ไหงอยู่ดี ๆ มาเป็นไฮเอลฟ์ในเกม แถมยังมีคนบูชาฉันด้วยล่ะคะ !! - ตอนที่ 16: [บทพิเศษ] ตาแก่รากมะม่วง / การล่มสลายสีชาด
- Home
- ไหงอยู่ดี ๆ มาเป็นไฮเอลฟ์ในเกม แถมยังมีคนบูชาฉันด้วยล่ะคะ !!
- ตอนที่ 16: [บทพิเศษ] ตาแก่รากมะม่วง / การล่มสลายสีชาด
(เมืองหลวงอาณาจักรแอนวอลเลล์)
หลังจากที่เมอร์ริอาร์และลุคที่กลับมาจากป่าที่มีเทพธิดาโนเอลร่าอาศัยอยู่ ทั้งคู่ได้ตรงดิ่งกลับมาเมืองหลวงอย่างไม่รอช้า เหตุผลหลักคือลุคที่กลัวว่าตาแก่สติเพี้ยนจะไม่ยอมกลับมาทำหน้าที่ของตัวเอง เพราะถ้าหากย้อนกลับไปเมื่อตอนอยู่ในป่าเมื่อสองวันก่อน ตาแก่จอมเพี้ยนคนที่ทุกคนในอาณาจักรให้การเคารพนับถือได้สร้างวีรกรรมที่แสนน่าอับอายแม้แต่ลุคถึงต้องกุมขมับ
อย่างแรกคือการที่ตาแก่จอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่ร้องไห้ขี้มูกโป่งอย่างกับเด็กน้อยที่เห็นฮีโร่ของตัวเองในทีวีช่อง 9 เพราะจนตอนที่ลุคลากเมอร์ริอาร์กลับไปทั้งตอนเดินทางกลับลุคก็ยังไม่ได้ถามเหตุผลที่ทำไมเมอร์ริอาร์ถึงได้เป็นขนาดนั้น
อย่างที่สองคือการที่เมอร์ริอาร์เล่นประกาศตำแหน่งของตัวเองทั้งที่อยู่ในสภาพน้ำตาและน้ำมูกไหลราวกับตาแก่โดนหลานทิ้ง เพราะในความเป็นจริงแล้วตำแหน่งของเมอร์ริอาร์นั้นเรียกได้ว่าเป็นรองเพียงแค่กษัตริย์เลยก็ว่าได้ เพราะไม่ใช่แค่เป็นถึงจอมเวทย์หลวงของราชสำนักแต่เป็นที่ปรึกษาให้กับกษัตริย์อีกด้วย ตำแหน่งที่มาพร้อมกับความรับผิดชอบอันใหญ่หลวงและสร้างความหวาดเกรงให้กับนานาประเทศข้างเคียงกับต้องมาพังเพราะตาแก่เจ้าของตำแหน่งนั้นร้องไห้ขี้มูกโป่งต่อหน้าชาวบ้านนับสิบ
และอย่างสุดท้ายคือการที่ตาแก่สติไม่เต็มดันบอกไปว่าจะลาออกและมาขอรับใช้เทพธิดาโนเอลร่าแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย หนำซ้ำยังไปเรียกเด็กอายุเพียง 7 ขวบว่าลูกพี่หญิงเพียงเพราะความคิดที่ตรงกันซะอย่างงั้น
