Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน - ตอนที่ 340 พ่ายแพ้หมดรูป
นิยาย Eternal Reverence
บทที่ 340 พ่ายแพ้หมดรูป
พ่ายแพ้หมดรูป
ปิสส! ปัง!
ดาบเหล็กดําขนาดใหญ่ฟาดฟันไปยัง กรงเล็บของปีศาจสีฟ้าซีดส่งผลทําให้มันแตกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยราวกับ เต้าหูที่ถูกหมัดต่อย
เมื่อดาบเหล็กดําได้ฟันไปยังหัวของปี ศาจสีฟ้าซีดตนนั้น มันก็ให้ความรู้สึกราวกับว่าเขาได้เฉือนผิวหนังที่ไม่สามาร ถทําลายได้ แม้แต่ผิวชั้นนอกของปีศาจสีฟ้าซีดก็ยังไม่เกิดรอย ขณะที่ตัวดาบ เหล็กดําเองกลับสลายไปด้วยพลังป้องกันของปีศาจสีฟ้าซีด
เมื่อปีศาจมาถึงระดับที่ 4 พวกมันก็ไม่ สามารถอธิบายได้ด้วยแค่คําว่า “ทรงพลัง” อีกต่อไป พวกมันเป็นสิ่งที่น่าหวา ดกลัวและสมบรูณ์แบบเกินไป
“อืม นี่คือปีศาจระดับ 4 ?”
หลี่ฟูเฉินไม่เคยคิดอยู่แล้วว่าการที่เขา ใช้นิกายต้นกําเนิดดาบด้วยพลังฉีดาบเหล็กดํา จะสามารถสังหารปีศาจระดับ 4 ได้ เนื่องจากหากสังหารมันได้จริงๆ มันจะดูเพ้อฟันไปหน่อย อย่างไรก็ตามมัน อาจจะแตกต่างออกไป หากเขาใช้นิกายต้นกําเนิดดาบด้วยพลังฉีดาบทองแดง เขาอาจจะสามารถสร้างความเสียหายให้กับปีศาจระดับ 4 ได้หากเขาใช้ดาบพ ลังฉีทั้งหมดราวๆ 3000 เล่ม
เขาก็แค่อยากจะสัมผัสกับพลัง และ กระบวนการทํางานของนิกายต้นกําเนิดดาบให้มากกว่านี้
เขาถอยกลับออกมาอย่างรวดเร็ว ระยะ ห่างระหว่างหลี่ฟูเฉินและปีศาจสีฟ้าซีดห่างออกจากกันมากขึ้นอีกครั้ง ในขณะ เดียวกันนั้นเอง นักสู้ขอบเขตสวรรค์ระดับสูงมากกว่ายี่สิบคน รวมถึงนักสู้ขอบ เขตสวรรค์ระดับสูงสุดทั้งหมดเองก็เข้ารายล้อมปีศาจสีฟ้าซีดตนนี้และโจมตีไป ยังมันอย่างรุนแรง แม้ว่าปีศาจสีฟ้าซีดตนนี้จะเป็นระดับ 4 แต่มันก็ไม่สามารถป้องกันการโจมตีทั้งหมดที่เข้ามาได้ ขณะที่ร่างกายของมันเริ่มมีรอยเลือดปรากฏขึ้น
ถูกต้อง มันเป็นเพียงรอยของเลือด
ปีศาจระดับ 4 มีร่างกายที่มีพลังป้อ งกันแข็งแกร่งอยู่แล้ว และนอกเหนือจากนี้เกราะพลังฉีของมันเองก็แข็งแกร่ งมากด้วยเช่นกัน มันไม่มีทางเป็นไปได้อยู่แล้วที่จะทําลายเกราะป้องกันของมันได้ในเวลาสั้นๆ เว้นแต่พลังฉีปีศาจขอ งมันจะแห้งเหือดไป
