เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2220: โมเทียนหยุน
ตอนที่ 2220: โมเทียนหยุน
เจี้ยนเฉินนั่งลงแล้วโดยไม่รู้ตัว พลังเซียนธาตุแสงสีขาวนวลห่อหุ้มเขาไว้เช่นกัน รวบรวมพลังเซียนธาตุแสงจากสภาพแวดล้อมโดยไม่ได้ตั้งใจ
เป็นผลให้เขาดูเหมือนเหมือนกับไป๋หยูและจ้าวเฟิงในขณะนี้ พวกเขาทั้งหมดอยู่ในสถานะของการบ่มเพาะ
อย่างไรก็ตาม แตกต่างจากไป๋หยูและจ้าวเฟิง ความเข้าใจของเจี้ยนเฉินในเรื่องกฎแห่งศรัทธาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ในขณะที่อีกสองคนยังคงพยายามที่จะเข้าใจความลับของกฎ
เมื่อความเข้าใจของเขาลึกซึ้งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ความรู้และความเข้าใจของเจี้ยนเฉินเกี่ยวกับกฎแห่งศรัทธาก็ยิ่งเพิ่มพูนขึ้นเรื่อย ๆ เขาเกือบจะถึงระดับพื้นฐานตามกฎ
เวลาผ่านไปอย่างเร่งรีบ ภายในพริบตา มันก็เป็นตอนเย็นของวันนั้น เมื่อพระอาทิตย์ตกดินและย้อมท้องฟ้าเป็นสีแดง พวกเขาก็ลืมตาขึ้นมา
“ท่านอาจารย์ กฎแห่งศรัทธานั้นลึกซึ้งและลึกลับมาก แม้หลังจากผ่านไปหนึ่งวันเพื่อทำความเข้าใจกฎแห่งศรัทธาที่ท่านเรียกมา ข้ายังไม่ได้พัฒนาไปมากกว่าเดิมเลย” ไป๋หยูบุ้ยปากและกล่าวอย่างเศร้าใจ
หานซินยิ้มพลางเอ่ยว่า “ข้าไม่เคยคาดหวังว่าเจ้าทั้งสามจะเข้าใจกฎแห่งศรัทธาในทันที อย่าว่าแต่เจ้าเลย แม้แต่อัจฉริยะ 9 ดาวในระดับการบ่มเพาะเดียวกันกับเจ้าจะไม่สามารถเข้าใจกฎแห่งศรัทธาได้ภายในคราวเดียว ความตั้งใจที่แท้จริงของข้าคือการที่เจ้าได้เห็นประตูสู่การเป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญศรัทธาซึ่งทำให้ข้าสามารถปูทางให้กับเจ้าล่วงหน้า วิธีนี้จะกลายเป็นเรื่องง่ายขึ้นเล็กน้อยเมื่อเจ้ากลายเป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญศรัทธาในอนาคต”
“ท่านอาจารย์ มันยากมากหรือที่จะเข้าใจกฎแห่งศรัทธาและกลายเป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญศรัทธา ? ” เจี้ยนเฉินถาม
หานซินพยักหน้า “มันค่อนข้างยาก สำหรับเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงที่จะเข้าใจกฎแห่งศรัทธาและกลายเป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญศรัทธา ความยากมันไม่น้อยไปกว่านักสู้ที่มาจากขอบเขตดั้งเดิมถึงขอบเขตเซียนหรือยากยิ่งกว่า”
“ในโถงเซียนธาตุแสงของเรา โดยทั่วไปเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงทุกคนมีแกนวิญญาณสามสีและจะใช้เวลานานมากก่อนที่จะกลายเป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญศรัทธา มีแม้แต่เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงคนอื่น ๆ ที่สามารถเข้าใจกฎแห่งศรัทธาหลังจากควบแน่นแกนวิญญาณสี่สีเข้าด้วยกัน”