ด้วยเหตุผลดังกล่าวลุคที่ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยจอมเวทย์หลวงเมอร์ริอาร์มานานรู้สึกเหนื่อยอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ถึงแม้เมอร์ริอาร์จะชอบโยนงานมาให้ประจำอยู่แล้วแต่ความเหนื่อยล้าก็เทียบไม่ได้กับสิ่งที่ลุคพึ่งประสบพบเจอเมื่อไม่นานมานี้ และอีกหนึ่งเหตุผลที่ค่อนข้างจะเป็นทางการเลยคือ การที่จอมเวทย์หลวงออกจากเมืองหลวงนานเกินไปโดยที่ไม่มีคนรู้เกิดข่าวลือจนแพร่ไปในประเทศอื่นล่ะก็ จะเป็นการเปิดช่องให้ประเทศอื่นรุกรานก็เป็นได้ ตัวตนของเมอร์ริอาร์มีคุณค่าถึงขนาดนั้น
แต่ลุคกับต้องปวดหัวกับเจ้านายของตนอย่างหาที่ระบายไม่ได้ เพราะแม้แต่ตอนที่นั่งรถม้ากลับตาแก่สติเพี้ยนคนนี้ก็เอาแต่ทำหน้าเคลิบเคลิ้มราวกับไปเสพพืชที่ทำให้หัวเราะมา แถมใบหน้ายังดูสดใสราวกับกลับเป็นหนุ่มอีกครั้งทั้งที่ปกติแล้วจะทำหน้าตาเอื่อยเฉื่อย ขี้เกียจและเบื่อโลกอยู่ตลอด ลุคที่ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองที่มองไปยังตาแก่รากมะม่วงพลางคิดในใจว่าเทพธิดาโนเอลร่าช่างน่ากลัวจริง ๆ ที่เปลี่ยนตาแก่รากมะม่วงคนนี้ได้
ทั้งคู่ได้กลับมาถึงเมืองหลวงในวันก่อนงานเลี้ยงขอบคุณที่หมู่บ้านโคลินหนึ่งวัน และแน่นอนว่าเมอร์ริอาร์ได้รับคำฟังคำไหว้วานอย่างเลี่ยงไม่ได้ของโนเอลร่าที่โดนแรงกดดันของตาแก่รากมะม่วงก็ได้เริ่มทำอย่างกระตือรือร้นนั่นก็คือ การหาชุดเครื่องนอนที่ดีที่สุดในโลกให้กับเทพธิดาโนเอลร่านั่นเอง
” นั่นกำลังจะไปไหนครับท่านเมอร์ริอาร์ ? ” ลุคที่กำลังมองจอมเวทย์เจ้านายของตนที่พอกลับมาถึงห้องได้ไม่ถึง 5 นาทีก็แต่งตัวราวกับกำลังจะออกไปข้างนอกเหมือนมีธุระเร่งด่วน ทั้งที่พึ่งจะกลับมาแต่กลับจะออกไปอีกแล้วทำให้ลุคไม่สบอารมณ์เอ่ยถามขึ้นมา
” ไม่เห็นต้องถาม ข้าก็จะไปหาชุดเครื่องนอนที่ดีที่สุดในประเทศให้ท่านเทพธิดาโนเอลร่าน่ะสิ ” เมอร์ริอาร์ที่ตอบอย่างชัดเจนไม่มีความนัยแฝง ทั้งที่ปกติแล้วจะเป็นคนที่คาดเดาไม่ได้แท้ ๆ แต่เวลานี้กลับเป็นคนที่ตอบอย่างไม่มีความลังเลหรือรู้สึกว่าผ่านการคิดวิเคราะห์เลย
” ถ้ามีของแบบนั้นจริง คงโดนเอาไปถวายให้กษัตริย์สักประเทศแล้วล่ะครับ เฮ้อ… ” ลุคที่ตอบอย่างเอือมระอาพลางเอามือกุมขมับที่ปวดตุบ ๆ ลุคไม่คิดเลยว่าตาแก่รากมะม่วงคนนี้จะเอาจริงเอาจังกับการแค่หาชุดเครื่องนอนให้กับเทพธิดาในป่าที่ชื่อโนเอลร่าขนาดนี้
