เอ่อ...ขอโทษนะ แต่แกจะขโมยสกิลแบบนี้ไม่ได้นะ - ตอนที่ 236 : พิชิตหอคอยแรก...งี้เหรอ? - หอคอย 101
- Home
- เอ่อ...ขอโทษนะ แต่แกจะขโมยสกิลแบบนี้ไม่ได้นะ
- ตอนที่ 236 : พิชิตหอคอยแรก...งี้เหรอ? - หอคอย 101
เจี๊ยกๆๆ อู้ อู้ อู้ก้าาาา
เสียงโห่ร้องของฝูงลิงนั้นยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง และยังคงดังขึ้นเรื่อยๆในทุกวินาทีที่มาร์เดินเข้าใกล้ ซึ่งถ้าตอนนี้เป็นคนอื่นที่ไม่ใช่เขาก็คงใจคอไม่ดีแน่ๆ ไม่สิ คงเข่าอ่อนเดินต่อไปไหว ง่ายๆก็ลองคิดภาพตามดู การที่จู่ๆต้องไปเดินคนเดียวในดินแดนที่เต็มไปด้วยเสียงโห่ร้องของฝูงสัตว์ที่สามารถหยิบปืนมายิงคุณได้ แถมเสียงนั้นก็ไม่อาจจะรู้ได้ว่าเป็นมิตรหรือศัตรูอีก
“ นี้ก็ผ่านมาจะ 30 นาทีแล้วนะเออ ”
แต่สำหรับมาร์นั้นก็ต่างออกไป เจ้าตัวไม่ได้จะกลัวไอเสียงโห่ร้องของลิงพวกนี้เลย กลับกันเขานั้นรู้สึกรำคาญเสียมากกว่า ทว่าด้วยความที่มีประสบการณ์จากการเป็นทหารรับจ้างในอดีต ทำให้มาร์ไม่ได้สติแตกหยิบปืนมากราดยิง หรือว่าทำอะไรห่ามๆ ตอนนี้เจ้าตัวเลยค่อยๆเคลื่อนตัวไปจนถึงด้านบน เหนือยอดหอคอย
“ หืมม นั้นอะไรล่ะนั้น? จะเริ่มทำพิธีอะไรหว่าถึงได้เงียบกันไปแบบนั้น?! ”
ยังไงก็ตามพอขึ้นมาถึงตรงจุดนั้นได้แล้ว มาร์ก็ก้มลงไปมองดูยังตัวหอคอยแล้วก็ได้เห็นว่าพวกลิงที่โห่ร้องอยู่ ได้หยุดทุกอย่างแล้วเริ่มนั่งลงก่อนจะเงยหน้ามองไปยังประตูของหอคอยนั้น และทันใดนั้นประตูที่ว่าก็ค่อยๆเลื่อนออกอย่างช้าๆ เปิดให้มีช่องว่างขนาดเล็กตรงกลางพอให้คนเดินลอดผ่านเข้าออกได้
[ โฮ่… ไหนจะมีอะไรเกิดขึ้นกันน้า ขออยู่ดูก่อนก็แล้วกัน ]
… … …
“ พี่น้องข้า!! ”
เสียงของบางอย่างดังก้องออกมาจากภายในหอคอย และไม่นานเจ้าของเสียงก็ปรากฎตัวขึ้น วานรที่ทาหน้าด้วยสีขาวเป็นรูปกระโหลกแบบเดียวกับกำแพงรอบๆนี้ นัยตาของมันมีสีเหลืองทองพร้อมทั้งสายตาเองก็ดูดุดัน มันค่อยๆเดินออกมาทีละก้าว ทีละก้าวอย่างช้าๆ พร้อมกับเผยให้เห็นร่างอันกำยำของลิงชีแปนซี
ซีซ่าห์ ซีซ่าห์! ซีซ่าห์!! ซีซ่าห์!!! ซีซ่าห์!!!!
เหล่าวานรโดยรอบเริ่มตะโกนถึงนามของ วานรตนนั้นด้วยเสียงที่ดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ ส่วนเจ้าลิงนั้น ซีซ่าห์ก็เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของเหล่าวานรที่นั่งรอเขา ซีซ่าห์ยกมือขึ้นชี้นิ้วไปยังบันไดทางมายังชั้นที่ 100 นี้ ก่อนจะเอ่ยปากพูดด้วยเสียงที่น่าเกรงขาม
“ ดูนั้นเถิดพี่น้องของข้า บัดนี้ฤดูกาลแห่งการสำรวจได้มาถึงแล้ว เหล่าวานรวัยฉกรรจ์ทั้งหลายนับ 500 ตน จะได้ฤกษ์ทำการบุกขยายออกสำรวจเพื่อก้าวข้ามขึ้นไปยังชั้นที่ 10 ในดินแดนแห่งการทดสอบเบื้องบนนั้น!! จงไปซะเหล่าวานร ไปให้ถึงยังปลายทางของการทดสอบนี้!!! ”
อูก้าาาา เจี๊ยกกกกกก ซีซ่าห์!!! เพื่อเราวานร!! วานร!!