อย่างไรก็ตาม หากจะให้พลังฉีมันเหี อดแห้ง ปีศาจระดับ 4 ตนนี้ต้องไม่ได้กินเลือดหรือเนื้อใดๆ หากไม่เช่นนั้นแล้ว แม้แต่อาการบาดเจ็บของมันก็จะฟื้นตัวอย่างรวดเร็วและพลังฉีปีศาจของมันก็จะ ค่อยๆ ถูกเติมเต็ม
สามารถกล่าวได้ว่าปีศาจเป็นสิ่งมีชีวิต ที่สมบูรณ์แบบที่สุดในด้านการต่อสู้ซึ่งนี่เองก็เป็นสิ่งที่สัตว์ปีศาจและมนุษย์ไม่สา มารถเทียบเคียงได้
เมื่อเวลาผ่านไป พลังฉีของปีศาจสีฟ้า ซีดก็ลดลงไปมาก
เมื่อพลังฉีปีศาจของมันเหลือน้อย เช่น นั้นแล้วนั่นก็จะเป็นเวลาตายของมัน
“เทคนิคเพลิงโลกันต์ของข้าเกือบจะ ตัดผ่านขั้นที่ 19 แล้ว
ช่องว่างระหว่างขั้นที่ 18 และขั้นที่ 19 ของเทคนิคเพลิงโลกันต์นั้นแตกต่างกันมากเกินไป หลี่ฟูเฉินอาจจะตัดผ่านเข้า สู่ขอบเขตสวรรค์ได้แล้วก็จริงแต่เทคนิคเพลิงโลกันต์เองก็ไม่ได้พัฒนา ขึ้นในทันที แต่หลังจากการต่อสู้อันดุเดีอด เขาก็รู้สึกได้ว่าเทคนิคเพลิงโลกันต์มีสัญญาณของการพัฒนา
เมื่อเทคนิคเพลิงโลกันต์ทะลวงไปถึง ขั้นที่ 19 ความแข็งแกร่งที่หลี่ฟูเฉินแสดงออกมาได้ก็จะเป็นระดับสูงสุดของขอบ เขตสวรรค์ในทันที
ที่เขารู้สึกได้ว่ามันพัฒนา ก็เพราะ เทคนิคเพลิงโลกันต์เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าแม้จะมาถึงระดับสูงสุดของขอบ เขตสวรรค์ แต่ก็มันก็ยังไม่เพียงพอที่จะพัฒนาเทคนิคต่อไปได้ ผู้ที่อยู่ระดับสูง สุดของขอบเขตสวรรค์ส่วนมากฝึกเทคนิคเปลวเพลิงโลกันต์ก็จะมาถึงแค่ 18 และหากจะก้าวข้ามขั้นต่อไป ผู้ฝึกฝนจะต้องมีทักษะต่อสู้ระดับลึกลับขั้นสูงสุ ดที่ฝึกฝนถึงขั้นดีเลิศก่อนเทคนิคถึงจะมีสัญญาณของการพัฒนา
แต่นี่เป็นเพียงกรณีของนักสู้ระดับสูงสุดขอบเขตสวรรค์ธรรมดาๆ เท่านั้น
สําหรับนักสู้ขอบเขตสวรรค์ระดับสูงสุด เช่นจ้าวหวูจิน เขานั้นถือเป็นอัจฉริยะชั้นยอด
ก่อนหน้านี้ หลี่ฟูเฉินไม่เข้าใจความ แข็งแกร่งของจ้าวหอูจิน เขาจะเข้าใจมันได้ก็ต่อเมื่อได้ก้าวมาสู่ขอบเขตสวรรค์ แบบนี้ ได้รู้ว่าชายสวมหน้ากากหมาป่าผู้นั้นเองก็ด้อยกว่าจ้าวหวูจินมาก 3604
