Emperor's Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 2992 เพลิงยันต์แห่งชีวิต
ตอนที่ 2992 เพลิงยันต์แห่งชีวิต
เสียงตึง ตึง ตึงดังขึ้น ในเวลานี้ภายใต้การวิวัฒนาการของตราอาญาสิทธิ์ทางทหารรูปพยัคฆ์ ถึงกับเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น เดิมทีเป็นเพียงตราอาญาสิทธิ์ทางทหารรูปพยัคฆ์ที่มีขนาดไม่ใหญ่นัก พริบตาเดียวนั่นเองถึงกับเปลี่ยนรูปและปะติดปะต่อกันกลายเป็นอิฐทองคำก้อนหนึ่ง
ในเวลานี้ สิ่งที่กำอยู่ในมือของหลี่ชิเย่ก็คืออิฐทองคำก้อนหนึ่ง ส่งประกายสีทองเจิดจ้า ไม่ว่าใครก็ตามหากไม่มองดูให้ละเอียดยังเข้าใจว่าอิฐทองคำลักษณะเช่นนี้ก็คืออิฐทองคำที่ใช้กันอยู่ในมนุษย์ปุถุชนธรรมดา เป็นเพียงทองคำเท่านั้นเอง
แต่ว่า หากพิจารณาอย่างละเอียดก็จะพบว่า บนอิฐทองคำถึงกับมีลายเส้นที่มีขนาดเล็กมาก โดยที่ลายเส้นขนาดเล็กได้ตรงเข้าไปในอิฐทองคำโดยตรง เหมือนเป็นเนื้อเดียวกันกับอิฐทองคำ เสมือนหนึ่งมันเกิดขึ้นพร้อมกับอิฐทองคำอย่างนั้น
หลี่ชิเย่เพียงยิ้มๆ ขณะมองดูอิฐทองคำในมือ จากนั้นได้ยัดมันเข้าไปในรอยแยกของตีนกำแพงเก่าแก่โบราณนั่น
แม้จะกล่าวว่ากำแพงเมืองของเทียนเชี่ยนสูงนับพันนับหมื่นจ้าง ทะลุขึ้นไปบนจักรวาล แต่ว่า กำแพงสูงนี้เกิดจากก้อนหินขนาดยักษ์แต่ละก้อนที่อัดแน่นก่อขึ้นมา อีกทั้งระหว่างก้อนหินมีช่องว่างอยู่เป็นจำนวนมาก และช่องว่างบางส่วนนั้นมีขนาดใหญ่มาก เอาก้อนอิฐอะไรยัดเข้าไปสักก้อนได้อย่างเหลือเฟือ
หลังจากที่หลี่ชิเย่ได้ยัดอิฐทองคำเข้าไประหว่างช่องว่างแล้วนั้น ได้ยินเสียงแว้งค์ดังขึ้น มองเห็นภายในช่องว่างถึงกับมีประกายสีทองแต่ละสายพ่นทะลักออกมา ขณะประกายสีทองแต่ละสายพ่นทะลักออกมานั้น เหมือนว่าภายในคือถ้ำสมบัติอย่างนั้น ทำให้ผู้คนบังเกิดอารมณ์อยากจะปีนเข้าไปดูให้แน่ชัด
จากนั้น ภายในช่องว่างเหมือนมีประกายไฟแวบวับ และมีคลื่นความร้อนที่ทะลักออกมา เหมือนว่าภายในช่องว่างเป็นเตาไฟลูกหนึ่งอย่างนั้น เริ่มจะทำการหลอมละลายอิฐทองคำ
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ถูกหลอมละลายไม่ใช่มีเพียงอิฐทองคำเท่านั้น ยังมินที่อยู่รอบๆ จากการที่ประกายไฟที่พวยพุ่งออกมาจากช่องว่างสุกสกาวมากขึ้นเรื่อยๆ และอุณหภูมิของคลื่นความร้อนก็สูงมากขึ้นเรื่อยๆ หินที่อยู่รอบข้างเริ่มมีการหลอมละลายเกิดขึ้นจริงๆ