“ โอ้ ซีซ่าห์!! ไม่มีท่านมาเชื่อมเรา เราคงไม่ได้ก้าวขึ้นบันไดสวรรค์!! ”
“ ปืน วิทยาการ เพราะมีซีซ่าาาาาห์!! ”
“ เพื่อพวกเราวานร ขอบคุณซีซ่าาาาาาห์!! ”
นั้นคือคำพูด ซีซ่าห์ มันทำให้เหล่าวานรโดยรอบต่างลุกขึ้นแล้วโห่ร้องดีใจกันอย่างยกใหญ่ พร้อมกับเริ่มตะโกนขอบคุณตัวซีซ่าห์กัน คำขอบคุณบูชาซีซ่าห์ว่าการมีเขาทำให้การก้าวขึ้นบันไดแห่งสวรรค์เป็นเรื่องที่เป็นไปได้ และทำให้มีการค้นพบอะไรใหม่ๆอยู่ตลอด
“ ข้าขอขอบใจสำหรับคำสรรเสริญจากพวกเจ้า ยังไงเสียพี่น้องข้า อย่าลืมว่าพวกเราคงไม่มีวันนี่ถ้าเทพแห่งวิญญาณไม่ได้ให้พรแก่พวกเรา ไม่ได้มอบพลังจากคำพูดที่ว่า “วานรหนึ่งเดียวนั้นอ่อนแอ วานรรวมกัน แข็งแกร่ง!!” ดังนั้นจงเคารพบูชาท่าน เทพแห่งวิญญาณ!! ”
โอ้!!! ซีซ่า!! และเทพแห่งวิญญาณ!!!
เหล่าวานรตะโกนโห่ร้องอยู่อย่างนั้น ในขณะที่ซีซ่าห์หันหลังกลับแล้วเข้าไปในหอคอยหินอ่อน ภาพที่เห็นด้านในนั้นไม่ได้มีอะไรมาก มีเปล มีโต๊ะทำงาน มีที่เก็บอาหาร และตรงกลางนั้นคือแกนทรงกลมสีฟ้า ซีซ่าห์เดินไปยังโต๊ะทำงานพร้อมกับนั่งลงบนเก้าอี้ไม้แล้วมองไปยังเบื้องหน้า ณ ใจกลางของหอคอย เขามองอยู่ชั่วครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยปากบ่นออกมา
“ เห้อออ ซีซ่าห์เหนื่อย…อีก 90 กว่าชั้น เราวานรจึงจะออกไปโลกภายนอกได้ ดีแล้วที่ซีซ่าห์ห้ามไม่ให้เหล่าพี่น้องวานรไม่รู้ถึงสถานะของตัวเองในตอนนี้ สถานะของการที่ต้องเริ่มต้นจากจุดลึกสุดของสิ่งที่เรียกว่า หอคอยแห่งการทดสอบที่ 01 นี้… ”
แกร็ก
“ อ่า… ซีซ่าห์เคยบอกแล้วไม่ใช่หรือยังไง ว่าวานรไม่ทำร้ายวานร แต่ดูเหมือนว่าวานรบางตนจะไม่เชื่อสินะ อืม…แต่ใจกล้าไม่เบาเลย ที่คิดจะมาปฏิวัติในวันประจำฤดูแบบนี้ ”
อย่างไรก็ตามในขณะที่ซีซ่าห์กำลังนั่งอยู่นั้น เขาก็สัมผัสได้ว่ามีบางอย่างกดลงที่หลังหัวของเขา และเขาก็รู้ดีว่าสิ่งนั้นคือปืนแน่ๆ นั้นทำให้เขาพูดออกมาเช่นนั้น แต่ว่ามันก็เป็นการพูดที่ทรงพลังเพราะคำกล่าวพวกนั้นไร้ซึ่งความกลัวใดๆทั้งสิ้น
“ ปฏิวัติ? เหอะ ของแบบนั้นผมไม่สนหรอก ผมสนแค่นายรู้ได้ยังไงว่าตนอยู่ในหอคอยนี้ต่างหาก ”
ทว่าการตอบกลับนั้นเป็นอะไรที่น่าแปลกเพราะคนที่กำลังเอาปืนกดหัวซีซ่า เขาไม่ได้สนใจไอเรื่องปฏิวัติเลยแถมถามกลับพร้อมกับแบบนั้นด้วยเสียงที่ไพเราะแต่ไร้ความรู้สึกใดๆ นั้นทำให้ซีซ่าห์ยิ้มออกมาก่อนจะค่อยๆพูดตอบอย่างช้าๆ
“ นาย ไม่ใช่วานรสินะ…คงเป็นคนที่มาจากข้างบนล่ะสิ ”
“ … … อย่ามาต่อให้มันยาวเลย แล้วรีบๆตอบผมมาว่า ทำไมนายถึงรู้ว่าตัวเองอยู่ในหอคอย ดีกว่านะ ”
