ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์ - ภาค 2 เล่ม 1 ตอนที่ 1-4
“ผมขอตัวก่อนนะครับ”
พอจอดรถเสร็จแล้ว อินซอบก็พูดอย่างระมัดระวัง แต่กลับไม่มีคำตอบตอบกลับมา อีอูยอนแทบจะไม่พูดอะไรเลยตลอดทางที่กลับมา อันที่จริงอีอูยอนอารมณ์ไม่ดีมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว อินซอบกดเลือกที่อยู่ของฉันที่บันทึกไว้ในระบบนำทางทันทีที่ขึ้นมาบนรถ
แม้อีอูยอนจะชวนให้มาอยู่ด้วยกันประมาณสิบห้าครั้งได้ แต่อินซอบก็ส่ายหน้าทุกครั้ง พร้อมกับให้เหตุผลที่อีอูยอนไม่สามารถเข้าใจได้เลยว่าเขาได้สัญญากับพ่อแม่ไว้ว่าเขาจะใช้ชีวิตในฐานะผู้ใหญ่ที่เป็นอิสระในระหว่างที่อยู่ที่เกาหลี
ชเวอินซอบลูบเข็มขัดนิรภัย และพูดอีกครั้งว่า ‘ขอโทษนะครับ’
“โกรธเหรอครับ”
“ใครเหรอครับ”
อีอูยอนเอ่ยถามในขณะที่กำพวงมาลัยเอาไว้ อันที่จริงเขาขับรถไปโดยที่รู้สึกว่าอยากจะฝังวิลล่า[1]เก่าๆ ที่อินซอบอาศัยอยู่ให้มิด เนื่องจากมันไม่ใช่การฆ่าคน วางเพลิง ปล้น หรือการขืนใจที่กรรมการผู้จัดการคิมพูดเมื่อกี้ ก็น่าจะไม่เป็นอะไรหรือเปล่า
“ขอโทษนะครับ”
ตอนนั้นอีอูยอนถึงได้หันหน้ามาทางนี้
“ที่โกหกเมื่อกี้…ขอโทษนะครับ ขออภัยนะครับ”
อินซอบก้มหัว ตาของอีอูยอนถูกวาดเป็นเส้นโค้งและหยี
“ผมยากขนาดนั้นเลยเหรอครับ”
“ครับ?”
“ถ้าเมื่อกี้คุณพูดมาตรงๆ คิดว่าผมจะไม่ยอมให้คุณไปเหรอครับ”
“มะ ไม่ใช่แบบนั้นนะคระ…”
“ผมไม่สนคนอื่นหรอกครับ แต่ผมอยากให้คุณอินซอบตรงไปตรงมากับผม เพราะผมเองก็พยายามที่จะตรงไปตรงมากับคุณอินซอบอยู่ตลอด”
ความเศร้าปรากฏอยู่ในน้ำเสียงที่สงบนิ่ง
นี่เป็นคำโกหกที่ไม่แนบเนียน อีอูยอนไม่ได้แสดงตัวตนที่แท้จริงออกมาแม้แต่เสี้ยวเดียว ถ้าหากมันจะทำให้อินซอบหนีเขาไปไกล เขาจะแสดงออกไปตามที่เป็นไปเพื่อใครกันล่ะ
“แต่การพยายามของคนอย่างผมคงจะทำให้คุณอินซอบลำบากใจสินะครับ”
“ไม่ครับ ไม่เลย ไม่ได้เป็นแบบนั้นแน่นอนครับ ได้โปรดอย่าคิดแบบนั้นเลยนะครับ”
อินซอบส่ายหน้าพร้อมกับดีดตัวขึ้นมา พอเห็นว่าสีหน้าของอีอูยอนไม่ผ่อนคลายลงง่ายๆ อินซอบก็กุมมือของอูยอนเอาไว้ก่อนจะพูดว่า ‘จริงๆ นะครับ’ พร้อมกับทำสีหน้าจริงใจ
แม่งเอ๊ย อีอูยอนกลั้นคำสบถไว้ในใจ เราชอบอินซอบตอนยิ้ม แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ดวงตาที่มีน้ำตาคลอแบบนี้ก็เป็นรสนิยมของเราเหมือนกัน เรานี่เกิดมาพร้อมกับความเหี้ยจริงๆ
