ไหงอยู่ดี ๆ มาเป็นไฮเอลฟ์ในเกม แถมยังมีคนบูชาฉันด้วยล่ะคะ !! - ตอนที่ 11: สมาชิกครอบครัวตัวใหม่มาแล้วค่ะ
- Home
- ไหงอยู่ดี ๆ มาเป็นไฮเอลฟ์ในเกม แถมยังมีคนบูชาฉันด้วยล่ะคะ !!
- ตอนที่ 11: สมาชิกครอบครัวตัวใหม่มาแล้วค่ะ
(เมืองหลวงของอาณาจักรแอนวอลเลล์)
” ให้ตายสิ !! แล้วนี่ตาแก่เมอร์ริอาร์มันหายหัวไปไหนของมันวะ ! ” เสียงบ่นของชายวัยกลางคนที่ใส่ชุดเกราะอย่างน่าเกรงขามราวกับอัศวินชั้นยอดที่ดูผ่านศึกมานับครั้งไม่ถ้วน ดังราวกับเสียงคำรามของราชสีห์ที่พร้อมจะประกาศอาณาเขตของตน เสียงดังกังวานภายในห้องทำงานที่ไร้ซึ่งวี่แววของเจ้าของห้อง มีเพียงกองหนังสือที่กองกระจัดกระจายเต็มโต๊ะทำงาน ไหนจะกองบนพื้นอย่างไร้ระเบียบ
” คะ-คือว่าท่านเมอร์ริอาร์กับท่านลุค บอกว่าจะไปทำธุระที่นอกเมืองหลวงนะขอรับ ” นักเวทย์หนุ่มคนที่นำทางทหารอัศวินวัยกลางคนที่คำรามเสียงเมื่อกี้ตัวสั่นตอบอย่างกล้า ๆ กลัว แต่คงไม่ใช่เรื่องแปลกที่หนุ่มนักเวทย์ผู้นำทางจะมีปฏิกิริยาแบบนี้
หากบอกว่าเมอร์ริอาร์คือสุดยอดจอมเวทย์ของอาณาจักรแล้วละก็ ทหารอัศวินวัยกลางคนคนนี้ก็คือสุดยอดของนักรบของอาณาจักรเช่นเดียวกัน แม่ทัพผู้ควบคุมกองทัพเหล่าบรรดาทหารและอัศวินคือเขาผู้นี้ กาเฮริส อัศวินที่ได้ชื่อว่าแข็งแกร่งที่สุดในอาณาจักรแอนวอลเลล์ แม้ปัจจุบันจะมีอายุ 55 ปี แต่สำหรับกาเฮริสที่คิดว่าอายุมันเป็นเพียงตัวเลข ไม่อาจจะฉุดรั้งความแข็งแกร่งของตนเอาไว้ได้
หากนับฐานะหรือตำแหน่งแล้วล่ะก็ กาเฮริสนับว่ามีตำแหน่งที่สูงเทียบเท่าเมอร์ริอาร์เลยทีเดียว หากแต่ทั้งคู่อยู่กันละคนสายงานเพียงเท่านั้น กาเฮริสเปรียบดั่งดาบที่แข็งแกร่งที่สุดให้กับอาณาจักรที่พร้อมจะเข้าห้ำหั่นฟาดฟันศัตรูให้พินาศ เมอร์ริอาร์ก็เปรียบดังหนังสือที่เต็มเปี่ยมไปด้วยภูมิปัญญาและเวทมนตร์ที่คอยสร้างปาฏิหาริย์ให้กับอาณาจักร ทั้งคู่แม้จะอายุห่างกันถึง 21 ปี แต่กาเฮริสก็นับถือและชื่นชมในความเก่งกาจของเมอร์ริอาร์อย่างบริสุทธิ์ใจ
กาเฮริสเคยทำงานร่วมกับเมอร์ริอาร์มานับครั้งไม่ถ้วน หากย้อนกลับไปก็คงก่อนที่กาเฮริสได้มารับตำแหน่งแม่ทัพหลวงของอาณาจักรแอนวอลเลล์ แต่เดิมนั้นกาเฮริสชื่อเต็ม ๆ คือ กาเฮริส เดอ มงฟอร์ต เป็นบุตรคนที่ 2 ของตระกูลขุนนางยศ เอิร์ล ของอาณาจักรแอนวอลเลล์ การที่เป็นบุตรคนที่สองแน่นอนว่าจะไม่ได้รับการสืบทอดตระกูลเนื่องจากตนหาได้เป็นบุตรคนโตไม่ แต่ถึงอย่างนั้นกาเฮริสก็ไม่ได้สนใจ เนื่องจากกาเฮริสชอบฝึกฝนตัวเองตั้งแต่ยังเด็ก โดยเฉพาะการฝึกการต่อสู้และหวังว่าจะได้เป็นอัศวินของอาณาจักร
