เพราะไออุ่นจากกองทัพจอมมาร ทำให้ผมทรยศมนุษยชาติ - บทที่ 6 : หลงทาง (2)
อีกกี่ชั่วโมงกันนะ ก่อนที่ภารกิจตามล่าดราแคล์จะเริ่มขึ้นอีกครั้ง ..ผมไม่ทราบเวลาที่แน่ชัด ถึงอย่างนั้นผมก็ออกมาเดินสำรวจในป่า ทำเป็นกิจวรรตประจำวัน เป็นส่วนหนึ่งของชีวิต การเดินแบบไม่หยุดยั้ง จะทำให้จิตใจของผมสงบได้บ้างเล็กน้อย เป็นการหนีปัญหารูปแบบหนึ่งของผม
“…”
รู้ตัวอีกที ผมก็เดินมาหยุดอยู่ที่ตรงหน้าของแม่น้ำที่ผมโยนหน้ากากทองคำทิ้งลงไป ผมคิดว่ามาเก็บกู้ตอนนี้คืนก็คงจะสายไปแล้ว ที่ทำอยู่นี่ก็แค่การอาลัยอาวรณ์รูปแบบหนึ่งเท่านั้น ให้แก่ชีวิตนับพันที่ต้องสูญเสียในอนาคต
ไม่สามารถทำอะไรได้เลย ปกป้องคนที่ควรจะปกป้องนั้นเหรอ? ผมไม่มีสิทธิ์จะเลือกคนกลุ่มนั้นด้วยซ้ำ ตลอดมาผม ไม่สิ ทุกคนไม่เคยรู้สึกตัวเลยว่าตัวเองไม่ได้เลือกที่จะเป็นผู้กล้า แต่ทุกคนต่างหากที่ถูกเลือกให้เป็น และทำบางอย่างเพื่อคนที่เลือกพวกเรา
แม้ว่าที่ทำมันจะเป็นการหันปลายดาบเข้าใส่ผู้บริสุทธิ์ก็ตามแต่ ..มันไม่ใช่เรื่องที่ผิดอะไร เพราะพวกเขาคือปีศาจ ความจริงนี้มันทำให้ผมรู้สึกอยากจะสำรอดทุกอย่างออกมา
“…ผู้กล้ามันก็แค่ภาพลวงตา”
ภาพลวงตาที่ทุกคนสร้างขึ้นจากอุดมคติ ..ว่าตามตรง ผมน่าจะรู้ถึงข้อเท็จจริงนี้ตั้งแต่วันที่สูญเสียทุกอย่างไปแล้ว เพียงแต่ยังคงหลอกตัวเอง เพราะลึกๆในใจของผมได้ถูกคำสาปของผู้กล้าฉุดรั้งเอาไว้
‘ฉันเชื่อนะว่าลีโอนาร์จะต้องเป็นผู้กล้าที่ทุกคนรักได้ เพราะอย่างนั้นเลยตัดสินใจตามลีโอ เพราะฉันน่ะอยากจะถูกทุกคนรัก’
‘เหตุผลที่เลือกนายเหรอ? ก็ง่ายๆฉันถูกชะตา และเชื่อว่านายคือผู้กล้าที่ทุกคนจะให้ความรักที่สุดอ่ะ ผิดรึไง?’
‘เพราะชอบลีโอไงละ ถึงได้เลือก’
…คำพูดเหล่านั้นของพวกพ้องคนสำคัญยังวนเวียนไปมาบนหัวสมองนี้ เรื่องราวของพวกเราที่จบลงในค่ำคืนเดียว แต่กลับเต็มเปี่ยมไปด้วยความคาดหวัง และความฝันมากมาย แม้ทุกอย่างจะจบลง แต่ผมยังต้องแบกรับสิ่งเหล่านั้นเอาไว้ และเดินไปต่อในฐานะผู้กล้า
“..อะไรกัน เรื่องมันง่ายๆเองนี่นา”
แบบนี้นี่เอง ผมน่ะ ..เพราะยังมีผมอยู่ ความฝันของพวกเขาเลยยังไม่ได้ถูกทำลาย เพราะผมยังไม่แพ้ ความฝันเหล่านั้นก็ยังคงสถิตอยู่บนดาบของผู้กล้า เพราะอย่างนั้นผมเลยไม่สามารถปล่อยมันได้ มันจึงได้กลายเป็นคำอวยพรที่เสมือนกับคำสาป
ที่เป็นคำสาปไม่ใช่พรแห่งผู้กล้า แต่เป็นข้างในนั้นอีกที ..ในโครงสร้างจิตใจของผู้กล้าลีโอนาร์ต่างหาก
ผมเลือกเดินทางนี้ เพราะไม่อยากให้ทุกอย่างมันจบสิ้น ..