” ถูกของเจ้า งั้นเอาเป็นว่าไปขโมยมาจากเจ้าพระราชาของเราเอาและกัน ” คำพูดที่ไม่คิดว่าจะออกจากปากของคนที่เป็นที่ปรึกษากษัตริย์ที่คิดจะไปขโมยชุดเครื่องนอนเจ้านายของตัวเอง
” ทำแบบนั้นมีหวังได้โดนปลดจากตำแหน่งจอมเวทย์หลวงพอดีครับ อีกอย่างจะเอาชุดเครื่องนอนตาแก่อีกคนไปให้เทพธิดาโนเอลร่าเนี่ยคงได้โดนท่านโกรธพอดีครับ ” ลุคที่ไม่รู้จะตบมุกไหนก่อนดีพูดออกไปอย่างขอไปทีเพื่อให้มันผ่านไปโดยเร็วที่สุด แต่เหมือนว่าเมอร์ริอาร์จะไม่ยอมจบ
” ก็จริงของเจ้า ชุดเครื่องนอนของหมอนั่นถึงจะเป็นของชั้นเลิศแต่ก็คงมีกลิ่นสาบตาแก่ไปหมดแล้ว ถ้าเอาไปให้ท่านโนเอลร่าล่ะก็ คงโดนท่านเกลียดขี้หน้าแน่ ๆ ” ลุคที่คิดในใจว่า ‘ท่านโดนเกลียดขี้หน้าไปเรียบร้อยแล้วล่ะ’ ได้แต่เก็บไว้ เพราะลุคนั้นเรียกได้ว่าเป็นคนที่คอยสังเกตสิ่งรอบข้างเสมอและสายตาและสีหน้าของเทพธิดาโนเอลร่าที่มองเมอร์ริอาร์นั้นไม่ต่างไปจากตาแก่นักเวทย์จอมเพี้ยนชัด ๆ แต่ลุคคิดว่าถ้าตนพูดออกไปเมอร์ริอาร์ก็คงไม่เชื่อ
” ข้าคิดว่าท่านโนเอลร่าคงอยากได้ชุดเครื่องนอนธรรมดามากกว่านะครับ ” ลุคที่แสดงความเห็นอย่างถูกต้องที่สุดจากการสังเกตลักษณะความเป็นอยู่ของโนเอลร่าในครั้งที่ได้ไปเยี่ยมพร้อมชาวบ้าน
” หา ? ทำไมเจ้าถึงคิดแบบนั้นกัน อย่างท่านโนเอลร่าต้องนอนในฟูกที่เปรียบดั่งขนนกของวิหคสวรรค์เชียวนะ ”
” แล้วไอ้วิหคสวรรค์นั่นมันหาได้ที่ไหนกันล่ะครับ เฮ้อ…ท่านก็เห็นไม่ใช่เหรอท่านโนเอลร่าน่ะอยู่อย่างเรียบง่าย บ้านก็ยังเป็นบ้านต้นไม้เลยนะครับ ” ลุคที่พูดเหมือนให้เมอร์ริอาร์ฉุกคิดเหมือนจะได้ผล เมอร์ริอาร์ที่หวนคิดถึงวันที่ได้เจอโนเอลร่าก็นึกออกทันทีว่าโนเอลร่าอาศัยอยู่ในป่าอย่างกับเป็นธรรมชาติแถมยังดูเรียบง่ายเอาง่าย ๆ เมอร์ริอาร์ที่คิดว่าลุคนั้นคิดได้อย่างรอบคอบจึงเอ่ยชื่นชม
” อืม ๆ ถูกของเจ้านะ ไม่เลวเลยนี่หว่า เจ้าเองก็มีแววใช้ได้นะเนี่ย ” เมอร์ริอาร์ที่เงยหน้าขึ้นหัวเราะราวกับถูกใจในความเอาใจใส่ของลุคที่พึ่งพาได้ ทำเอาลุคถึงกับหน้าตายตอบกลับมา
” ถ้าท่านลดความเพี้ยนแล้วสังเกตอะไรบ้างก็คงคิดได้ไปนานแล้วครับ ” ลุคที่ตอบกลับโดยแฝงคำด่าพลางเอามือเกาหัว