คนที่ใช้ปืนจ่อหัวอยู่ก็ไม่ได้ตอบคำถามยืนยันในสิ่งที่ซีซ่าห์พูด แต่เขากลับถามอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่จริงจังขึ้น ทว่าซีซ่าห์ก็ก้มหน้าลงก่อนจะพูดออกมาอย่างช้าๆ ว่า
“ เช่นนั้น ซีซ่าห์ก็คงต้องขอโทษด้วย ซีซ่าห์บอกไม่ได้ ต่อให้ตายซีซ่าห์ก็จะไม่ให้ความลับนี้หลุดไปเด็ดขาด เพื่อพวกเราเหล่าวานร ”
“ เห้ออ… จง… ตอบ ทำไมนายถึงรู้ว่าตัวเองอยู่ในหอคอย … ”
กึก กึก
“ อ อ อ อึก… ร ร รับทราบ ”
คนที่ใช้ปืนจ่อหัวนั้นได้ถามอีกครั้งแบบช้าๆ และการถามครั้งนี้ก็ทำให้ร่างกายของซีซ่าห์เกร็งอย่างรุนแรง และปากของเขาก็เริ่มขยับ ตอบคำถามไปทั้ังๆที่ใจของซีซ่าห์พยายามจะฝืนเอาไว้อย่างสุดความสามารถ
“ ซีซ่าห์รู้จากนิมิตในแกนแห่งหอคอย… ”
“ แค่นี้ไม่พอหรอกนะ ดังนั้น จง…เล่าเพิ่ม ”
“ ด ด ได้ …น น ในอดีต ตอนที่ซีซ่าห์ยังไม่รู้ว่าตนเองคืออะไรนั้น ซีซ่าห์ได้เตร็ดเตร่หลังจากออกไปรบกับวานรเผ่าอื่น แล้วระหว่างที่กำลังเตร็ดเตร่ไปเรื่อยบนต้นไม้ใหญ่ ซีซ่าห์ก็ถูกลอบโจมตีจากวานรคู่อริเข้า ทำให้ซีซ่าห์ตกลงไปในดินแดนต้องห้าม สถานที่ที่วานรทุกตัวกลัวจะเข้าไป พื้นที่รอบหอคอย… ”
ซีซ่าห์เริ่มเล่าให้ กับคนที่กำลังอยู่ด้านหลังของเขา โดยทุกคำพูดที่ออกมานั้นตัวของซีซ่าห์รู้ดีว่ากำลังพูดอะไร แต่ก็ไม่อาจจะควบคุมได้เลย เขาเอาแต่พูด พูด แล้วก็พูดเล่าต่อไป
“ …ยังไงก็ตามพอซีซ่าห์ตกลงมาในพื้นที่นั้นแล้ว ซีซ่าห์ก็รับรู้ได้ถึงความกลัว แต่ไม่ใช่ความกลัวในพื้นที่ศักดื์สิทธิ์นี้แต่เป็นความกลัวตายมากกว่า ทำให้ซีซ่าห์ที่ได้เห็นหอคอยหินอ่อนตั้งอยู่ในสุดเป็นทางออกที่เป็นไปได้มากที่สุดในตอนนี้ ซีซ่าห์จึงประคองร่างของ ซีซ่าห์เข้าไปยังข้างในหอคอย… ”
“ … ”
“ …ในหัวของซีซ่าห์นั้นหวังแค่ว่าในนี้จะมีสมุนไพรหรือที่ให้หลบซ่อนตัว ทว่าที่นี้นั้นไม่มีอะไรเลยนอกจากความว่างเปล่าและแกนทรงกลมสีฟ้าบางอย่างที่ตั้งอยู่ตรงใจกลาง ที่นั้นมันดึงดูดให้ซีซ่าห์เข้าไปหา และมันก็ยากที่จะต้านทาน ซีซ่าห์เดินเข้าไปพร้อมกับได้สัมผัสกับสิ่งนั้น… ”
ซีซ่าห์ ยกนิ้วชี้ไปยังแกนทรงกลมสีฟ้าที่อยู่เบื้องหน้า ก่อนจะดึงมือข้างที่ใช้ชี้ไปกลับมาแบออกให้ได้เห็นถึงรอยไหม้บางอย่างบนมือนั้น รอยไหม้ที่เป็นรอยสลักอักษรประหลาดที่ยากจะเข้าใจได้ด้วยสามัญสำนึกของคนโลกนี้ มันเขียนไว้ว่า [ Warning Hot Surface. Contact may cause burn. Do not touch. ]
