เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2224: การหลอมรวมของกระบี่คู่
ตอนที่ 2224: การหลอมรวมของกระบี่คู่
มันผ่านมาพักหนึ่งแล้วตั้งแต่ที่เขาออกจากดาวเคราะห์เทียนหมิง ข่าวที่ว่าหอคอยอนัตตาอยู่กับเขาอาจรั่วไหลไปแล้วตอนนี้
ในฐานะที่เป็นวัตถุเทพอันล้ำค่า มูลค่าของหอคอยอนัตตาเพียงพอที่จะผลักดันให้ผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดนับไม่ถ้วนให้บ้าคลั่งแม้ว่ามันจะเสียหาย สิ่งที่เกิดขึ้นบนดาวเคราะห์เทียนหมิงเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุด
ดังนั้นเมื่อเจี้ยนเฉินได้ยินว่าโมเทียนหยุนต้องการทำข้อตกลงกับเขา เขาจึงนึกถึงหอคอยอนัตตาโดยไม่รู้ตัว
นอกเหนือจากหอคอยอนัตตา เขาไม่สามารถคิดถึงสิ่งอื่นใดที่เขาครอบครองซึ่งสามารถดึงดูดความสนใจของโมเทียนหยุนได้
“ผู้อาวุโส ท่านสนใจหอคอยอนัตตางั้นหรือ ? ” เจี้ยนเฉินถาม มูลค่าของหอคอยอนัตตานั้นสูงกว่าวิญญาณบริสุทธิ์เพียงชิ้นเดียว ถ้าโมเทียนหยุนต้องการหอคอยอนัตตาจริง ๆ เขาควรทำเช่นไร ?
เมื่อเห็นว่าเจี้ยนเฉินกลายเป็นเคร่งเครียด โมเทียนหยุนก็ยิ้มอย่างขมขื่น “หอคอยอนัตตาเป็นวัตถุแห่งความปรารถนา ไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนสามารถมีได้ หากอี้ซินแห่งพระราชวังสวรรค์แห่งบิเชิงตัดสินใจที่จะตรวจสอบเรื่องนี้ โดยทั่วไปจะไม่มีใครที่สามารถครอบครองได้ สิ่งที่ข้าต้องการคือให้เจ้าดำเนินการทันที”
“ท่านต้องการให้ข้าดำเนินการอะไรหรือ ? ” เจี้ยนเฉินรู้สึกประหลาดใจกับสิ่งนั้น สีหน้าของเขาแปลกไปและเขากล่าวว่า “ผู้อาวุโสโมเทียนหยุน ข้าอาจจะไม่สามารถให้ความช่วยเหลือใด ๆ แก่ท่านได้ เนื่องจากความแข็งแกร่งในปัจจุบันของข้ายังไม่เพียงพอ”
โมเทียนหยุนส่ายหน้าเบา ๆ “อย่าสบประมาทตัวเอง เจ้ามีจิตวิญญาณกระบี่ แม้ว่าความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเจ้าจะอ่อนแอมาก แม้ว่าจิตวิญญาณกระบี่จะไม่ฟื้นสภาพจนถึงจุดสูงสุด แต่การหลอมรวมกระบี่ทั้งสองนั้นยังสามารถปลดปล่อยพลังที่น่าตกใจได้”
โมเทียนหยุนจ้องเจี้ยนเฉินอย่างเคร่งเครียด “และข้าต้องการให้เจ้าหลอมรวมกระบี่ทั้งสอง”
“ไม่ ! นายท่าน ข้าไม่เห็นด้วย ! ”
“นายท่าน ท่านต้องไม่ตกลง ! ผลกระทบจากการรวมกระบี่ทั้งสองนั้นมีพลังมากจนท่านไม่ควรทำมันจนกว่าจะหมดทางเลือก ! ”
ก่อนที่เจี้ยนเฉินจะพูดอะไร จือหยิงและฉิงโซวก็คัดค้านออกมาทันที สำหรับจิตวิญญาณกระบี่ทั้งสอง การหลอมรวมกระบี่คู่นั้นนับเป็นทักษะต้องห้ามที่พวกเขาไม่ควรแตะต้องเด็ดขาดเว้นแต่ว่าพวกเขาจะหมดทางเลือก