” เฮ้ย นี่เจ้าเมื่อกี้พูดว่า เพี้ยนใช่ไหม พูดสินะ เมื่อกี้พูดว่าเพี้ยนแน่ ๆ ” เมอร์ริอาร์ที่เกือบเคลิ้มไปกับคำพูดของลุคตั้งสติแล้วถามกลับอย่างหงุดหงิด
” เปล่าครับ ข้าไม่ได้พูด ข้าแค่ด่า ”
” มันแย่กว่าเดิมอีกไม่ใช่เหรอ !! ” ในที่สุดบรรยายกาศการตบมุกแบบตลกคาเฟ่ของสองนักเวทย์ผู้เก่งกาจของอาณาจักรที่กลับมาอย่างที่มันควรจะเป็น
” งั้นเอาเป็นว่าข้าออกไปซื้อชุดเครื่องนอนในเมืองก่อนแล้วกัน ที่เหลือก็ฝากเจ้าด้วยล่ะ ” เมอร์ริอาร์ที่เหมือนเตรียมตัวพร้อมแล้วก็ถือไม้เท้ากำลังจะเดินออกจากห้องไปในทันที แต่โดนลุคทักขึ้นมา
” นี่ท่านจะออกไปจริง ๆ เหรอครับ ข้าได้รับรายงานจากคนหน่วยของเราว่าท่านแม่ทัพกาเฮริสต้องการพบท่านโดยด่วนเรื่องมอนสเตอร์ที่ป้อมปราการเดธวอลเลย์นะครับ ” ลุคพูดสิ่งที่ต้องรายงานโดยด่วนเพื่อหวังให้เมอร์ริอาร์ตระหนักสิ่งที่ควรจะทำก่อนเป็นอันดับแรก แต่เหมือนว่าลำดับความสำคัญของเมอร์ริอาร์กับลุคนั้นจะแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
” เออ ๆ ฝากให้เจ้าไปแทนแล้วกัน ข้าต้องไปหาชุดเครื่องนอนให้ท่านโนเอลร่า ฝากด้วยล่ะ ” เมอร์ริอาร์ที่เดินออกจากห้องไปพร้อมเสียงปิดประตูดัง ‘ ปัง ! ‘ ทำให้ลุคได้แต่ยักไหล่เหนื่อยหน่ายกับการกระทำของเจ้านายตนเอง
( ให้มันได้อย่างนี้สิ …)
.
.
.
.
(???)
ณ พื้นที่ลานกว้างที่เต็มไปด้วยอาวุธสำหรับฝึกซ้อมและพื้นดินที่ไม่มีหญ้าขึ้นแม่แต่น้อย กับเสียงของสตรีที่ดูน่าเกรงขามและบ้าคลั่ง การเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วที่ทำให้ร่างกายเผาผลาญอย่างต่อเนื่องผุดเม็ดเหงื่อตามร่างกายแต่แล้ว สตรีดังกล่าวกลับไม่มีท่าทีว่าจะเหนื่อยหรืออ่อนแรง แต่กลับยิ่งฝึกซ้อมหนักขึ้นมากกว่าเดิมราวกับพายุที่บ้าคลั่งไม่มีผิด
เสียงของดาบไม้ที่ดังกระทบกันอย่างรุนแรงและบ้าคลั่งที่ดังไปเท่าบริเวณ พร้อมกับคนมุงดูที่ไม่ใช่มนุษย์หลายสิบคนมองอย่างชื่นชมและนับถือในความแข็งแกร่งและองอาจของสตรีที่ว่า ผมสีแดงเข้มราวกับโลหิตตัดสั้นอย่างน่าหลงใหล กล้ามเนื้อสีแทนที่ดูแข็งแกร่งราวกับฝึกมาอย่างดีแต่ไม่ได้ใหญ่โตจนดูแปลก แต่กลับกระชับได้รูปดังหญิงงามที่มีสุขภาพดีและฝึกฝนตนเอง