“ …ทันทีที่ซีซ่าห์ได้สัมผัส สิ่งนั้นก็ทำให้ตัวซีซ่าห์ได้เห็นนิมิตของ การมีอยู่ของหอคอยนี้ การมีตัวตนของซีซ่าห์คืออะไร เกิดขึ้นได้จากอะไร และการที่ซีซ่าห์ไม่สามารถพิชิตหอคอยนี้ได้ เพราะหอคอยไม่อนุญาตให้ผู้ที่ไม่ได้มาจากข้างนอกพิชิต ดังนั้นซีซ่าห์จึงได้แต่รับสิ่งที่สิ่งนั้นพอจะให้ได้ มานา มานาที่พัฒนาตัวตนของซีซ่าห์จากมอนสเตอร์ประจำชั้น กลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีปัญญาและหลุดพ้นจากวงจรนั้น ”
แกร็ก
“ แบบนี้เองสินะ ผลลัพธ์จากมานาที่มากเกินไป แสดงว่าพวกลิงนั้น นายก็พาเข้ามาจับแกนหอคอยด้วยล่ะสิ ”
คนที่เอาปืนจี้หัวของซีซ่าห์อยู่ค่อยๆ ยกปืนออกจากหัวของเขา พร้อมกับถามต่อด้วยเสียงที่เป็นปกติ ทว่าคำถามนั้นทำให้ซีซ่าห์เงยหน้าขึ้นก่อนจะพูดออกมาในทันทีทันใดว่า
“ ไม่… ซีซ่าห์ไม่มีทางให้พี่น้องต้องมาพบความจริงที่โหดร้ายนี้! ซีซ่าห์แม้จะมีปัญญามากกว่าเดิมหลายเท่า ซีซ่าห์ก็รู้ได้ทันทีว่า หากปล่อยให้พี่น้องวานรตนอื่นได้มาสัมผัสเจ้าสิ่งนี้ ก็จะก่อให้เกิดปัญหา เพราะทุกตนจะรู้ว่าพวกเขาโดนขังอยู่ในชั้นล่างสุดแล้วต้องพยายามเริ่มทำอะไรไม่เข้าท่าแน่ๆ ไม่สิ…บางตนที่ใจไม่แข็งอาจจะกลายเป็นบ้าไปเลยก็ได้ ดังนั้นซีซ่าห์แบกรับมันไว้คนเดียวก็พอแล้ว! ”
“ อ่า แล้วนายทำให้ลิงพวกนั้นพูดกับมีความคิดแบบนั้นได้ยังไงกันล่ะ? ถ้าไม่ใช่การให้เข้ามสัมผัสกับแกนหอคอย นี่อย่าบอกนะว่า… ”
“ ซีซ่าห์ทำทุกอย่างด้วยตัวเอง รวบร่วมเหล่าวานรเพื่อยุติสงครามระหว่างกลุ่มกัน พร้อมเริ่มพัฒนาให้ชั้นที่ 100 ที่วานรอยู่เป็นบ้านที่ดีกว่านี้ และซีซ่าห์ก็ค่อยๆสอนวานรเรื่องราวต่างๆทีละน้อย ทีละน้อย ทั้งภาษา ทั้งการใช้ชีวิตแบบที่ด้านนอกตามนิมิตเป็น แต่ซีซ่าห์ก็ยังคงให้ความสำคัญกับสิ่งหนึ่งมากที่สุด คือการป้องกันไม่ให้เกิดความวุ่นวาย ดังนั้นซีซ่าห์จึงห้ามวานรเข้ามาที่นี้เด็ดขาดโดยทำให้ที่นี้เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ”
“ เห? ลำบากเลยนะนั้น ”
ตึก ตึก ตึก ตึก
ยังไงก็ตามเมื่อตอบไปแล้ว ซีซ่าห์ก็ไม่ได้จะหันกลับไปมองยังคนที่เอาปืนมาจี๋หัวเขา เขานิ่งเงียบไม่พูดไม่จาอะไรต่อทั้งสิ้น ซึ่งก็ไม่นานเลยที่คนคนนั้นจะเดินมาข้างหน้าพร้อมกับเผยให้เห็นรูปลักษณ์ของเขา
“ เหนือความคาดหมายดีแหะ สมกับที่มีสเตตัส INT กับ WIS สูงกว่าวานรข้างนอกตั้ง 20 เท่า สูงพอๆกับเผ่ามังกรได้เลยนะเนี่ย แต่ว่านะยังไงก็เถอะ ผมก็ยังมีเรื่องที่สงสัย ทำไมสัญลักษณ์หน้ากากของผมถึงไปอยู่บนกำแพงพวกนั้นได้ล่ะ ไม่สิทำไมนายถึงต้องทามันบนหน้าของตนเองด้วยล่ะ? ”