นี่เป็นเพราะแม้แต่เจ้านายของพวกเขาที่เป็นจอมปราชญ์สูงสุดก็เสียชีวิตลงจากการหลอมรวมกระบี่คู่ในตอนท้าย ดังนั้นมันจึงเป็นไปไม่ได้ที่เจี้ยนเฉินจะอยู่รอดได้
เจี้ยนเฉินสงบนิ่ง เขามองโมเทียนหยุนและพูดว่า “ผู้อาวุโสโมเทียนหยุน ท่านช่วยบอกเหตุผลได้หรือไม่ ? ทำไมท่านต้องให้ข้าหลอมรวมกระบี่ทั้งสอง ? ”
โมเทียนหยุนถอนหายใจเบา ๆ เขายืนขึ้นจากที่นั่งของเขาและยืนอยู่ในหญ้ารกรอบหน้าผา เขาจ้องมองดวงจันทร์ที่ส่องแสงในท้องฟ้าและพูดว่า “ไม่เป็นไรถ้าข้าบอกเจ้า สิ่งที่เจ้าเห็นอยู่ตอนนี้จริง ๆ แล้วเป็นหนึ่งในร่างโคลนหลักทั้งเก้าของข้า ร่างกายดั้งเดิมของข้าถูกศัตรูกักขังอยู่ในค่ายกลที่ทรงพลัง”
“ค่ายกลนั้นทนทานมาก แต่ก็ไม่สามารถกักขังข้าไว้ได้ตลอดไป ในเวลาอีกหมื่นปีข้างหน้า ข้าจะสามารถหลุดพ้นได้ด้วยความแข็งแกร่งของข้าเพียงลำพัง”
“แต่เมื่อเร็ว ๆ นี้มีบางอย่างเกิดขึ้นบนที่ราบเมฆา เสี่ยวหลิงถูกปีศาจสวรรค์เที่ยงแท้แห่งจักรวรรดิเทียนจับไป ปีศาจสวรรค์เที่ยงแท้เป็นผู้บ่มเพาะปีศาจ ดังนั้นเสี่ยวหลิงจึงตกอยู่ในอันตรายอย่างน่าหวั่นใจ ข้าจึงอยากให้ร่างกายดั้งเดิมของข้าเป็นอิสระทันที”
“อะไรนะ ? เสี่ยวหลิงถูกจับงั้นหรือ ? ” ใบหน้าของเจี้ยนเฉินเปลี่ยนไปอย่างมาก ทันใดนั้นเขาก็ยืนขึ้นและสายตาของเขาก็คมกริบอย่างมาก จิตสังหารได้พุ่งขึ้นในหัวใจของเขา
เขาปฏิบัติต่อเสี่ยวหลิงในฐานะน้องสาวของเขาเอง เขาจะไม่ยอมให้มีอะไรเกิดขึ้นกับนาง
“ผู้อาวุโสโมเทียนหยุน ปีศาจสวรรค์เที่ยงแท้ผู้นี้มีการบ่มเพาะระดับใด ? ” เจี้ยนเฉินถามอย่างหงุดหงิดด้วยสีหน้าที่กังวล
“เขาเพิ่งจะกลายเป็นขั้นอัครสูงสุดชั้นสวรรค์ที่ 4 เขาไม่ค่อยอ่อนแอไปกว่าราชาเผิงฟ้าที่ตามล่าเจ้า” โมเทียนหยุนกล่าว
หัวใจของเจี้ยนเฉินทรุดตัวลงเมื่อเขาเรียนรู้ความแข็งแกร่งของปีศาจสวรรค์เที่ยงแท้ เขารู้สึกหมดหนทาง อัครสูงสุดชั้นสวรรค์ที่ 4 คือการดำรงอยู่ซึ่งผ่านไม่อาจเอาชนะได้ในสายตาของเขา
“เจ้าไม่ต้องกังวล ตราบใดที่ร่างกายดั้งเดิมของข้าหลุดพ้น ปีศาจสวรรค์เที่ยงแท้ก็จะไม่เป็นปัญหา” โมเทียนหยุนกล่าว เขาพูดอย่างเฉยเมยเหมือนว่าเขาไม่ได้ใส่ใจปีศาจสวรรค์เที่ยงแท้อย่างจริงจังเลย
“ถ้าเป็นอย่างนั้น ไปกันตอนนี้เถอะ ข้าจะหลอมรวมกระบี่คู่และช่วยท่านในการทำลายผนึก” เจี้ยนเฉินกล่าวโดยไม่ลังเล เขาหวาดกลัวและกังวลอย่างมากเกี่ยวกับความปลอดภัยของเสี่ยวหลิง
“นายท่าน,การหลอมรวมนั้นอันตรายเกินไป …”
“นายท่าน ท่านไม่สามารถกระทำการโดยประมาทได้…”
จิตวิญญาณกระบี่พยายามโน้มน้าวเจี้ยนเฉินอย่างต่อเนื่อง ในสายตาของพวกเขา เจี้ยนเฉินไม่จำเป็นต้องหลอมรวมกระบี่คู่ มันไม่คุ้มค่า
