เอ่อ...ขอโทษนะ แต่แกจะขโมยสกิลแบบนี้ไม่ได้นะ - ตอนที่ 11 : อะไรนะ? ให้ไปกล่าวเปิดภาคเรียน!! ได้!!!
- Home
- เอ่อ...ขอโทษนะ แต่แกจะขโมยสกิลแบบนี้ไม่ได้นะ
- ตอนที่ 11 : อะไรนะ? ให้ไปกล่าวเปิดภาคเรียน!! ได้!!!
*ขอเชิญนักศึกษาชั้นปีที่ 1 ทุกท่านที่ห้องประชุมใหญ่ในเวลานี้ด้วยค่ะ*
เสียงประการดังขึ้นมา ทั่วโรงเรียนคอลลาจ และที่ทางเดินหน้าห้องครูใหญ่ตอนนี้ก็ถูกเปิดออก
ชายหนุ่วผิวสีดำมาดขรึมในชุดบาทหลวงกับหญิงสาวสองคน คนหนึ่งผมสีเขียวในเครื่องแบบแม่ชี และอีกคนผมสีดำแดงในผ้าคลุมสีดำที่ทักลายลูกไม้สีทองเต็มทั้งผ้าคลุมแบบที่ไม่เคยมีใครเห็นมาก่อน
แต่คนที่เห็นก็รู้ได้ว่าเธอเป็นผู้ทรงเกียรติคนสำคัญของโรงเรียนแน่ๆ
ทั้งสามคนนั้น คือ เคโอทิค เชอรี่ และ มาร์ และทั้งสามคนกำลังมุ่งตรงไปที่ห้องประชุมใหญ่
[ ครูใหญ่กับผู้ช่วยบอกว่าให้เราไปร่วมพิธีด้วยนินะ แต่ไม่นึกว่าจะต้องตามมาเลยทันทีแบบนี้รู้สึกกดดันยังไงไม่รู้แหะ ] มาร์คิดเช่นนั้นเพราะว่าตอนนี้เขากำลังเดิมตาม Supreme Being ของโรงเรียนอยู่
ระหว่างทางก็ดูจะเงียบผิดปกติ นักเรียนที่กำลังเดินไปไม่มีใครกล้ามองหน้าทั้งสามคนนี้เลย แม้แต่จะพูดอะไรกันยังไม่ทำ ทุกดคนล้วนแต่เงียบและหลบสายตาพวกเขาด้วยการเดินก้มหัว
คงเป็นเพราะออร่าแสงที่ปล่อยออกมาจาก เคโอทิค ทำให้รอบๆหย่ำเกรงเขาเป็นอย่างมาก แม้แต่บางทีเมื่อเขาเดินผ่านอาจารย์ อาจารย์คนนั้นก็หันมาก้มหัวทำความเคารพทันที
ไม่นานทั้งสามคนก็มาถึงที่ห้องประชุมใหญ่ ประตูถูกเปิดออกด้วยอาจารย์สองคนที่หน้าประตู พวกเธอเป็นแฝดเผ่ากูลที่มาร์เจอบ่อยๆ….อาจารย์บีและอาจารย์พี
ข้างในห้องประชุมตอนนี้เต็มไปด้วยนักศึกษาหน้าใหม่นั่งเรียงแถวกันอยู่ที่ลานกว้างด้านล่าง ส่วนด้านบนที่เป็นที่นั่งชั้นสองก็มีอาจารย์กับผู้ปกครองรวมกันหลายร้อยคน นั่งดูลูกหลานและพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน
"อะแฮ่ม..!! โปรดอยู่ในความสงบด้วยครับทุกท่าน.. " เสียงนั้นดังมาจากเวที เป็นเสียงของฮาล์ฟเอล์ฟฮาล์ฟไทรนีผมสีเขียว หรือก็คืออาจารย์เจมส์ เขาพูดเตือนคนในห้องประชุม พร้อมกับกวาดสายตาหน้ากลัวไปทั่ว
"บัดนี้ท่าครูใหญ่และผู้มีเกียรติสำคัญได้เดินทางมาถึงแล้ว ทุกคนโปรดยืนขึ้น!!" เขาพูดอีกครั้งและทุกคนก็ทำตามแต่โดยดี
*เสียงเพลง* เปิดดังขึ้นในห้องประชุมและครูใหญ่ก็เดินนำมาร์กับเชอรี่ไปที่เวทีอย่างสง่างาม เหล่านักเรียนจับตามองทั้งสาม
ผู้ปกครอง และอาจารย์ก็เช่นกัน ตอนนี้จุดเด่นของพิธีเปิดภาคเรียนได้มาถึงแล้ว!!
