Emperor's Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 2998 ขึ้นเรือ
ตอนที่ 2998 ขึ้นเรือ
เรือปราบปรามไกลปฐมบรรพบุรุษอัคคี เป็นเรือรบที่มีขนาดใหญ่โตมโหฬารยิ่งได้ปรากฏตัวต่อหน้าผู้คนในหล้าอีกครั้ง มันช่างสร้างความหวั่นไหวต่อจิตใจผู้คนอะไรอย่างนั้น
ในยุคที่ห่างไกลมากในยุคนั้น ปฐมบรรพบุรุษอัคคีเดินทางไกลเพื่อปราบปราม ขบวนทัพนั้นยิ่งใหญ่เพียงใด กระทั่งถูกยกย่องว่าเป็นขบวนทัพปราบปรามไกลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งนับแต่อดีตถึงปัจจุบัน แม้แต่ห้างเจียวเหิงก็ได้สร้างเรือรบที่สุดยอดยากจะหาใดเทียมในหล้าให้กับปฐมบรรพบุรุษอัคคีด้วยตนเอง ซึ่งเรียกได้ว่าสร้างความสะเทือนหวั่นไหวให้กับแดนสามเซียน
นึกไม่ถึงเลยว่าหลังจากกี่ปีผ่านไปแล้ว เรือปราบปรามไกลของปฐมบรรพบุรุษอัคคีได้ปรากฎตัวแก่สายตาของผู้คนในหล้าอีกครั้ง และกองทัพที่เดินทางปราบปรามไกลในครั้งนั้นไร้ซึ่งร่องรอยเสียแล้ว
ทุกคนถึงกับใจหายใจคว่ำขณะมองดูเรือปราบปรามไกลได้ลอยล่องอยู่ท่ามกลางท้องฟ้าอย่างเงียบๆ ทุกคนต่างรู้สึกอึดอัดหายใจไม่ออก เหมือนมีมือขนาดใหญ่ที่ไร้รูปมาบีบคอของทุกคนเอาไว้แน่น ทำให้หอบหายใจไม่ทัน
เรือปราบปรามไกลกลับมาแล้ว…แม้แต่เหล่าบรรพบุรุษของห้างเจียวเหิงต่างก็สะดุ้งหวั่นไหวเมื่อได้ยินข่าวเช่นนี้ จึงมีบรรพบุรุษที่เปิดคันฉ่องสวรรค์เพื่อมองดูสภาพของเรือปราบปรามไกล
“เป็นเรือปราบปรามไกลของปฐมบรรพบุรุษอัคคีจริงๆ ” บรรดาบรรพบุรุษของห้างเจียวเหิงต่างมองหน้ากันและกัน หลังจากมองเห็นเรือที่ลอยลำอยู่ท่ามกลางท้องฟ้าลำนั้นแล้ว
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ขบวนทัพในครั้งนั้นเรียกได้ว่ายากจะหาใดเทียมในหล้า ทำไมจึงเหลือไว้เพียงเรือลำเปล่าเล่า? ” มองดูเรือปราบปรามไกลที่ลอยลำเสมือนดั่งวิญญาณบนท้องฟ้า บรรดาบรรพบุรุษของห้างเจียวเหิงที่เคยเข้าร่วมก่อสร้างเรือปราบปรามไกลในครั้งนั้นต่างมีสีหน้าที่ขาวซีด
เนื่องจากเขาเคยเข้าร่วมในการสร้างเรือมาก่อน จึงมีโอกาสได้เห็นขบวนปราบปรามทางไกลในครั้งนั้นด้วยตาของตนเอง เรียกได้ว่าสะเทือนเลื่อนลั่นไร้ผู้เทียบเทียม ขบวนทัพเช่นนี้เรียกได้ว่ามีเพียงหนึ่งเดียวนับแต่อดีตถึงปัจจุบัน ด้วยขบวนทัพเช่นนี้ไม่ว่าจะเป็นยุคสมัยใดก็ไม่สามารถต่อกรกับมันได้