รูปลักษณ์ของเด็กชายผู้สวมหน้ากากประหลาดที่มีภาพของหัวกระโหลกมนุษย์เคลื่อนไปมา เขาถามอย่างช้าๆ พร้อมก้มลงมามองซีซ่าห์ใกล้ๆ ทว่าแทนที่ซีซ่าห์จะตอบ เขากลับทำในสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิด
“ เดี๋ยวๆ!?? จะก้มลงไปทำไมเนี่ย?!? ”
ใช่…ซีซ่าห์คุกเข่่าลงก้มหัวคารวะแนบไปกับพื้นในทันทีที่ได้เห็น ทั้งร่างของซีซ่าเองก็สั่นกลัวผิดกับตอนแรกเป็นอย่างมาก และชายคนนั้นที่ได้เห็นท่าทีที่เปลี่ยนไปก็ถามด้วยเสียงที่ประหลาดใจเล็กน้อยซี่งตัวของซีซ่าห์ก็ให้คำตอบในทันที ด้วยเสียงที่สั่นเทาว่า
“ ท ท ท่านคือชายที่ซ ซ ซีซ่าห์เห็นในนิมิตจากแกนหอคอย ท ท ท่านคือผู้สร้างมัน ดังนั้นท ท ท่านก็คือพระเจ้าผู้ให้ชีวิตแก่พวกเรา วานร ท ท่าน เทพแห่งวิญญาณ!!! ”
“ เดี๋ยว? แล้วนายจะมั่นใจได้ยังไงว่าคนตรงหน้าคือพระเจ้าอะไรนั้นของนาย?? หน้ากากแบบนี้ใครใส่ลงมาก็เป็นพระเจ้าหมดน่ะสิ ”
ชายตรงหน้ายังคงถามต่อด้วยเสียงที่เย็นชา พร้อมกับเดินเข้ามาใกล้ซีซ่าห์จนห่างจากเขาไปเพียงช่วงมือเดียวเท่านั้น ซึ่งซีซ่าห์ก็ตอบกลับในทันที พร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองไปยังหน้ากากที่ชายคนนี้ใส่อยู่
“ พระเจ้าที่ซีซ่าห์เห็นในนิมิต มีรูปร่างขนาดตรงกับท่านตรงหน้าทุกประการ และที่สำคัญหน้ากากที่ศักดิ์สิทธิ์นั้นไม่มีทางมีใครทำซ้ำได้ กระโหลกที่เคลื่อนไหวตลอดเวลาและแรงกดดันจากสายตาที่มองทะลุออกมาจากในนั้น ท่าน ท่านคือเทพแห่งวิญญาณ!! ”
“ เห้ออ เอาเถอะ จะนับผมเป็นเทพหรืออะไรก็แล้วแต่นายเถอะ วันนี้ตอนแรกก็กะจะมาแค่สำรวจ แต่เป้าหมายก็อยู่ตรงหน้าแล้วรีบๆจัดการเลยก็แล้วกัน จะได้กลับไปพักสักที ”
“ ป ป เป้าหมายอย่างงั้นเหรอท่าน ท่านเทพแห่งวิญญาณ?!? ”
พอได้ยินแบบนั้นสีหน้าของซีซ่าห์ก็เต็มไปด้วยความสงสัยทันที เขาเอ่ยปากถามเทพที่อยู่ตรงหน้านั้น ซึ่งเทพก็ก้มหน้าชั่วครู่ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาตอบกลับอย่างเย็นชา แช้วเดินออกไปอย่างช้าๆ
“ อ่า ที่ผมลงมาที่นี้หลักๆก็คือ มาเพื่อจะพิสูจน์ว่าหอคอยนี้ลงมาถึงยังชั้นล่างสุดได้ ดังนั้นต่อจากนี้ผมจะเริ่มทำการพิชิตหอคอย แต่พิชิตไปแล้วที่นี้ก็จะไม่มีอะไรเปลี่ยนไปหรอก ”
“ ช เช่นนั้นสินะท่าน ”
“ อืม แต่ว่า ไหนๆนายก็เป็นผู้นำพวกลิงนี้อยู่แล้ว ถ้างั้นผมฝากฝังงานนึงเอาไว้นะ ซีซ่าห์ งานนั้นคือการ ปกป้องไม่ให้ใครอื่นนอกจากเขาเข้ามาที่นี้ได้ ไม่สิ ไม่ให้เข้าผ่านลงมาถึงชั้นที่ 100 ได้ ”
“ ซีซ่าห์!! จะทำเต็มที่เพื่อประสงค์ของท่านเทพวิญญาณ!! ”
