แวมไพร์หนุ่มกับแม่มดทั้งเจ็ด (Haverzhakan Village) - ตอนที่ 74: สเตฟาเนีย vs ฮิคาริ (1)
- Home
- แวมไพร์หนุ่มกับแม่มดทั้งเจ็ด (Haverzhakan Village)
- ตอนที่ 74: สเตฟาเนีย vs ฮิคาริ (1)
“ก็เอาสิ! อยากรู้จริง ๆ ว่าคนอย่างหล่อนจะอวดเก่งไปได้สักกี่น้ำ ถ้าคิดว่ามีพลังเวทมากพอที่จะฆ่าฉันได้ก็ลองดู!”
ซามูไรสาวท้าทายคู่ต่อสู้อย่างไร้เกรงกลัว นำคาตานะเก็บใส่ลงในฝักพร้อมตั้งท่าสืบเท้าเตรียมชักอาวุธออกมาจู่โจมตามแบบฉบับวิชาอิไอโด ส่วนแม่มดสาวนัยน์ตาสีส้มใช้สองมือจับด้ามไม้กวาดให้กระชับ ในลักษณะคล้ายท่าถือหอกเล่มยาว แล้วชี้ส่วนปลายเข้าหาฝ่ายตรงข้ามเตรียมทะลวงเป้าหมาย
สองนงเยาว์ต่างจับจ้องสายตากันเพื่อดูชั้นเชิงท่ามกลางความเงียบสงบ ในระหว่างนี้ฮิคาริกลับนึกลำพองใจขึ้นมาว่ายังไงเสียตนย่อมเป็นฝ่ายได้เปรียบ ตราบใดที่เธอไม่ขยับฝีเท้าชิงโจมตีเสียก่อน โดยอาศัยจังหวะตอนที่อีกฝ่ายพุ่งเข้ามาหาแล้วชักดาบฟาดฟันใส่ทันที
แต่สิ่งที่แม่มดจอมดาบเวทคิดอยู่กลับไม่เป็นเช่นนั้น สเตฟาเนียหาได้ขยับเคลื่อนไหวตัวเลยแม้แต่น้อย ซึ่งสร้างความรำคาญใจให้แก่ตนยิ่งนัก ด้วยเหตุนี้เธอจึงเกริ่นยั่วยุหวังให้อีกฝ่ายรู้สึกเดือดดาลจนเป็นฝ่ายรุกคืบเข้ามาเสียเอง
“ฮึ บอกว่าจะสงเคราะห์ให้ฉัน แล้วไหงยืนนิ่งเป็นรูปปั้นแบบนี้ล่ะ เก่งแต่ปากรึไง?”
“ตัวเองที่เอาแต่ตั้งท่ารอสวนกลับแบบนั้นก็ไม่ได้ต่างกันนักหรอก ถ้างั้นฉันขอเป็นฝ่ายบุกก่อนล่ะ”
สเตฟาเนียพูดจบก็เร่งก้าวฝีเท้าพุ่งเข้าหาคู่ต่อสู้เพียงชั่วพริบตาเดียว ไม้กวาดในมือพลันเปล่งแสงสว่างสีเงินแกมขาวขึ้นมาโดยไม่จำเป็นต้องเอ่ยปากร่ายคาถาแม้สักพยางค์เดียว เมื่อเข้าประชิดตัวถึงเป้าหมายแล้วจึงจัดแจงกระบวนท่ากระหน่ำแทงใส่อีกฝ่ายทันที
ฮิคาริก้าวเท้าถอยหลังพลางเอี้ยวตัวหลบซ้ายขวา ก้มต่ำ หรือแม้กระทั่งสไลด์ตัวไปทางด้านข้าง โดยที่ไม่ทันได้ชักดาบออกมาจากฝักเพื่อโต้ตอบสวนกลับคืนไป อีกฝ่ายยังคงพุ่งปลายด้ามไม้กวาดเล่มยาวประดุจดั่งหอกหมายจะโจมตีใส่จุดสำคัญ เช่นลำคอ หน้าท้อง หัวไหล่ หัวเข่า หรือลิ้นปี่ อย่างไม่มีท่าทีหยุดยั้ง
ย… ยัยนี่ เร็วยิ่งกว่าตอนที่สู้กับปีศาจ Aka Manah เสียอีก!