อย่างไรก็ตาม ต่อให้เป็นขบวนทัพที่อลังการมากกว่านี้ ต่อให้เป็นขบวนทัพที่ปราศจากผู้ต่อกรมากกว่านี้ สุดท้ายเหลือเพียงเรือลำเปล่าที่ลอยล่องกลับมา
นี่ นี่ นี่จะเป็นไปได้อย่างไร…ทุกคนต่างมองดูเรือปราบปรามไกลลำนี้ที่อยู่ด้านนอกกำแพงด่านเทียนสงกวานแล้ว ต่างรู้สึกหวาดหวั่นพรั่นพรึง
“นี่ นี่ไม่สามารถจินตนาการได้เลย ครั้งนั้นปฐมบรรพบุรุษอัคคีปราบปรามไกลด้วยขบวนทัพที่อลังการมาก เหนือกว่าจินตนาการของทุกคน นอกเหนือจากปฐมบรรพบุรุษอัคคีแล้วยังมีปฐมบรรพบุรุษคนอื่นๆ อีกสี่คนร่วมเดินทางไปด้วย ราชันแท้จริงระดับสูงสุดอีกหลายสิบคน ระดับเทพแท้จริงชั้นคงความอมตะตลอดกาลอีกร่วมร้อย…ด้วยขบวนทัพแช่นนี้เพียงพอที่จะสยบยุคสมัยใดก็ได้ และทุกๆ โลก” ระดับบรรพบุรุษผู้หนึ่งที่โชคดีได้เห็นการออกเดินทางของเรือปราบปรามไกลกับตาตนเอง ถึงกับต้องเสียวสันหลังวาบบ เมื่อมองเห็นเรือปราบปรามไกลลอยลำอยู่เหนือท้องฟ้า
การปราบปรามไกลในครั้งนั้นของปฐมบรรพบุรุษอัคคีช่างอลังการเช่นใด ในครั้งนั้นมีปฐมบรรพบุรุษที่ปลีกตัวจากโลกภายนอกอีกสี่คนที่ให้การช่วยเหลืออย่างเต็มที่ด้วยการติดตามปราบปรามไกล นอกจากนี้ยังมีราชันแท้จริงระดับสูงสุดอีกหลายสิบคน ระดับเทพแท้จริงชั้นคงความอมตะตลอดกาลอีกนับร้อยที่ติดตามปราบปรามไกลไปด้วย
บรรดาราชันแท้จริง ระดับเทพแท้จริงชั้นคงความอมตะตลอดกาลเหล่านั้นมีทั้งที่อยู่ในยุคสมัยนั้น และมีที่เก่าแก่ดึกดำบรรพ์กว่าที่ปลีกตัวจากโลกภายนอกแล้ว พวกเขาต่างได้รับการเรียกร้องและกลับคืนสู่โลกปัจจุบันให้การช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ร่วมเดินทางไปกับการปราบปรามไกล
ที่นึกไม่ถึงก็คือ ผ่านไปกี่ปีแล้ว เรือปราบปรามไกลได้หวนกลับมาอีกครั้ง แต่ กลับไม่เห็นปฐมบรรพบุรุษอัคคีในครั้งนี้
“ปฐมบรรพบุรุษสี่คน ราชันแท้จริงระดับสูงหลายสิบคน ระดับเทพแท้จริงชั้นคงความอมตะตลอดกาลเป็นร้อย…” บรรดายอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างรู้สึกหวั่นไหวอย่างรุนแรงในใจเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้