“ถ้าอย่างนั้น อย่าทำแบบนั้นอีกนะครับ”
“ครับ ผมจะไม่ทำแบบนั้นแล้วครับ”
ชเวอินซอบพยักหน้าอย่างตั้งใจ
เขานึกถึงคำพูดที่หัวหน้าทีมชาพูดเหมือนกับล้ออินซอบว่า ‘คือว่านะ เขาเหมือนตุ๊กตาหมาที่จะกระดิกหัวเวลาที่วางไว้ในรถเลยไม่ใช่เหรอ’
อีอูยอนเอื้อมมือไปกุมคอของอินซอบ ลำคอเรียวบางที่เหมือนจะหักถ้าเขาออกแรง อินซอบทำตาใสเหมือนกับลูกวัวแรกเกิด และช้อนตามองอูยอน
“อ้าปากครับ”
อินซอบเผลอตัวอ้าปาก เพราะคำสั่งที่กะทันหันของอีอูยอน เขาสอดลิ้นเข้าไป ลิ้นที่เกร็งส่วนปลายไว้อย่างแข็งแกร่งส่งเสียงชื้นแฉะพร้อมกับกวาดต้อนภายในโพรงปาก อินซอบเพิ่มแรงไปที่มือที่กำเข็มขัดนิรภัยเอาไว้ด้วยความตกใจ แม้จะเป็นลานจอดรถชั้นใต้ดิน แต่ก็เป็นที่ที่มีคนผ่านไปมาอยู่ดี อาจจะมีใครเห็นก็ได้
“คุณ…ดะ เดี๋ยว…”
อินซอบพยายามดันอีอูยอนออกไป แต่ก็ไร้ประโยชน์ อีอูยอนจูบพลางจับคางเอาไว้ เพื่อไม่ให้อินซอบขยับได้ เสียงลิ้นบดเบียดกันกับเสียงลมหายใจดังกลบเสียงเพลงที่ดังออกมาจากวิทยุ
อีอูยอนไม่ชอบการจูบเอามากๆ เขารู้สึกไม่ยินดีกับการอ้าปากแลกเปลี่ยนน้ำลายกัน การจูบสำหรับเขาเป็นเพียงบันไดที่จะทำให้ถอดเสื้อผ้าของอีกฝ่ายได้อย่างง่ายดายเท่านั้น และปากก็เป็นแค่ช่องทางหนึ่งที่เขาจะเอาไอ้นั่นยัดเข้าไป แต่สิ่งนี้กลับต่างออกไปอย่างเห็นได้ชัด
อีอูยอนก้มลงมองอินซอบที่อ้าปากให้พลางหลับตาแน่นให้ชัดๆ ท่าทางน่าสงสารนั้นที่พยายามจะปรับจังหวะให้ตรงกับการขยับของเขาแม้จะเขินอายกระตุ้นความปรารถนาที่รุนแรงของอีอูยอน
เขาคิดว่าจะรังแกอีกฝ่ายพอประมาณก่อนจะปล่อยกลับบ้านเท่านั้น
แกร๊ก เขาได้ยินเสียงตัวล็อกของเข็มขัดนิรภัยถูกปลด โดยไม่ทันได้รู้ตัวไหล่กว้างๆ ของอีอูยอนก็หนักขึ้นมาข้างหนึ่ง อีอูยอนใช้มือช้อนหลังศีรษะของอินซอบไว้ก่อนจะเอียงคอพร้อมกับปรับองศาของริมฝีปาก เสียงลมหายใจที่ตื่นเต้นเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากที่เชื่อมติดกันอย่างลึกซึ้ง พอล้วงมือเข้าไปในเสื้อเชิ้ต ฝ่ามือก็แนบเข้ากับผิวนุ่มๆ อีอูยอนกอดอินซอบที่พยายามจะห่อตัวหนีไว้แน่น
ตอนนั้นเองไฟหน้ารถจากรถที่ขับมาในทิศทางตรงข้ามก็ส่องมาที่กระจกหน้า อีอูยอนไม่สนใจและจูบต่อไป เพราะเป็นมุมที่มองไม่เห็นอยู่แล้ว แต่มือที่ยื่นออกมาอย่างคาดไม่ถึงกลับห้ามการกระทำของอีอูยอนเอาไว้