ซามูไรสาวหวั่นสะพรึงในใจ ไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าศัตรูจะมีทักษะการต่อสู้ที่น่ากลัวแม้จะเป็นแค่เพียงนักเรียนจอมเวททั่วไป อย่างไรก็ดีเธอยังสามารถหลบหลีกการทิ่มแทงจากศัสตราวุธได้ทุกกระบวนท่า โดยปราศจากรอยขีดข่วนใด ๆ
หลบหลีกการโจมตีได้ด้วยร่างกายที่ยืดหยุ่นแบบนี้ ยิมนาสติกงั้นสินะคะ
การเคลื่อนไหวของฮิคาริที่ทั้งว่องไวและเฉียบขาดเสมือนดั่งท่าร่ายรำนั้น ได้สร้างความประทับใจให้แก่สเตฟาเนียเป็นอย่างยิ่ง ทว่าด้วยสภาพห้องซึ่งมีพื้นที่จำกัด การก้าวเท้าจู่โจมและหลบหลีกของสองสาววัยเยาว์จึงอยู่ในลักษณะเดินซ้ายขวาไปมา พร้อมทั้งสะบัดขาเตะกล่องกระดาษลังที่วางอยู่เกลื่อนกลาดกระเด็นไปคนละทิศละทางอย่างไม่ได้ตั้งใจ
พรืด!
“แย่แล้ว!”
ความโชคร้ายได้มาเยือน ฮิคาริก้าวเท้าซ้ายพลาดไปเหยียบแผ่นกระดาษหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง ทำให้เสียหลักลื่นไถลถอยหลังจนเปิดเผยช่องว่างให้อีกฝ่ายโจมตี สเตฟาเนียอาศัยจังหวะนี้รีบเอ่ยนามแห่งคาถา ตามด้วยนำสองมือพุ่งด้ามไม้กวาดไปข้างหน้าสุดแรงเล็งไปที่กลางอกหมายจะเผด็จศึก
“Hastam in iustitia! (หอกแห่งการพิพากษา) ”
ลำแสงสายฟ้าสีเงินสุกสกาวสลับขาวสว่างวูบวาบ ถูกปลดปล่อยออกมาจากตัวศัสตราวุธ ทว่าแม่มดสาวจอมดาบเวทหมุนลำตัวไปทางซ้าย เอนหลังโยกหลบอสนีบาตแบบเส้นยาแดงผ่าแปดจนเกือบอยู่ในท่าสะพานโค้ง เวทมนตร์ดังกล่าวจึงซัดปะทะเข้ากับผนังกำแพงเกิดเสียงดังสนั่นและได้รับความเสียหาย เอกสารที่กองอยู่ตรงบริเวณนั้นถูกเผามอดไหม้ไปจนหมดสิ้น
ความยืดหยุ่นทางร่างกายถือเป็นจุดแข็งอย่างหนึ่งของฮิคาริ ได้สร้างความตกตะลึงให้แก่สเตฟาเนียจนตนกลายเป็นฝ่ายเผยช่องโหว่ไปเสียเอง ซามูไรสาวจึงสบโอกาสนี้ดึงคาตานะออกมาจากฝัก ฟาดฟันใส่ด้ามไม้กวาดให้สะบัดพ้นทางไปทันที พร้อมทั้งเอนตัวกลับมาให้อยู่ในลักษณะยืนตั้งท่าโจมตีตามปกติ หมุนลำตัวหันไปทางด้านขวาโดยที่เป้าหมายอยู่ตรงเบื้องหน้า ใช้สายตาเล็งไปยังกลางอกและลำคอคู่ต่อสู้ แล้วเริ่มเกริ่นชื่อกระบวนท่าด้วยน้ำเสียงฉะฉาน
“บัตโตจุตสึ (วิชาชักดาบเร็ว) สายฮาชิสึเมะรูปแบบที่สอง – คชสารทลายสวรรค์!”