วู่มมมมม ฟุบ
ซีซ่าห์รับทราบพร้อมกับก้มหัวแนบไปกับพื้นอีกครั้ง ส่วนทางด้านชายคนนั้นก็เดินไปแตะกับแกนดังกล่าว ก่อให้เกิดแสงสว่างจ้าขึ้นอยู่ชั่วครู่ ก่อนที่มันจะจางหายไป เช่นกันเบื้องหน้านั้น พระเจ้าของซีซ่าห์เองก็หายไปแล้วด้วย
… …
ปั้ง ปั้ง ปั้ง ปั้ง ปั้ง
“ เอล่า 6 นาฬิกา!! ”
“ โอ๊สสุ!! ”
ปั้ง ปั้ง ปั้ง ปั้ง
กึก
“ ก เกิดอะไรขึ้น?!? ทำไมจู่ๆ?!? ”
“ พี่คะ?!? พวกมอนสเตอร์มันหยุดนิ่งไปหมดเลยค่ะ!! ”
“ ทุกคนระวังตัวไว้ก่อนนะ!! ”
กึ้ง กึ้ง กึ้ง
ณ ชั้นที่ 78 กลุ่มนักพจญภัย อย่าง ปาร์ตี้ราชินีสีขาวที่กำลังเดินฝ่าป่าพร้อมกับยิงสู้กับมอนสเตอร์ในชั้นไปนั้น จู่ๆ พวกมอนสเตอร์ก็หยุดขยับ ไม่สิ เวลาในที่แห่งนี้ได้ถูกหยุดลง ก่อนที่เสียงบางอย่างจะดังขึ้นในหัว เสียงประกาศก้องอย่างไพเราะว่า
“ “ [ เรียนผู้เข้าร่วมทดสอบทุกท่าน บัดนี้ หอคอยแห่งการทดสอบที่ 1 ได้ถูกพิชิตลงแล้วโดย มาร์ ซันเบิร์น ท่านผู้นี้จะได้รับรางวัลอย่างงาม อย่างไรก็ตามในอีก 12 ชั่วโมงต่อจากนี้ หอคอยจะทำการเทเลพอร์ตผู้เข้าร่วมทดสอบทุกคนพร้อมกับสมบัติที่พวกท่านได้มากลับขึ้นไปยังผืนดินเพื่อเริ่มต้นการพิชิตใหม่อีกครั้ง ] ” ”
ก๊าซ!!! ปั้ง ปั้ง ปั้ง ปั้ง ปั้ง ปั้ง
“ อึก เรียบร้อย!! ”
“ ทางนี้เองก็ด้วย!! ”
พอการประกาศสิ้นสุดลง มอนสเตอร์ก็เริ่มขยับต่อในทันที ทว่าปาร์ตี้นี้ก็สามารถจัดการพวกมันได้อย่างไม่ยากเพราะได้เล็งปืนรอยิงไว้ล่วงหน้าแล้ว แต่ยังไงก็ตามเมื่อมอนสเตอร์นั้นตายลง โซเฟีย กับ เอล่า ก็ต่างหันหน้ามามองพร้อมกับถามคำถามเดียวกันว่า ได้ยินเหมือนกันไหม
“ เมื่อกี้พี่ได้ยินใช่หรือเปล่าคะ!! ”
“ เมื่อกี้ได้ยินใช่หรือเปล่าเอล่า!! ”
“ เห!! นี่อย่าบอกนะว่าหัวหน้าก็ได้ยินน่ะ?!? ”
“ เดี๋ยวนะ นี้เธอก็ด้วยเหรอ?!? ”
“ แบบนี้ทุกคนก็คงได้ยินกันหมดแน่ๆล่ะ!! ”
ใช่ ทุกคนได้ยินเหมือนกันหมด เหล่าสมาชิกปาร์ตี้ราชินีสีขาวเองก็ด้วย พวกเธอต่างหันหน้ามามองกันแล้วเริ่มคุยถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในทันที คำประกาศนั้นมันเป็นเรื่องสำคัญมากๆ มากจนถึงที่สุด โดยเฉพาะกับโซเฟียที่ชื่นชมมาร์เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เธอถึงกับกอดปืนเอาไว้
“ น่าเสียดายจังที่เราตาม ท่านมาร์ไปไม่ทัน… ไม่งั้นคงได้เห็นการต่อสู้ในตำนานแน่ๆเลย ”
“ นั้นสินะคะพี่ ท่านมาร์เขายังเด็กอยู่เลยถ้าเทียบกับพวกเรานี้ น่าอายจังเลยนะคะ ”
“ เห้ออ นั้นสินะเอล่า เอาเถอะ ยังไงครั้งนี้เราก็แอบมีโชคไม่ดีด้วยที่ท่านมาร์ลงดันเจี้ยนพร้อมกับเราแบบนี้ ”