ครูใหญ่เคโอทิค เดินขึ้นเวทีและเชิญให้ผู้ช่วยของเขาเชอรี่ กับนักเรียนพิเศษมาร์นั่งที่โซฟาที่ถูกเตรียมไว้ เชอรี่ก็พามาร์ไปนั่งแต่ละว่างที่ไปมาร์ก็ได้เห็นคนที่มานั่งอยู่ที่เก้าอี้ไม้ข้างๆโซฟานั้น 3 คน
คนแรกเป็นเอล์ฟ ที่มาร์จำได้ดี เขาคือ เอลาน [ เอ๋..นี้ หัวหน้าอัศวินที่เคยเจอตอนไปเรียกเก็บ…ตอนไปช่วยเรื่องผีโกดังนิ อืมมมเป็นคนสำคัญของที่นี้ด้วยสินะ ]
คนที่สองนั้นมาร์ไม่คุ้นหน้าเลย แต่เธอเหมือนกับมีพลังบางอย่างที่ทำให้เขาละสายตาไปไม่ได้เลย เธอเป็นผู้หญิงผมสีแดงหูยาวกว่าเอล์ฟและนัยตาเองก็แดง เธอเป็นคนที่ดูอายุเยอะกว่ามาร์ แต่มาร์ก็ไม่เชื่อเรื่องรูปลักษณ์ภายนอกของโลกนี้เท่าไหร่ เพราะขนาดแม่ของเขายังดูสาวผิดปกติอยู่เลย
[ เอ..ความรู้สึกใจเต้นนี้มันอะไรกันน้า….อาาา น่ารักจัง ผู้หญิงคนนี้ เธอส่งสายตามาให้เราด้วย อาาาาา เอ๋!! เดี๋ยวนะ ไม่สิเกิดอะไรขึ้นกับเราเนี่ยยยย ทำไมอยู่ๆเราไปมองเธอแบบนั้น!! ] มาร์เกือบขาดสติไปตอนที่มองไปยังผู้หญิงผมสีแดงคนนั้น
[ Absolute Deny : เริ่มทำการปฏิเสธมนต์เสน่ห์ของสกิล ความเย้ายวนของซัคคิวบัส – กลาง ]
[ ท่านต้องการจะรับสกิล [EX] ความเย้ายวนของซัคคิวบัส – กลาง หรือไม่ YES/NO ] เสียงของสกิล Absolute Evolution ดังขึ้นมาในหัวของมาร์และเตือนสติเขา
[ นะ….นี้สินะสาเหตุ ยัยนี้….ซัคคิวบัสนิหว่า แถมทำไมมาปล่อยสกิลใส่เราแบบนี้กัน ช่างเถอะ ยังไงก็เกือบไปแล้วไหมละ งั้นสกิลใหม่ก็ YES ไปละกัน….แปปนะ….ดะ ดะ เดี๋ยวนะ!!! แบบนี้คนก็จะตกกับดักเราเพิ่มเยอะกว่าเดิมดิ!! ไม่ ไม่ ไม่ I say N.. ]
[ ท่านได้รับสกิล [EX] ความเย้ายวนของซัคคิวบัส – กลาง [ สามารถหว่านเสน่ห์ให้หลงไหลได้และคุ้มครองการโดนครอบงานทางจิตใจจากสกิลระดับต่ำกว่า ] พัฒนาเป็น [EX] ความเย้ายวนของซัคคิวบัส – สูง [ สามารถหว่านเสน่ห์ให้หลงไหลได้และคุ้มครองการโดนครอบงานทางจิตใจจากสกิลระดับต่ำกว่า ] ]
เสียงนั้นประกาศขึ้นในหัวของมาร์ก่อนที่เขาจะได้ปฏิเสธ
และจู่ๆ นักเรียน ผู้ปกครอง อาจารย์ แม้แต่ 3 คนที่นั่งอยู่บนเวที ก็หันมามองเขาด้วยสายตาที่หลงไหล สายตาที่ส่งแสงสีชมพูออกมา!!!