“อยู่เฉยๆ ก่อนครับ”
“…”
ชเวอินซอบกอดอีอูยอนเอาไว้ เขาใช้แผ่นอกของตัวเองบังอีกฝ่ายไว้ก่อนจะกระซิบ
“รอแป๊บหนึ่งนะครับ ให้รถผ่านไปก่อน…”
ในระหว่างที่พูดแบบนั้น อินซอบก็ใช้มือสั่นๆ บังหน้าของอีอูยอนไปด้วย อินซอบหน้าซีดจนน่าสงสาร
อีอูยอนมองอินซอบนิ่งๆ
การกระทำนั้นช่างสูญเปล่าอย่างมากสำหรับอีอูยอนที่พยายามจะเข้าใจความคิดของคนอื่น ก่อนหน้านี้เขาอาจจะเลิกทำเพราะรำคาญ แต่บางครั้งเขาก็ฝืนความอยากรู้อยากเห็นที่โผล่ขึ้นมาไม่ได้เหมือนกัน
คนคนนี้มองโลกและคิดแบบไหนกันนะ ตอนนี้เขาเชื่อจริงๆ เหรอว่าตัวเองจะปกป้องเราได้ ถ้านักข่าวตั้งใจจะรอ ก็น่าจะไม่ใช่ช่วงเวลานี้ แต่คงจะถ่ายรูปเอาไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ และหายตัวไปแล้ว
เขาใสซื่อโง่เขลาและน่ารักขนาดนี้ได้ยังไงกันนะ
ชเวอินซอบมองออกไปนอกหน้าต่างเพื่อตรวจดูไฟหน้าของรถที่ห่างออกไปแล้วให้แน่ใจก่อนจะถอนหายใจ
“จะปล่อยเมื่อไหร่เหรอครับ”
ตอนนั้นเองอินซอบถึงได้ผ่อนแรงที่มือแขนออกเพราะคำถามของอีอูยอน
“ขอโทษครับ คงจะตกใจสินะครับที่จู่ๆ ก็ถูกกระชากเข้ามา”
ความจริงอีอูยอนก็ได้ยินเสียงเครื่องยนต์ของรถในระหว่างที่จูบกัน แต่เขาไม่สนใจมันเลยสักนิด อพาร์ทเมนต์ที่อินซอบอาศัยอยู่มีโครงสร้างใกล้เคียงกับวิลล่า ที่จอดรถเองก็แคบ และสามารถจอดรถได้แค่ไม่กี่คันเท่านั้น เป็นเรื่องแน่นอนอยู่แล้วที่เขาจะจำรถและหมายเลขทะเบียนของรถทั้งหมดที่จอดอยู่ในที่จอดรถได้ในขณะที่มารับส่งอินซอบ อีอูยอนจอดรถพร้อมกับตรวจสอบรถทั้งหมดในที่จอดรถด้วยความเคยชิน และมันก็ไม่มีรถที่เขาไม่คุ้น
อินซอบยังคงมองไปรอบๆ ด้วยสายตาไม่สบายใจก่อนจะพึมพำ
“ผมควรจะสังเกตว่ามีใครมาบ้างแท้ๆ ขอโทษนะครับ ผมไม่มีสติ…จนขาดคุณสมบัติของผู้จัดการส่วนตัวไป”
“วันนี้คุณไม่ได้เป็นผู้จัดการส่วนตัวนี่ครับ”
“ถึงอย่างนั้น…”
อีอูยอนปัดผมของอินซอบที่ยุ่งเหยิงขึ้นไปก่อนจะพูดต่อ
“พวกเราก็ไม่มีสติกันทั้งคู่นั่นแหละครับ อย่าขอโทษด้วยเรื่องแบบนี้เลย”
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ทำให้อีอูยอนติดนิสัยสังเกตรอบๆ ตัว และตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีคนที่น่าสงสัย แต่เขากลับไม่พูดออกมาตรงๆ เพราะเขาไม่อยากทำให้อินซอบเป็นกังวล
“แล้วคุณก็พูดเองนี่ครับว่าถ้าชีวิตการเป็นดาราของผมจบลง คุณจะรับผิดชอบ”