“จือหยิง, ฉิงโซว ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว ตราบใดที่ข้าสามรถช่วยเสี่ยวหลิงได้ ข้าไม่รังเกียจว่าราคาที่ต้องจ่ายมันจะสูงแค่ไหน” เจี้ยนเฉินกล่าวอย่างมั่นคง
“เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลมากเกินไป การหลอมกระบี่คู่ไม่จำเป็นต้องเป็นสิ่งเลวร้ายสำหรับเจี้ยนเฉิน เจี้ยนเฉินบ่มเพาะร่างบรรพกาล แต่จากความรู้ของข้าเกี่ยวกับร่างบรรพกาล แม้ว่าเขาจะถึงจุดสูงสุดของความสมบูรณ์แบบ มันก็ยังคงไม่ได้เป็นเป็นสิ่งที่สุดยอดที่สุด พลังที่แยกชั้นฟ้าออกจากโลกที่ปรากฏขึ้นเมื่อหลอมรวมกระบี่เป็นพลังบรรพกาลที่แท้จริง”
“เจ้านายคนก่อนของกระบี่คู่เสียชีวิตระหว่างการหลอมรวมเพราะเขาไม่เคยบ่มเพาะร่างบรรพกาล เขาไม่สามารถทนต่อผลกระทบของพลังบรรพกาลได้ แต่เจี้ยนเฉินนั้นแตกต่างอย่างสิ้นเชิง หากเขาหลอมรวมกระบี่คู่ เขาสามารถสัมผัสได้ถึงพลังบรรพกาลที่แท้จริงว่าเป็นอย่างไร” โมเทียนหยุนกล่าวกับจิตวิญญาณกระบี่
หลังจากนั้นจิตวิญญาณกระบี่ก็สงบลงในทันที พวกเขารู้ว่าโมเทียนหยุนพูดถูก
จากนั้นโมเทียนหยุนจึงมองเจี้ยนเฉินและกล่าวว่า “ข้าต้องเตรียมตัวอย่างเหมาะสมก่อนที่จะทำลายผนึก มีความลับบางอย่างที่มีเพียงเราสองคนเท่านั้นที่รู้และควรเป็นเช่นนั้น รอข้าด้วย ข้าจะกลับมาหาเจ้าในอีก 3 วัน”
เจี้ยนเฉินพยักหน้า โดยทั่วไปเขาเข้าใจในสิ่งที่โมเทียนหยุนอ้างถึง มันเป็นปัญหาของตัวตนของพวกเขา เมื่อตัวตนของพวกเขาซึ่งมาจากโลกอมตะถูกเปิดเผย พวกเขาจะไม่สามารถอยู่ในโลกเซียนได้อีกต่อไป
หลังจากนั้นโมเทียนหยุนก็จากไป เขาจากไปเหมือนอย่างที่เขามา เงียบ ๆ และไม่ทิ้งร่องรอยใด ๆ เลย
เจี้ยนเฉินไม่มีอารมณ์บ่มเพาะต่อไป เสี่ยวหลิงถูกจับตัวและอยู่ในมือของผู้บ่มเพาะปีศาจ ไม่มีใครรู้ว่านางเป็นอย่างไรในขณะนี้ เจี้ยนเฉินรู้สึกไม่มั่นคงและไม่สามารถนั่งนิ่ง ๆ ได้ เขากังวลเรื่องเสี่ยวหลิงอย่างมาก
“หมิงตงกำลังทำอะไรอยู่ ? เขากลับไปยังราบเมฆามานานแล้วไม่ใช่หรือ ? เสี่ยวหลิงถูกจับตัวไปได้อย่างไร ? ” เจี้ยนเฉินบ่นภายในใจ ในขณะนั้นเขายังพิจารณาส่งมอบหอคอยอนัตตาไปยังพระราชวังสวรรค์แห่งบิเชิงทันทีเพื่อที่เขาจะได้ขอให้องค์หญิงใหญ่ช่วยเขา อย่างไรก็ตาม หลังจากคิดมาหลายครั้ง เขาก็พบว่าโมเทียนหยุนน่าเชื่อถือกว่าเล็กน้อย
ท้ายที่สุดโมเทียนหยุนก็เหมือนกับเขา เขาเป็นคนที่ห่วงใยเสี่ยวหลิงอย่างแท้จริง
ในสามวันต่อมา เจี้ยนเฉินเข้าใจอย่างแท้จริงว่าความรู้สึกที่ว่าหนึ่งวันเหมือนหลายปีเป็นอย่างไร ในช่วงสามวันนั้นเขาไม่มีอารมณ์ที่จะบ่มเพาะเลย เมื่อใดก็ตามที่เขาเห็นหานซินในตอนเช้าทุกวัน เขาก็ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สนใจอยู่ตลอดเวลา