แม้ว่าผู้คนจำนวนมากต่างได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับการเดินทางไกลเพื่อปราบปรามของปฐมบรรพบุรุษอัคคี แต่ว่า ขบวนทัพมีขนาดใหญ่เช่นใดนั้น ไม่ได้มีแนวคิดเกี่ยวกับรายละเอียดเรื่องนี้ เวลานี้ต้องเสียวสันหลังวาบบเมื่อได้ยินคำพูดของบรรพบุรุษผู้นี้
ด้วยขบวนทัพเช่นนี้หากจะกล่าวว่าปราศจากผู้ต่อกรเป็นนิรันดร์ก็ไม่เกินเลยสักนิด และไม่เป็นการคุยโวแม้แต่น้อย
“กองทัพปราบปรามไกลเล่า? ” ทุกคนต่างรู้สึกเหมือนหายใจไม่ออก เมื่อมองเห็นเรือปราบปรามไกลที่ลอยลำอยู่เสมือนดั่งวิญญาณลำนั้น
หากว่าพวกของปฐมบรรพบุรุษอัคคียังคงมีชีวิตอยู่ เป็นไปไม่ได้ที่เรือปราบปรามไกลจะเงียบเชียบไร้เสียงเช่นนี้ ถ้าหากปฐมบรรพบุรุษอัคคีพวกเขาต่างไม่ได้อยู่ในเรือปราบปรามไกลล่ะก็…เช่นนั้นแล้ว พวกปฐมบรรพบุรุษอัคคีเป็นอย่างไรแล้วกันแน่เล่า?
หากจะกล่าวว่าแม้แต่ขบวนทัพเช่นปฐมบรรพบุรุษอัคคีพวกเขายังคงประสบเหตุจนเสียชีวิตล่ะก็ เมื่อนึกถึงตรงนี้แล้ว ผู้คนจำนวนมากไม่กล้าที่จะคิดต่อไปอีก ขบวนทัพเช่นนี้นับว่าน่าสยองขวัญเพียงพอแล้ว ถ้าหากพวกเขาทั้งหมดล้วนหายวับไปกับตาในพริบตา…
มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่…ผู้คนจำนวนมากต่างต้องการรู้ว่าเรือปราบปรามไกลไปพบอะไรเข้ากันแน่ ขณะเดียวกันทุกคนรู้สึกหวาดหวั่นพรั่นพรึง ถึงกับสั่นเทิ้มขึ้นในใจ ทุกคนล้วนแล้วแต่รู้สึกว่าท่าไม่ดีแล้ว
ทุกคนเสมือนดั่งหายใจไม่ออกขณะมองดูเรือปราบปรามไกล แต่ว่า นาทีนี้เวลานี้ทุกคนก็ไม่กล้าขึ้นเรือไปบุ่มบ่าม อย่าว่าแต่เรือปราบปรามไกลเลย ก่อนหน้านั้นเรือรบของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหลินหวิน เรือยักษ์ของหอเกาหยางโหลวต่างทยอยกันพบความอัปมงคลมาแล้ว
บรรพบุรุษของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหลินหวินประสบเหตุเสียชีวิต ราชันแท้จริงหวงจุนหนีอย่างกระเซอะกระเซิง ส่งผลให้ทุกคนเข้าใจได้ว่า เรือที่ล่องลอยมาจากทะเลปุ๊ตู้ไห่นั้นล้วนมีสิ่งอัปมงคลอยู่ในเรือ อีกทั้งสิ่งอัปมงคลนี้แข็งแกร่งยิ่งนัก และน่าสยองขวัญอย่างยิ่ง
ถ้าหากบุ่มบ่ามขึ้นไปบนเรือละก็ เกรงว่าจะต้องตายอย่างไม่ทราบสาเหตุ ไม่ว่าใครก็ตามที่คิดจะขึ้นไปบนเรือก็ต้องประเมินตนเองเสียก่อน ดูว่ากำลังความสามารถของตนเทียบกับราชันแท้จริงหวงจุนแล้วเป็นเช่นใด?