[ ปิดสกิลใหม่เดี๋ยวนี้เลยยยย ปิดได้มะ? ต้องปิดได้สิ!! เห้ยยยยย ปิดโว้ยยยยย!! ] มาร์ควบคุมสกิลของตัวเองอย่างสุดกำลัง และผลของสกิลก็หยุดลง ทุกคนกลับไปเป็นปกติ…เว้นแต่ ผู้หญิงผมแดงคนนั้นอยู่เธอก็ยิ้มขึ้นมาและเริ่มที่จะไม่ละสายตาจากมาร์อีกต่อไป
ส่วนคนสุดท้ายนั้น คือ เอเลนน่า เกรย์แวพไพร์ เด็กสาวเผ่าแวมไพร์ที่ผมสีเงินทรงผมม้วนจนมีหูแมวเล็กๆขึ้นบนหัว เธอสวมแว่นและห้อยไม้กางเขนไว้ที่คอ เธอคือคนที่สอบในสนามสอบเดียวกับมาร์และเป็นคนแรกที่อาจะเรียกได้ว่า รู้จักกับมาร์ในฐานะนักศึกษาใหม่มากกว่าคนอื่นในโรงเรียนตอนนี้
เธอมองมาที่มาแล้วก็โบกมือทักทายให้ด้วยรอยยิ้ม มันเป็นรอยยิ้มที่สวยมากถึงขนาดที่มาร์เองก็เผลอตัวโบกมือและยิ้มตอบกลับ ทว่าระหว่างตรงกลางนั้นกำลังมีสาวผมแดงจ้องไปที่เอเลนด้วยสายตาอาฆาตอยู่
มาร์นั่งลงที่โซฟาพร้อมกับเชอรี่ที่อยู่ข้างๆ เสร็จแล้ว ครูใหญ่ก็เริ่มพูดกล่าวเปิดพิธีเปิดภาคเรียน
"สวัสดีทุกท่านนะขอรับ ยินดีต้อนรับสู่โรงเรียนคอลลาจที่น่าภาคภูมิใจของกระผม ที่นี้ผมไม่แบ่งเรื่องเผ่าพันธุ์หากมีความสามารถคุณก็เป็นศิษย์ของที่นี้ได้ ที่นี้ไม่มีการดูถูกผู้ทรงปัญญาเพราะมันเป็นการหยามในศักดิ์ศรีแห่งวงการวิชาการ ผมมีเจตจำนงและความหวังในนักศึกษาใหม่ทุกคนว่าจะปฏิบัติตามที่ผมได้กล่าวเอาไว้ และจบการศึกษาจากที่นี้ไปเพื่อสานต่อเจตจำนงของผม และรับใช้ประเทศของตนอย่างสุดความสามารถ ที่ผมจะกล่าวก็มีเพียงเท่านี้ขอรับ" พอเคโอทิคพูดจบเขาก็โค้งคำนับและเดินไปนั่งที่โซฟาทันที
[ โห….แม้แต่นั่งโซฟายังนั่งหลังตรง เชิดหน้าอย่างสง่าผ่าเผยเลยแหะ ครูใหญ่นี้สมกับเป็นปราชญ์จริงๆ] มาร์นั้นชื่นชมเคโอทิคมาก ด้วยท่าทางกริยา การพูดจาและการปฏิบัติของเขาที่ยิ่งกว่าสุภาพบุรุษ ทั้งยังมีไทรนีอย่างเชอรี่ เป็นลูกน้องอีกแค่นี้ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าเคโอทิคนั้นเป็นชายเหนือชายทั้งปวงขนาดไหน