หลี่ฟูเฉินคิดว่าเทคนิคการฝึกฝนของชายสวมหน้ากากหมาป่านั้นอยู่ขั้นที่ 17 และทักษะต่อสู้ระดับลึกลับขั้นสูงสุดของเขานั้นอย่างดีหน่อยก็อยู่แค่ในขั้นดีเลิศ
เท่านั้น
ผู้ฝึกตนในเส้นทางของเต่ปีศาจโดย ทั่วไปแล้วจะมีระดับเทคนิคบ่มเพาะต่ํากว่าความเชี่ยวชาญด้านทักษะต่อสู้เนื่องจากขอบเขตพลังบ่มเพาะของพวก เขาเพิ่มขึ้นเร็วเกินไปและพวกเขาไม่มี เวลาที่จะทําให้มันเสถียร
แน่นอน ด้วยความดีความชอบจากไข่ มุกโลหิต ความแข็งแกร่งของผู้ฝึกจนใน เส้นทางเต๋ปีศาจจึงค่อนข้างน่ากลัว นอกจากอัจฉริยะชั้นยอดและนักสู้อย่าง จ้าวหวูจิน ก็คงไม่มีใครเทียบได้ หากพวกเขาอยู่มีระดับฝึกฝนในระดับเดีย วกัน
รอยเลือดของปีศาจสีฟ้าซีดมีปริมาณ เพิ่มขึ้น และเริ่มลึกขึ้นเรื่อยๆ
ปิสส!
ในที่สุด นักสู้ขอบเขตสวรรค์ระดับ สูงสุดก็สร้างบาดแผลขนาดใหญ่บนร่างของปีศาจสีฟ้าซีดได้ ส่งผลทําให้โลหิตสีน้ําเงินซีดกระจายไปทั่ว
“พวกมนุษย์น่ารังเกียจ ข้าจะฆ่าพวก เจ้าให้หมด!”
ปีศาจสีน้ําเงินซีดโกรธจัด ร่างขนาด ใหญ่ของมันหดตัวลงอย่างกะทันหันและมีแสงวาบปรากฏขึ้น มันพุ่งไปหานักสู้ระดับที่ 8 ของขอบเขตสวรรค์
ปีศาจสีน้ําเงินซีดจับไปที่ลําตัวของ เขา และเตรียมตัวที่จะจับเขากิน
ฉีก!
แสงดาบเจิดจ้าพุ่งไปที่คอของปีศาจสี ฟ้าซีด ส่งผลทําให้มันกระเด็นออกไปด้วยความเจ็บปวด และปล่อยมนุษย์คน นั้นออกจากมือ
คนที่ทําให้มันกระเด็นออกไปก็คือหลี่ ฟูเฉิน ความแข็งแกร่งในการต่อสู้ของเขาไม่อาจเทียบได้กับนักสู้ระดับสูงสุด ของขอบเขตสวรรค์ แต่ในแง่ของการสร้างความน่ารําคาญ เขาเหนือกว่านักสู้ระ ดับสูงสุดของขอบเขตสวรรค์ซะอีก
ปิสส ปิสส ปิสส ปิสส ปิสส…
ขณะนั้นเองปีศาจสีฟ้าซีดได้ปลดปล่อ ยสภาวะพลังฉีออกมาอย่างรุนแรงจากสิ่งนี้ทําให้เกราะพลังฉีที่มันมีบางลงมาก ส่งผลให้การสร้างบาดแผลกับมันทําได้ ง่ายขึ้น
เมื่อจังหวะสุดท้ายมาถึงแม้แต่นักสู้ระ ดับที่ 7 และ 8 ของขอบเขตสวรรค์ก็สา มารถทําร้ายมันได้
“ตาย!”