ความพยายามและพรสวรรค์ของกาเฮริสเปล่งประกายอย่างที่ไม่เคยมีใครวาดฝัน แม้แต่พ่อที่เป็นเอิร์ลเคยได้รับความดีความชอบในด้านการรบมาแล้วยังแปลกใจกับกาเฮริสที่แข็งแกร่งและไต่เต้ามาได้ถึงเพียงนี้ แต่คงเป็นโชคของตระกูลมงฟอร์ตโดยแท้ เนื่องจากทั้งบุตรทั้งสอง ไม่ว่าจะคนโตหรือคนเล็กต่างก็ไม่มีท่าทีจะแย่งชิงตำแหน่งผู้นำตระกูลแต่อย่างใด ทำให้ไม่มีการนองเลือดภายในตระกูลเกิดขึ้น กาเฮริสก็ได้เดินบนเส้นทางที่ตนใฝ่ฝันและเชื่อมั่น หากแต่เวลานี้คนไม่ได้อารมณ์ดีสักเท่าไหร่
” หา !? ตาแก่นั้นสถานการณ์แบบนี้ยังออกไปนอกเมืองหลวงอีกงั้นเหรอ !! ” กาเฮริสหัวเสียกับนิสัยที่คาดเดาไม่ได้ของเมอร์ริอาร์ โดยธรรมชาติแล้วนิสัยของทั้งคู่เรียกได้ว่า น้ำกับไฟ ก็มิปาน กาเฮริสเป็นคนที่จริงจังและเข้มงวด ในขณะที่เมอร์ริอาร์นั้น เฉือยชา ขี้เกียจ และทำตัวสบาย ๆ อยู่ตลอด
” นี่ ! แล้วเจ้าตาแก่นั่นไปที่ไหน ! ” กาเฮริสได้แต่ตะคอกถามหนุ่มนักเวทย์ที่นำทางมา จนหนุ่มนักเวทย์คนนั้นหน้าซีดอย่างกับไก่ต้ม
” ขะ-ข้าเองก็ไม่ทราบครับ ทราบเพียงว่าออกไปนอกเมืองหลวงเท่านั้น ” คำรายงานที่ทำให้กาเฮริสผิดหวังอีกครั้ง แต่แล้วคนที่ต้องรับผลกรรมนั้นคงหนีไม่พ้นหนุ่มนักเวทย์
” เวรเอ้ย ! เจ้าแก่นั่น จะไปไหนมาไหนก็ไม่บอกคนอื่นบ้างหรือไง !! ” กาเฮริสที่โมโหสุดขีดได้แต่สบทแล้วเดินจากไป จากห้องของเมอร์ริอาร์ หนุ่มนักเวทย์ที่นำทางมาแสดงสีหน้าโล่งใจอย่างถึงที่สุด เพราะคิดว่าตนจะต้องโดนกระทืบซะแล้ว
กาเฮริสที่ตอนนี้มีเรื่องเร่งด่วนที่จะต้องปรึกษาหารือกับเมอร์ริอาร์เกี่ยวกับการรับมือการอาละวาดของมอนสเตอร์ที่ป้อมปราการเดธวอลเลย์ จากรายงานที่กาเฮริสทราบผ่านทางการรายงานด้วยม้าเร็วเมื่อวานนี้ทำให้รู้ว่ามอนสเตอร์เกิดการอาละวาดและจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างผิดปกติ จากการประเมิณคร่าว ๆ คาดว่ามีจำนวนมากกว่า 500 ตัว ถ้าหากมอนสเตอร์จำนวนขนาดนั้นบุกมาทีเดียวละก็ป้อมปราการเดธวอลเลย์ได้ถูกทำลายเป็นแน่
” อ้าว นั้นมันท่านแม่ทัพกาเฮริสไม่ใช่หรือขอรับ ” ในระหว่างที่กาเฮริสเดินครุ่นคิดอยู่นั้นเสียงที่ดูขี้เล่นและเจ้าเล่ห์ก็ได้ทักขึ้นจากข้างหลัง ภาพที่เห็นคือขุนขางวัยกลางคนที่เดินออกมาจากเสาของขนาดใหญ่ของปราสาทข้างหลังตน ใบหน้าที่ดูมีชีวิตชีวา และร้อยยิ่มที่ย้อมไปความน่ากังขา ที่มองดูแล้วไม่อยากจะเข้าใกล้เท่าไหร่ ชุดผู้ดีสมกับฐานะขุนนางสีเขียวแก่ประดับอย่างประณีต
” ท่านมาร์ควิสเนวิลล์ มีธุระอะไรกับข้าหรือ ” กาเฮริสเอ่ยถามกลับไปอย่างไม่ค่อยถูกชะตา