เชอรี่ลุกขึ้นและหันมาโค้งคำนับให้กับเคโอทิคก่อนที่จะเดินไปที่เวที
"ต่อจากนี้ขอเชิญผู้มีเกียรติทั้ง 3 คน ขึ้นมากล่าวความรู้สึกในวันเปิดภาคเรียนด้วยเจ้าค่ะ" เธอหยิบกระดาษขึ้นมาและอ่านมัน
"ท่านแรก เอลาน เจอโร ตำแหน่งปัจจุบัน หัวหน้าอัศวินแห่งเมืองไฮทคอลลาจ ศิษย์เก่ารุ่นที่ 2387 และยังเป็นประธานรุ่นดังกล่าวอีกด้วยเจ้าค่ะ
ท่านที่สอง คาริโลโล่ ดรีมชามเมอร์ นักศึกษารุ่นที่ 2558 นักศึกษาปีที่ 4 และเป็น ประธานนักศึกษาคนปัจจุบันของโรงเรียนคอลลาจ ซึ่งครองตำแหน่งประธานนักศึกษามาแล้วติดต่อกัน 4 สมัยเจ้าค่ะ
ท่านสุดท้าย เอเลนน่า เกรย์แวมไพร์ นักศึกษารุ่นที่ 2562 นักเรียนที่สอบได้คะแนนสูงสุดเป็นอันดับ 1 ในภาคปกติของปีการศึกษานี้เจ้าค่ะ " เธอพูดจบก็เชิญให้ทั้งสามคนที่ได้ถูกแนะนำตัวไปก่อนหน้านี้ขึ้นมากล่าวความรู้สึกในวันนี้
คนแรกหัวหน้าอัศวิน เอลานเขากล่าว โดยยาวเยื้อไร้สาระ และพูดแต่ความภาคภูมิใจที่ได้จบไป สาระสำคัญที่มาร์พอจะจับใจความได้คือ [ อย่าหยุดพยายามแม้จะล้มเหลวมากแค่ไหน พวกเธอคือนักศึกษาและอนาคตของประเทศตนเอง อย่าถอยและลุกขึ้นสู้ไปจนกว่าจะสิ้นสุดเส้นทางของตนเอง ]
ทว่าไม่รู้ทำไมตอนที่ เอลานกล่าว มาร์สังเกตุว่าเขาเอาแต่มองไปที่หน้าอกของนักศึกษาหญิงที่อยู่ข้างล่าง มันทำให้มาร์รู้สึกขยะแขยงแปลกๆ
คนถัดมาคือ ประธานนักเรียน ที่พึ่งจะพยายามจะหว่านเสน่ห์ใส่มาร์ไปเมื่อกี้เธอ เดินออกไปอย่างสง่างามและกล่าวสุนทรพจน์ต่อหน้านักศึกษาใหม่ คำพูดของเธอนั้นคมและตรงไปตรงมา เช่น
"หากพวกเธอที่เข้ามาใหม่มัวแต่หลงละเริงกับความรู้สึกชั่วครู่นี้แล้ว ชั้นเห็นได้ว่าอนาคตพวกเธอต้องยอมแพ้ให้กับสถาบนันนี้แน่นอน เช่นนั้นจงอย่าคิดริอาจเชิดชูตัวเองตั้งแต่ตอนนี้ พวกเธอยังเป็นเพียงเด็กใหม่ในโลกของการศึกษาเท่านั้น!!"