“แย่แล้วล่ะ แย่แล้วจริงๆ ” กระบือดำขนาดใหญ่อดที่จะพึมพำขึ้นมาไม่ได้ หลังจากที่ได้เห็นเรือปราบปรามไกลแล้ว
กระบือดำขนาดใหญ่มองดูเรือปราบปรามไกลลำนั้น และกล่าวว่า “ดูท่าน่าสยองขวัญยิ่งกว่าที่จินตนาการเสียอีก นี่ นี่เป็นความสยองขวัญโดยแท้จริง ความสยองขวัญเช่น เช่นนี้มันเป็นอย่างไรกันแน่นะ? ”
“มันสยองขวัญเช่นนี้ตลอดมา เพียงแต่เจ้าไม่เห็นเท่านั้นเอง” ในเวลานี้เอง เสียงที่เรียบๆ เสียงหนึ่งดังขึ้น
กระบือดำขนาดใหญ่หันหลังกลับไปดู เป็นหลี่ชิเย่นั่นเอง ไม่ทราบว่าเขามายืนอยู่ข้างๆ ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
กระบือดำขนาดใหญ่หายใจด้วยความโล่งอกไปทีเมื่อเห็นเป็นหลี่ชิเย่ หัวเราะแหะๆ และกล่าวว่า “ท่านปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ ท่านดูซิ นี่มันเป็นความสยองขวัญยิ่งใหญ่เช่นใดกันแน่? ”
หลี่ชิเย่เพ่งสายตามองดูเรือปราบปรามไกลข้างหน้า ดูลึกล้ำอย่างยิ่ง เสมือนดั่งสามารถมองเรือปราบปรามไกลจนทะลุปรุโปร่งได้อย่างนั้น
“คนโหดอันดับหนึ่งมาแล้ว” มีผู้ร้องเสียงแผ่วเบาขึ้นขณะมองเห็นหลี่ชิเย่
ก่อนหน้านี้ ไม่รู้ว่ามีผู้คนมากน้อยเท่าใดที่รู้สึกไม่สบายใจในคนโหดอันดับหนึ่งมากนัก จะมากหรือน้อยก็มองดูคนโหดอันดับหนึ่งขัดหูขัดตา แต่ว่า กลับไม่ทราบเป็นเพราะอะไร เวลานี้ได้เห็นคนโหดอันดับหนึ่งแล้ว ผู้คนจำนวนมากต่างรู้สึกโล่งอกไปทีหนึ่ง รู้สึกว่ามีบุคคลระดับสุดยอดมาแล้ว ทำให้ภายในใจของทุกคนดูสงบลงไม่น้อย
“ขึ้นไปดู” ในเวลานี้ หลี่ชิเย่ได้ละสายตากลับมา ยิ้มบางๆ ทีหนึ่ง
“แหะขอเพียงท่านปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่อยู่ด้วยข้าอย่างไรก็ได้ ไปถึงไหนก็ไม่กลัว ต่อให้ฟ้าถล่มลงมาก็มีท่านปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ช่วยรับเอาไว้ จะไปกลัวอะไร” กระบือดำขนาดใหญ่หัวเราะแหะแหะ
“เซิ่นซวงติดตามพี่ท่านขึ้นบนเรือได้ไหม? เซิ่นซวงยินดีเป็นม้ารับใช้ให้ท่าน” ในเวลานี้ ราชันแท้จริงเซิ่นซวงได้ก้าวเดินเข้ามา และโค้งคำนับให้กับหลี่ชิเย่
“โชคดีมาก มีโชคทางด้านความรัก” สร้างความอิจฉาให้ผู้คนจำนวนไม่น้อย เมื่อมองเห็นราชันแท้จริงเซิ่นซวงเสนอตัวเองที่จะติดตามหลี่ชิเย่ และมีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่ริษยา