“ครับ ผมจะรับผิดชอบเองครับ”
“งั้นก็พอแล้วครับ”
อีอูยอนยิ้มอย่างขี้เล่น
“ไม่ครับ การรับผิดชอบก็เป็นเรื่องของการรับผิดชอบ แต่ผมไม่อยากให้คุณอีอูยอนต้องออกจากงานเพราะผม”
อินซอบพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่จริงจังเป็นอย่างมาก
“แม้ก่อนหน้านี้ผมจะพูดไปแล้วก็ตาม แต่ผมชอบคุณอีอูยอนที่เป็นนักแสดงครับ ถ้าเป็นไปได้ ผมก็อยากจะให้คุณทำกิจกรรมในฐานะนักแสดงไปนานๆ”
ถ้าอินซอบเป็นหัวหน้าแฟนคลับ การจัดการจะต้องดีมากแน่ๆ ไม่สิ ตอนนี้เขาก็เป็นอยู่ไม่ใช่เหรอ
อีอูยอนนึกถึงคำพูดเล่นกลั้วหัวเราะของกรรมการผู้จัดการคิมได้
“ถ้าผมไม่ได้เป็นนักแสดงจะต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่เลยครับ คุณอินซอบจะเมินผมด้วยหรือเปล่าครับ”
“ไม่ครับ ผมไม่ทำแบบนั้นเด็ดขาด”
“แต่คุณบอกว่าชอบอีอูยอนที่เป็นนักแสดงนี่ครับ”
“อีอูยอนที่เป็นคนธรรมดาก็ชอบครับ แต่นักแสดงอีอูยอนน่ะมีความหมายอื่น คุณเท่ เพราะฉะนั้น ถึงจะเหมือนกับคนอื่นๆ คือว่า…”
รอยยิ้มบิดเบี้ยวถูกประดับไว้ที่ปากของอีอูยอน แม้จะรู้ว่าความจริงแล้วนี่ไม่ใช่คำพูดที่อินซอบพูดด้วยความหมายแบบนั้น แต่เขาก็ไม่พูดอะไร
“…คุณก็รู้นี่ครับ ความรู้สึกของผมน่ะ”
“ผมไม่รู้ครับ”
ชเวอินซอบตื่นตระหนกกับคำตอบที่หน้าไม่อายของอีอูยอน เขาลูบชายเสื้อจนยับยู่ยี่ มองปราดเดียวก็รู้ว่าจะต้องคร่ำครวญว่าควรจะพูดอะไรอยู่แน่ๆ
ตอนนั้นเองอีอูยอนถึงตัดสินใจว่าจะเลิกแกล้ง และปล่อยอีกฝ่ายไปเสียที
“ผมเป็นโรคหัวใจตั้งแต่เกิดครับ ผมได้ยินมาว่าบางทีพ่อแม่ที่แท้จริงคงจะทิ้งผมเพราะเรื่องนั้น”
“…”
อีอูยอนชะงัก เพราะคำพูดที่กะทันหันนั้น และมองอินซอบ
“ถึงจะเป็นแบบนั้น แต่ผมก็ไม่เคยเกลียดหรือผิดหวังในตัวพ่อแม่ที่แท้จริงเลยสักครั้งครับ เพราะผมคิดว่าพวกท่านคงมีปัญหาของตัวเอง”
“อย่างนั้นเองสินะครับ”
เป็นความคิดที่สมกับเป็นอินซอบมาก
นี่เป็นความรู้สึกจริงๆ ไม่ใช่คำที่พูดไปอย่างนั้นหรือการเสแสร้ง อีอูยอนเหม่อมองอีกฝ่ายที่มีจิตใจดีถึงขนาดที่ต่อให้เขาตายแล้วฟื้นก็ไม่สามารถจะมีได้
“ผมเป็นเด็กนักเรียนที่ไม่ได้รับการต้อนรับที่โรงเรียนด้วยครับ ร่างกายผมอ่อนแอ และไม่ว่าจะทำอะไรก็ช้า…และเพราะผมเป็นคนเอเชียที่ไม่ได้หล่อเหมือนกับคุณอูยอน”
ชเวอินซอบยิ้มเหมือนกับเขินอายก่อนจะพูดต่อ