วันๆนั้น วันที่ผมสูญเสียทุกสิ่ง วันที่ทุกอย่างมันจบสิ้น วันที่ผมสูญเสียเพื่อนคนสำคัญสามคนไปโดยไม่สามารถย้อนกลับมาได้ ตัวผมได้แต่นั่งทรุดเข่าลงกับพื้น ได้แต่หายใจหอบ หมดเรี่ยวแรง และอยู่ในสภาพที่ขาขาดข้างหนึ่ง เป็นสภาพที่ไร้ทางสู้อย่างสมบูรณ์แบบ ตัวผมเวลานั้นไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากภาวนากับท้องฟ้า ว่าจะมีใครสักคนปรากฏตัวเพื่อหยุดยั้งนรกขุมลึกแห่งนี้ที่กำลังดำเนินต่อไป
และแน่นอนว่ามันไม่หยุด ทุกอย่างพังทลายจนถึงตอนจบ ตัวผมเองก็ถูกสะบั้นคอทิ้ง และเหลือทิ้งไว้เพียงซากศพเปล่าๆ ……แต่กลับไม่ตาย
ทำไมกัน?
เพราะผมคือ ..ผู้กล้าที่ไม่สามารถพ่ายแพ้ได้ยังไงละ ทั้งหมดมันก็แค่นั้น ผมจะไม่มีวันแพ้ แค่ตัวผมคนเดียวเท่านั้นที่ไม่ว่าจะเกิดบ้าอะไรขึ้นก็จะไม่แพ้
ผมจะไม่มีทางแพ้ ผมจะไม่แพ้ เป็นคำนิยามที่ใกล้เคียงกับคำว่าไร้พ่าย ผมน่ะ ..จะ—แบกรับทุกอย่างเอาไว้ โดยที่ไม่สามารถพ่ายแพ้ได้
ร่างกายมันขยับไปเอง
อีกกี่ชั่วโมง อีกกี่นาที อีกกี่วินาทีก่อนจะเริ่มภารกิจ ผมก็ไม่ทราบ แต่ที่รู้ได้ในตอนนี้ก็คือ–ผมจะทำมันในทันที
เม็ดฝนเล็กๆหยดใส่ศรีษะของผม ก่อนที่มันจะค่อยๆตกลงรัวๆ แต่กลับไม่รุนแรง เป็นสายฝนที่ดูอ่อนโยน
เซอร์ บารัต ที่ตั้งใจจะกลับเข้าแคมป์ ระหว่างทางเดินสำรวจป่า เขาก็หยุดเดิน และจับจ้องมาข้างหน้า
“..มิสเตอร์ ลีโอนาร์”
“เซอร์ บารัต ผมคือผู้กล้า ..หน้าที่ของผมคือการแบกรับความฝันของทุกคนเอาไว้ ต่อให้ทุกคนที่ว่าทั้งหมดจะเป็นเพียงคนที่ตายไปหมดแล้วก็ตาม”
“….”
ผมชักดาบแห่งผู้กล้าออกมา และตั้งท่า
“ผมจะเป็นผู้กล้าที่ใจดีที่สุด ..เพราะอย่างนั้น ถ้าหาก เซอร์ บารัต ตั้งใจจะขวางทางของผม ผมจะใช้ดาบนี้สะบั้นวิญญาณคุณทิ้งเสีย!!”
ท่ามกลางสายฝน ผมลั่นวาจาแสนจะยิ่งใหญ่ออกไป เซอร์ บารัต ถอนหายใจ พร้อมกับชักดาบออกมาเหมือนกัน—ไม่มีการตั้งท่าเตรียมประลอง เซอร์ บารัต วิ่งเข้าใส่ พร้อมกับเหวี่ยงดาบคู่ใจนั่น ผมปัดป้องการโจมตี เสยปลายดาบให้ขึ้นฟ้า แล้วก็ใช้มืออีกข้างที่ว่างอยู่ยื่นไปข้างหน้า
“[ไฟเยอร์] !!!!”
