ประโยชน์ของการมีสติที่น่ากลัวคืออะไร?
นั้นก็คือการได้รับข้อมูลมากมาย
สติที่น่ากลัวหมายถึงการรับรู้ของหลี่ฟู่เฉินเองก็จะแข็งแกร่งขึ้น
สติที่น่ากลัวยังหมายถึงความสามารถในการคิดของหลี่ฟู่เฉินเองก็จะแข็งแกร่งขึ้นเช่นกัน ความสามารถในการคิดของคนหนึ่งนั้นเกี่ยวข้องกับการรับรู้ของคนๆ หนึ่ง
เปิดดวงตาออก หลี่ฟู่เฉินตื่นขึ้นมา
มองเห็นหลี่ฟู่เฉินตื่นขึ้นมา ‘หลี่หวูเซี่ย’ และวิญญาณปีศาจตนอื่นๆ กล่าวขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียง
สภาวะพลังฉีที่ถูกปล่อยออกมาจากร่างกายของหลี่ฟู่เฉินอาจจะไม่เหมือนกับอาจารย์ของพวกเขา แต่พวกเขาก็ไม่แม้แต่จะคิดว่าอาจารย์ของพวกเขาจะล้มเหลว
หลี่ฟู่เฉินตอบอย่างเฉยเมย “อาจารย์ของพวกเจ้าตายไปแล้ว”
“เจ้าไม่ใช่ท่านอาจารย์? นี่เป็นไปได้อย่างไร?”
‘หลี่หวูเซี่ย’ และวิญญาณปีศาจที่เหลือแสดงอาการเหลือเชื่อออกมา
อาจารย์ของพวกเขาอาจจะจากไปและเหลือเพียงแต่วิญญาณแท้จริง และอาจจะด้อยกว่ามากเมื่อเทียบกับตอนจุดสูงสุดของท่านอาจารย์ แต่เพื่อยึดร่างของนักสู้ขอบเขตปฐพี มันไม่ควรมีอุบัติเหตุหรือการล้มเหลวใดๆ… แม้ว่ามันจะเป็นร่างของนักสู้ขอบเขตสวรรค์ ด้วยความสามารถของท่านอาจารย์ มันก็ไม่ควรมีปัญหาเช่นกัน
‘หลี่หวูเซี่ย’ และ ‘ฟูจงชาน’ พุ่งเข้าหาหลี่ฟู่เฉินในเวลาเดียวกัน
ด้วยดาบที่ชักออกมาจากฝัก แสงดาบก็ได้ตวัดผ่านออกไป ราวกับว่าการโจมตีจาก ‘หลี่หวูเซี่ย’ และ ‘ฟูจงชาน’ นั้นได้จมลงไปในบึง พวกเขาไม่สามารถใช้ความแข็งแกร่งแต่เดิมของเขาได้ประมาณ 30% และการโจมตีของพวกเขาก็ถูกป้องกันอย่างง่ายดายจากหลี่ฟูเฉิน
จิตสำนึกที่น่าหวาดหวั่นทำให้หลี่ฟูเฉินสามารถกำหนดวิถีการโจมตีจาก ‘หลี่หวูเซี่ย’ และ ‘ฟูจงชาน’ ได้ในทันที หลี่ฟู่เฉินก้าวล้ำอยู่หนึ่งก้าวเสมอสำหรับการโจมตีที่เข้ามา ส่งผลทำให้พวกนั้นไม่สามารถใช้พลังที่แท้จริงของพวกเขาได้
“สามารถป้องกันการผสานการโจมตีจากพวกเราได้จริงๆ?”
‘ฟูจงชาน’ กลายเป็นตกตะลึง เขารู้ว่าความสามารถของหลี่ฟู่เฉินนั้นด้อยกว่าเขามากในอดีต เกิดอะไรขึ้นกับความสามารถของเขาทำไมมันถึงได้พัฒนาอย่างก้าวกระโดดเช่นนี้?