ศัสตราวุธในมือฮิคาริเปล่งแสงสว่าง ตามด้วยเหวี่ยงแขนให้ปลายคมดาบนั้นพุ่งทิ่มแทงในลักษณะคล้ายช้างตวัดงา สเตฟาเนียจึงรีบสะบัดสองมือออกไปทางด้านข้างก้าวเท้าถอยหลังหลบหลีกการปะทะแบบฉับพลัน
แผ่นเหล็กคมกริบเสียบทะลุใต้ปีกหมวกแม่มดของสเตฟาเนีย ทำให้รอดพ้นจากการทิ่มแทงอย่างน่าหวาดเสียว ทว่าเรื่องราวกลับไม่จบลงเพียงเท่านั้น เมื่อเสื้อผ้าชุดแต่งกายตรงบริเวณหน้าท้องจนถึงกลางอกเกิดรอยฉีกขาด เผยให้เห็นบาดแผลพร้อมเลือดซิบ มิหนำซ้ำสายรั้งผ้าคลุมจอมเวทสีกรมท่ายังถูกตัดสะบั้นจนหลุดจากบ่า ทั้งที่ตัวอาวุธยังไม่ทันได้สัมผัสร่างกายของเป้าหมายเลยแม้เพียงมิลลิเมตรเดียว
เด็กสาวนักปรุงยาเผยสีหน้าเจ็บปวด รีบก้าวเท้าถอยหลังตั้งหลักเพื่อให้พ้นรัศมีของตัวคมดาบ ภายใต้เสื้อเชิ้ตซึ่งเกิดรอยฉีกขาดเป็นวงกว้างนั้นทำให้มองเห็นชุดชั้นในลายลูกไม้สีดำ รวมถึงบาดแผลบนเรือนร่างอย่างชัดเจน ก่อนจะแสร้งท่าทีทำเป็นสบายดีด้วยน้ำเสียงราบเรียบพร้อมทั้งกล่าวชมเชยอีกฝ่าย
“สมกับเป็นเจ้าหน้าที่ปราบมารสาขาเวทมนตร์ฝั่งตะวันออก ฝีมือร้ายกาจเสียจริงค่ะ”
“ฝีมือมีแค่นี้เองหรอกเหรอ? ถ้างั้นก็ช่วยยอมจำนนแล้วคลายความจริงออกมาให้หมดซะ ยัยผู้ร้ายปากแข็ง!”
ฮิคาริเกริ่นอย่างลำพองใจ สะบัดหมวกแม่มดซึ่งถูกเสียบด้วยคาตานะให้หลุดพ้นออกไป แล้วเร่งฝีเท้าเข้าหาหมายจะจู่โจมใส่สเตฟาเนีย เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายได้หยุดพักหายใจหรือฟื้นฟูสภาพร่างกายให้กลับมาพร้อมสู้ตามปกติ
แม่มดสาวเรือนผมสีส้มรีบยกมือซ้ายไปยังเบื้องหน้าเสกคาถาโจมตีใส่ทันที
“Claudo lapis! (แท่นศิลาจองจำ) ”
แท่งเสาหลายสิบต้นพลันปรากฏใต้ฝ่าเท้าของฮิคาริ ด้วยความไหวพริบและปฏิกิริยาการตอบสนองอันว่องไว เธอจึงสามารถสไลด์ตัวเปลี่ยนตำแหน่งกระโดดหลบซิกแซ็กไปมาได้อย่างคล่องแคล่ว ทว่านั่นก็ทำให้ตนต้องเสียจังหวะในการประชิดตัวเข้าหาศัตรูด้วยเช่นเดียวกัน
“อะไรกัน ยกมือร่ายเวทด้วยมือเปล่าเนี่ยนะ!?”
“และนี่ก็คือข้อได้เปรียบของฉันที่เป็นแม่มดยังไงล่ะคะ”
สเตฟาเนียอาศัยจังหวะนี้เข้าโจมตี ในระหว่างที่อีกฝ่ายกำลังจดจ่อกับการหลีกหนีแท่งศิลาซึ่งผุดขึ้นมาจากพื้น เธอใช้สองมือบางควงอาวุธคู่ใจเล่มยาวให้หมุนไปมาโดยรอบ ไม่ว่าจะเป็นส่วนเอว แขน หรือลำตัว ในท่าร่ายรำประดุจนักกายกรรมผู้โลดโผนกระหน่ำใส่คู่ต่อสู้ โดยปัดป้องคมดาบจากศัตรูไปในตัวอย่างต่อเนื่อง
ฮิคาริพยายามใช้ดาบคาตานะฟาดฟัน สะบัดการรุกล้ำจากไม้กวาดที่หมุนควงไปมาให้พ้นทาง คอยกระโดดหลบหรือเอียงตัวเบี่ยงวิถีการโจมตีซ้ายขวาไปตามสัญชาตญาณ บ้างก็นำมือซ้ายเข้าประคองสันดาบช่วยต้านแรงปะทะเอาไว้ให้มั่นคง ในระหว่างนี้ซามูไรสาวได้เกริ่นซักถามขึ้นมาอย่างกังขาโดยยังคงประชันฝีมือไปพลาง ๆ
“ไม้กวาดหล่อนทำมาจากอะไรกันแน่ ทำไมถึงฟันไม่เข้าเลย!?”