เปลวเพลิงปะทุออกจากฝ่ามือ ด้วยเวทย์เปลวเพลิง เพลิงทำลายล้างที่มากพอจะละลายกายเนื้อหรือโลหะได้ เซอร์ บารัต กลับทะลุออกจากเปลวเพลิงในสภาพที่ไร้รอยขีดข่วนใดๆ เขาหมุนตัว จังหวะดาบที่ยากจะมองได้ทัน
ร่างของผมได้ขาดครึ่ง—และต่อกลับมาในชั่วอึดใจเดียว
วิถีดาบของคนๆนั้นเหวี่ยงมาจากด้านซาย ผมปัดป้อง และสไลด์ตัวดาบเข้าไป และยกตัวดาบเสยหมายจะทิ่มแทงดวงตา แต่ เซอร์ บารัต ทำเพียงหลบ และถีบให้ร่างนี้กระเด็นออก ผมกัดฟันกรามแน่น เมื่อขาก็แตะพื้นก็ตั้งขาให้มั่นและถีบส่งตัวเองไปข้างหน้า
ไม่มีแม้แต่เสียงตะโกนกู่ร้อง หรือว่าการพูดคุยก่อนฆ่าฟัน
ผมออกดาบ เซอร์ บารัต ออกดาบ พวกเราทำมันโดยไม่แม้แต่จะตั้งท่าดาบ พวกเราร่ายรำเพลงดาบนับสิบจังหวะในเวลาไม่ถึงสิบวินาที ท่ามกลางสายฝนที่แม้จะบดบังวิสัยทัศน์ไปบ้าง แต่มันก็ไม่มีผลกับการต่อสู้นี้เลยแม้แต่เศษเสี้ยวเดียว พวกเราต่างเป็นยอดฝีมือเช่นเดียวกัน การประดาบของพวกเราเป็นดั่งการประลองหน้าพระราชา
เพล๊ง เพล๊ง เพล๊ง … เสียงประกายดาบปะทะกันกลางผืนป่า แต่กลับไม่มีใครมา เพราะสายฝนที่กลบเสียงเหล่านั้นเอาไว้
เพลงดาบของพวกเราอยู่ในระดับที่ทัดเทียมกัน แต่ประสบการณ์การต่อสู้ เซอร์ บารัต เหนือกว่า เพราะอย่างนั้นเลยเสียแขนไปหนึ่งข้าง และในฐาะนักดาบ จังหวะสั้นๆเพียงแค่นั้นคือการชี้เป็นชี้ตาย ผมถูกเพลงดาบที่สมบูรณ์แบบของอัศวินชั้นสูงเข้าเล่นงาน—ร่างกายขาดเป็นสองส่วน ล้มลงกับพื้น และกระอักเลือดออกมา …..
“..จบแค่นี้สินะครับ”
“…”
ไม่
ผมฟื้นฟูกลับมาอีกครั้ง เซอร์ บารัต เบิกตาโพลงกว้างกับสิ่งที่เห็น
ตามปกติ ไม่มีทางที่ผมจะฟื้นฟูได้รวดเร็วขนาดนี้ ถ้าผมตัวขาดก็หมายความว่าต้องใช้เวลาเป็นนาทีๆเพื่อฟื้นฟูกลับมา แต่ครั้งนี้ไม่ใช่ ..หมายความว่า–
“พรพัฒนาขึ้นไปอีกขั้น–!”
ผมพุ่งตัวเข้าใส่ และเหวี่ยงดาบ เซอร์ บารัต ปัดป้อง และดันดาบสู้กับผม
“มิสเตอร์ ลีโอนาร์ ตั้งใจจะทำอะไรกันแน่!?”
“ยกเลิกภารกิจล่าดราแคล์ซะ!!”
“อย่ามาพูดบ้าๆนะ! คิดว่าตัวเองพูดอะไรออกมากัน—ผู้กล้าพูดเรื่องพรรค์ออกมาได้ด้วยรึไงกัน!?”
“อึก!”