สตรีที่ได้ชื่อว่าหนึ่งในราชันย์ผู้บัญชาการกองทัพปีศาจ ‘ การล่มสลายสีฉาด ‘ ‘ ดันทาเลียน ‘
” อ้าว ๆ !! บุกเข้ามาอีกเซ่ ” เสียงตะโกนคำรามอย่างกับลมกระโชกรุนแรงที่มาพร้อมกับกระบวนดาบที่รุนแรงและรวดเร็วจนคู่ฝึกซ้อมถึงกับมองตามไม่ทันและในที่สุดก็ล้มลงไปกองกับพื้นอย่างอนาถ
” ชิ ! แค่นี้เองเหรอ ไม่มีใครที่จะมาเป็นคู่ซ้อมให้ข้าคนนี้แล้วหรือไง !! ” ดันทาเลียนที่ผิดหวังกับคู่ซ้อมของตนที่ตอนนี้สลบไปเป็นทีเรียบร้อยแล้ว แน่นอนว่านี่เป็นการฝึกซ้อมแต่ถ้าหากว่านี่คือสนามรบจริง ๆ แล้วละก็คู่ซ้อมคงได้ตายภายในดาบเดียวเป็นแน่ ความแข็งแกร่งของดันทาเลียนแน่นอนว่าเป็นของจริงถึงรูปร่างจะดูเป็นสตรีแต่ทั้งพละกำลังและความแข็งแกร่งนับว่าเป็นรองเพียงไม่กี่คนเท่านั้น
เมื่อไม่มีทหารปีศาจคนไหนกล้าที่จะมาเป็นคู่ซ้อมให้ ดันทาเลียนจึงได้แต่สบทในลำคอก่อนจะเดินออกไปอย่างหงุดหงิด สำหรับดันทาเลียนที่ความแข็งแกร่งคือทุกสิ่งทุกอย่าง ผู้ที่กวาดล้างศัตรูได้มากที่สุดในบรรดาราชันย์ผู้บัญชาการกองทัพปีศาจก็คือ ดันทาเลียน
เมื่อครั้งที่ได้ลงสนามทั้งการทำสงครามราวกับได้กำหนดชัยชนะไว้อยู่ก่อนแล้ว หมู่บ้าน เมือง หรือจะประเทศทุกที่ที่ดันทาเลียนไปต่างก็ล่มสลายพร้อมทั้งเลือดที่สาดกระเซ็นไปทั่วอาณาบริเวณจนได้ฉายาว่า ‘การล่มสลายสีฉาด’ ฉายาที่ทำให้ทุกประเทศต่างหวาดผวา ในโลกนี้คนที่จะต่อกรกับดันทาเลียนคงจะมีแค่จำนวนน้อยกว่านิ้วมือทั้งสองข้างสะอีก แน่นอนว่าหนึ่งในนั้นคือ จอมเวทย์หลวง เมอร์ริอาร์ และ แม่ทัพทมิฬ กาเฮริส แห่งอาณาจักรแอนวอลเลล์
แต่ถึงจะบอกว่าต่อกรได้แต่ก็ใช่ว่าจะเสมอกัน เพราะแต่เดิมความแข็งแกร่งของเผ่าปีศาจนั้นมากกว่ามนุษย์เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เรียกว่าสามารถสู้กับดันทาเลียนโดยที่ยังไม่ตายในพริบตาจะถูกมากกว่า แต่หากถามว่าดันทาเลียนมีคนที่เจ้าตัวไม่อาจต่อกรได้อยู่หรือไม่แน่นอนว่าย่อมมีอยู่แล้ว หนึ่งในนั้นคือ สังฆราชินีของอาณาจักรเอลฟ์