“ถ้าฉันบอกว่าทำมาจากอาดามันเทียมกับไวเบรเนียม รุ่นพี่ฮิคาริจะยอมเชื่อฉันรึเปล่าคะ?”
“เลิกพูดจากวนโอ๊ยฉันสักทีเถอะยัยบ้า!”
วีรสตรีจอมดาบเวทไม่อาจทนความยียวนกวนประสาทจากแม่มดสาวสุดแสบได้อีก เธอรีบเปลี่ยนกระบวนท่าฟันดาบตามแบบวิชาอิไอโดกลายมาเป็นการเคลื่อนไหวไปตามอารมณ์โทสะ ง้างคาตานะขึ้นเหนือศีรษะเตรียมฟันใส่คู่ต่อสู้ในลักษณะแนวดิ่ง แล้วเหวี่ยงลงไปข้างหน้าราวกับจะประหารอีกฝ่ายให้สิ้นชีพเสียเดี๋ยวนี้
สเตฟาเนียโยกตัวหลบไปทางด้านขวา ทำให้รอดพ้นจากคมดาบที่ผ่าลงมาอย่างหวุดหวิด จากนั้นเหวี่ยงด้ามไม้กวาดเล่มยาวโต้ตอบกลับคืนไปโดยเล็งไปยังต้นคอของฮิคาริ พร้อมทั้งร่ายเวทมนตร์เสริมพลังจนอุปกรณ์สื่อนำปรากฏให้เห็นถึงแสงสว่างสีเงินสลับขาวขึ้นอีกครั้ง ซามูไรสาวรีบสะบัดศัสตราวุธขึ้นมาตั้งรับแบบฉับพลัน เพ่งกระแสจิตเสริมความแข็งแกร่งให้แก่คาตานะคู่ใจทันที
——เคร้ง!!
การฟาดฟันในครั้งนี้ ส่งผลทำให้อาวุธที่อยู่ในมือทั้งสองคนส่องประกายแสงเพียงชั่วขณะ ก่อนจะสะท้อนแรงกลับคืนและหลุดออกจากมือไปคนละทิศละทางจนกระเด็นตกลงสู่พื้นเกือบมุมสุดของห้อง อย่างไรก็ตามแม้ว่าพวกเธอจะไม่ได้ถือครองเครื่องมือประหัตประหารไว้ใช้งานอีกต่อไปแล้ว ทว่าต่างฝ่ายกลับไม่ยอมลดราวาศอกกันง่าย ๆ โดยงัดวิชาศิลปะการต่อสู้ระยะประชิดออกมาใช้งานแบบไม่เสียจังหวะ
“เสร็จฉันล่ะ!”