พี่น้องคู่นี้ยืนคุยกันอย่างสบายใจ ในระหว่างที่เหล่าผู้ชายในทีมจะลงมือเก็บไอเทมเข้ากระเป๋าอยู่ ซึ่งก็ไม่นานที่ลูกทีมหญิงคนนึงจะวิ่งเข้ามาถามโซเฟีย พร้อมกับยืนตรงทำความเคารพอย่างเป็นระเบียบ และโซเฟียเองก็ตอบรับด้วยการยืนตรงตาม
“ วิ่งมาแบบนี้มีอะไรหล่ะแอช? ”
“ คืิอหัวหน้าคะ ถ้าเรายึดตามคำประกาศนั้นแสดงว่าอีกไม่นานเราก็จะถูกส่งกลับไปแล้วสินะคะ แบบนี้เราควรจะทำยังไงต่อดีคะ!! ”
“ นั้นสินะ งั้นลุยต่ออีกสัก 6 ชั่วโมงแล้วก็นั่งพักรอเวลากันดีกว่า เอ้า!!ไปกันได้แล้ว ”
โซเฟียนั้นออกคำสั่งในทันที และนั้นก็ทำให้สมาชิกหญิงทุกคน โหลดกระสุนเปลี่ยนแม็กและเช็คสภาพตัวเองกันอย่างพร้อมเพรียง ก่อนจะเริ่มเดินทางกันต่อไป โดยเอล่านั้นก็เดินตามมาพร้อมกับเงยหน้าคิดไปด้วยว่า
[ อืม… ที่ท่านมาร์เคลียร์ดันเจี้ยนนี้ได้แบบนั้น แสดงว่านอกจากอาวุธก็น่าจะมีเรื่องยุทธวิธีกับทักษะด้วยสินะ งืม งืม ขึ้นไปเมื่อไหร่คงต้องไปทำเรื่องขอเข้าเมืองหลวงแล้วไปศึกษาต่อในโรงเรียนของยูโทเปียแล้วล่ะ ]
… …
แซก แซก แซก
“ กลับมาแล้วครับผมม โอ้? เก็บของอยู่เหรออคโต ”
“ !! นายท่าน !! ”
ฝั่งของมาร์นั้นเขาเดินกลับไปยังฐานทัพ ซึ่งทันทีที่มาถึงเขาก็ได้เห็นว่าอคโตกำลังเก็บโดรนอยู่ ส่วนอคโตพอได้เห็นนายท่านของเธออยู่ตรงหน้า เธอก็รีบวิ่งเข้าไปหาเขาพร้อมกับก้มหัวย่อเข่าลงอย่างสง่างาม
“ ยินดีด้วยนะคะคุณมาร์ที่พิชิตหอคอยได้แบบนี้ ”
“ เห แสดงว่าระบบประกาศใช้ได้สินะ ”
“ ค่ะ ได้ยินชัดเจนเลยล่ะค่ะคุณมาร์ ”
ตึก ตึก ตึก ตึก
“ ท่่านมาร์!!! ยินดีด้วยนะครับ!!! ”
เช่นกันคอนเซนเทลก็วิ่งหน้าตั้งเข้ามาเพื่อจะแสดงความยินดีด้วย ทว่าสายตาของเขาก็แสดงออกได้ว่าไม่ได้มีแค่จะแสดงความยินดีอย่างเดียวแน่ๆ ซึ่งก็จริงเพราะเมื่อแสดงความยินดีเสร็จเจ้าตัวก็ถามต่อในทันทีด้วยท่าทางที่ตื่นเต้นว่า
“ ท่านมาร์ครับ บอสประจำชั้น มอนสเตอร์ ที่เจอมา ก ก เก่งสุดๆไปเลยหรือเปล่าครับ??! ”
“ นั้นสินะ ก็จะว่ายังไงดีล่ะ บอสชั้นนี้เป็นวานรตัวใหญ่ที่ฉลาดแถมใช้ปืนด้วย นี้ยังไม่นับเรื่องว่ามีสติปัญญาระดับสูงอีก สูงขนาดบัญชาการให้พวกลิงโจมตีเป็นแบบแผนได้ แถมมีบัฟให้ร่างกายทนทานได้อีก ถ้าให้เทียบก็น่าจะมากกว่าระดับ SSS อีกมั้ง ดีนะว่าผมเร็วกว่าไม่งั้นคงเละไปแล้วแน่ๆเลย ”
“ โหหห!! แล้วของรางวัลที่ว่าตามประกาศนี้มันคืออะไรเหรอครับ!?!? ”