หลังจากที่เธอพูดจบก็มีเสียงตบมือจำนวนมากดังขึ้นมาจากฝั่งของผู้ปกครองและอาจารย์ ในทางกลับกันเหล่านักศึกษาหน้าใหม่ต่างพากันก้มด้วยแรงดดันจากเธอ และคำพูดที่เสียดแทงเข้ามาในตัวของพวกเขา
และเมื่อทุกอย่างสงบลง คาริโลโล่ ก็เดินจากเวทีมาที่ที่นั่งของเธอ พร้อมกับส่งสายตา *วิ้งๆ* มาที่มาร์
[หยึยยย สงสัยเราคงโดนประธานจองหัวแล้วสินะเนี้ย…ไปทำอะไรให้คุณเธอไม่พอใจหรือเปล่าหว่า เอาเป็นว่าต่อจากนี้พยายามอย่าไปยุ่งเกี่ยวละกัน เพื่อความปลอดภัย] นั้นคือความคิดหลังจากที่ได้รับการส่งสายตาวิ้งๆมาจากท่านประธานนั้นเอง
คนสุดท้ายที่ต้องขึ้นคือ เอเลน เธอดูลุกลี้ลุกลนแต่ว่าก็พูดออกมาได้ดี เธอพูดถึงความหวังในชีวิตในโรงเรียนต่อจากนี้ และ พูดถึงคนที่เธอหวังไว้ว่าเป็นคู่แข่งทั้งเธอเองก็หวังเสมอว่าสักวันนึงจะต้องชนะ"เธอ" คนนั้นให้ได้
[ คำถามคือ ทำไมเรารู้สึกว่า ไอคำว่า "เธอ" ที่ว่ามันหมายถึงเราหว่า……หวังว่าคงจะไม่ใช่นะ ] มาร์นั่งฟังการพูดของเอเลนต่อจนจบ และเธอก็ได้รับเสียงปรบมือจากนักศึกษาใหม่และผู้ปกครองอย่างล้นหลาม
แต่ว่าตอนเอลเลนเดินลงมาเธอกลับไม่ไปที่นั่งของเธอแต่ตรงมาคุยกับมาร์ซะอย่างนั้น และเพราะที่เดินมาคุยตรงๆ ก็เลยมีสายตาอาฆาตบางอย่างจับจ้องมาที่เธอสายตา จากประธาน
"ต่อจากนี้ก็ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ มาร์จัง" เธอกุมมือของมาร์ไว้และเขย่าเช็คแฮนด์
"อื้อ ยังไงก็กลับที่นั่งก่อนนะเอเลน คือท่านประธานจ้องมาแล้วน่ะ นั้นน่ะ" มาร์ส่งสายตามองไปยังประธาน เอเลนก็เลยรู้ตัวก่อนจะขอโทษมาร์และเดินกลับไปนั่งที่ของเธอ
………
…..
…
อยู่ๆ ไฟในห้องประชุมก็ดับลง และ ครูใหญ่ก็ขึ้นไปยืนบนเวที โดยที่แม้แต่ตัวของมาร์เองก็ไม่ได้ทันสังเกตุ
"ทุกท่านขอรับ ต่อจากนี้ เป็นประกาศสำคัญจากทางโรงเรียนเรา ทุกท่านคงได้ทราบแล้วว่าปีนี้มีสิ่งที่เรียกว่า ชั้นเรียนพิเศษเกิดขึ้น เป็นหลักสูตรใหม่ที่ทางเราได้มติสร้างขึ้นมา เป็นหลักสูตรพิเศษที่ตอนนี้ ขณะนี้ได้มีชื่อออกมาแล้ว เราเรียกหลักสูตรนี้ว่า " Alius gradu educationis หรือ หลักสูตรอีกระดับของการศึกษา"
เป็นหลักสูตรที่มีไว้เพื่อนักศึกษาที่สามารถทำคะแนนได้เต็ม 2 วิชา จาก 3 ซึ่งจะได้รับสิทธิ์คือจบล่วงหน้าในสาขาวิชานั้นๆ
ผู้ที่อยู่ในหลักสูตรนี้มีห้องเรียนเป็นของตัวเอง มีห้องพักส่วนตัวแยก มีอาคารแยก และได้ค่าศึกษาเล่าเรียนจากทางโรงเรียนตลอดการศึกษาโดยจะมอบให้เทอมละ 500 โกลล์ และมีค่างานวิจัยแยกให้ตามแต่ที่จะร้องขอมา