ฮิคาริมีทักษะการต่อสู้ด้วยมือเปล่าอย่างวิชายูโดอยู่แล้วรีบเคลื่อนเท้าเข้าประชิดตัว สองมือบางหมายจะกระชากคว้าคอเสื้อกับแขนขวาของสเตฟาเนียเพื่อเตรียมจับทุ่มอีกฝ่ายลงพื้น แต่น่าเสียดายที่โชคกลับไม่เข้าข้าง เมื่อแม่มดสาวนัยน์ตาสีส้มวาดมือทั้งสองขึ้นมาสะบัดปัดป้องซ้ายขวาตามแบบฉบับวิชามวยหวิงชุนได้ทันท่วงที
สเตฟาเนียสวนกลับอีกฝ่ายด้วยกระบวนท่าสุดท้าย โดยพุ่งหมัดขวาตรงเล็งไปยังกลางอก ฮิคาริสัมผัสได้ถึงความไม่ชอบมาพากลจึงยกมือข้างถนัดปัดป้องการโจมตีดังกล่าวพลางก้าวเท้าเบี่ยงไปอีกทาง ถอยหลังให้อยู่ห่างจากคู่ต่อสู้ราวสี่เมตรเพื่อตั้งหลักชั่วคราว พร้อมเผยให้เห็นถึงสีหน้าประหลาดใจต่อสิ่งที่เกิดขึ้น
แม้นจะเป็นเพียงแค่เสี้ยววินาที แต่การเคลื่อนไหวดังกล่าวกลับย้ำเตือนให้แม่มดสาวจอมดาบเวทตั้งข้อสังเกตได้ทันที ว่ากระบวนท่ามือเปล่าเมื่อสักครู่นี้นอกเหนือจากอาเธอเรียแล้ว เลวอนเองก็เป็นอีกหนึ่งคนที่เรียนรู้วิทยายุทธมวยจีนด้วยเช่นกัน เนื่องจากท่าร่ายรำของต่อสู้นั้นมีความละม้ายคล้ายคลึงมากเลยทีเดียว
ฮิคาริรีบซักไซ้ข้อกังขาต่อสเตฟาเนียด้วยอาการตื่นตระหนกเล็กน้อย
“ม-มวยหวิงชุน…!? อะไรเนี่ย นี่หล่อนเรียนวิชาการต่อสู้มือเปล่าด้วยเหรอ!?”
“ก็ร่ำเรียนมาจากคุณอาเธอเรียอีกทีนั่นแหละค่ะ แต่มวยจีนน่ะไม่ใช่ศิลปะการต่อสู้ที่ฉันชื่นชอบเป็นพิเศษหรอกนะคะ” สเตฟาเนียตอบกลับด้วยท่าทีสบาย ๆ โดยที่ไม่ได้ตั้งการ์ดป้องกันตัว
“ให้ตายสิ ฉันล่ะเกลียดคนที่มีความลับปกปิดเยอะอย่างหล่อนจริง ๆ แต่เห็นแบบนี้ฉันเองก็เก่งเรื่องชกต่อยเหมือนกันนะจะบอกให้!”
พูดจบฮิคาริพลันพุ่งตรงเข้าหาสเตฟาเนียอีกครั้ง คราวนี้ท่วงท่าการเคลื่อนไหวนั้นแปรเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง แทนที่จะใช้สองมือชกต่อยหรือคว้าตัวอีกฝ่ายเพื่อจับทุ่มด้วยวิชายูโด ทว่าเธอกลับกระโดดขึ้นสูงหมุนลำตัวกลางอากาศ เหวี่ยงขาเตะใส่ด้วยท่าตีลังกาโลดโผนต่อเนื่องดูค่อนข้างแปลกตา ประดุจดั่งผีเสื้อที่กำลังร่ายรำเหนือพื้นพสุธาอย่างอิสระ
ปึ้กปึ้ก ตึ้ง!
“อึ้ก…!?”
เด็กสาวนัยน์ตาสีส้มพยายามปัดป้องเบี่ยงวิถีการโจมตีจากวีรสตรีจอบดาบเวทอย่างสุดความสามารถ ด้วยวิชามวยจีนหวิงชุนพลางก้าวถอยหลังออกห่าง แต่ไม่อาจต้านทานรับเอาไว้ได้ทั้งหมด บ้างก็โดนปลายเท้าอีกฝ่ายเฉียดผ่านลำตัว หรือโดนซัดกระแทกใส่ลำแขนแบบถาก ๆ ก็มี
ฮิคาริใช้วิชาการต่อสู้แบบผสมผสาน โดยนำเอายิมนาสติก เทควันโด คาโปเอร่า และกายกรรมโลดโผนมาผสมผสานรวมกัน ไม่ต่างอะไรกับลูกข่างยักษ์ที่กำลังหมุนตัวแบบสะเปะสะปะแต่แฝงไว้ซึ่งอำนาจการโจมตี เนื่องจากลูกเตะมีพลานุภาพมากกว่ากำปั้นถึงสามเท่าตัว อีกทั้งยังเหวี่ยงตัวหมุนทวนเข็มนาฬิกาต่อเนื่อง สเตฟาเนียจึงตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบโดยสมบูรณ์
“กระโดดโลดโผนเหมือนลิงเชียวนะค-”
——เปรี้ยง!