ราชันแท้จริงเซิ่นซวง ราชันแท้จริงสิบสองลัคนา ไม่เพียงมีพรสวรรค์ที่ยากจะหาผู้ใดเทียม ทักษะยุทธที่สุดยอดแล้ว ทั้งยังมีความงามที่เป็นหนึ่งในหล้า
เรียกได้ว่าไม่รู้ว่ามีบุรุษในแดนลัทธิเซียนจำนวนเท่าไรที่หลงรักนาง บ้าคลั่งเพราะนาง
แต่ว่า จะมีสักกี่คนที่สามารถได้รับการโปรดปรานจากราชันแท้จริงเซิ่นซวง จะมีสักกี่คนที่สามารถใกล้ชิดพูดคุยใกล้ๆ กับราชันแท้จริงเซิ่นซวง
“แหะนังหนูอย่างเจ้านับว่าสายตาแหลมคม” กระบือดำขนาดใหญ่มองดูราชันแท้จริงเซิ่นซวงแวบหนึ่ง หัวเราะแหะแหะขึ้นมา
“ก็ได้” หลี่ชิเย่ไม่ปฏิเสธ เพียงยิ้มจางๆ ก้าวเท้าไปก้าวหนึ่งขึ้นไปยังเรือปราบปรามไกล
ราชันแท้จริงเซิ่นซวงไม่พูดพล่ามทำเพลง ติดตามอยู่ด้านหลังหลี่ชิเย่ไปติดๆ ล่องลอยดั่งเทพ งดงามเยือกเย็น ท่วงท่าลักษณะเช่นนั้นทำให้บุรุษจำนวนเท่าไรต้องเคลิบเคลิ้มหลงไหล
แหะกระบือสุดหล่อมาแล้ว…กระบือดำขนาดใหญ่ทุกหลิ่วเยี่ยนไป๋ผู้เป็นศิษย์ก้าวเท้าทั้งสี่ออกไป ส่งเสียงโมออกมาเสียงดัง เปี่ยมด้วยพลังติดตมาพวกของหลี่ชิเย่ขึ้นไปบนเรือปราบปรามไกลอย่างรวดเร็วเช่นกัน
พวกของหลี่ชิเย่ได้ขึ้นไปบนเรือปราบปรามไกลท่ามกลางสายตาผู้คนจำนวนมาก เพียงชั่วพริบตาเดียวพวกของหลี่ชิเย่ได้หายเข้าไปในเรือ
หลังจากที่พวกหลี่ชิเย่ขึ้นไปบนเรือแล้ว เรือปราบปรามไกลยังคงเงียบกริบอย่างยิ่ง ปราศจากเสียงใดๆ เหมือนว่าไม่เคยมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอย่างนั้น
แม้เวลาผ่านไปนาทีแล้วนาทีเล่า เรือปราบปรามไกลยังคงเงียบสงัดอย่างยิ่ง ปราศจากความเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย ไม่มีผู้ใดปรากฏตัวขึ้นมา เหมือนหลังจากหลี่ชิเย่เข้าไปแล้วก็ดุจดั่งวัวดินลงทะเลอย่างนั้น
“ควรทำอย่างไรดี? ” บรรดาผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างมองหน้าซึ่งกันและกัน หลังจากที่เห็นพวกของหลี่ชิเย่ปราศจากข่าวคราวหลังเข้าไปข้างในแล้ว เวลานี้ ภายในใจของทุกคนต่างรู้สึกหวาดเสียว คนโหดอันดับหนึ่งนับว่าแข็งแกร่งมากพอแล้ว เวลานี้ก็ปราศจากข่าวคราวใดๆ
“ขึ้นไปดูหน่อย” ในเวลานี้ เสียงทุ้มต่ำเสียงหนึ่งดังขึ้น มองเห็นชายหนุ่มที่ท่าทางอานุภาพเหนือท้องฟ้า ปรากฏวงแหวนศักดิ์สิทธิ์แต่ละวงที่ลอยขึ้น ก้าวเท้าก้าวหนึ่งขึ้นไปยังเรือปราบปรามไกล
