีอลหม่านกันไปตลอดทาง ส่วนมากยังคงมีแรงว่ายน้ำกระโดดไปจนถึงท่าเรือ ปัญหาเรื่องปลาขาดอากาศหายใจจึงเป็นอันแก้ไข
ดูเอาก็แล้วกัน
บริษัทซึ่งดิ้นรนเพื่อให้ไม่ถูกสตาร์ไลท์มิวสิกเบียดตกอันดับ เหมือนกับปลาซาร์ดีนตัวจ้อยซึ่งมีความพยายามเอาชีวิตรอดสูงมากใช่ไหมล่ะ
นี่แหละเซี่ยนอวี๋เอฟเฟ็กต์!
และหลังจากการเคลื่อนไหวของบริษัทเหล่านี้ บริษัทซึ่งอยู่อันดับสูงขึ้นไปอีกก็พลอยสัมผัสได้ถึงภัยคุกคาม
อันดับที่เจ็ดสิบกว่าอยู่ห่างจากอันดับที่ห้าสิบกว่าก็จริง
แต่อันดับที่สามสี่สิบกลับใกล้กับอันดับที่ห้าสิบกว่ามาก
ตอนนี้เห็นบริษัทอันดับที่ห้าหกสิบคล้ายกับพยายามเบียดขึ้นมาสุดชีวิตด้วยความตื่นตระหนก จะไม่ให้บริษัทซึ่งอยู่ด้านหน้าเริ่มหวั่นวิตกได้อย่างไร
ปฏิกิริยาของคนกลุ่มหนึ่งส่งผลต่อคนอีกกลุ่มหนึ่ง
ในตารางถึงกับกระต่ายตื่นตูมไปตามๆ กัน!
นับตั้งแต่ที่การจัดอันดับผู้รับงานในฉีโจวก่อตั้งขึ้น นี่เห็นจะเป็นครั้งแรกที่ทั้งชาร์ตเปลี่ยนแปลงไปเพียงเพราะบริษัทท้ายตาราง
แน่นอน
ทุกคนกลายเป็นคน ‘ฉี’ กลัวฟ้าถล่ม[3]
ช่วงนี้หลินเยวียนไม่มีแผนจะรับออเดอร์ใหม่
และถ้าหลินเยวียนไม่ออกโรง สตาร์ไลท์มิวสิกก็ยังคงเป็นบริษัทที่ไม่ได้น่ากลัวสักเท่าไหร่
อย่างไรก็ดี
เมื่อออเดอร์จำนวนมหาศาลทะลักทลายเข้ามา สตาร์ไลท์มิวสิกก็ได้รับโอกาสในการเติบโตอย่างที่ไม่เคยได้รับมาก่อน
จนกระทั่งตอนนั้นเอง
แอ่งน้ำนิ่งอย่างสตาร์ไลท์มิวสิกเริ่มมีวี่แววว่าจะถูกกวนให้ขุ่น
เพราะตัวหมากอย่างบริษัทย่อยซึ่งสำนักงานใหญ่สตาร์ไลท์ในฉินโจวจัดตั้งขึ้นมา ก็คล้ายกับว่าจะถูกนำกลับมาบนกระดานแล้ว
………………………………………….
[1] วิญญาณหุนทั้งสองและวิญญาณพั่วทั้งเจ็ด มาจากความเชื่อโบราณของจีนว่ามนุษย์เรามีวิญญาณสองส่วนที่เรียกว่าหุน(魂)หรือพั่ว(魄) มนุษย์ปกติแล้วจะมีสามหุนและเจ็ดพั่ว
[2] แคตฟิชเอฟเฟ็กต์ (Catfish Effect) หรือเอฟเฟ็กต์ปลาดุก เป็นกลยุทธ์ซึ่งใช้คู่แข่งซึ่งแข่งแกร่งกว่า มาสร้างแรงกระตุ้นให้ผู้ที่อ่อนแอกว่ามีแรงผลักดัน โดยคำว่าปลาดุกในภาษาจีนกลางออกเสียงว่า ‘เหนียนอวี๋’ จึงนำมาล้อกับนามปากกา ‘เซี่ยนอวี๋’ ของหลินเยวียน
[3]คนฉีกลัวฟ้าถล่ม ล้อมาจากสำนวนว่า คนฉี่(คนรัฐฉี่)กลัวฟ้าถล่ม เปรียบเปรยถึงความกลัวหรือวิตกกังวลต่อเรื่องที่ไม่จำเป็นต้องกลัว หรือเรื่องที่ยังไม่เกิดขึ้น