ผมแพ้แรงให้กับ เซอร์ บารัต ร่างลอยขึ้นฟ้า เซอร์บารัตไม่ลังเลที่จะเหวี่ยงดาบใส่ตรงกลาง แยกร่างนี้ออกเป็นสองส่วนอีกครั้ง และมันก็ฟื้นฟูกลับมาดั่งเดิมในชั่วพริบตาเดียว เมื่อขาแตะพื้น ผมตั้งท่าดาบในจังหวะทีเผลอ และแล่นเพลงดาบเข้าใส่กลางร่างของอาจารย์ตัวเอง
ฉับ! ปลายดาบแห่งผู้กล้าทำให้เกิดรอยแผลขึ้นที่หน้าท้องของ เซอร์ บารัต เขามีสีหน้าที่เจ็บปวดแต่ก็อดกลั้นเอาไว้ และตั้งท่าออกดาบ ผมเองก็ทำอย่างนั้น …พวกเราค่อยๆเขยื้อนเข้าหากันช้าๆ ก่อนจะปล่อยดาบออกมาพร้อมกัน
ดาบของผมเร็วกว่า ทำให้ เซอร์ บารัต ถูกโจมตีเข้าที่หัวไหล่ แต่เขาดันทุรังไม่ยอมทิ้งดาบบนมือ และใช้จังหวะนั้นเหวี่ยงดาบจากทางซ้ายเข้าใส่ผม แม้จะพยายามป้องกันไว้ให้ทัน แต่ก็ไม่ทัน หัวของผมหลุดออกจากบ่า พร้อมกับร่างที่กระเด็นไปกับแรงเหวี่ยงอันมหาศาล
ผมกลิ้งไปมากับพื้น พร้อมกันนั้น หัวก็ถูกดูดกับเข้าร่าง และการฟื้นฟูร่างกายก็ทำงานในชั่วพริบตาเดียว ผมออกวิ่งอีกครั้ง เข้าใส่ เซอร์ บารัต วิธีการต่อสู้ราวกับสัตว์ประหลาดที่ไม่มีวันตาย ทำให้ เซอร์ บารัต หน้าถอดสี และสบถออกมา
“นั่นน่ะเหรอวิธีสู้ของผู้กล้า!!?”
“หนวกหูน่า!!”
ผมยกดาบขึ้นฟ้า และเหวี่ยงลงมา เซอร์ บารัน ปัดป้องมันเอาไว้ได้ในทีแรก แต่พิษบาดแผลทำให้เขาเสียจังหวะ ผมยกมันขึ้นฟ้าอีกครั้ง และกระหน่ำเหวี่ยงลงมานับสิบๆจังหวะ
เพล๊ง เพล๊ง เพล๊ง เพล๊ง เพล๊ง เป็นเช่นนั้นไปเรื่อยๆจนกระทั่งมีเสียง ฉับ! ขึ้นมา ผมจึงหยุด และตั้งท่าดาบใหม่
เกิดรอยแผลขนาดใหญ่ขึ้นอีกจุด ตัดผ่านหัวไหล่ไปจนถึงบริเวณเอว เซอร์ บารัต ทรุดลงกับพื้นเพราะพิษบาดแผล และกระอักเลือดออกมา
ผมเป็นฝ่ายชนะแล้ว .. มันควรจะเป็นอย่างนั้น
“แฮก ..แฮก ..แฮก ..ฮะ ฮ่าๆๆ ..คิดว่ามันจะจบแค่นี้รึยังไง”
เซอร์ บารัต ลุกขึ้นยืน และตั้งท่าดาบใหม่
“..เข้ามา!”
“อึก!!”