เมื่อครั้งที่ดันทาเลียนเคยบุกอาณาจักรเอลฟ์แต่ก็โดนสังฆราชินีเอลฟ์ที่มีผมสีเขียวแกมเหลืองและดวงตาสองสี รูปร่างงดงามราวกับเด็กสาวตนนั้นตลบแผนทำให้กองทัพปีศาจจะต้องล่าถอยออกมา แถมทั้งพลังเวทย์และเวทมนตร์ต่าง ๆ ก็ทรงพลังเป็นอย่างมาก ไหนจะความสามารถทำนายหรือมองเห็นอนาคตได้อีก ยิ่งทำให้ดันทาเลียนไม่อาจจะอยู่นิ่งได้จึงเอาแต่ฝึกฝนวันแล้ววันเล่าเพื่อที่จะเอาชนะเหล่าคนที่ตนไม่อาจเอาชนะได้
แต่เดิมแล้วดันทาเลียนเป็นนักสู้ที่เน้นการต่อสู้ด้วยอาวุธทางกายภาพเป็นหลักแต่ต่อให้ต้องเผชิญหน้ากับนักเวทย์ก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับดันทาเลียน ทั้งความเร็วและเซ้นส์ด้านการต่อสู้ทำให้แม้แต่นักเวทย์ก็ถูกดันทาเลียนฆ่าตายไปคนแล้วคนเล่า
ท่ามกลางอารมณ์หงุดหงิดจากการที่ไม่มีคู่ฝึกซ้อมเหมาะสมกับตนดันทาเลียนที่เดินอยู่ในโถ่งทางเดินระหว่างกลับไปยังหอส่วนตัวของตนก็ได้พบกับเพื่อนร่วมรบคนสำคัญอย่างคาดไม่ถึงและยังเป็นหนึ่งในราชันย์ผู้บัญชาการกองทัพปีศาจเหมือนกับดันทาเลียนเช่นกัน
” งาย งาย ~ ดันจางง ไปไหนมาเหรอ ~ ” เสียงที่ฟังดูร่าเริงแบบสุดขีดเข้าทักดันทาเลียนพร้อมกับการกอดอย่างไม่ทันตั้งตัวทำให้ดันทาเลียนได้แต่เซ แต่สิ่งที่หนักที่สุดคงเป็นก้อนไขมันขนาดใหญ่มหึมาที่อยู่บนหลังคอดันทาเลียนสัมผัสอุ่น ๆ และความนุ่มนิ่มยืดหยุ่นที่จะทำให้ชายใด ๆ ก็ตามได้สัมผัสแล้วต้องขึ้นสวรรค์เลยทีเดียว
” เลิกเข้ามากอดข้าสักที ! ” ดันทาเลียนที่รำคาญผลักบุคคลที่เข้ามากอดจากทางด้านหลังออกไปอย่างไม่ไยดีมากนัก พร้อมทั้งชักสีหน้าใส่อย่างเอาเรื่องแต่สิ่งเหล่านั้นกับทำให้บุคคลด้านหลังกลับชอบใจ
” อ๊ายย ~! โดนดันทาเลียนดุอีกแล้ว น่ารักจังเลย ~ ” เหมือนท่าทีของดันทาเลียนจะไม่มีผลต่อบุคคลดังกล่าวทำให้ดันทาเลียนรู้สึกเอือมระอาและรำคาญอย่างถึงที่สุดจึงได้เอ่ยถามออกไป
” มีอะไรก็พูดมา ข้ากำลังรีบ ” ดันทาเลียนรีบเข้าประเด็นเพื่อที่จะได้หนีไปจากตรงนี้เร็ว ๆ
” ไม่มีอะไรหรอกน้า ~ ก็แค่เห็นดันจังดูหงุดหงิดอยู่เลยกะจะเข้ามาปลอบเท่านั้นเอง ”
” ก็แค่หงุดหงิดที่ไม่มีคู่ฝึกซ้อมที่เหมาะสมกับข้าก็เท่านั้น ” ดันทาเลียนที่ยอมบอกแต่โดยดีเพราะถ้าหากยังปากแข็งไม่ยอมพูดละก็บุคคลตรงหน้าคงไม่ยอมปล่อยง่าย ๆ แน่นอน