คอนเซนเทลนั้นยังคงถามต่อ อย่างตื่นเต้นสุดๆ ทำเอามาร์นั้นยิ้มออกมาเลย ซึ่งไอการยิ้มนี้ไม่ใช่อะไรหรอก ก็แค่เขาไม่ทันคิดว่าจะเล่นถามแบบนี้เลยไม่ได้เตรียมเรื่องเล่า(ตอแหล)เอาไว้นอกจากเรื่องการสู้กับบอส ดังนั้นพอมาร์จะตอบมันก็เลยติดๆขัดๆนิดหน่อย
“ อ๋อ เอ่อ… นั้นก็ไม่มีอะไรมากหรอก ก็แค่ เอ่อ… แบบว่าไงดีล่ะ พอจัดการบอสได้แล้วก็สัมผัสกับแกนหอคอย มันก็เทเลพอร์ตผมไปห้อง ห้องหนึ่งน่ะ ห้องที่มีสมบัติเต็มไปหมดเลย แต่ให้เลือกได้แค่ 3 ชิ้นน่ะนะ ผมก็เลยเลือกเอา อืมม นี้มา วัตถุดิบจากผู้พิทักษ์ชั้นระดับสูงกว่า 80 ที่เราไม่ได้เจอกัน แต่ว่าพอขอมาน่ะ ตอนแรกคิดว่าจะเป็นแบบไอเทมดร็อปเหมือนตอนผมจัดการมัน ดันกลายเป็นว่าได้มาเป็นตัวเลยแหล่ะ ฮะ ฮะ ฮ่า ”
“ ว้าวววว!! ขอดูได้หรือเปล่าครับ! ท่านมาร์!! ”
ยิ่งพูดเหมือนยิ่งราดน้ำมันลงบนกองไฟ คอนเซนเทลดูจะตื่นเต้นมากๆ เขาถึงกับหยิบเอาสมุดจดขึ้นมาบันทึกคำพูดของมาร์ไปด้วยในระหว่างที่ฟัง แถมเตรียมตัวจะร่างภาพของชัยชนะที่มาร์ได้มา ทว่าหญิงสาวที่ยืนดูอยู่ก็ได้เดินเข้ามาหามาร์จากข้างๆ
“ คุณมาร์คะ คือว่ายังไงตอนนี้ดูแล้วคุณน่าจะเหนื่อยนะคะ ยังไงลงไปนอนพักก่อนดีกว่านะคะ ไว้ขึ้นไปค่อยเอารางวัลให้พวกเราได้ดูก็ได้ค่ะ ”
“ อ อ อ่า นั้นสินะ ผมเองก็ เอ่อ…เหนื่อยจริงๆนั้นแหล่ะ ถ้างั้นขอตัวเลยแล้วกันเนอะ ”
อคโตแทรกเข้ามาได้ถูกจังหวะมาก แถมยังช่วยให้มาร์มีช่องว่างจะหนีไปเตรียมการได้ด้วย และมาร์เองก็สัมผัสได้ถึงจุดประสงค์นี้ เขาเลยเล่นตามอคโตได้ปูทางเอาไว้เป็นอย่างดี ทว่าคอนเซนเทลที่เห็นก็ยิ้มก่อนพูดต่ออย่างร่าเริงว่า
“ เหหห… ถ้างั้นเดี๋ยวผมไปเตรียมน้ำกับ… ”
“ คอนเซนเทล… ”
ทว่าก่อนที่เขาจะได้พูดจนจบ อคโตก็ได้พูดแทรกขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกับหันไปมองด้วยใบหน้าที่นิ่งเฉย ประกอบกับการที่ใบหน้าครึ่งบนโดนบังไว้ด้วยอุปกรณ์ที่เธอสวมไว้ ทำให้ไม่สามารถอ่านสีหน้าได้ แต่ที่แน่ๆมาร์น่ะรู้ได้เลยว่า อคโตเริ่มจะเดือดขึ้นมานิดๆแล้ว
“ ถ้าดิชั้นนับไม่ผิด คุณยังขาดการฝึกหวดดาบคู่สลับสองข้างและพร้อมกันอีกราวๆ 1542 ครั้งสินะคะ ”
“ ค ค คับผม… ”
“ ถ้างั้นก็ไปจัดการให้เรียบร้อยนะคะ ถ้ายังไม่เสร็จก็ห้ามพักเด็ดขาด ”
อคโตกล่าวถึงข้อเท็จจริงของการฝึกของคอนเซนเทล ทำเอาคอนเซนเทลนั้นยิ้มแห้งก่อนจะหันไปหามาร์เพื่อขอความช่วยเหลือผ่านการส่งสายตาอ้อนวอน ทว่ามาร์นั้นก็ยิ้มตอบกลับก่อนจะพูดออกมาอย่างช้าๆอย่างอ่อนโยนพร้อมกับเดินเข้าไปในฐานทัพที่อคโตทำเอาไว้
“ อ้าว!? ยังฝึกไม่เสร็จเหรอ งั้นไปฝึกก่อนดีกว่านะคอนเซนเทล โชคดีล่ะ!! บัย!! ”
……….