“แน่นอนว่าทุกอย่างขึ้นอยู่กับความสามารถส่วนบุคคล อัจฉริยะที่หาตัวจับได้ยากบางคนสามารถเข้าใจกฎแห่งศรัทธาก่อนที่จะควบแน่นแกนวิญญาณสามสี แต่ถ้าขาดพรสวรรค์มากเกินไป แม้ว่าจะมีแกนวิญญาณเจ็ดสีและกลายเป็นราชาเทพธาตุแสงก็ตาม โชคชะตาอาจไม่ลิขิตให้กลายเป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญศรัทธา”
ในตอนท้าย หานซินมองดูจ้าวเฟิงและกล่าวว่า “จ้าวเฟิง เจ้าเป็นอัจฉริยะห้าดาว และเจ้าได้ไปถึงแกนวิญญาณสามสีแล้ว ข้าขอถามได้หรือไม่ว่าเจ้าได้รับประโยชน์อะไรเพิ่มขึ้นหรือไม่ ? ” หานซินมีความคาดหวังสูงอย่างเห็นได้ชัดสำหรับจ้าวเฟิง
จ้าวเฟิงไม่ตอบกลับทันที เขาคิดเกี่ยวกับมันซักพักก่อนที่จะตอบว่า “ท่านอาจารย์ ข้าได้รับประโยชน์เล็กน้อย แต่ข้ายังต้องใช้เวลาสักพักก่อนที่ข้าจะเข้าใจกฎแห่งศรัทธาอย่างแท้จริง”
หานซินพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ “ข้าหวังว่าเจ้าจะสามารถเป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญศรัทธาได้ในขณะที่เจ้ามีแกนวิญญาณสามสี”
“ข้าจะฝึกฝนให้หนักและจะไม่ทำให้ท่านอาจารย์ผิดหวัง” จ้าวเฟิงกล่าวด้วยความมั่นใจ
“นี่คือบันทึกความเข้าใจที่ข้าเก็บไว้มานาน แม้ว่ามันจะไม่ได้มีค่ามากนัก แต่ก็จะให้ความช่วยเหลือกับเจ้า นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับวิธีการบ่มเพาะที่ช่วยให้เจ้าสามารถบ่มเพาะแกนวิญญาณสี่สี เจ้าสามคนควรรับมันไปและทำความเข้าใจมัน”
“แน่นอนวิธีการบ่มเพาะนี้ค่อนข้างเป็นมาตรฐาน มันเหมาะสำหรับเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงที่ไม่ได้รวมแกนวิญญาณสี่สี มันจึงเพียงพอสำหรับพวกเจ้า” หานซินหยิบหนังสือใหม่เอี่ยมออกมาสองสามเล่มแล้วส่งไปยังเจี้ยนเฉิน,ไป๋หยูและจ้าวเฟิง
“ท่านอาจารย์ ข้าขอถามว่าเราจะได้รับวิธีการบ่มเพาะในระดับที่สูงกว่าได้อย่างไร ? ” เจี้ยนเฉินถาม วิธีการบ่มเพาะที่สามารถเข้าถึงแกนวิญญาณสี่สีนั้นไม่มากพอสำหรับเขา
“วิธีการบ่มเพาะที่ดีกว่านี้สามารถหาได้จาก หอคอยธาตุแสงในโถงศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น. อย่างไรก็ตาม,เจ้ายังไม่มีสิทธิ์เข้าสู่ หอคอยธาตุแสงในขณะนี้ วันนี้พอแค่นี้ พวกเจ้าออกไปได้” หานซินโบกมือหันหลังแล้วก็ออกไป
“ศิษย์น้อง เจ้ากล้ามาช้าในวันแรก บอกศิษย์พี่มาเดี๋ยวนี้ว่าท่านอาารย์ลงโทษเจ้าอย่างไร ? ” ทันทีที่หานซินจากไป ไป๋หยูมองเจี้ยนเฉินด้วยตาโตและถามอย่างสงสัย