แน่นอนก้อนหินไม่ได้กลับกลายเป็นลาวาแล้วไหลไป มันยังคงรักษารูปทรงเดิมของมันเอาไว้ เห็นเพียงก้อนหินแต่ละก้อนค่อยๆ กลายเป็นสีแดง ท้ายที่สุดก้อนหินทุกก้อนที่อยู่รอบๆ ได้กลายเป็นสีแดงจนสิ้น ก้อนหินทุกๆ ก้อนเหมือนถูกวางไปปิ้งบนเตาอย่างนั้น
เหมือนว่าอุณหภูมิภายในนั้นสูงมาก หินที่อยู่รอบข้างล้วนถูกหลอมละลายไปภายในระยะเวลาอันสั้น แม้ว่าหินที่ถูกหลอมละลายไปไม่ได้กลายเป็นลาวาแล้วไหลไป มันยังคงรักษารูปทรงเดิมของมันเอาไว้ แต่ว่าดูไปแล้วลาวาได้มีการไหลรินอยู่ภายในก้อนหินอย่างนั้น
เมื่อหินทั้งหมดหลอมละลายไปจนถึงระดับหนึ่งแล้ว ได้ยินเสียงจี๊ด จี๊ด จี๊ดดังขึ้น หินที่ถูกหลอมละลายนั้นถึงกับค่อยๆ ขยายตัวมีการเปลี่ยนแปลงรูปทรงของมัน ค่อยๆ กลายเป็นประตูโค้งขึ้นมา
ภายในประตูโค้งนั้นลาวายังคงกระเพื่อม เหมือนว่าภายในประตูโค้งก็คือโลกของลาวา เมื่อเดินเข้าไปแล้วก็จะถูกลาวาจำนวนนับไม่ถ้วนท่วมจนจมมิด ถูกลาวาจำนวนนับไม่ถ้วนกลืนกินเข้าไป
จากการที่ลาวาซึ่งอยู่ภายในประตูโค้งกำลังกระเพื่อมอยู่นั้น คลื่นความร้อนได้เข้ามาปะทะใบหน้าเป็นระลอก มีความร้อนแผดเผาอย่างยิ่ง เหมือนว่าเพียงเข้าใกล้สักนิดก็ต้องถูกลาวาเผาจนไหม้เป็นจุน
หลี่ชิเย่ที่มองเห็นการกระเพื่อมของลาวาที่อยู่ภายในประตูโค้งแล้ว เพียงแค่ยิ้มๆ เท่านั้นเอง จากนั้นก้าวเท้าเดินเข้าประตูโค้งนั่นไป ได้ยินเสียงจี๊ดดังขึ้นเสียงหนึ่ง มองเห็นเพียงร่างของหลี่ชิเย่ถูกลาวาไหลท่วมจนจมมิด
แต่ว่า หลังจากที่หลี่ชิเย่ก้าวเดินเข้าไปในประตูโค้งแล้ว เมื่อร่างทั้งร่างของเขาถูกลาวาท่วมจนจมมิดไปแล้วนั้น ได้ยินเสียงจี๊ด จี๊ด จี๊ดดังขึ้นมาทันที เห็นลาวาได้เย็นตัวลงอย่างรวดเร็ว เหมือนเป็นการเอาน้ำเย็นราดลงบนลาวา ทำให้ลาวาเย็นตัวลงโดยพลัน
ครั้นลาวาได้เย็นตัวลงแล้ว ได้กลับกลายเป็นลักษณะของก้อนหินเหมือนเดิม ไม่เคยมีลาวาอะไรอยู่แล้ว และไม่ได้มีประตูโค้งอะไรนั่น ถ้าหากไม่ได้มองเห็นภาพเมื่อครู่แล้ว ก็จะไม่มีทางรู้ได้อยู่แล้วว่ายังมีประตูลึกลับอีกบานหนึ่งอยู่ที่นี่