ไม่ทันที่ผู้ใช้อาคมสาวจะพูดจบประโยค ตนก็ถูกซามูไรสาวซัดลำแข้งเข้าที่เอวฝั่งซ้ายอย่างจังจนกระเด็นลอยไปยังอีกฟากหนึ่งของมุมห้อง กระแทกเข้ากับชั้นวางเอกสารเพียงชั่วพริบตาเดียว ร่างของเธอถูกปกคลุมไปด้วยกระดาษและสื่อสิ่งพิมพ์หลายใบท่ามกลางกล่องลังเป็นหนที่สองในสภาพดูไม่จืดยิ่งนัก พร้อมทั้งฝุ่นควันลอยฟุ้งกลางอากาศภายใต้แสงสลัว
“หา เมื่อกี้พูดว่าอะไรนะ? ไม่เห็นได้ยินเลย”
ฮิคาริเป็นฝ่ายแสดงท่าทีกวนโอ๊ยออกมาบ้างหลังจากอดทนมาเนิ่นนาน แกล้งทำเป็นหูทวนลมต่อประโยคเมื่อสักครู่นี้ สเตฟาเนียค่อย ๆ พยุงตัวลุกขึ้นยืนอย่างโซซัดโซเซ ทั้งเสื้อผ้าและเนื้อตัวมอมแมมเปื้อนฝุ่นในสภาพที่อิดโรย มือขวาพลางกุมบริเวณสีข้างฝั่งซ้ายด้วยความเจ็บปวด แต่ถึงกระนั้นเธอยังคงใช้น้ำเสียงราบเรียบโต้ตอบกลับคืนไป แม้นจะฟังดูสั่นเครือก็ตาม
“น่าแปลกใจจัง ตอนที่ต่อสู้กับปีศาจ Aka Manah ทำไมรุ่นพี่ถึงไม่เอาจริงแบบนี้บ้างล่ะคะ แถมยังเสียท่าโดนอีกฝ่ายจับเป็นตัวประกันจนต้องขอร้องให้คุณเลวอนเข้าช่วยเหลืออีกต่างหาก”
“น… หนวกหูย่ะ! ตอนนั้นฉันก็แค่ติดประมาทเฉย ๆ เธอน่ะช่วยยอมแพ้แล้วไปมอบตัวกับศาสตราจารย์ยาโรสลาฟซะเถอะ อย่าให้ฉันต้องลากเธอไปในสภาพที่เป็นศพเลยนะ!”
วีรสตรีจอมดาบเวทส่งเสียงชี้นิ้วใส่อีกฝ่ายด้วยสีหน้าบึ้งตึง ในขณะที่แม่มดสาวนักปรุงยาได้ย่างเท้าก้าวมายังข้างหน้าสองถึงสามก้าว ตั้งท่าเตรียมต่อสู้ด้วยมือเปล่าอีกครั้งในลักษณะแปลกตา ยื่นแขนขวาไปข้างหน้าเพียงเล็กน้อย ยกแขนซ้ายให้อยู่ในระดับเดียวกับบริเวณข้อพับศอกอีกฝั่ง แล้วค่อย ๆ สไลด์เท้าข้างถนัดไปยังเบื้องหน้าพอประมาณ
นี่คือท่าปาซังพื้นฐานของศิลปะการต่อสู้จากประเทศอินโดนีเซีย หรือปันจักสีลัตนั่นเอง
“ดูเหมือนฉันจะประเมินความสามารถของคุณต่ำเกินไป เห็นทีคงต้องเอาจริงเสียแล้วสิ”
นัยน์ตาสีส้มของสเตฟาเนียในตอนนี้แปรเปลี่ยนกลายมาเป็นสีม่วงสุกสกาว ภายใต้ใบหน้าแสนราบเรียบเย็นชานั้นได้ส่งสัญญาณให้ฮิคาริแจ้งใจว่า บัดนี้เธอได้ปลดข้อจำกัดพันธนาการบางอย่างซึ่งแอบเก็บซ่อนพลังส่วนลึกเอาไว้ และพร้อมที่จะสำแดงอิทธิฤทธิ์ออกมาทุกเมื่อในฐานะ “บุตรีแห่งไซตอน” แล้ว