วิชาดาบเก้าโคจรถูกใช้ออกเพื่อป้องกันและโจมตี เมื่อดาบหมุนครบเก้าครั้งมันก็เพียงพอที่จะต่อต้านการโจมตีใดๆที่เข้ามา แล้วใช้พลังของการโจมตีเหล่านั้นเพื่อกลับไปหาศัตรูด้วยพลังที่แข็งแกร่งกว่า ซึ่งหมายความว่าหากพลังของศัตรูแข็งแกร่งมาก พลังที่จะสะท้อนออกไปก็จะมากตามไปด้วย
แสงดาบสองแสงสะท้อนกลับมา มันเข้ามาเจาะ ‘หลี่หวูเซี่ย’ และ ‘ฟูจงชน’ ส่งผลทำให้ร่างกายของพวกเขาเต็มไปด้วยเลือด
“เขากลายเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร?” หลี่หวูเซี่ย’ และ ‘ฟูจงชาน’ มึนงง
พวกเขาจะรู้ได้อย่างไรว่าหลี่ฟู่เฉินมีสติเพิ่มขึ้นมาก ทักษะดาบของเขาอาจจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ แต่ทักษะการต่อสู้ของเขาไม่ใช่ มันแข็งแกร่งขึ้นอย่างน้อยสองเท่า เขาสามารถแปลงความสามารถส่วนหนึ่งของเขาให้เป็นมากกว่าความสามารถตามปกติ ซึ่งแปลงให้แข็งแกร่งขึ้นสองเท่าได้อย่างง่ายดาย
หลังจากต้านทานวิญญาณปีศาจทั้งสอง หลี่ฟู่เฉินเปิดตัวด้วยการเข้าไปโจมตี ‘ฟูจงชาน’ อย่างดุเดือด ใช้วิชาดาบเพลิงดาวตก เพลิงดาวตกทุกอันราวกับมีชีวิตเป็นของตัวเอง มันดูทั้งสวยงามและดูไร้ความปราณีไปพร้อมๆ กัน เพียงไม่นานเลือดสดไหลก็ผ่านร่างของ ‘ฟูจงชาน’
ไม่มีเสียงหรือการแสดงตนใดๆ เงาวิญญาณปีศาจที่โปร่งใส่ลอยออกมาจากร่างของ ‘ฟูจงชาน’
“ข้าสามารถเห็นมันได้?” ดวงตาของหลี่ฟู่เฉินสว่างขึ้น
ก่อนหน้านี้ เขาไม่สามารถเห็นวิญญาณปีศาจได้ แต่สามารถเห็นวิญญาณแท้จริงของเจ้าของสุสานนี้ อย่างไรก็ตามนี้มันเป็นเพราะเจ้าของสุสานตนนั้นตั้งใจให้มันเป็นแบบนั้น
เขาไม่ได้คาดหวังว่าเขาจะเห็นวิญญาณปีศาจโดยตรงหลังจากเพิ่มระดับสติของเขา
เนื่องจากเขาสามารถเห็นวิญญาณปีศาจได้ งั้นแล้วทุกอย่างก็ง่ายขึ้นมาก หลี่ฟู่เฉินเฉือนวิญญาณปีศาจด้วยวิชาดาบโคจรหลั่งไหล
วิญญาณปีศาจไม่กลัวการโจมตีปกติ แต่พวกมันกลัวเจตจำนงทักษะ
เมื่อดาบโคจรหลั่งไหลของหลี่ฟู่เฉินหมุนไปที่วิญญาณปีศาจ มันก็ทำให้วิญญาณปีศาจดูบิดเบี้ยวทันที
เห็นได้ชัดว่าเจตจำนงแห่งดาบของหลี่ฟู่เฉินไม่สามารถสร้างอาการบาดเจ็บอย่างรุนแรงต่อวิญญาณปีศาจได้
ซึ่งเป็นสาเหตุ ที่หลี่ฟู่เฉินไม่สามารถทำลายวิญญาณปีศาจได้ภายในเวลาอันสั้น มันเป็นไปไม่ได้แน่นอน
“เนื่องจากเป็นเช่นนี้ ข้าจะลองมันด้วยจิตสำนึก”
จิตสำนึกของหลี่ฟู่เฉินพุ่งออกมาและระเบิดออกใส้วิญญาณปีศาจ
“อ๊ากก!” วิญญาณปีศาจเปล่งแสงออกมาไม่นานก็กระจายหายไป
“สำเร็จ” หลี่ฟู่เฉินแสดงออกอย่างยินดี
เขาไม่คาดหวังว่าจิตสำนึกของเขาจะสามารถโจมตีวิญญาณปีศาจได้
เมื่อวิญญาณแท้จริงของเจ้าของสุสานเข้ามาในจิตใจของเขา เขาสามารถต่อสู้ในจิตสำนึกของเขาได้ แต่เขายังไม่ได้ลองใช้มันนอกความคิดของเขาเอง
แต่เขาก็ไม่ทราบว่าจิตสำนึกของคนปกติไม่แม้แต่จะสามารถทำร้ายวิญญาณปีศาจได้ มันเป็นเพราะความดื้อรั้นและความมุ่งมั่นของเขาที่สามารถทำลายวิญญาณปีศาจ
เมื่อวิญญาณปีศาจตนอื่นเห็นหลี่ฟู่เฉินเอาชนะวิญญาณปีศาจได้จริงๆ วิญญาณปีศาจทั้งสามที่ลอยอยู่นั้นตื่นตระหนกและต้องการที่จะเข้าสู่ร่างทั้งสามที่อยู่ใกล้เคียง แต่หลี่ฟู่เฉินจะยอมให้พวกเขาทำเช่นนั้นได้อย่างไร?