ขณะที่หลี่ชิเย่ที่เดินเข้าไปในลาวาแล้วไม่ได้ถูกลาวาเผาไหม้จนกลายเป็นจุน ตรงกันข้าม หลังจากเดินเข้าไปในลาวาแล้วกลับมีแต่เย็นสบายไปทั่ว
แต่ หลี่ชิเย่ได้ก้าวเดินออกจากลาวาอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่ก้าวเดินออกมาแล้วสิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าหลี่ชิเย่ก็คือ แผ่นดินที่กว้างใหญ่ไพศาลสุดลูกหูลูกตา เมื่อทอดสายตามองออกไป แผ่นดินที่กว้างใหญ่ไพศาลมีความหนาและหนัก เหมือนว่าผืนแผ่นดินลักษณะเช่นนี้สามารถรองรับท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวนับล้านล้านดวง สามารถรองรับโลกที่กว้างใหญ่ไพศาล
แม้ว่าจะยืนอยู่บนพื้นแผ่นดินเช่นนี้ ก็สามารถรับรู้ถึงความหนาและหนักของพื้นแผ่นดินผืนนี้ เหมือนว่ามันสามารถรองรับพลังทุกสิ่งทุกอย่าง เหมือนว่ามันสามารถรองรับน้ำหนักทุกสิ่งทุกอย่าง
เพียงแต่ผืนแผ่นดินที่อยู่ตรงหน้าไม่ได้มีต้นหญ้าที่เขียวขจีดอกไม้สดๆ ทอดสายตามองออกไปเห็นเพียงผืนแผ่นดินที่แห้งผากอยู่ทั่วไป และแผ่นดินแห้งผากช่างดูเป็นสีแดงชาดอะไรอย่างนั้น เหมือนว่ามันคือทะเลทรายโกบีที่เคยถูกเพลิงเผาไหม้อย่างรุนแรงมาอย่างนั้น
อีกทั้งบนผืนแผ่นดินสีแดงชาดยังได้แผ่ไอร้อนออกมา เหมือนเป็นแผ่นหินที่ถูกแสงแดดที่ร้อนแผดเผาปิ้งย่างมานานมาก พลันที่ก้าวเท้าเหยียบลงไปก็จะลวกเท้ายิ่งอย่างนั้น
หลี่ชิเย่ยิ้มๆ ขณะมองดูผืนแผ่นดินสีแดงชาดที่อยู่ตรงหน้า และก้าวเดินเข้าไปทันที
หลี่ชิเย่เดินได้ไม่เร็วนักขณะก้าวเดินบนผืนแผ่นดินสีแดงชาดนั่น และรับรู้ถึงพลังของผืนแผ่นดินสีแดงชาด พลังที่บริสุทธิ์สายหน้าได้ตลบอบอวลอยู่ในผืนแผ่นดินสีแดงชาดแห่งนี้ เป็นพลังที่มีความเป็นกลางอย่างยิ่ง แม้ว่าพลังสายนี้จะเป็นธาตุไฟ แต่ว่า มันกลับไม่ได้มีความร้อนรนของไฟ ตรงกันข้ามกลับดูอ่อนโยนอย่างยิ่ง
ในเวลานี้ จากการก้าวเดินของหลี่ชิเย่นั้น บนพื้นดินถึงกับมีการเคลื่อนไหวขยุกขยิกขึ้นมา กระทั่งเริ่มมีอะไรบางอย่างที่ไต่ขึ้นฝ่าเท้าของหลี่ชิเย่
ถ้าหากก้มลงมองจะต้องตกใจยิ่งอย่างแน่นอน มันเป็นสิ่งที่มองดูคล้ายกิ้งกือแต่ละตัวที่เคลื่อนไหวขยุกขยิก กระทั่งเริ่มไต่ขึ้นฝ่าเท้าของหลี่ชิเย่ มุ่งหน้าไปบนตัวของหลี่ชิเย่
