เมียหวานของประธานเย็นชา - ตอนที่ 47คุณไม่สามารถชนะทุกครั้งได้
บทที่47คุณไม่สามารถชนะทุกครั้งได้
กลุ่มคนที่ชวนเวินเที๋ยนเที๋ยนไปดูคอนเสิร์ตเห็นถึงสภาพนี้ ต่างหัวเราะกันหมด
"แท้จริงแล้ว แกเล่นวอลเลย์บอลไม่เป็นนี่หว่า ฉันก็นึกว่าแกเป็นทุกอย่าง"
"ถ้าแกเล่นไม่เป็นจะเล่นทำไม"
"แกยังลุกขึ้นได้ไหม?อย่ามาเสียเวลาคนอื่นสิ ยังเล่นไหม?"
"นี่ พวกคุณกล้าคุยกับเธออย่างนี้ได้อย่างไร ระวังว่าเธอไปฝนว่าพวกเรารังแกเธอและขับไล่พวกเราทุกคนออกจากโรงเรียน "
พูดเสร็จ กลุ่มคนนี้ก็หัวเราะเยาะหยันออกมาอีกครั้ง
อาจารย์พลศึกษามองมาทางนี้
"นักเรียน คุณยังเล่นไหม?"
"เล่น!"
เวินเที๋ยนเที๋ยนยืนขึ้นมาด้วยความยากลำบาก แล้วกัดฟันของตนไว้
กลุ่มพวกอู๋เมิ่งเซวียนจ้องกันไปมา และตีวอลเลย์บอลในมือไปมา พร้อมพูดว่า
"เล่นก็ได้ แต่ถ้าคุณแพ้อย่ามาโทษว่าพวกเรารังแกคุณ"
ลูกวอลเลย์บอลในมือตีอออกไปเหมือนเมื่อกี้ มันตรงมาทางเวินเที๋ยนเที๋ยน
คนที่อยู่ทีมเดียวกันกับเวินเที๋ยนเที๋ยน ไม่มีใครกล้าออกมาช่วย พวกเขาซ่อนอยู่มุมสนาม
แม้ว่าพวกเขารู้ว่าอู๋เมิ่งเซวียนตั้งใจจะทำ แต่พวกเขาก็ไม่กล้าไปช่วย
วอลเลย์บอลมาทางหน้าเธอตรงตรง เธอพร้อมที่จะชูมือไปรับบอล
ลูกวอลเลย์ที่รุนแรงมาโดนข้อมือของเธอ
มือของเวินเที๋ยนเที๋ยนสั่นทันที ลูกบอลก็พุ่งออกมานอกขอบเขต
เธอทนความเจ็บปวดบนมือของเธอ แล้วไปหยิบลูกโดยไม่พูดอะไรสักคำ พร้อมที่จะเสิร์ฟ!
ลูกวอลเลย์หมุนอยู่บนท้องฟ้า แล้วตกลงมาสู่มือของอู๋เมิ่งเซวียนอีกครั้ง
เธอมองไปที่เวินเที๋ยนเที๋ยนด้วยความเย่อหยิ่ง แล้วใช้มือตบแรงๆ เป็นลูกตบอีกแล้ว
เวินเที๋ยนเที๋ยนโค้งเข่าเล็กน้อย แล้วจ้องดูลูกวอลเลย์ด้วยความตั้งใจ
กระโดดขึ้นอย่างรุนแรง!
ยกมือขึ้นมา!
ตบลูก!
ปัง!
การปะทะกันระหว่างฝ่ามือและลูกวอลเลย์นั้นทำให้เกิดเสียงดัง
ลูกวอลเลย์เด้งและบินไปทางอู๋เมิ่งเซวียนอีกครั้ง! ดวงตาของทุกคนจ้องดูกัน
ดูจากเมื่อกี้ เห็นได้ว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับกีฬาวอลเลย์บอลเลย
แต่ผ่านไปเพียงไม่กี่นาที เธอก็สามารถรับลูกเสิร์ฟของอู๋เมิ่งเซวียนได้แล้ว
อู๋เมิ่งเซวียนคาดไม่ถึงว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนจะรับได้
หลังจากลูกบอลบินมาถึงหน้า เขาถึงรู้สึกตัวขึ้นมา รีบใช้มือไปบังลูกบอลไว้
แต่มันสายเกินไป!
อู๋เมิ่งเซวียนโดนลูกบอลตีเต็มๆ
ปัง!