จิตสำนึกของเขาถูกกวาดออกไปและทำลายวิญญาณปีศาจทั้งสามในทันที
เหลือเพียงเฉพาะ ‘หลี่หวูเซี่ย’ เท่านั้น
‘หลี่หวูเซี่ย’ มีความตั้งใจที่จะล่าถอย ก่อนที่ร่างของเขาจะพุ่งเข้าไปยังห้องโถงใหญ่
“นั้นกำลังจะไปไหน?” จิตสำนึกของหลี่ฟู่เฉินถูกเร่งความเร็ว
ร่างของ ‘หลี่หวูเซี่ย’ แกว่งไปแกว่งมาอย่างต่อเนื่อง
“ดูเหมือนว่าจิตสำนึกจะสามารถแทรกแซงได้เฉพาะวิญญาณปีศาจและวิญญาณแท้จริงได้แตาเพียงเท่านั้น มันไม่สามารถกำหนดเป้าหมายไปยังวิญญาณปีศาจที่ครอบครองร่างกายไว้ก่อนแล้ว” หลี่หวูเซี่ยทำความเข้าใจและเปิดใช้งานทักษะการเคลื่อนไหวของเขาเพื่อไล่ล่าตามหลัง ‘หลี่หวูเซี่ย’ ไป
หลังจากที่ ‘หลี่หวูเซี่ย’ ออกไป ชูมู่หยู เหว่ยชานเหอ ฟานเฉียนสง และฟานเฉียนหยูก็ค่อยๆ ตื่นขึ้นมา
“เกิดอะไรขึ้น?” ฟานเฉียนหยูสับสน
“หลี่ฟู่เฉินอยู่ที่ไหน?” ชูมู่หยูขมวดคิ้ว
เธอจำได้แค่ว่าวิญญาณแท้จริงของเจ้าของสุสานเข้ามาในร่างกายและเธอก็พยายามต่อต้าน แต่หลังจากนั้นเธอก็จำอะไรไม่ได้เลย
ด้านนอกของห้องโถง ‘หลี่หวูเซี่ย’ หนีออกไปด้วยความเร็วสูงสุดของเขา ซึ่งมันก็เร็วกว่าหลี่ฟู่เฉินมาก
หลี่ฟู่เฉินใช้วิชาดาบ เพลิงดาวตก และราวกับว่าเหล่าเพลิงดาวตกมีเจตจำนงเป็นของตัวเอง มันติดตาม ‘หลี่หวูเซี่ย’ เพียงไม่นานก็มีกลิ่นเลือดที่ไหม้เกรียมโชยมา และมีแผลขนาดเท่ากับไข่ไก่อยู่บนร่างกายของเขา
หลังจากระยะเวลาหนึ่ง ‘หลี่หวูเซี่ย’ ก็ยังไม่สามารถสลัดออกจากหลี่ฟู่เฉินได้ หากเขายังคงวิ่งต่อไป เขาจะตกเป็นเป้าหมายเอาได้
หันกลับมา ‘หลี่หวูเซี่ย’ พุ่งไปที่หลี่ฟู่เฉิน
เขาไม่กลัวที่จะได้รับความเสียหายใดๆ ไม่ว่าจะเสียเล็กเสียน้อยสำหรับร่างกายนี้ แต่ถ้าเขาสามารถทำร้ายหลี่ฟู่เฉินได้ เขาก็จะมีโอกาส
‘หลี่หวูเซี่ย’ โจมตีอย่างรุนแรงไปที่หลี่ฟู่เฉิน ใช้ชีวิตของเขาเพื่อแลกเปลี่ยนชีวิตกับหลี่ฟู่เฉิน
น่าเสียดายที่ทุกการเคลื่อนไหวของเขาถูกมองออกด้วยจิตสำนึกของหลี่ฟู่เฉิน ทุกการเคลื่อนไหวที่ ‘หลี่หวูเซี่ย’ ทำ หลี่ฟู่เฉินสามารถกำหนดท่าทางสำหรับรับมือได้นับไม่ถ้วนทันที