” ก็นั่นสิน้า ~ ถ้าเทียบความแข็งแกร่งตรง ๆ แล้วละก็คงไม่มีใครสู้ดันจังได้หรอกนะ ~ ” พูดคำที่บุคคลนี้ได้กล่าวขึ้นไม่เกินความจริงไปแม้แต่น้อย เพราะทั้งอาณาจักรปีศาจแล้วไม่มีใครที่จะแข็งแกร่งในด้านการสู้รบไปกว่าดันทาเลียนแล้วจริง ๆ
” ว่าแต่ ได้ยินมาว่ามอนสเตอร์กำลังอาละวาดอยู่ที่ป้อมปราการของมนุษย์อยู่ด้วยนะ น่าสนุกใช่ม้า ~ ” ดันทาเลียนที่ได้ฟังเรื่องดังกล่าวไม่ได้มีอาการแต่อย่างใด แต่หนำซ้ำกลับคิดว่าไร้สาระ เพราะเผ่าปีศาจสามารถควบคุมมอนสเตอร์ได้อยู่แล้ว ถึงจะไม่สามารถควบคุมได้ทั้งหมดโดยเฉพาะมอนสเตอร์ระดับตำนานที่พวกมนุษย์จัดอันดับไว้ที่แรงค์ S แม้แต่เผ่าปีศาจสายนักอัญเชิญก็ควบคุมไม่ได้
” แล้วไง ? ” ดันทาเลียนถามกลับไปอย่างไม่สนใจ เพราะเจ้าตัวคิดว่าคงเป็นฝีมือของเผ่าปีศาจสักคนที่อยากจะถล่มป้อมปราการของมนุษย์ก็เป็นได้
” ก็ที่ป้อมปราการนั้นมีกิลด์นักผจญภัยอยู่ แถมได้ข่าวจากเด็ก ๆ ของฉันว่านักผจญภัยระดับ S อยู่ที่นั่นด้วยคนนึงนะ ” คำพูดที่เหมือนจะเป็นเป้าหมายหลักของบุคคลตรงหน้าดันทาเลียนได้จุดประกายไฟของดันทาเลียนเข้าอย่างจัง ราวกับรู้ว่าสิ่งที่ดันทาเลียนสนใจคืออะไร และก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ
” ว่าไงนะ เจ้าบอกว่านักผจญภัยระดับ S ก็อยู่ที่ป้อมปราการนั่นด้วยงั้นเหรอ ” ดันทาเลียนถามออกไปอย่างเก็บอาการไม่อยู่ เพราะถ้าหากพูดถึงนักผจญภัยระดับ S แล้วละก็ในทวีปอัลคาเดียมีเพียง 4 คนเท่านั้นและไม่ต้องพูดถึงฝีมือแน่นอนว่าอยู่บนจุดสูงสุดของนักผจญภัย และสามารถต่อกรกับราชันย์ผู้บัญชาการกองทัพปีศาจอย่างดันทาเลียนได้
” อะรา~ สนใจขึ้นมาแล้วเหรอจ๊ะ~ ” เหมือนกับปลาที่ติดเบ็ด บุคคลปริศนาได้ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์พร้อมทั้งจะเข้าไปกอดดัลทาเลียน
” ไหน ๆ ก็บอกเรื่องดี ๆ ให้ฟังแล้วมาให้ กอ- ” ในขณะที่กำลังจะเข้าไปกอดนั้นเอง บุคคลดังกล่าวก็โดนมือของดัลทาเลียนจับหน้าเอาไว้อยู่กับที่เหมือนเด็กน้อย ดัลทาเลียนที่หันหน้าครุ่นคิดไปทางอื่นขณะที่ยังจับหน้าของคนที่พยายามจะเข้ามากอด
” งั้นเหรอ หึ งั้นออกไปเดินเล่นหน่อยก็แล้วกัน ”
.
.
.
.