“เจ้าหยาบคายมาก ข้าเป็นศิษย์พี่ เจ้าเป็นศิษย์น้อง” เจี้ยนเฉินพูดอย่างติดตลกที่แฝงด้วยท่าทางที่ไม่ชอบใจ
“การบ่มเพาะของเจ้าอ่อนแอกว่าข้า แน่นอนว่าเจ้าจะเป็นศิษย์น้องของข้า ถ้าการบ่มเพาะของเจ้าสูงกว่าของข้า ถึงตอนนั้นข้าจะยอมรับเจ้าในฐานะศิษย์พี่รอง” ไป๋หยูแค่นเสียงอย่างฉุนเฉียวและพูดอย่างหยิ่งยโส
จ้าวเฟิงหน้านิ่วเมื่อเขาเห็นไป๋หยูทำเช่นนั้น เขากล่าวว่า “ศิษย์น้อง ศิษย์พี่ได้รับความเข้าใจบางอย่างเกี่ยวกับกฎแห่งศรัทธามาที่ผาชมจันทร์ตอนกลางคืน เราสามารถพูดคุยประสบการณ์ของเราพร้อมกับทำความเข้าใจกฎแห่งศรัทธาไปด้วยกัน”
ไป๋หยูเข้าใจเป็นอย่างดี จ้าวเฟิงต้องการส่งต่อสิ่งที่เขาเข้าใจให้นาง ดังนั้นดวงตาของนางก็สดใสขึ้นทันที นางเห็นด้วยอย่างตื่นเต้น “เอาล่ะ ข้าจะไม่ออกไปจนกว่าเจ้าจะมาปรากฏตัวที่ผาชมจันทร์ คืนนี้ ศิษย์น้อง เจ้าต้องมาด้วยและอย่ามาสาย”
“ศิษย์น้องเจียงหยางมีแกนวิญญาณหนึ่งสีในขณะนี้ เขายังต้องใช้เวลาอีกมากกว่าจะได้สัมผัสกับกฎแห่งศรัทธา เขาอาจจะไม่ได้รับประโยชน์ถ้ามา และมันจะทำให้เขาเสียเวลาในการบ่มเพาะ ศิษย์น้องเจียงหยาง บ่มเพาะให้ดีก่อน เมื่อเจ้าควบแน่นแกนวิญญาณสองสี ข้าจะส่งผ่านประสบการณ์ของข้าไปให้เจ้า” จ้าวเฟิงกล่าวทันที เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ต้องการให้เจี้ยนเฉินไป
“ขอบคุณสำหรับเจตนาดีของศิษย์พี่ ข้าเองก็อยากที่จะฝึกฝนอย่างเหมาะสมในสภาพแวดล้อมที่เงียบสงบ มันจะไม่เหมาะที่ข้าจะใช้เวลาไปในเรื่องอื่น” เจี้ยนเฉินยิ้มอย่างเฉยเมยและจากไป
อีกไม่นานเจี้ยนเฉินก็กลับไปที่พักที่เรียบง่ายที่สุดของเขาซึ่งมีทางเข้าปกคลุมด้วยพุ่มไม้ เขานั่งลงโดยตรงและเริ่มที่จะเข้าใจกฎแห่งศรัทธาอีกครั้ง
2 ชั่วยามต่อมา เจี้ยนเฉินก็ลืมตาขึ้นมา เขายกมือขึ้นอย่างช้า ๆ และพลังสีขาวที่มีความโหดร้ายปรากฏขึ้นในมือของเขาทันที
น่าประหลาดใจที่พลังนี้คือกฎแห่งศรัทธา
การเรียกกฎแห่งศรัทธาของหานซินเป็นเหมือนกระโจมไฟในที่มืดสู่เจี้ยนเฉิน มันชี้ให้เขาไปในทิศทางที่เขาสามารถเข้าไปข้างใน ทำให้เขาได้รับมุมมองพื้นฐานในการเข้าใจเบื้องต้นของกฎแห่งศรัทธา
ตอนนี้เขาพยายามที่จะเข้าใจกฎอีกครั้งอย่างเงียบ ๆ เขาก็เข้าใจมันอย่างถ่องแท้ก่อนที่จะกลายเป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญศรัทธา
“หานซินกล่าวว่าเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงส่วนใหญ่จะกลายเป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญศรัทธาเมื่อพวกเขามีแกนวิญญาณสามสีหรือสี่สี แต่ข้าก็กลายเป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญศรัทธากับแกนวิญญาณหนึ่งสี” เจี้ยนเฉินพึมพำในขณะที่เขามองดูกฎแห่งศรัทธาในมือของเขา