แสงดาบกระพริบออกมา หัวของ ‘หลี่หวูเซี่ย’ บินออก
เงาปีศาจโผล่ออกมาจากร่างกายในตอนนี้เอง
หลี่ฟู่เฉินรอให้วิญญาณปีศาจออกมาก่อนที่จิตสำนึกของเขาจะแผ่ขยายออกไป พร้อมๆ กับเสียง ‘ปิสส’ วิญญาณปีศาจแตกกระจายออกไป
หลังจากฆ่าวิญญาณปีศาจตัวสุดท้ายแล้ว ในที่สุดหลี่ฟูเฉินก็ปลดปล่อยความโล่งใจ
ก่อนที่จะสังหารศัตรูได้ เขาไม่สามารถพักผ่อนได้อย่างสงบสุข วิญญาณปีศาจเป็นสัตว์ปีศาจระดับ 6 และถ้าเขาปล่อยให้มันเติบโต จะเป็นเขาเองที่ต้องตาย
ผายมือของเขา เขาดูดถุงเก็บของออกจากศพของ ‘หลี่หวูเซี่ย’ หลี่ฟู่เฉินหันกลับมาและรีบกลับไปที่ห้องโถง
ในห้องโถง ชูมู่หยูและคนอื่นๆ กำลังรออยู่ที่นั่น
“หลี่ฟู่เฉิน มันเป็นเจ้า?” ฟานเฉียนสงและฟานเฉียนหยูไม่แน่ใจ
“แน่นอนมันเป็นข้าเอง” หลี่ฟู่เฉินตอบกลับ
“เกิดอะไรขึ้นก่อนหน้านี้?” เป็นชูมู่หยูที่เป็นคนถาม
หลี่ฟู่เฉินตอบกลับ “ข้าก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน”
โดยธรรมชาติแล้วเขาต้องเลือกที่จะไม่บอกความจริงแน่นอน
ชูมู่หยูขมวดคิ้วและไม่ถามต่อ สัญชาติญาณของเธอบอกเธอว่าหลี่ฟู่เฉินมีส่วนเกี่ยวข้องกับทุกอย่างแน่นอน ดูเหมือนว่าเขาจะซ่อนความลับมากมายไว้ในร่างกายของเขา
“ไม่เป็นไรทุกอย่างดีก็ดีแล้ว ก่อนหน้านี้ข้าแค่ตื่นตกใจไปเพียงแค่นั้น”
ฟานเฉียนสงรีบนั่งลงและกินยาฟื้นฟูและเริ่มไหลโคจรเทคนิคของเขาเพื่อพักฟื้น
หลี่ฟู่เฉินถอนหายใจและสำรวจจิตสำนึกของเขาอย่างต่อเนื่อง
ถ้ามันเป็นเขาก่อนหน้านี้ จิตสำนึกหรือสัมผัสของเขาจะสามารถปลดปล่อยออกมาผ่านการสนับสนุนจากพลังฉีแต่เพียงเท่านั้น แต่ตอนนี้ เขาไม่จำเป็นต้องใช้พลังฉีใดๆ และสามารถปล่อยมันออกมาได้โดยตรง ยิ่งไปกว่านั้น มันยังมีระยะค่อนข้างไกลและสามารถสำรวจพื้นที่ที่อยู่ห่างออกไปหลายร้อยเมตรได้
หลังจากเวลาผ่านไป อาการบาดเจ็บของฟานเฉียนสงก็หายไป
ทั้งห้าออกจากห้องโถงและเตรียมพร้อมที่จะหาทางออก
MANGA DISCUSSION