“แต่ผมก็เป็นคนที่มีความสุขครับ เพราะครอบครัวของผมน่ะ จะเรียกว่ายังไงดีล่ะครับ…ฮ่าๆ เป็นคนที่ยอดเยี่ยมมากๆ เลยครับ”
แค่นึกถึงครอบครัว แก้มของอินซอบก็แดงขึ้นมาด้วยความยินดี
“ถึงจะรู้สึกผิดกับพ่อแม่ที่แท้จริง แต่พ่อแม่ของผมน่ะ…เป็นพ่อแม่ที่ดีมากกว่าใครในโลกเลยล่ะครับ”
อีอูยอนนึกถึงใบหน้าของพวกเขาที่เคยเห็นตอนที่อินซอบเข้าโรงพยาบาล พวกเขาเป็นคนที่มีรอยยิ้มที่ติดตราตรึงใจจนเขาพอจะเดาได้ว่าอินซอบได้รับความรักแบบไหน และเติบโตมาอย่างไร
“พวกท่านเป็นคนที่แม้ผมจะเสียสละชีวิตให้ ผมก็ไม่เสียดายเลยครับ ผมรักครอบครัวของผมจริงๆ”
อินซอบเงยหน้าขึ้นมามองอีอูยอน
“แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ทิ้งพวกท่านไว้ข้างหลัง และมาที่เกาหลีครับ”
“…”
“ผมตัดสินใจว่าจะมาอยู่ที่เกาหลี เพราะอยากจะอยู่กับคุณอูยอน …ในอนาคตผมก็อยากจะทำแบบนั้นต่อไปเรื่อยๆ”
อีอูยอนมองอินซอบโดยไม่แสดงสีหน้าอะไร
พอเห็นอีกฝ่ายไม่แสดงปฏิกิริยาอะไร อินซอบที่สารภาพความรู้สึกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตเสร็จก็เกาแก้ม เพราะขายหน้า และบอกว่า ‘งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ’ และเปิดประตูรถไป
ตึ้ง
มือที่ยื่นมาจากทางด้านหลังปิดประตูรถอย่างรีบร้อน อีอูยอนกอดอินซอบไว้จากทางด้านหลัง หัวใจของอินซอบเต้นรัวเพราะมันเต็มไปด้วยความประหม่า
“ขอโทษนะครับ คุณอินซอบ”
“ครับ?”
“ที่คนอย่างผมมาชอบคุณ”
แม้แต่ความรู้สึกชอบก็ไม่เหมือนคนอื่น มันไม่สวยงาม และงดงามเหมือนกับคนปกติ ความรักของเขาบิดเบี้ยวและโหดร้ายเมื่อเทียบกับของอินซอบ
“อย่าพูดแบบนั้นสิครับ”
อินซอบพึมพำเสียงเบา อีอูยอนจูบผมของอินซอบอย่างแผ่วเบา
“คืนนี้นอนด้วยกันไหมครับ”
อินซอบหน้าแดง เพราะคำถามของอีอูยอน
“ผมไม่ได้ทำงานมานานแล้ว เลยมีสิ่งที่จะต้องเตรียมเยอะ…ผมจะนอนคนเดียวครับ”
อินซอบพูดพลางหลุบตามองด้านล่าง
“โอเคครับ งั้นไปก่อนนะครับ”
อีอูยอนที่คิดว่าจะรั้งอีกฝ่ายต่ออีกสักพักปล่อยมืออย่างง่ายดาย
“รีบไปเถอะครับ ก่อนที่ผมจะเปลี่ยนใจ”
“ครับ งั้นกลับดีๆ นะครับ”
อีอูยอนพิงพวงมาลัยและมองอินซอบเปิดประตูและออกไปจากรถ อินซอบที่เดินไปสักพักก็กลับมาที่รถอีกครั้ง เพราะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เขาเคาะหน้าต่างรถ อีอูยอนเอ่ยถามขณะที่ลดกระจกรถลง
“มีอะไรเหรอครับ”
“ผมนึกคำที่อยากจะพูดด้วยขึ้นมาได้มาครับ”