” แหม อะไรกัน พอดีว่าข้าได้ยินข่าวเรื่องที่มอนสเตอร์กำลังจะอาละวาดที่ป้อมปราการเดธวอลเลย์ข้าก็อยากจะช่วยเท่านั้นเอง ” เนวิลล์ตอบกลับพร้อมรอยยิ้มที่พยายามจะเป็นมิตรด้วยอย่างเต็มที่ เสียแต่ว่ากาเฮริสไม่คิดจะผูกมิตรด้วยเลย
” แล้วท่านจะช่วยอะไรได้งั้นหรือ ” กาเฮริสถามตรง ๆ แฝงไปด้วยคำดูถูกและหยั่งเชิง แต่เนวิลล์กลับแสดงยอมริ้มกว้างกว่าเดิมยังกับดีใจที่ถูกถาม
” คงไม่ใช่เรื่องที่ข้าจะไปช่วยท่านสู้หรอกนะ เพียงแต่จะให้ข้อมูลก็เท่านั้น ” เนวิลล์ที่ยกมือสองข้างเหมือนขอยอมแพ้แล้วพูดในสิ่งที่ตนต้องการอย่างไม่ปิดบัง กาเฮริสเห็นว่ามีค่าพอที่จะฟังจึงเงียบรอให้เนวิลล์พูดต่อ
” ข้าได้ข้อมูลมาจากชาวบ้านที่เป็นแหล่งข้อมูลของข้าว่า เมื่อไม่กี่วันก่อนมีเทพธิดาที่มีพลังมหาศาลอาศัยอยู่ในป่าใกล้กับภูเขามัวริส ” กาเฮริสกระตุกคิ้วทันทีที่ได้ยิน เพราะไม่คิดว่าเรื่องที่เนวิลล์จะเป็นอะไรที่บ้าบอขนาดนี้
” ธุระของท่านคือการที่เล่าเรื่องไร้สาระแบบนี้น่ะหรือ ” กาเฮริสที่ไม่สบอารมณ์แสดงออกทางสีหน้าอย่างเด่นชัด ถึงความไม่พอใจและกล่าวถามไปอย่างเหลืออดก่อนจะหันหลังเริ่มเดินออกไป
” ท่านกาเฮริสไม่คิดบ้างหรือว่าท่านเมอร์ริอาร์อาจจะไปหาเทพธิดานั่นก็ได้น่ะ ” เนวิลล์ที่เหมือนจะจี้จุดได้ตรงเป้าทำให้กาเฮริสที่เดินไปได้ไม่กี่ก้าวหยุดเดินและเหลียวหลังมามองเนวิลล์ สิ่งที่มาร์ควิสวัยกลางคนคนนี้พูดไม่เกินกว่าความเป็นจริง เมอร์ริอาร์เป็นคนที่คาดเดาไม่ได้ และจะสนใจเฉพาะเรื่องที่ตนสนใจเท่านั้น ถ้าหากเป็นเรื่องนี้ล่ะก็ ก็คงพอจะให้เมอร์ริอาร์เคลื่อนไหวได้ เนวิลล์ที่รู้นิสัยเมอร์ริอาร์เช่นเดียวกับกาเฮริสใช้ประโยชน์จากจุดนี้ในการยื้อกาเฮริสไว้
” ท่านจะไม่เชื่อข้าก็ไม่ว่าหรอกนะ เพราะยังไงข้าก็เพียงแค่ให้ข้อมูลที่ข้ามีอยู่ก็เท่านั้น ” เนวิลล์พูดกลางทำมือเหมือนขอไปที พร้อมกับยิ้มกวนประสาทใส่กาเฮริสที่ตอนนี้อยู่ในห้วงแห่งความคิด
” เอาเป็นว่าขอให้ท่านโชคดีนะ ท่านแม่ทัพ ” มาร์ควิสเนวิลล์ว่าแล้วก็หันหลังเดินไปทิศตรงกันข้ามกับกาเฮริส ปล่อยให้กาเฮริสไว้กับข้อมูลที่ไม่รู้ว่าจะเชื่อถือได้มากน้อยแค่ไหน พร้อมกับคำอวยพรที่ดูไม่ค่อยอยากจะรับสักเท่าไหร่นัก
กาเฮริสมองตามหลังของมาควิสเนวิลล์ที่เดินจากไปอย่างช้า ๆ ภายในหัวที่เต็มเปี่ยมไปด้วยข้อกังขาต่าง ๆ มากมายถาโถมเข้ามาโดยไม่มีหยุดพัก ไม่นานกาเฮริสก็ส่ายหัวเป็นเชิงยอมแพ้ให้กับความเหน็ดเหนื่อยกับท่าทีกวนประสาทของเนวิลล์
” ช่างเป็นขุนนางที่กวนประสาทจริง ๆ ”
.