ซึ่งหลักสูตรนี้ กระผมมิได้เป็นคนกำหนดขึ้นมาเองตามใจชอบ แต่เป็นมติในที่ประชุมของอาจารย์อาวุโส ศาตราจารย์ และปราชญ์ ประจำโรงเรียนคอลลาจแห่งนี้
โดยปัจจุบัน นักศึกษาที่อยู่ในหลักสูตรนี้…" แสงไฟฉายไปที่มาร์ ทำให้ทุกคนจับจ้องมาที่เขา
[ น่าาาาา นั้นไง นั้นไงงงง ทำไมถึงต้องลากเรามาด้วย เพราะแบบนี้สินะ เพราะแบบนี้จริงๆสินะ เรากะจะใช้ชีวิตสบายๆแล้ว เพราะแค่ครูใหญ่กับผู้ช่วยครูใหญ่จับตามองก็รู้สึกอึดอัดแล้วนะเนี่ย นี้ประกาศให้คนทั้งโรงเรียนรู้เลยงั้นเหรอออออ ปัดโธ่ธ่ธ่ ฮือๆๆๆ อยากกลับบ้านแล้วอ่ะ ฮืออ ] มาร์ได้แต่ร้องไห้ในใจเพราะเขารู้แล้วว่าต่อจากนี้จะเป็นยังไงต่อไป
"…นี้คือ มาร์ ซันเบิร์น ผู้ทำคะแนนวิชาควบคุมสกิลและความแม่นยำของการใช้ ที่คะแนน 45 เต็ม 10 ขอรับ ด้วยทักษะที่พวกเราเองก็ยังไม่สามารถอธิบายได้เช่นกันขอรับ
ทั้งยังสามารถตอบโจทย์ในวิชาที่สองซึ่งมี 25 ข้อ โดย 5 ข้อนั้นมีความยากระดับปราชญ์ซ่อนอยู่ เขาสามารถตอบได้ครบทุกความเห็นและทำคะแนนได้ เต็ม 25 คะแนนเป็นคนแรกในรอบ 2562 ปี โดยใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมงขอรับ
สุดท้ายคือวิชาต่อสู้เขาสามาารถชนะผู้ช่วยคุมสอบที่เราจ้างมาโดยใช้เกณฑ์ระดับอัศวินขั้นสูง ด้วยทักษะเดียวกัน และยังไม่โดนโจมตีกลับเลยแม้แต่น้อย ที่สำคัญเขาชนะด้วยการทำให้ผู้คุมฝึกที่เราคัดกรองมาหมดสติอีกด้วยขอรับ
เช่นนี้ มาร์ ซันเบิร์นจึงเป็นผู้เหมาะสมกับหลักสูตร Alius gradu educationis เป็นอย่างมาก ทั้งพวกเราเองก็ต้องกล่าวขอโทษต่อเขา ที่ไม่สามารถตอบสนองความรู้่ความสามารถและช่วยพัฒนาให้เขาก้าวขึ้นไปด้สูงกว่านี้ได้อีกขอรับ"
เมื่อพูดจบสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดก็เกิดขึ้น เหล่าอาจารย์ ที่อยู่บนชั้นสองลุกขึ้นและก้มหัวขอโทษมาทางที่มาร์อยู่ แม้แต่ตัวครูใหญ่กับผู้ช่วยครูใหญ่เองก็เช่นกัน
เหตุการณ์ในภายหลังจะถูกกล่าวขานไว้ในชื่อ "ต้นกำเนิดของผู้มียิ่งกว่าพรสวรรค์" ที่จะถูกกล่าวขานและเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักศึกษารุ่นหลังสืบต่อไป
"ขอเชิญ มาร์ ซันเบิร์นขึ้นกล่าวความประทับใจและเหตุผลที่เลือกเข้าโรงเรียนคอลลาจด้วยเจ้าค่ะ" เสียงนั้นดังขึ้นมาจากข้างๆเวที เป็นเสียงของผู้ช่วยครูใหญ่เชอรี่
ตอนนี้มาร์นั้น อยู่ในสภาพที่เขารู้สึกแปลกประหลาด มันไม่ใช่ความสุข ไม่ใช่ความทุกข์ แต่ยิ่งยืนอยู่ใต้แสงไฟที่ฉายเขากลับรู้สึกถึงบางสิ่งที่ไม่ได้รู้สึกมานาน นั้นคือความภาคภูมิใจ