จากการที่หลี่ชิเย่ก้าวเท้าเดินเร็วขึ้นๆ สิ่งที่เคลื่อนไหวขยุกขยิกบนพื้นก็มีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ในเวลานี้หากลองสังเกตดูอีกครั้งอย่างละเอียด ต้องถูกทำให้ตกใจจนหวาดหวั่นพรั่นพรึงอย่างแน่นอน
มันคือผืนแผ่นดินสีแดงชาดเสียที่ไหน ผืนแผ่นดินทั้งผืนเหมือนปูด้วยหนอนประหลาดแต่ละตัวที่มีสีแดงชาด หนอนประหลาดทุกตัวมีขนาดเท่านิ้วมือ คล้ายเป็นกิ้งกือชนิดหนึ่ง หนอนประหลาดจำนวนนับไม่ถ้วนล้วนแล้วแต่คลานอยู่บนพื้น
ลองจินตนาการดู ผืนแผ่นดินที่กว้างใหญ่ไพศาลมีขนาดถึงล้านล้านลี้ ท่ามกลางผืนแผ่นดินที่กว้างใหญ่ไพศาลนับล้านล้านลี้ถูกปูด้วยหนอนประหลาดเช่นนี้เต็มพื้นที่ เหมือนว่าที่ตรงนี้ได้กลายเป็นโลกของหนอนประหลาดเสียแล้ว ขอเพียงบริเวณที่สายตาสามารถมองเห็นได้ล้วนแล้วแต่มองเห็นเป็นหนอนประหลาดเหล่านี้ ช่างเป็นเรื่องที่น่าสยองขวัญอะไรอย่างนั้น เป็นเรื่องที่ชวนให้หวาดหวั่นพรั่นพรึง ผู้ที่ใจเสาะเกรงว่าต้องตกใจจนเข่าอ่อนและนั่งลงกับพื้น
“หนาแน่นเหลือเกิน” หลี่ชิเย่กลับไม่ได้ตกใจหวาดหวั่นพรั่นพรึง ตรงกันข้าม ท่าทางกลับดูเป็นการเสพสุขกับสิ่งนี้เหลือเกิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งความรู้สึกอ่อนนุ่มที่ส่งผ่านฝ่าเท้าขึ้นมานั้น ทำให้หลี่ชิเย่ทอดถอนใจเบาๆ รู้สึกสบายยิ่งนัก
สิ่งนี้ไม่เพียงแต่บนพื้นถูกปูทับด้วยหนอนประหลาดชั้นหนึ่งเท่านั้น ความจริงแล้วบนพื้นถูกปูด้วยหนอนประหลาดจนหนาเตอะเต็มพื้นที่ ชั้นของหนอนประหลาดที่ปูอยู่บนพื้นอาจหนาถึงหนึ่งจ้าง และอาจมีความเป็นไปได้ว่าหน้าหลายสิบจ้าง
พูดง่ายๆ ก็คือ ผืนแผ่นดินสีแดงชาดที่มองเห็นว่ามีความหนาและหนักยิ่งนั้น ก็แค่เกิดจากหนอนประหลาดจำนวนนับไม่ถ้วนที่ปูทับกันขึ้นมา
ลองจินตนาการดู ผืนแผ่นดินสีแดงชาดกว้างใหญ่เป็นล้านล้านลี่ที่เกิดจากการปูทับของหนอนประหลาดนับไม่ถ้วน ไม่มีใครรู้ว่าผืนแผ่นดินสีแดงชาดเช่นนี้มีความหนาเท่าใด อาจจะเป็นไปได้ว่า ผืนแผ่นดินที่หนาเป็นหมื่นจ้างล้วนแล้วแต่เกิดจากหนอนประหลาดจำนวนนับไม่ถ้วนแต่ละตัวที่ปูและเรียงซ้อนกันขึ้นมา