แรงกระแทกของลูกบอลทำให้เธอถอยหลังไป2ก้าว แล้วล้มลงกับพื้นในสภาพที่ทุกข์ทรมานอย่างที่สุด
ลูกวอลเลย์บินไปข้าง ๆ กระเต็นขึ้นสองสามครั้งบนพื้น สุดท้ายก็กลิ้งไปที่มุม
ฝ่ามือของเวินเที๋ยนเที๋ยนที่ไปตีบอลแดงไปหมด แล้วบางส่วนที่โดนตีก็เต็มไปด้วยความเจ็บปวดเหมือนกัน
เหงื่อไหลลงมาจากหน้าผากของเธอ
เธอเม้มริมฝีปากอย่างแน่น
"คุณไม่สามารถชนะทุกครั้งได้"
ตอนค่ำ
เวินเที๋ยนเที๋ยนเดินผ่านห้องรับแขกด้วยเสียงเบาๆ
แม้ว่าเธอได้ทำความสะอาดก่อนที่จะกลับมา แต่ความสกปรกบนเสื้อผ้า มือสองข้างที่บวม ทำให้เธอรู้สึกเขินมาก
“หยุดเดี๋ยวนี้”
เสียงที่เย็นชาดังขึ้นมาจากโซฟา
เวินเที๋ยนเที๋ยนหยุดลง แล้วหันมามองจี้จิ่งเชิน ซึ่งนั่งอยู่ในห้องรับแขก
แสงที่มืดมัว ทำให้อวัยวะทั้ง 5 ส่วนของเธอถูกซ่อนอยู่ในความมืดคลุมเครือ
"คุณจี้คะ"
เวินเที๋ยนเที๋ยนก้มหน้าลง ไม่กล้าไปมองเขา
"เข้ามา"
เขาออกคำสั่ง เวินเที๋ยนเที๋ยนก็เดินไป
จี้จิ่งเชินจ้องดูเธออีกครั้ง สายตาของเขาหยุดอยู่ที่รอยเปื้อนของเธอสักพัก
"คุณนี่ไปเรียนหรือไปต่อสู้?"
เวินเที๋ยนเที๋ยนเช็ดเหงื่อบนหน้าผากของตนเองออก
"ฉันไปเล่นวอลเลย์บอลกับพวกเขา"
เมื่อยกมือขึ้น ความบวมของฝ่ามือก็ได้เข้าตาของจี้จิ่งเชิน
จี้จิ่งเชินหรี่ตาเล็กน้อย
"แล้วมือของคุณเป็นไร"
เวินเที๋ยนเที๋ยนงุนงงไปสักพัก แล้วรีบซ่อนมือของเธอไว้ข้างหลัง
"ฉันไม่ได้ระวังจนล้มลงพื้น"
ดวงตาของจี้จิ่งเชินเฉียบคมขึ้น เขาได้เห็นเหงื่อบริเวณหน้าผากของเวินเที๋ยนเที๋ยนไหลลงมา
ริมฝีปากของเขายกขึ้นเล็กน้อย
"โง่"
เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกเย็นใจ หัวก้มลงอีกมาก
"ฉันอยากจะไปอาบน้ำแล้ว……"
เมื่อเวินเที๋ยนเที๋ยนไปแล้ว สายตาของจี้จิ่งเชินถึงเหลียวกลับมามองสิ่งเดิม
เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา โทรไปหาเบอร์นึง
“วันนี้เขาไปทำอะไรมา"
"ตระกูลอู๋"
มุมปากของจี้จิ่งเชินนูนขึ้นเล็กน้อย แต่ไม่มีรอยยิ้มในดวงตาเลย มีแต่สายตาที่เย็นชาจนน่ากลัวเท่านั้น
"ตลาดธุรกิจตอนนี้ มีตระกูลต่างๆมาอยู่กันเยอะมาก ถึงเวลาที่จะปราบปรามตลาดสักครั้งหนึ่งแล้ว
พอวางสายโทรศัพท์ จี้จิ่งเชินก็ใช้นิ้วหมุนเล่นมือถือ
เมื่อนึกถึงลักษณะของเวินเที๋ยนเที๋ยนที่พูดโกหกเมื่อกี้ เขาก็รู้สึกโมโห
มันโง่จริงไปเลย
ตอนอยู่ต่างประเทศอวดเก่งขนาดนั้น ทำไมพอกลับมา ก็กลายเป็นคนที่ถูกคนรังแกได้ง่ายๆหละ
เมื่อเวินเที๋ยนเที๋ยนเปลี่ยนเสื้อในห้องเสร็จ ก็ได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้น
ผู้ดูแลบ้านยืนอยู่ที่ประตู ในมือถือกระป๋องสเปรย์
"คุณจี้สั่งให้ผมเอามาให้ครับ"
เวินเที๋ยนเที๋ยนหยิบมาดู มันคือยารักษาอาการบวมและบรรเทาอาการปวด
จี้จิ่งเชินเอามาให้?
ผู้ดูแลบ้านพยักหน้าอย่างเคร่งเครียด
ปิดประตูเสร็จ เวินเที๋ยนเที๋ยนฉีดยาบนบาดแผลทั้งหมดบนร่างกายของตนเสร็จ แล้วเดินไปที่ห้องอาหาร
วันนี้จี้จิ่งเชินก็ไม่ได้อยู่ที่ห้องอาหารเหมือนกับวันปกติ เมื่อเธอนั่งลงมา ก็สังเกตเห็นว่าที่รับประทานอาหารของเธอมีแค่ช้อนอย่างเดียว
นี่ก็เป็นคำสั่งของจี้จิ่งเชินหรอ?