ด้วยการที่ทุกคนร่วมมือกันและมีจุดป ระสงค์เหมือนกัน ในที่สุดปีศาจสีฟ้าซีดก็พบกับจุดจบที่น่าเศร้า ก็ในเมื่อศีรษะ และหัวใจของมันถูกเจาะและถูกฟันออกเป็นชิ้นๆ
การกระทํานี้กลายมาเป็นขวัญกําลังใจ ที่ยิ่งใหญ่สําหรับทุกคน ก็ในเมื่อพวกเขาเพิ่งสังหารปีศาจระดับ 4 ลงได้ จากสิ่งนี้ ส่งผลทําให้สถานการณ์โดยรวมของสนามรบดูเบาขึ้นเล็กน้อย
แต่ทุกคนเข้าใจว่าการมีส่วนร่วมของห ลี่ฟูเฉินนั้นเป็นสิ่งที่ทําให้ทุกอย่างดําเนินมาถึงจุดนี้ได้
เพราะหลี่ฟูเฉิน พวกเขาจึงสามารถจัด การกับคืนดับสังหารได้อย่างรวดเร็วเพราะหลี่ฟูเฉิน คนกลุ่มนี้จึงสามารถสังหาร ปีศาจระดับ 4 ได้อย่างต่อเนื่องตอนนี้ มันเป็นเพราะหลี่ฟูเฉินที่หยุดปีศาจระดับ 4 จากการกินเลือดและเนื้อลงได้ซึ่งนี่ก็เป็นสิ่งที่เร่งให้ปีศาจตายได้เร็วขึ้น ไม่เช่นนั้นแล้วการต่อสู้จะล่าช้าไปอีกช่วง หนึ่งก่อนที่พวกเขาจะสามารถสังหารปีศาจลงได้
ด้วยปรากฏการณ์การกลิ้งของบอลหิมะความสมดุลของพื้นที่นี้ค่อยๆ เปลี่ ยนไป ปีศาจและสัตว์ปีศาจกําลังตกอยู่ ในความเสียเปรียบ
น่าเสียดายที่มันยังเร็วเกินไปที่ทกคนจะมีความสุข
ผู้ที่กําหนดสถานการณ์ของการสู้รบคือ ผู้ที่อยู่ในขอบเขตหวนคืนต้นกําเนิด
และในด้านความแข็งแกร่งในการต่อสู้ ของผู้ที่อยู่ในขอบเขตหวนคืนต้นกําเนิดนั้นเป็นข้อเสียเปรียบของร้อยนิกายอย่างแท้จริง
สัตว์ปีศาจระดับ 5 ขั้นต่ําและขั้นกลาง นั้นจัดการได้ง่าย แต่สัตว์ปีศาจระดับ 5 ขั้นสูงนั้นสําหรับนักสู้ขอบเขตหวนคืนต์ นกําเนิดระดับสูงเป็นสิ่งที่ยากหากรับมือกับมันเพียงลําพัง สําหรับสัตว์ปีศาจระ ดับ 5 ขั้นสงสด มันจะต้องมีนักสู้ขอบเขตหวนคืนต้นกําเนิดระดับสูงสุดหลายคนถึงจะสามารถจัดการกับมันได้
ทางด้านร้อยนิกาย มีนักสู้ขอบเขต หวนคืนต้นกําเนิดระดับสูงสุดน้อยจนน่าสมเพช ซึ่งหากรวมกันแล้วก็นับได้ไม่ เกินสิบคน
นอกจากนี้พลังต่อสู้ส่วนบุคคลของนักสู้ขอบเขคหวนคืนต้นกําเนิดระดับสูง สุดเองก็ไม่สามารถเทียบกับสัตว์ปีศาจ ระดับ 5 ขั้นสูงสุดได้เลยนับประสาอะไรกับการไปเทียบกับปีศาจระดับ 5
เหตุผลหลักคือเทคนิคบ่มเพาะและ ทักษะต่อสู้
นักฆสู้ของมนุษย์จําเป็นต้องฝึกฝน เทคนิคและทักษะต่อสู้เพื่อต่อสู้กับสัตว์ปีศาจหากเทคนิคบ่มเพราะหรือทักษะ ต่อสู้ของพวกเขาอ่อนแอเกินไปก็คงไม่จําเป็นต้องกล่าวสิ่งใดให้มาก พวกเขา จะถูกบดขยี้แน่นอน