ลองจินตนาการดูว่าจะมีความรู้สึกเช่นใด ถ้าหากเป็นผืนแผ่นดินที่เกิดจากหนอนประหลาดมากมายถึงเพียงนี้ปูทับขึ้นมา เกรงว่าส่วนใหญ่แล้วจะต้องตกใจจนหวาดหวั่นพรั่นพรึงเมื่อมายืนอยู่ ณ ที่ตรงนี้ ขาทั้งสองข้างสั่นเทาไม่หยุด
ในขณะนี้ ได้มีหนอนประหลาดคลานขึ้นไปอยู่บนฝ่ามือของหลี่ชิเย่แล้ว หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะ ละจับมันขึ้นมาวางอยู่ตรงหน้าเพื่อมองดูมัน
หนอนประหลาดลักษณะเช่นนี้ไม่มีเลือดไม่มีเนื้อ แม้ว่ามองดูแล้วมันมีขา มีหนวดสัมผัส แต่ว่า หากมองดูให้ละเอียดก็จะพบว่า เจ้าหนอนประหลาดที่ว่าเป็นเพียงเปลวไฟกองหนึ่งเท่านั้นเอง
กองไฟลักษณะเช่นนี้ ดูไปแล้วคล้ายเป็นกิ้งกือ ส่วนที่เป็นหนวดสัมผัส ร่างกาย ขาของหนอนประหลาดแต่ละตัวล้วนแล้วแต่เกิดจากลายเพลิงที่มีขนาดเล็กมากเชื่อมติดกัน เหมือนว่าเปลวไฟทุกๆ กองล้วนแล้วแต่มีเพลิงยันต์แต่ละอันอย่างนั้น
หลังจากที่มองดูอย่างชัดเจนแล้วก็จะเข้าใจว่า สิ่งหนาๆ ที่ปูทับอยู่บนผืนแผ่นดินหาใช่หนอนประหลาดอะไร แต่เป็นเปลวไฟแต่ละกอง และเปลวไฟแต่ละกองเหมือนมีชีวิตอย่างนั้น ทุกๆ เปลวไฟหนึ่งกองมีฐานะเป็นเอกเทศ มันเหมือนมีชีวิตที่เป็นของตนเอง สามารถดำรงอยู่ได้อย่างเป็นเอกเทศ
มหัศจรรย์อย่างยิ่ง ลึกซึ้งยอดเยี่ยมอย่างยิ่ง เป็นการทำลายภาพความทรงจำที่ทุกคนมีเกี่ยวกับไฟอย่างสิ้นเชิง
เพลิงเคลื่อน…หลี่ชิเย่นำเอาเปลวไฟที่อยู่ในมือวางลงบนไหล่ของตนเบาๆ ยิ้มบางๆ ทีหนึ่ง
ขณะที่เปลวไฟกองนี้ถูกวางลงบนไหล่ของหลี่ชิเย่แล้ว ถึงกับมีการเคลื่อนไหว และเปลวไฟจำนวนมากที่อยู่บนพื้นเหมือนได้รับรู้อะไรบางอย่าง ต่างทยอยกันไต่ขึ้นไปบนตัวของหลี่ชิเย่เช่นกัน
เพลิงเคลื่อนคือชื่อของเปลวไฟแต่ละกองเหล่านี้ ชื่อของพวกมันก็คือ ‘เพลิงเคลื่อน’ เป็นเชื้อไฟชนิดหนึ่งที่พบเห็นได้ยากยิ่งนับแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน บนพื้นที่อื่นๆ บนโลกยากจะได้พบเห็นเชื้อไฟชนิดนี้ มีเพียงที่ตรงนี้เท่านั้นที่มืดฟ้ามัวดินเช่นนี้
คำว่าเพลิงเคลื่อนบางทีฟังดูแล้วชื่อนี้อาจดูธรรมดามากเกินไป พลันที่ได้ยินชื่อ ‘เพลิงเคลื่อน’ ทุกคนจะยังคงนึกไม่ถึงว่าเป็นเชื้อไฟชนิดหนึ่ง
แต่ว่า เพลิงเคลื่อนยังมีชื่ออีกชื่อหนึ่ง นั่นก็คือเพลิงยันต์แห่งชีวิต!
