เทพศึกมังกรหวนคืน - ตอนที่ 29 คุณชายเฉินถึงกับงง
บทที่ 29 คุณชายเฉินถึงกับงง
บนถนน มีลัมโบร์กีนีขับเคลื่อนอยู่ คนที่ขับรถคันนั้นคือชายหนุ่มสวมแว่นดำ ขับไปด้วยแล้วพูดกับหญิงสาวที่สวมชุดเซ็กซี่ไปด้วยว่า “ลัมโบร์กีนีของฉัน ราคาฐานอยู่ที่เจ็ดล้าน แล้วฉันก็ได้แก้ไขปรับแต่ง จากเครื่องยนต์ธรรมดามาเป็นเครื่องยนต์สำหรับแข่งรถ จนตอนนี้สามารถใช้แข่งรถได้เลย ”
“คุณชายเฉินเก่งจังเลยค่ะ”
สาวที่อยู่ข้างๆดวงตาเปล่งประกาย เธออยากที่จะเข้ามาในอ้อมกอดของคุณชายฉินเหลือเกิน
เฉินป๋อรู้สึกสนุกสนาน นี่เป็นผู้หญิงที่เขาไปจีบมา ตั้งใจเธอมานั่งรถเล่นละอวดรถที่ไปแต่งมา แล้วพูดต่อว่า “ความเร็วนี้โดยทั่วไปแล้ว ไม่มีใครสามารถขับแซงได้ เธอก็นั่งได้ตามสบาย……”
พูดจบ เงารถอีกคันก็ขับแซงเขาไปอย่างรวดเร็ว
“อะไรกันเนี่ย? ”
เฉินป๋อ เขาขยี้ตาแล้วมองไปข้างหน้า “ปอร์เช่ 87Y รุ่นนี้ป็นรุ่นเก่าเมื่อเจ็ดแปดปีก่อนไม่ใช่เหรอ? ”
“คุณชายเฉิน เหมือนไม่ได้เยี่ยมยอดเหมือนที่คุณพูดไว้เลยนะคะ ปอร์เช่คันนั้นขับแซงคุณไปแล้ว คุณชายหรอกฉันใช่ไหมคะ ฉันไม่ได้หรอกง่ายขนาดนั้นนะคะ”
หญิงสาวที่นั่งเบาะข้างคนขับเบ้ปากแล้วพูด
ทันใดนั้นก็ทำให้เฉินป๋อถึงกับหัวร้อน
สำหรับพวกคนรวยอย่างพวกเขาแล้ว ให้หญิงที่ตัวเองจีบมาดูถูก มันคือการดูถูกที่ร้ายแรงที่สุด
“เธอดูไว้เลย ฉันจะขับแซงเขาได้ในพริบตา ก็แค่ปอร์เช่ธรรมดา แถมยังเป็นปอร์เช่รุ่นเก่าอีก ควรหมดไปตั้งนานละ จริงๆเลย ดูไว้นะ ”
เฉินป๋อเหยียบสุดคันเร่ง และกำลังจะแซงรถปอร์เช่ของฉินเฟิง
แต่พอถึงโค้ง พวกเขาก็มองไม่เห็นปอร์เช่คันนั้นอีกเลย
“คุณชายเฉิน คุณหรอกฉัน”
หญิงสาวที่นั่งเบาะข้างคนขับพูดประชดเฉินป๋อ
“เชี่ย อะไรวะเนี่ย รถปอร์เช่จากไหนวะเนี่ย แถมยังเป็นรถตกรุ่นอีก”
เฉินป๋อถึงกับเกาหัว ทั้งงงและประหลาดใจ เพิ่งจะคุยโม้ออกไปมันเหมือนเป็นการตบหน้าเขาเลย ปอร์เช่จากไหนวะทำไมเก่งอย่างนี้
แล้วฉินป๋อก็หยิบมือถือมากดโทรออก “สวัสดีครับ ปอร์เช่ 87Y ใช้เป็นรถแข่งได้ไหมครับ”
“อะไรนะ หยุดผลิตไปแล้ว? ”
เฉินป๋อถึงกับงง ก็แค่รถปอร์เช่รุ่นเก่าเจ็ดแปดปี เขาแพ้เหรอ
……
ตอนนี้ที่หน้าภัตตาคาร ฉินเฟิงและอิ่นซินได้มาถึงแล้ว
“ฉันรู้สึกเวียนหัวนิดหน่อยค่ะ ”
พอลงจากรถอิ่นซินรู้สึกทรงตัวไม่ค่อยอยู่ เกาะฉินเฟิงไว้ แล้วรีบพูดว่า “ครั้งหน้าคุณบอกฉันก่อนสักนิด ถ้าไม่รู้มาก่อนนึกว่าคุณกำลังบินอยู่ ”
ฉินเฟิงอยากจะบอกว่า ที่จริงผมพูดไปแล้วนะ
“เดี๋ยวก่อน เรื่องนี้เอาไว้ก่อน ฉันจับเวลาก่อน ”
ทันใดนั้น อิ่นซินเหมือนคิดอะไรออก เธอรีบเอามือถือขึ้นมา แล้วจับเวลา
“นี่คือ? ”
ฉินเฟิงถาม
“นี่นะเหรอ มันคือสิ่งที่อิ่นเสี้ยงสวี่ชอบทำ ใช้มาเย้ยฉันโดยเฉพาะ เมื่อก่อนเสี้ยงสวี่ทำกับฉันไว้มาก คิดไม่ถึงเลยว่าเวรกรรมจะมีจริง วันนี้ถึงตาเธอละอิ่นเสี้ยงสวี่”