“เป็นเวลากว่าล้านปีแล้วที่มีบางคนกลายมาเป็นกฎแห่งศรัทธาโดยที่มีแกนวิญญาณหนึ่งสี น่าประทับใจ เจี้ยนเฉิน พรสวรรค์ของเจ้าโดดเด่นเป็นพิเศษ มันทำให้ข้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจ”
ทันใดนั้นมีเสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลังของเจี้ยนเฉิน
เสียงดังฉับพลันส่งผลให้ใบหน้าของเจี้ยนเฉินเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว เขากระโดดขึ้นยืนโดยสัญชาตญาณแล้วหันกลับมามองด้วยความตกใจ
แม้ว่าเขาจะกำลังบ่มเพาะอยู่ แต่เขาก็ยังคงเฝ้าระวังโลกรอบตัวอยู่บ้าง แต่เขากลับก็ไม่รู้สึกว่ามีใครบางคนปรากฏตัวในบ้านพักของเขาอย่างเงียบ ๆ ในขณะที่เขากำลังบ่มเพาะอยู่
ชายวัยกลางคนผิวขาวที่มีใบหน้าที่แน่วแน่ยืนอยู่ข้างหลังเจี้ยนเฉิน
เขาเป็นเหมือนอากาศไม่มีตัวตน ไม่แสดงพลังแห่งการมีอยู่ วิญญาณและสัมผัสของเจี้ยนเฉินไม่สามารถตรวจจับเขาได้ เขาสามารถเห็นอีกฝ่ายได้ด้วยตาเปล่าเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม เมื่อเจี้ยนเฉินเห็นชายวัยกลางคนอย่างชัดเจน เขาก็ตกตะลึง เขาไม่อยากเชื่อสายตาของตัวเอง
“ท่านคือใคร ? ” เจี้ยนเฉินถามด้วยความประหลาดใจ เขารู้สึกสับสน
ชายวัยกลางคนยิ้ม “ข้าคิดว่าเจ้ารู้แล้วว่าข้าเป็นใคร”
“ท่านคือผู้อาวุโสโมเทียนหยุนจริง ๆ หรือ ? ” เจี้ยนเฉินเรียก เขารู้สึกงุนงงมากและรู้สึกเหมือนฝันอยู่เพราะชายวัยกลางคนเป็นคนคนเดียวกับคนที่ทิ้งตำนานที่ยิ่งใหญ่ซึ่งกินเวลาหลายล้านปีในทวีปเทียนหยวน
ไม่ว่าจะเป็นซุยหยุนหลานหรือเสี่ยวหลิง พวกเขาทั้งหมดต้องการเจอตัวโมเทียนหยุนโดยเร็วที่สุด
อย่างไรก็ตามโลกเซียนนั้นกว้างใหญ่มาก ดังนั้นการหาคนคนเดียวจึงไม่ใช่เรื่องง่าย มันยากยิ่งกว่าการงมเข็มในมหาสมุทร
เจี้ยนเฉินไม่เคยคิดเลยว่าโมเทียนหยุนจะมาปรากฏตัวที่นี่อย่างแปลกประหลาดมากในบ้านของเขา
โมเทียนหยุนหาเขาเจอได้อย่างไร ?
ยิ่งไปกว่านั้น เจี้ยนเฉินก็ไม่ได้ใช้รูปลักษณ์ดั้งเดิมของเขา ปัจจุบันเขามีใบหน้าที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิง โมเทียนหยุนจดจำเขาได้อย่างไรด้วยการชำเลืองมองเพียงครั้งเดียว ?
นอกจากนี้สถานที่นี้อยู่ในอาณาเขตของโถงเซียนธาตุแสงโมเทียนหยุนเป็นส่วนหนึ่งของโถงเซียนธาตุแสงตั้งแต่เขาปรากฏตัวขึ้นที่นี่ทันทีหรือ ?
ในขณะนั้น นอกจากความประหลาดใจและความสุขแล้ว เจี้ยนเฉินก็เต็มไปด้วยข้อสงสัยในขณะนี้ว่าจู่ ๆ เขาก็ได้พบผู้เชี่ยวชาญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมนุษย์ในอดีต โมเทียนหยุน