ผมเหวี่ยงดาบพร้อมกันกับเซอร์บารัต และเป็นอีกครั้งที่ดาบของผมเร็วกว่า เพราะร่างกายของอีกฝ่ายที่สูญเสียศักยภาพไปกว่าครึ่ง เลือดพุ่งออกจากร่างราวกับคนกำลังจะตาย เซอร์ บารัต ล้มลงกับพื้นในสภาพนอนหงาย เลือดไหลท่วมทั่วทั้งปาก ..ผมทิ้งดาบแห่งผู้กล้า และนั่งคุกเข่าลงกับพื้น ในสภาพที่ไร้ซึ่งบาดแผล และความเหนื่อยล้าใดๆ เซอร์ บารัต เห็นสภาพผมเป็นอย่างนั้นก็หัวเราะพึมพำ
“..ก็แข็งแกร่งดีไม่ใช่รึไง ผู้ลำดับที่ 12 ที่ทุกคนก่นด่าว่าอ่อนแอที่สุดในประวัติศาสตร์น่ะ”
“..อึก ..ฮือ ..อือ”
ผมร้องไห้ออกมา ท่ามกลางสายฝนที่ค่อยๆกระหน่ำแรงขึ้นเรื่อยๆ ความปากดีที่เคยบอกว่าตัวเองร้องไห้ไม่ได้จางหายไปพร้อมกับน้ำตา ผมไม่ได้สูญเสียความรู้สึกแต่อย่างไร
“หยุด.. ได้โปรดหยุดการตามล่าดราแคล์ไว้แต่เพียงเท่านี้ด้วยครับ …ผม …ผมไม่อยากจะฆ่า เซอร์ บารัต”
“ไม่มีทาง ถ้าจะทำก็รีบทำซะสิ ฆ่าผมซะสิ ให้มันจบๆไป”
ด้วยสภาพปัจจุบันนี้ เพียงแค่ลงดาบซ้ำไปอีกสักครั้ง ชีวิตของ เซอร์ บารัต ก็จะถึงจุดจบ ความตั้งใจที่จะปกป้องผู้คนในเมืองเคลื่อนที่ของดราแคล์ก็จะสำริดผล แต่ว่า ไม่ ..ผมไม่อยากทำอย่างนั้น ..ไม่ว่ายังไงผมก็ฆ่า เซอร์ บารัต ไม่ลง
“ผมทำไม่ได้”
“..เฮ้อ ..” เซอร์บารัตลุกขึ้นยืน ในสภาพที่เปื้อนไปด้วยเลือด “ถ้าอย่างนั้นผมก็จะเดินไปต่อจนกว่าชีวิตจะหาไม่”
“…”
เซอร์ บารัต ออกเดิน เขาเดินอย่างทุลักทุเล เพราะบาดแผลทั้งหมดที่ผมกระทำต่อตัวเขา ผมต้องรีบหยุด แต่ว่าด้วยสภาพแบบนั้น เพียงแค่ทำให้ล้ม เขาก็คงจะ ..ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ผมเอื้อมมือไปหยิบดาบแห่งผู้กล้าขึ้นมา และวิ่งเข้าใส่จากข้างหลัง
พริบตาถัดมาที่ผมลืมตา จะเป็นการสังหาร เซอร์ บารัต เพียงแต่ว่า ก่อนที่ปลายดาบจะไปถึง ผมก็หยุดมือลงกระทันหัน …พร้อมกันกับ เซอร์ บารัต ที่หยุดเดินด้วยพร้อมกัน อย่างกับว่ากำลังเชื้อเชิญให้ผมมอบความตายให้แก่เขา เซอร์ บารัต หันหลังกลับมา มองผมด้วยแววตาที่ผิดหวัง
“อะไรกัน สุดท้ายก็ป็อดแหกนี่นา”
“..”
“ที่บอกว่า มิสเตอร์ ลีโอนาร์ เป็นผู้กล้าที่ผมคาดหวังที่สุดน่ะ ไม่ใช่เรื่องโกหกหรอกนะ ..เพราะคุณคือผู้กล้าที่ใจดีที่สุดยังไงละ”
“…”
“ความอ่อนหัดนั่นก็คงจะมาจากความใจดีที่ทำให้ผมหลงใหลด้วยกระมัง? ช่างเป็นเรื่องที่น่าขันอะไรขนาดนี้”
….
“คุณน่ะใจดีเกินไปนะรู้ตัวรึเปล่า?”
“….”