.
.
นับเป็นเรื่องที่เหนื่อยที่สุดตั้งแต่ที่ฉันได้มาถึงโลกนี้เลยก็ว่าได้ค่ะ … ไม่รู้ทำไมและเมื่อไหร่ที่ฉันสามารถนั่งสงบจิตสงบใจอยู่บนโซฟาอยู่ในบ้านตัวเองหลังจากเกิดเหตุการณ์ของการกำเนิดลัทธิบูชาฉันเกิดขึ้นค่ะ บอกตามตรงว่าเหนื่อยสุด ๆ ไปเลยค่ะ ต้องขอบคุณ คุณโยฮันและคุณลุคที่ช่วยหยุดเจ้าลัทธิทั้งสองเอาไว้ไม่อย่างนั้นฉันคงยืนร้องไห้ขี้มูกโป่งตรงนั้นแน่ ๆ เลยค่ะ ดีที่แค่ซึมออกมาเฉย ๆ นะคะ
ที่หนักที่สุดคือคุณปู่ที่เป็นจอมเวทย์หลวงเมอร์ริอาร์ที่บอกว่าอยากจะมารับใช้ฉัน ถึงกับจะลาออกแล้วมาอาศัยอยู่ในป่าเพื่อคอยรับใช้ฉันเลยค่ะ บอกตรง ๆ ไม่ว่าจะยืนยันหรือนอนยันก็ไม่เอาเด็ดขาดค่ะ ! ขนลุกเป็นที่สุดค่ะ ! สักวันฉันจะต้องตอบแทนคุณลุคให้ได้ค่ะ ที่ช่วยลากคุณปู่น่าขนลุกนั่นกลับไป แถมคุณปู่นั่นยังไม่วายบอกอีกว่า ‘ ไว้จะมากราบไหว้อีกนะขอรับ ! ‘ เล่นเอาปวดหัวสุด ๆ เลยค่ะ
อีกคนที่ฉันต้องตอบแทนให้ได้คือคุณโยฮันที่ช่วยหยุดจูน่าจังและคุณวิเวียน ไม่อย่างนั้นคงได้เห็นแม่ลูกศาสดาลัทธิอะไรก็ไม่รู้แน่นอนค่ะ ถึงตอนนี้ยังไม่ต่างจากที่พูดมาก็เถอะนะคะ แต่สิ่งที่อยากจะขอบคุณจริง ๆ คือแผนที่ที่คุณโยฮันเคยสัญญาเอาไว้ต่างหากค่ะ แบบนี้ก็ทำให้รู้รายละเอียดเกี่ยวกับโลกที่ชื่อ ‘การ์เด้น’ ได้มากขึ้นแล้วค่ะ
ถึงตอนนี้จะยังไม่ได้เปิดดู แต่ยังไงก็ต้องขอบคุณไว้ก่อนล่ะนะ เพราะตอนนี้สมองของฉันทำงานเกินขีดจำกัดไปกับการโดนสรรเสริญมากมายไปแล้วค่ะ ตอนนี้เลยไม่มีอารมณ์จะอ่านแผนที่หรือใช้ความคิดอะไรทั้งนั้นเลยได้แต่นอนแผ่อยู่บนโซฟาหลังจากที่พวกคุณคาเวลกับชาวบ้านกลับไปแล้วเท่านั้น
” แต่อย่างน้อยก็ทำให้หมดปัญหาเรื่องฟูกนอนไปได้ละนะคะ ” พึมพำให้กับปัญหาที่สำหรับฉันตอนนี้ค้างคามานานถูกแก้ไขสักทีค่ะ ทำไมถึงบอกว่าถูกแก้ไขน่ะเหรอคะ เพราะตอนที่คุณปู่จอมเวทย์เพี้ยนคนนั้นบอกว่า ‘หากประสงค์สิ่งใดเชิญบอกมาได้เลยครับ ‘ ตอนแรกก็ปฏิเสธไปแล้วนั่นแหละค่ะ แต่คุณปู่แกตื้อสุด ๆ จนขอเครื่องนอนไปประกอบด้วยฟูก หมอน และผ้าห่ม ที่จริงก็รู้สึกเกรงใจอยู่เหมือนกันนะคะ แต่กลับได้รับคำตอบว่า ‘ เอ๊ะ ? ขอแค่นั้นจะดีเหรอครับ ‘ ซะงั้นกลับมาค่ะ