พวกเข
ในช่วงเริ่มต้นของขอบเขตหวนคืนต์ นกําเนิด นักสู้สามารถพึ่งพาเทคนิคบ่มเพาะระดับลึกลับขั้นสูงสุดและทักษะ ต่อสู้เพื่อทําการต่อสู้กับสัตว์ปีศาจได้แต่ระยะต่อจากนั้นของขอบเขตหวนคืน นกําเนิด เทคนิคบ่มเพาะระดับลึกลับขั้นสูงสุดและทักษะต่อสู้ในชั้นเดียวกันก็ ไม่อาจที่จะสร้างความแตกต่างได้อีกแล้วก็ในเมื่อพวกเขาต้องการเทคนิคบ่มเพาะระดับปฐพีขั้นต่ําและทักษะต่อสู้ระ ดับปฐพีขั้นต่ําเป็นอย่างน้อยเพื่อจัดการกับสัตว์อปีศาจหรือปีศาจให้ได้ด้วยตัวเอง
เช่นเดียวกับเกอไผ่ที่ใช้ท่ากระบี่ระดับ ปฐพีขั้นต่ําเพียงครั้งเดียว แยกทะเลและภูเขาออกจากกันเอาชนะกระทิงปีศาจที่แข็งแกร่งได้ในกระบวนท่าเดียว นี่คือพ ลังของทักษะต่อสู้ระดับสูง
ในยุคนี้ เทคนิคบ่มเพาะระดับปฐพีและ ทักษะต่อสู้ระดับปฐพี่นั้นหายากมากแล้วเฉพาะกองกําลังสิบอันดับแรกเท่านั้นที่ เหมือนจะรักษาสิ่งที่ดูเลือนลางเหล่านี้เอาไว้ได้ และพวกมันทั้งหมดก็ยังไม่สม บูรณ์อีกด้วย นอกจากนี้ สิบอันดับแรกเหล่านี้ไม่มีทางที่จะแบ่งปันสิ่งนี้กับนิกาย อื่น เนื่องจากนี่เป็นเหตุผลหลักที่ว่าพวกเขาสามารถรักาตําแหน่งของตัวเองใน ทวีปนี้ได้ยังไงพวกเขาจะไม่มีทางเปิดเผยมันออกมาง่ายๆ
บูมม!
ในสภาพแวดลอมที่ดูขมุกขมัวนี้ มี ลําแสงสีดําสนิทสว่างขึ้นในใจกลางสนามรบทันทีหลังจากนั้นมันก็กินพื้นที่หลายสิบไมล์ในบริเวณใกล้เคียง
ทุกสิ่งที่อยู่ในระยะหลายสิบไมล์นี้ถูก ทําลาย แสดงให้เห็นว่าพลังนั้นน่ากลัวเพียงใด
ฟื้บ ฟีบ พืบ…
มีร่างบินออกมาจากลําแสงสีดําสนิท มีเลือดไหลออกมาจากมุมปากของพวกเขาพวกเขาเป็นนักสู้ขอบเขตหวนคืนต์ นกําเนิดระดับสูงสี่คน ที่มาจากนิกาย วายุเหมันต์
ขณะที่ลําแสงสีดําสนิทดับลง ปีศาจที่ ดุร้ายขนาดยักษ์ใหญ่ก็ปรากฏตัวขึ้น
ปีศาจตนนี้มีเกล็ดสีดําละเอียด มันไม่มี เขา แต่มีชั้นเปลือกหนาที่ปกป้องกะโหลกศีรษะเอาไว้ เปลือกนั้นคงอยู่ราวกับ ว่าตัวมันเป็นหมวกนิรภัย ดวงตาที่ดุร้ายของมันทําให้เกิดความหนาวยะเยือก เย็นและความน่าสะพรึงกลัวไม่รู้จบ
“แม้แต่ค่ายกลวายุเหมันต์ลึกลับก็ไม่ สามารถปิดกั้นได้!“ผู้เฒ่าผมหงอกมีท่าทางที่น่ากลัว