“ไม่ตอบสินะครับ เข้าใจแล้วละ อย่างผมก็คงหนีไปได้ไม่ไกลนักหรอก ถ้าเปลี่ยนใจอยากจะฆ่าเมื่อไหร่ก็ค่อยตามมาละกันครับ”
กล่าวจบ เซอร์ บารัต ก็เดินรากเท้าไปทั้งอย่างนั้น ผมได้แต่มองส่ง แม้ว่าใจจะอยากก้าวตามไปจนถึงที่สุด แต่เบื้องลึกของจิตใจก็ทำให้ผมค่อยๆทิ้งตัวลงนอนกับพื้น ปล่อยให้สายฝนตกลงร่างของตัวเองโดยไม่คิดจะหลบหรือปัดป้อง
ผมกัดฟันกรามแน่น และใช้มือขยี้พื้นดินข้างตัว
“..ทำไม ..ผมถึง”
****
(มุมมอง เซอร์ บารัต)
ผู้กล้าลำดับที่ 12 ลีโอนาร์ ยูซาริเซี่ยน คือผู้กล้าที่แตกต่างกับคนอื่นๆ เขาไม่ได้ดูเปล่งประกาย แต่ถึงอย่างนั้นก็อ่อนโยนยิ่งกว่าใครๆ มันไม่ใช่เรื่องที่ทดแทนกันได้ก็จริง แต่ว่าความรู้สึกแรกพบนั้นไม่ได้แย่เลย ตั้งแต่แวบแรกที่ได้พบเห็น ก็ทำให้รู้ได้ทันทีว่าคนๆนี้จะต้องกลายเป็นผู้กล้าที่อ่อนแอที่สุดในรุ่น แต่ก็คาดไม่คิดว่าจะไปถึงอ่อนแอที่สุดในประวัติศาสตร์ได้
แต่ว่า ต่อให้อ่อนแอ ก็ยังเป็นถึงท่านผู้กล้าอยู่ดี ไม่มีทางที่ทหารอัศวินที่เก่งหน่อยๆอย่างผมจะต่อกรด้วยได้ ยิ่งไปกว่านั้นพรแห่งผู้กล้านั่นก็พัฒนาไปอีกขั้นแล้วด้วย กลายเป็นนักรบอมตะที่ไม่มีทางเอาลงได้ง่ายๆไปเสียแล้ว
การเห็นลูกศิษย์ตัวเองเติบโตมันก็ดีอยู่หรอกนะ แต่ว่า ..ไม่ได้อยากเห็นในรูปแบบนี้เลยสักนิดเดียว
เบาะแสของดราแคล์ จริงๆแล้วผมพบเจอมันตั้งแต่ก่อนที่ผู้กล้าจะแยกย้ายกันไปทำงานอื่นแล้ว แต่ว่าตั้งใจเก็บเงียบไว้ และกักตัว มิสเตอร์ ลีโอนาร์ เอาไว้ ทั้งหมดก็เพื่ออยากจะกอบกู้ชื่อเสียงให้กับผู้กล้าที่ผมเชื่อมั่นคนนี้ แต่กลับกลายเป็นว่า สิ่งที่ทำลงไปดูเหมือนจะเป็นการจุ้นไม่เข้าเรื่อง
ผมได้แต่หัวเราะให้กับความรู้สึกพิลึกๆนี่ ทั้งทางฝั่งผม และทางฝั่งเขาก็คงจะมีเหตุผลเป็นของตัวเอง และเหตุผลที่ มิสเตอร์ ลีโอนาร์ มีก็คงจะเป็นเรื่องที่แสนอ่อนโยนไม่ผิดแน่
จะขัดขวางความอ่อนโยนที่ตนเองหลงใหลนั้น หรือว่าจะทำในสิ่งที่ควรจะทำ มันคือเรื่องที่ผมต้องตัดสินใจต่อจากนี้ด้วยตัวของตัวเอง เพียงแต่ว่า ..ข้างหน้ามีเผ่าปีศาจในชุดเมดตนหนึ่งยืนอยู่ เผ่าปีศาจที่ไม่มีเขา หรือเอกลักษณ์ที่โดดเด่นอื่นๆ เหมือนกับมนุษย์ทุกอย่าง แม้ว่าตอนนี้สายตาจะพร่ามัวจนมองแทบจะมองเห็นทุกอย่างไม่ชัดเจนแล้วก็ตาม แต่ว่า ..ไม่ผิดแน่ เผ่าปีศาจ สามารถแยะแยะได้ด้วยกลิ่นอาย
“ ‘บารัต’ สินะ”
“…”
“โปรดอย่าเคียดแค้นกันเลย”
เผ่าปีศาจสีขาวชี้มือมาข้างหน้า แสงสีขาววูบขึ้นกลางป่า จากนั้นทุกอย่างก็ดับลง ..ตัวผมได้หลับไปพร้อมกับแสงๆนั้น
ผมได้แต่ภาวนาในวินาทีสุดท้ายนี้ว่า–ผู้กล้า ลีโอนาร์ เอ่ย โปรดอย่าได้หลงทาง