เหมือนว่าคุณปู่จอมเวทย์จะเอามาให้วันหลัง แต่เอาจริง ๆ อยากให้คุณลุคเอามาให้แทนจังเลยค่ะ เพราะไม่อยากจรับมือกับคำสรรเสริญของคนแก่เพี้ยน ๆ แบบนั้นเลยค่ะ แต่แล้วก็หนีเสือปะจระเข้ เพราะคุณคาเวลหัวหน้าหมู่บ้านเชิญไปงานเลี้ยงฉลองในหมู่บ้านแทนคำขอบคุณที่ช่วยปกป้องหมู่บ้านเอาไว้ แม้จะตอบว่าไม่เป็นไร แต่ด้วยแรงกดดันจากมหาชนและสายตาคาดหวังของทั้งจูน่าจังและคุณวิเวียนเลยปฏิเสธไม่ลงเลยค่ะ
งานเลี้ยงฉลองขอบคุณจะจัดขึ้นในวันพรุ่งนี้ ทำให้ฉันถูกเชิญไปยังหมู่บ้านด้วย นี่เป็นครั้งแรกเลยค่ะที่จะได้ออกจากป่าไปดูโลกภายนอก เพราะแม้แต่ตอนที่บินสำรวจก็บินวนอยู่รอบ ๆ บริเวณป่าเท่านั้น ไม่ได้ออกไปไกลกว่านั้นเลย ทำให้รู้สึกประหม่าทั้งที่ยังไม่ได้ไปเลยค่ะ แต่จูน่าจังบอกว่าไม่ใช่ทุกคนในหมู่บ้านที่เคารพศรัทธาฉันเพราะงั้นคิดว่าน่าจะเจอคนปกติที่คุยได้ง่าย ๆ ก็ได้ค่ะ ถ้าเป็นแบบนั้นน่าจะพอทำให้รู้สึกประหม่าน้อยลงก็ได้ค่ะ
เหมือนจะไม่ใช่แค่นั้นค่ะ ดูเหมือนว่าน้อง ‘เฟ็นรีร์’ จะถูกจูน่าจังตั้งชื่อให้ว่า ‘ ลูลิ ‘ ให้ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้แถมน้อง ‘เฟ็นรีร์’ ยังส่ายหางไปมาอย่างดีอกดีใจอีก เอาเถอะค่ะชื่อ ‘ ลูลิ ‘ ก็ไม่เลวเหมือนกัน ออกจะน่ารักดีด้วยค่ะ ส่วนตอนนี้น้องลูลิอยู่ไหนน่ะเหรอคะ เพราะว่าตัวใหญ่แบบนั้นเลยทำให้เข้ามาให้บ้านไม่ได้เลยต้องจำใจให้น้องนอนอยู่หน้าบ้าน ก็รู้สึกผิดอยู่หรอกค่ะ แต่เหมือนน้องลูลิจะไม่ได้ติดใจอะไร ไม่มีท่าทีไม่พอใจหรืออะไรเลยด้วย เป็นสัตว์อัญเชิญที่เรียกได้ว่าเชื่องเอามาก ๆ เลยค่ะ
ไม่ใช่แค่เชื่อง แต่ฉลาดสุด ๆ ไปเลยค่ะเหมือนจะเข้าใจภาษาของคนด้วย แต่ที่แปลกคือปกติแล้วสัตว์อัญเชิญจะมีเวลาจำกัดในตอนสมัยอยู่ในเกม แต่เหมือนพอมาอยู่ในโลกนี้จะไม่มีเงื่อนไขนั้นเพราะตอนนี้ลูลิก็อยู่มาหลายชั่วโมงแล้วแต่ก็ไม่ได้หายไปแต่อย่างใดค่ะ ตอนนี้ยังพอเหลือเวลาก่อนพระอาทิตย์ตกดินอยู่ ลองพาลูลิไปวิ่งเล่นแถวภูเขาดูดีกว่าค่ะ