ทั้งสี่คนเป็นผู้อาวุโสสูงสุดของนิกาย วายุเหมันต์และเทคนิคบ่มเพาะของพวกเขาเป็นเทคนิคระดับปฐพีขั้นต่ําที่ไม่สม บูรณ์
ตอนแรกพวกเขาคิดว่าถ้าทั้งสี่ร่วมมือ กันพร้อมกับใช้ค่ายกลวายุเหมันต์ลึกลับมันก็เพียงพอแล้วที่จะปราบปรามปีศาจ ระดับ 5 แต่ความจริงได้พิสูจน์แล้วว่ามันไม่เพียงพอ
ความแข็งแกร่งของปีศาจระดับ 5 ได้ เกินจินตนาการของพวกเขาไปแล้ว
เว้นแต่ว่าทั้งสี่คนจะเพิ่มขึ้นของเทคนิ คบ่มเพาะขึ้นกันคนละขั้น พวกเขาก็จะสามารถสกดข่มมันได้
“สําหรับการขัดขวางข้าได้เป็นเวลานา นเช่นนี้ พวกเจ้าทุกคนทําได้ดีทําได้ดี”ปีศาจเกล็ดดําเลียริมฝีปากของมัน
มันเป็นมือขวาของราชาเขาปีศาจ ใน สิบภูมิภาคปีศาจ นอกจากจักรพรรดิ์ของแต่ละภูมิภาคแล้ว ผู้อื่นย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้ ของมัน และท่ามกลางเหล่ามนุษย์เหล่านี้เอง มันก็มั่นใจมากว่าหากเป็นการต่อสู้หนึ่งต่อหนึ่งมันย่อมไม่มีทางพ่ายแพ้ใคร
“อย่างไรก็ตาม พวกเจ้าทุกคนสมควรตาย!
ปีศาจเกล็ดดยกกําปั้นขึ้น แสงสีดํา สนิทไหลมาบรรจบกัน
บูมม!
หลังจากที่ปล่อยหมัดออกไป แสงสี ดําสนิทก็กลืนกินทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ข้างหน้าไปนั้นรวมทั้งผู้อาวุโสสูงสุด คนจากนิกายวายุเหมันต์ด้วยเช่นกัน
ออก ออก ออก…
ผู้อาวุโสสูงสุดสี่คนของนิกายวายุเหมั นต์ต่างก็อาเจียนเลือดสดออกมาและบินถอยหลังกลับไป
ปีศาจเกล็ดดําไล่ตามอย่างไม่เร่งรีบ ระหว่างทาง เขาได้ชี้นิ้ว และซื้ออกไปซ้ําๆ
ฉีก ฉีก ฉีก ฉีก ฉีก…
ลําแสงสีดําจํานวนนับไม่ถ้วนถูกยิง ออกไป ในขณะที่นักสู้ขอบเขตสวรรค์ระดับสูงและระดับสูงสุดถูกฆ่าตายไปทีละ คน มีหลายครั้งที่กลุ่มเล็กๆ ถูกสังหารด้วยลําแสงเพียงแค่เส้นเดียว ลําแสงสี ดําอาจดูเล็ก แต่เมื่อตกลงบนพื้นมันก็เพียงพอแล้วที่จะระเบิดพื้นให้เป็นหลุม ที่มีความลึกถึง 100 เมตร ไม่มีนักสู้ขอบเขตสวรรค์คนไหนสามารถต้านทานได้เลย แม้แต่กระทั้งสะเก็ดพลังฉีที่อยู่ป ลายสุดก็ทําให้ร่างกายของพวกเขาแตกเป็นเสี่ยงๆ ได้
ในความเป็นจริงแล้ว ปีศาจเก ล็ดดําได้สังหารผู้เชี่ยวชาญขอบเขต หวนคืนต้นกําเนิดระดับต่ําได้สําเร็จ
การโจมตีจากปีศาจเกล็ดดําทําให้ร้อย นิกายตกอยู่ในชะตากรรมที่เลวร้าย
“ถอย!”