แน่นอน ผู้ที่รู้จักชื่อนี้ก็มีอยู่ไม่มาก
คำว่าเพลิงเคลื่อนเป็นชื่อที่มีความเหมาะสมมาก เนื่องจากเปลวไฟแต่ละกองพวกมันสามารถคลานเคลื่อนที่ไปได้เองเหมือนเป็นหนอนตัวน้อยๆ ดังนั้น จึงถูกขนานนามย่อๆ ว่าเพลิงเคลื่อน
ขณะที่เพลิงยันต์แห่งชีวิตชื่อนี้ยิ่งชัดเจนกว่า จากชื่อนี้ก็จะสามารถรู้ว่ามันคือเพลิงยันต์ที่ยากจะหาใดเทียมอย่างหนึ่ง และเพลิงยันต์แต่ละกองก็จะมีชีวิตที่เป็นของมันเอง
เทียนเชี่ยนก่อตั้งอยู่บนพื้นแผ่นดินไกลกันดาร มันสามารถยืนหยัดไม่ล้มตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน นอกเหนือจากวัสดุที่ใช้ในการก่อสร้างเทียนเชี่ยนคือโลหะศักดิ์สิทธิ์ โครงกระดูกยักษ์ หินเซียนต่างๆ เป็นต้นที่เป็นวัสดุล้ำค่ายิ่งแล้ว ยังมีผู้ดำรงอยู่ในฐานะปราศจากผู้ต่อกรจำนวนมากที่ปลุกเสกให้กับเทียนเชี่ยน
สิ่งนี้ยังหาใช่เป็นสิ่งสำคัญที่สุด ในพันล้านปีที่ผ่านมา เทียนเชี่ยนได้ผ่านกาลเวลามานับไม่ถ้วน ผ่านพายุฝนที่โหมกระหน่ำนับไม่ถ้วน ที่สำคัญที่สุดคือ เมื่อใดที่ระบบป้องกันของเทียนเชี่ยนถูกเปิดใช้ขึ้นมา มันจะมีพลังป้องกันที่แข็งแกร่งปราศจากผู้ต่อกร สามารถรองรับการโจมตีที่ทรงพลังปราศจากผู้ต่อกรได้ ต่อให้เป็นระดับปฐมบรรพบุรุษก็ไม่สามารถตีเทียนเชี่ยนให้แตกได้
ด้วยพลังที่แข็งแกร่งปราศจากผู้ต่อกรนี้ ไม่เพียงแต่เป็นเพราะวัสดุที่ใช้ และหรือการปลุกเสกที่ปราศจากผู้ต่อกรของเทียนเชี่ยน ที่สำคัญมากกว่าก็คือ การมีพลังที่ไม่มีสิ้นสุดที่สามารถสนับสนุนให้เทียนเชี่ยนตั้งตระหง่านไม่ล้มนั้น เป็นเพราะพลังต้นกำเนิดของเทียนเชี่ยน ซึ่งก็คือเพลิงเคลื่อนนั่นเอง
ภายในต้นกำเนิดมีเพลิงเคลื่อนอยู่จำนวนนับไม่ถ้วน มีชีวิตนับไม่ถ้วน เพลิงแห่งชีวิตลักษณะเช่นนี้เมื่อรวมตัวกันมันจะมีพลังที่เหลือเชื่อ ส่งผลให้เทียนเชี่ยนยืนตระหง่านโดยไม่ล้มมาเป็นพันล้านปี
…………………………………