เมื่อเดินเปิดประตูบ้านก็เห็นลูลิที่นั่งรออยู่เหมือนรู้ว่าฉันกำลังจะออกมาเลยค่ะ ส่ายหางไปหาอย่างน่ารักทั้งที่รูปร่างใหญ่โตแถมยังดูน่าเกรงขามแท้ ๆ แต่พอเห็นแบบนี้กลับน่ารักสุด ๆ ไปเลยค่ะ ระหว่างที่คิดเพลินอยู่นั้นลูลิก็หมอบตัวลงตัวเหมือนจะพยายามสื่อว่าให้ขี่หลัง
” ให้ฉันขี่หลังเหรอ ? ” พอถามไปก็ได้รับคำตอบเป็นการหยักหน้าพร้อมกับส่ายหางไปมาอย่างแรง เหมือนกำลังดีใจอยู่ ช่างน่ารักจริง ๆ เลยค่ะ
ไม่รอช้าฉันรีบขึ้นขี่หลังลูลิให้ความรู้สึกเหมือนกำลังขี่เครื่องเล่นขนาดใหญ่อยู่เลยค่ะ แต่สัมผัสการขี่คือนุ่มมาก ขนสีเงินของลูลิยาวงดงามแต่กลับนุ่มอย่างไม่น่าเชื่อ แม้ตอนที่น้วยขนว่านุ่มแล้วแต่ตอนขี่กลับนุ่มกว่าเดิมอีกค่ะ พอขึ้นนั่งเสร็จจัดท่าทางให้เข้าที่ลูลิก็ยืนขึ้นทำให้รู้ว่าสูงเอาเรื่องเลยนะคะเนี่ย ปกติแล้วลูลิสูงประมาณ 4 เมตร แล้วพอฉันที่ขึ้นมาขี่ก็รู้สึกเหมือนกำลังอยู่บนรถไฟเหาะสำหรับเด็กเลยล่ะค่ะ
ทันใดนั้นภาพในวิสัยทัศน์ของฉันก็เคลื่อนที่ไปอย่างรวดเร็วจนไม่ทันตั้งตัว
” ว้าย !!!? ” ลูลิวิ่งด้วยความเร็วอย่างเหลือเชื่อเลยค่ะ ถ้าให้เปรียบเป็นความเร็วรถยนต์แล้วคงไม่ต่ำกว่า 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โชคดีที่ลูลิออกตัววิ่งตอนฉันกำลังเอาหน้าถูไถขนของลูลิอยู่เลยทำให้ตกไปซะก่อน แต่ก็เกือบไปเหมือนกันค่ะ ถ้าหากความเร็วระดับนี้ไม่จับไว้ให้ดีละก็มีหวังตกรถแน่ ๆ เลยค่ะ ไม่สิ ตกหมาป่าต่างหาก
” ดีละ !! งั้นลูลิไปที่ภูเขามัวริสกันเลย !! ” ฉันตะโกนออกไปพร้อมกับชูมือขึ้นในขณะที่อยู่บนความเร็วสูงระดับรถซูเปอร์คาร์ที่ชื่อว่าลูลินั่นเองค่ะ !
” อาวู๊ววว์~ !! ” ลูลิที่ตอบรับด้วยเสียงโห่ร้องอย่างแข็งขันพร้อมกับเพิ่มความเร็วที่สามารถเร่งขึ้นไปได้อีก ทำเอาฉันแปลกใจเลยทีเดียวค่ะ แบบนี้คงใช้เวลาไม่ถึง 5 นาทีคงจะถึงภูเขามัวริสแน่ ๆ
รู้สึกสนุก ๆ สุด ๆ ไปเลยค่ะ แบบนี้จะเป็นยังไงต่อนะ …
.
.
.
.