“เปลี่ยนใจแล้วเหรอครับ ผมก็ชอบเซ็กซ์ในรถนะครับ”
“มะ ไม่ใช่ครับ ไม่ใช่เรื่องนั้น”
อินซอบลังเลก่อนจะพูดต่อทั้งๆ ที่ยังก้มหน้า
“…ผมอยากจะบอกว่าขอบคุณนะครับที่ชอบผม”
อีอูยอนหัวเราะเบาๆ ทั้งที่ยังขมวดคิ้วเหมือนกับกำลังรู้สึกไม่ดี อินซอบรีบเงยหน้าขึ้นมาด้วยความตกใจ
“ถ้าผมทำให้รู้สึกไม่ดีก็ขอโทษด้วยนะครับ เพราะผมไม่มีวาทศิลป์ในการพูด…”
“ไม่หรอกครับ”
อีอูยอนเกร็งมือที่จับพวงมาลัยไว้
“คุณอินซอบ”
“ครับ”
อีอูยอนยื่นหน้าไปทางที่นั่งข้างคนขับ และจูบอินซอบเบาๆ เขาพูดว่า ‘รีบเข้าบ้านไปเถอะครับ’ และปล่อยอีกฝ่ายไปเหมือนกับผลักออก อินซอบก้มหน้าที่กลายเป็นสีแดงลง และเดินไปทางประตูฉุกเฉิน
อีอูยอนมองภาพด้านหลังของอินซอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย
คนส่วนใหญ่รู้ว่าผู้ป่วย ASPD หรือคนที่มีบุคลิกภาพต่อต้านสังคมจะไม่สามารถรับรู้ถึงความรู้สึกได้ แต่นั่นไม่ใช่ความจริง กลับกันพวกเขาสามารถรับรู้ถึงความรู้สึกได้อย่างชัดเจนและไม่ซับซ้อน พวกเขาแค่รู้สึกถึงความรู้สึกที่มีมิติเดียว เช่น ความสุข ความโกรธ หรือความต้องการเป็นส่วนใหญ่และความสำคัญของความรู้สึกนั้นต่างจากคนปกติไปเพียงนิดเดียวเท่านั้น
พวกคนที่ไม่สามารถเข้าใจถึงความจำเป็นและวิธีที่จะควบคุมความต้องการได้มักใช้ชีวิตเป็นคนติดยา หรือทำผิดกฎหมาย โชคดีที่เขายอมรับความผิดปกติทางจิตใจของตนเอง และเรียนรู้วิธีที่จะปรับตัวเข้ากับสังคมได้ตั้งแต่ยังเด็ก ดังนั้นเขาจึงมั่นใจว่าตนเองเชี่ยวชาญในการควบคุมความรู้สึกมากกว่าใคร
แต่ความต้องการที่รุนแรงที่ควรควบคุมเวลาที่อยู่ต่อหน้าอินซอบกลับพลุ่งพล่านขึ้นมาอย่างฉับพลัน แม้แต่ตอนนี้เขาก็ยังคิดที่จะลากอินซอบมาที่รถ รั้งอีกฝ่ายไว้ และมีอะไรกับอีกฝ่ายทั้งคืน
ถ้าทำทุกอย่างตามที่คุณต้องการ สุดท้ายจะไม่เหลือใครอยู่ข้างๆ คุณเลย ความสัมพันธ์ของมนุษย์ก็เป็นแบบนี้แหละ เขารู้ว่าเขาจะต้องแสดงความอดทนเพื่ออีกฝ่าย
ตอนนี้คำพูดของหมอที่เขาจำชื่อไม่ได้ผ่านเข้ามาในหัว อินซอบที่กำลังเดินไปแอบหันหลังกลับมามอง พอสบตากัน อีกฝ่ายก็โบกมือให้ พออีอูยอนทำมือบอกให้อีกฝ่ายรีบเข้าไป อินซอบก็หายไปด้านในของประตูทางเข้ารวมแล้ว
อีอูยอนพ่นลมหายใจยาวๆ ออกมา็นสีแด
[1] วิลล่า ที่พักประเภทวิลล่าในสังคมเกาหลีหมายถึงตึกขนาดเล็กที่มีจำนวนชั้นต่ำกว่าสี่ชั้น