ตัวของมาร์ในชาติที่แล้วเขาเป็นทหารรับจ้าง ซึ่งเป็นอาชีพที่ คนส่วนใหญ่มองว่าไร้เกียรติ ไม่น่าภาคภูมิใจ เป็นพวกเห็นแก่เงิน มาร์จึงลืมความรู้สึกของการที่ผู้คนชื่นชมเขา ชื่นชมในตัวเขา ไปตั้งแต่ตอนนั้น
ทว่าตอนนี้ความรู้สึกนั้นกำลังกลับมา และมันยิ่งใหญ่กว่าที่เขาเคยได้รับมาตลอดชีวิต มาร์ก้าวเดินขึ้นไปบนเวที และ เมื่อมาถึง ครูใหญ่อย่างเคโอทิคก็ให้เกียรติถอดผ้าคลุมสีดำลายลูกไม้ทองนั้นออกเผยให้เห็นเครื่องแบบนักศึกษาหลักสูตร Alius gradu educationis
มาร์ที่ตอนนี้ยืนอยู่เป็นจุดเด่นใต้แสงสว่างของไฟที่ฉายลงมาท่ามกลางความมืดในห้องประชุม เขามองไปรอบๆแล้วก็ได้เห็นอีกด้วยว่า วันนี้ทุกคนในบ้านซันเบิร์นเองก็มาด้วย พ่อและแม่ กำลังกอดกันทั้งสองมองมาที่มาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ ออร่า พิเรีย อลิซเซียและเตย์เองก็ตั้งหน้าตั้งมองมาที่เขาด้วยสายตาแบบเดียวกับที่พ่อมแม่มองมาที่เขา
มาร์ จึงเผลอตัวมองไปที่ครอบครัวของเขา แล้วยิ้มออกมาพร้อมกับชูสองนิ้วด้วยมือทั้งสองข้าง น้ำตาเริ่มไหลออก
……….ใบหน้าของมาร์ตอนนี้คือ เด็กที่กำลังมีความสุขที่สุดในชีวิตตอนนี้……..
มาร์เริ่มตั้งสติและหยุดร้องไห้ เขาหันกลับมามองทุกคนในห้องประชุมและเริ่มพูดออกมาด้วยความรู้สึกของเขาว่า
"ผม…รู้สึกขอบคุณที่ได้มาที่นี้ ได้เข้าสอบ เข้าเรียนที่นี้ แต่ที่สำคัญกว่า ผมต้องขอบคุณคุณพ่อคุณแม่ พี่สาวและพี่ชายที่คอยดูแลผมให้มายืนที่จุดๆนี้ได้ ผมไม่คิดมาก่อนว่าผมจะได้มาอยู่ในหลักสูตร Alius gradu educationis นี้ด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้ผมก็ได้มายืนที่นี้
ต่อจากนี้สิ่งที่ผมพูดอาจจะทำร้ายใครหลายๆคน ผมก็ต้องขอโทษกับคำพูดเหล่านั้นด้วย
คือว่า..ที่ผมมาเข้าที่โรงเรียนนี้ไม่ใช่เพราะชื่อเสียง แต่เป็นเพราะเป็นโรงเรียนที่ใกล้บ้าน ใกล้ครอบครัวของผม ทั้งยังมีหนังสือมากมายในห้องสมุดที่ผมจะสามารถศึกษาเพิ่มเติมได้
ผมไม่ได้รู้สึกว่าการที่อาจารย์ทุกท่านไม่สามารถสอนผมได้เป็นความผิดหวังแต่อย่างใด กลับกันมันเป็นความภาคภูมิใจที่ผมสามารถทำให้อาจารย์คิดเช่นนั้นได้ ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งครับ
และต่อจากนี้ ผมจะทำตามสัญญาที่ได้ให้ไว้กับครูใหญ่ ท่านเคโอทิค เดียโบลอส ผมจะสร้างความเท่าเทียม ผมจะปฏิบัติกับทุกคนทุกเผ่าเหมือนกัน… โดยไม่แบ่งแยกว่าคนคนนั้นจะเป็นเผ่าพันธุ์ใดก็ตาม
สุดท้ายนี้ผมก็ขอฝากเนื้อฝากตัว กับอาจารย์ เพื่อนๆร่วมโรงเรียน รุ่นพี่ ทุกคน