“เป็นเสินกู่จ้าน เสินกู้จ้านก็ขึ้นไปบนเรือแล้ว” ผู้คนจำนวนไม่น้อยร้องเสียงหลง เมื่อเห็นชายหนุ่มผู้นี้ที่ขึ้นไปบนเรือ
“พวกเราก็ขึ้นไปดูกัน” หลังจากที่เสินกู่จ้านขึ้นไปบนเรือแล้ว ได้มีผู้เฒ่าลึกลับหลายคนก็ขึ้นไปบนเรือเช่นกัน ผู้เฒ่าลึกลับหลายคนนี้สวมชุดคลุมสีดำ ทำให้มองเห็นโฉมหน้าแท้จริงพวกเขาไม่ชัดเจน
“นั่นคือบรรพบุรุษของห้างเจียวเหิง” แม้ว่าไม่มีใครสามารถมองเห็นโฉมหน้าของบรรพบุรุษหลายคนนี้ได้ชัดเจน แต่ว่า ยังคงมีผู้ที่จดจำประวัติความเป็นมาของพวกเขาได้
“พวกเราก็ขึ้นไปกัน” ระดับบรรพบุรุษอื่นๆ ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิก็ทนไม่ไหวเมื่อเห็นผู้คนจำนวนมากที่ได้ขึ้นไปบนเรือ โดยเฉพาะระดับบรรพบุรุษที่มีกำลังความสามารถในระดับเทพแท้จริงชั้นคงความอมตะตลอดกาล ยิ่งพากันขึ้นไปบนเรือ
“พวกเราไปดูความคึกครื้นกัน” ในขณะนี้ มีผู้คนจำนวนไม่น้อยใจกล้ามากขึ้น และทยอยกันติดตามขึ้นไปบนเรือ
ผู้คนจำนวนไม่น้อยที่ทยอยพากันเหินฟ้าขึ้นไปบนเรือ
แต่ทว่า หลังจากที่ขึ้นไปบนเรือแล้ว มันไม่ได้เหมือนอย่างที่ทุกคนได้จินตนาการเอาไว้อย่างนั้น หลังจากที่พวกเขาก้าวเท้าทั้งสองข้างลงบนเรือโดยพลัน พวกเขาไม่ได้เหยียบลงบนดาดฟ้าเรือ
สภาพตรงหน้าทุกคนพลันเปลี่ยนไป ภาพที่เห็นตรงหน้าถึงกับเป็นทุ่งหญ้าที่กว้างใหญ่ไพศาล มองเห็นภูเขาที่ขึ้นลงสลับอยู่ระยะห่างไกล เมื่อหันมองไปข้างหลัง ยังมีด่านเทียนสงกวานเสียเมื่อไหร่ ที่พวกเขาอยู่คือภายใต้ท้องฟ้าที่โปร่งโล่ง
“นี่ นี่ นี่มันคือที่ไหน? ” ผู้คนจำนวนไม่น้อยรู้สึกตระหนกยิ่งนัก เมื่อมองเห็นตนเองไม่ได้ยืนอยู่บนดาดฟ้าเรืออย่างที่จินตนาการเอาไว้
“นี่มันแฝงด้วยคติธรรมไม่ได้เป็นเพียงเรือรบธรรมดาๆ ลำหนึ่งเท่านั้น” ระดับบรรพบุรุษผู้หนึ่งมองเห็นความนัยบางอย่าง
“แหะไม่ผิด อย่าคิดว่าห้างเจียวเหิงแค่สร้างเรือขึ้นมาลำหนึ่งเท่านั้น ที่ถูกต้องมากกว่าก็คือ ครั้งนั้นห้างเจียวเหิงได้สร้างรากฐานของโลกน้อยๆ ขึ้นมา ดังนั้นพวกของปฐมบรรพบุรุษอัคคีจับตะวันจันทราคว้าดวงดาว ทำให้เรือปราบปรามไกลกลายเป็นฟ้าดินแห่งหนึ่ง” ในเวลานี้ มีเสียงดังขึ้นเสียงหนึ่ง
………………………………………………………………………………………..