เวินเที๋ยนเที๋ยนหยิบมาดู ยิ้มแล้วยิ้มอีก
หลานวันต่อมา อุปกรณ์สำหรับรับประทานอาหารถูกเปลี่ยนช้อนหมด
แล้วมีอีกสิ่งหนึ่งก็คือไม่รู้ว่าแม่ครัวได้รับคำสั่งอะไรหรือเปล่า หลายวันนี้ทำแต่อาหารที่รสชาติจืดๆและเหมาะกับการใช้ช้อนรับประทานด้วย
เมื่อผ่านไปไม่กี่วัน อาการทั้งหมดของเธอก็หายหมดแล้ว
สิ่งที่แปลกก็คือ อู๋เมิ่งเซวียนกับอีกหลายคนที่ชอบมาหาเรื่อง ช่วงนี้เงียบมาก ไม่ก่อความวุ่นวายแล้ว
ยิ่งกว่านี้ บางครั้งอู๋เมิ่งเซวียนเห็นเธอมาจากระยะไกล เขาก็รีบหนีไปอย่างรวดเร็ว
ผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างหน้าเวินเที๋ยนเที๋ยนบอกเขาว่า ธุรกิจต่างๆของตระกูลอู๋ถูกปราบปรามจนระงับหมด แม้ว่ารองอาจารย์ใหญ่อู๋ก็ถูกระงับเช่นเดียวกัน
"ได้ข่าวว่าตระกูลจี้เริ่มปราบปรามก่อน การปราบปรามครั้งนี้ ทำให้ตระกูลอู๋เกือบจะล้มละลาย"
เขาพูดไปด้วยสังเกตอาการของเวินเที๋ยนเที๋ยนไปด้วย เห็นได้ชัดว่า เขาสงสัยว่าเรื่องนี้มีเกี่ยวข้องกับเธอ
ใครๆก็รู้ว่า เมื่อไม่กี่วันก่อนอู๋เมิ่งเซวียนกับอีกหลายคน หาข้ออ้างของการเล่นวอลเลย์บอลมารังแกเวินเที๋ยนเที๋ยน
เมื่อเรื่องนี้ผ่านไปไม่กี่วันเอง คนที่รังแกเวินเที๋ยนเที๋ยนทั้งหมด ที่บ้านของพวกเขาต่างก็มีเรื่องร้ายเกิดขึ้น ถ้าบอกว่าสองเรื่องนี้มันไม่สอดคล้องกัน ไม่มีใครเชื่อหรอก
"คุณว่า คุณจี้ช่วยแก้แค้นให้คุณหรือเปล่า"
"ฉันไม่ทราบเหมือนกัน"
เวินเที๋ยนเที๋ยนยิ้มสั้นๆ แล้วให้ความสนใจของตนเองกลับไปอยู่ที่เรื่องเรียน
หลังเลิกเรียนตอนกลางคืนเวินเที๋ยนเที๋ยนเพิ่งเดินออกจากห้องเรียน ก็เห็นคนกลุ่มหนึ่งกำลังรวมตัวกันเป็นวงกลมอยู่ข้างหน้า
เวินเที๋ยนเที๋ยนเดินหลบเลี่ยงพวกเขา และมองอย่างสงสัย
ได้เห็นจี้ยี่หยันพอดี เธอกำลังยืนอยู่ตรงกลางของกลุ่มคน
จี้ยี่หยันได้เห็นเขาด้วย จึงกวักมือแล้วเดินเข้ามาหา
"ตอนที่กลับมาโรงเรียน ฉันก็นึกอยู่จะได้เจอคุณไหม สุดท้ายก็ได้เจอ"
เขายิ้มอย่างมีความสุขแล้วถามว่า"เป็นยังไงบ้าง?อยู่ที่ลืบซานสบายดีไหม?
มีหลายคนที่สวมใส่เสื้อสูทก็เดินมาด้วย
จี้ยี่หยันดึงมือเวินเที๋ยนเที๋ยนไว้ แนะนำให้พวกเขาว่า:“ แนะนำให้พวกแกรู้จักนะ นี่คือเจี่ยงเนี่ยนเหยา ”
หลายๆคนพยักหน้า
"ฉันรู้ ฉันรู้ ได้ยินชื่อมาตั้งนานแล้ว"
เวินเที๋ยนเที๋ยนก็พยักหน้า พูดว่า"ยี่หยัน ทำไมคุณถึงอยู่ที่นี่"
"เมื่อก่อนฉันเป็นนักเรียนที่ลืบซานไง เพิ่งได้จบการศึกษา"
ปีนี้จี้ยี่หยันอายุ22ปี เป็นอายุที่สมควรจะสำเร็จการศึกษาแล้ว
เมื่อก่อนเวินเที๋ยนเที๋ยนไม่ได้คิดถึงสิ่งนี้ แต่จี้ยี่หยันเป็นลูกชายของตระกูลจี้ ก็สมควรเรียนอยู่ที่ลืบซานนั่นแหละ