ขอบคุณครับ…" การกล่าวของมาร์นั้นไม่ได้เริศหรูอะไรเลย แต่ว่ามันกลับทำให้ครอบครัวของเขาที่ได้ยินต่างพากันร้องไห้ ซึ่งก่อนที่เขาจะเดินลงจากเวทีก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง
"อ่า…ฟังให้ดี…..ไม่มีใครสั่งการณ์ผมได้นอกจากเขาผู้นั้นจะแลกความนับถือจากตัวผมไปได้เสียก่อน ผมจะไม่ก้มหัวใครง่ายๆ และผมพร้อมจะทำให้คนที่คิดไม่ดีกับผมพบเจอกับหายนะ…." มันเป็นคำพูดเบาๆ แต่ทุกคนก็รู้ได้ว่า นี้คือคำขู่ของนักศึกษา Alius gradu educationis
และคำพูดนั้นกลายมาเป็นคำพูดประจำ หลักสูตร Alius gradu educationis ในอนาคตที่ว่า
"เรานั้นคือผู้แตกต่าง เรานั้นไม่ก้มหัวให้ใคร ไม่มีใครสั่งการณ์เราได้โดยปราศจากความนับถือของเรา และ เราพร้อมเสมอที่จะทำให้อริของเราพบกับหายนะ" แต่นั้นก็เป็นเรื่องที่จะเกิดขึ้นในภายภาคหน้าละนะ
เมื่อมาร์เดินลงจากเวทีแล้ว เสียงปรบมือก็ดังขึ้น จากทุกกลุ่ม ผู้ปกครอง อาจารย์ นักศึกษา ตัวครูใหญ่และผู้ช่วยของเขาเองก็ด้วย มันไม่ใช่การปรบมือ เพราะคำพูดที่มาร์กล่าว
แต่เป็นการปรบมือให้กับความน่าเกรงขาม ที่แสดงออกมาจากตัวของเขา
เสียงพูดมากมายดังขึ้น ทุกคำพูดนั้นส่วนใหญ่เป็นคำชม ไปในทางเดียวกันว่า "เด็กคนนั้นช่างน่าเกรงขาม ช่างน่านับถือ และดูสง่างามแม้จะอยู่ในที่มืดมิดเพียงใด"
หลังจากนั้นไม่นานทุกอย่างก็สงบลง และก็มีการแสดงจากรุ่นพี่ของโรงเรียนคอลลาจ ก่อนที่จะปล่อยให้นักศึกษาใหม่ทุกคนแยกย้ายพบปะผู้ปกครอง ถ่ายรูป พูดคุยกัน
และหลังจากนั้นทุกคนก็แยกย้ายเข้าห้องเรียนของตน แต่ว่ามาร์นั้นยังคงถูก ครูใหญ่และผู้ช่วยของเขาคุมตัวไว้เพราะว่า..
"คุณมาร์ ต่อจากนี้เดี๋ยวกระผมจะขออนุญาตพาคุณไปที่ห้องส่วนตัวของคุณกันนะขอรับ.." เคโอทิคพูดพร้อมกับเดินนำมาร์ออกไปจากห้องประชุม
แม้แต่ตอนที่เดินออกไปทุกคนก็จับตามองมาที่มาร์ เหล่าอาจารย์ต่างพากันชื่นชม ผู้ปกครองก็เช่นกัน แต่ในหมู่นักศึกษาก็มีทั้งอิจฉาริษยา ชื่นชม หลงไหล โกรธแค้น อยู่ปะปนกันไป
ในขณะเดียวกัน ในห้องที่ว่างเปล่าและไม่มีอะไร กำลังมีชายแก่หุ่นล่ำผมขาว เขาคือพระเจ้า กำลังออกกำลังกายด้วยการเต้นประกอบเพลงอยู่
"แหมๆ แบบนี้ข้าก็ทำตามสัญญาไปได้ส่วนหนึ่งแล้วสินะ พ่อหนุ่ม…ข้าไม่น่าไปพูดไว้ว่า จะรับประกันเรื่องความสุขสบายเล้ย พับผ่าสิ แต่ว่าความสบายมันก็ไม่ตลอดหรอกนะ ไม่งั้นชีวิตเจ้าก็จะไม่สีสันสิพ่อหนุ่ม"
และพระเจ้าก็กลับไปเต้นต่อโดยแสงสว่างในห้องกลับเยอะขึ้นเรื่อยๆ แล้วอยู่ๆก็มพระเจ้าเพิ่มมาอีก 2 ข้อมาเต้นคู่กับร่างต้นซะอย่างนั้น
….