ผู้อาวุโสสูงสุดของหุบเขานิรันดร์รับรู้ ได้ถึงสถานการณ์ที่เป็นเขาไม่มีทางเลือ กอื่นนอกจากต้องสั่งให้ถอยทัพชั่วคราว
ตราบใดที่ถอยกลับไปยังเขตภูเขารก ร้างได้ โดยปกติแล้วปีศาจและสัตว์ปีศาจจะไม่ไล่ตามต่ออีก เนื่องจากที่ นั้นเป็นหนึ่งในทัพรักษาการณ์ของร้อยนิกาย
“แพ้แล้ว?”
มองดูคลื่นของสัตว์ปีศาจและปีศาจ เองก็ผสมปนเปกันอยู่มั่วไปหมดเห็นสิ่งนี้หลี่ฟูเฉินถอนหายใจออกมาด้วยอา รมณ์
อันที่จริงร้อยนิกายได้เปรียบเป็นอย่าง มากเมื่อก่อนหน้านี้ แต่ปีศาจระดับ 5 ตัวเดียวก็เพียงพอที่จะเอาชนะร้อยนิกายได้โดยไม่มีปัญหาใดๆ เลย
โกลาหล
โกลาหลจนถึงที่สุด
ทุกคนหนีกันอย่างไร้ระเบียบแบบแผน นักสู้ขอบเขตปฐพีและขอบเขตสวรรค์จํานวนมากของร้อยนิกายถูกสังหาร เรา ต้องจ่ายราคาสําหรับความพ่ายแพ้ใน การต่อสู้เสมอ
“สี่สี่ ตาย!”
ปีศาจระดับ 4 มุ่งเป้าไปที่หลี่ฟูเฉิน หวังจะสังหารเขาให้ได้อย่างรวดเร็ว
ดวงตาของหลี่ฟูเฉินเปล่งประกายด้วย ความเฉลียวฉลาด ขณะที่เขาตอบโต้มันด้วยการฟันออกไป
ปิสส!
หัวขนาดมหึมาหล่นลงพื้น หลี่ฟูเฉิ นสังหารปีศาจระดับ 4 ได้ในดาบเดียวทั้งยังทําได้อย่างไม่ยากเย็น
ความแข็งแกร่งที่แสดงออกมาของหลี่ ฟูเฉินอยู่ที่ระดับ 9 ของขอบเขตสวรรค์แต่เมื่อเขาได้ใช้ไพ่ตายของเขา บทดาบ ไร้สมบูรณ์ แก่นแท้ดาบทองแดงความแข็งแกร่งของเขาก็เพิ่มขึ้นทันที
มันไม่ใช่เรื่องตลกเมื่อพลังฉีหยางพิ สุทธิ์ระดับ 4 ดาวถูกเสริมด้วยแก่นแท้ดาบทองแดงระดับ 6 ดาวเพราะแค่ 2 สิ่งนี้ก็เพียงพอแล้วสําหรับหลี่ฟูเฉินสําหรับการสังหารปีศาจระดับ 4 ได้ในทันที
ด้วยสถานการณ์ที่โกลาหลเช่นนี้หลี่ฟูเฉินจึงไม่ต้องกังวลว่าจะมีใครสังเกต เห็นเขา เนื่องจากคนส่วนใหญ่เวลาจะหนีก็แทบยังไม่มี นับประสาอะไรกับการมาสังเกตเขา