เป็นความสุขที่อิ่นซินได้มันมายาก
โดยปกติแล้วจะโดนอิ่นเสี้ยงสวี่แกล้ง กลั่นแกล้งอิ่นซินในทุกๆที่ คิดไม่ถึงว่าวันนี้จะกลับกัน
หลังผ่านไปสิบนาที
หลี่ห้าวและอิ่นเสี้ยงสวี่มาช้า พอลงจากรถหลี่ห้าวกับอิ่นเสี้ยงสวี่ก็เจอฉินเฟิงกับอิ่นซิน สีหน้าดูไม่ได้เลย พวกเขาไม่เพียงแค่แพ้ แต่เพราะขับเร็วเกินไป จนทำให้เกือบเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์
ไม่ใช่ว่าใครก็มีทักษะอย่างฉินเฟิง
“พี่(ลูกพี่ลูกน้อง) เบนท์ลีย์ของพวกพี่ไม่ไหวเลยนะ ฉันรอพี่ตั้งสิบนาที ครั้งหน้าพี่เปลี่ยนคันอื่นเถอะ เบนท์ลีย์รุ่นใหม่สู้ปอร์เช่รุ่นเก่าของฉันก็ไม่ได้ ”
“เหอะ”
กับอิ่นเสี้ยงสวี่สะบัดหน้า ไม่พอใจอย่างมาก โดยปกติเป็นเธอที่เย้ยอิ่นซิน ทำไมถึงได้กลายเป็นอิ่นซินที่มาเย้ยเธอ เงียบไปสักพักแล้วพูดเย้ยว่า “เธออย่าภูมิใจไปหน่อยเลย ต้องรู้ว่าโครงการของบริษัทเฟิงซิ่งกรุ๊ป อีกเดี๋ยวก็จะกลายมาเป็นของพวกฉันแล้ว”
เรื่องนี้ได้พูดจี้จุดอิ่นซิน
เธอใช้กำลังและความสามารถทั้งหมด ก็เพื่อให้ได้โครงการนี้มา แต่พออิ่นเสี้ยงสวี่กลับมา คุณท่านอิ่นก็ลำเอียงไปข้างอิ่นป่าย ทำให้ความทุ่มเทของเธอและฉินเฟิงหายไปในพริบตา
ทำให้เธอไม่รู้เลยว่าจะกลับบ้านไปบอกเรื่องนี้ยังไง
ใบหน้าอิ่นซินดูซีดเผือด อิ่นเสี้ยงสวี่ที่เห็นแบบนั้นก็รู้สึภูมิใจมาก “ช่างมันเถอะ ฉันไม่พูดประชดเธอละ ไปเถอะเข้าไปกินข้าว ที่นี่เป็นภัตตาคารชั้นหรู อย่าให้ขายหน้าพวกฉันนะ”
ท่าทีที่ดูชนะของอิ่นเสี้ยงสวี่ ควงแขนหลี่ห้าวแล้วก็เดินจากไป
หลี่ห้าวมองฉินเฟิงด้วยสายตาที่เหยียดตั้งแต่หัวจรดเท้า เขาเคยได้ยินชื่อเสียงฉินเฟิงมาไม่น้อย แต่มันก็เป็นเพียงชื่อเสียงที่ไม่ดี เขาเป็นกัปตันที่ซื่อสัตย์ของเวสเตอร์แลนด์ มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะจัดการกับขอทานตัวเล็กๆ
ตั้งแต่แรกเขาไม่ได้เห็นฉินเฟิงอยู่ในสายตา เขาคิดว่าตัวเองกับฉินเฟิงไม่ใช้คนระดับเดียวกัน
รออิ่นเสี้ยงสวี่เดินไปแล้ว อิ่นซินก็เก็บมือถือของเธออย่าผิดหวัง แต่ในตอนนี้ฉินเฟิงก็ได้จับมือเธอไว้ “ไม่เป็นไร คุณยังมีผม พวกเราเข้าไปข้างในกันเถอะ”
อิ่นซินจับมือของฉินเฟิง ห้าของเธอแดงเล็กน้อย
นี่เป็นครั้งที่สองที่มีผู้ชายจับมือเธอ ครั้งแรกที่ดาดฟ้าของบริษัทเฟิงซิ่งกรุ๊ป เป็นเธอที่เป็นคนจับมือฉินเฟิง
แต่ครั้งนี้ฉินเฟิงเป็นคนเริ่ม
ฉินเฟิงเป็นผู้ชายคนแรกที่สัมผัสใกล้ชิดขนาดนี้
“อืม”
อิ่นซินพยักหน้าแล้วเดินเข้าไปกับฉินเฟิง
หลังจากที่เข้าไปแล้ว ไม่แปลกใจเลยที่เป็นภัตตาคารสุดหรู ทางเข้าประตูมีผู้หญิงสวมชุดกี่เพ้าต้อนรับยืนเรียงเป็นแถวโค้งคำนับทันทีที่เข้ามา และเมื่อเดินเข้ามาก็มีชาวฝรั่งเศสจำนวนหนึ่งและมีเปียโนขนาดใหญ่อยู่ตรงกลาง
เสียงเปียโนไพเราะเต็มร้านอาหาร
การตกแต่งที่เน้นความโรแมนติกเป็นหลัก ให้บรรยากาศแบบตะวันตกทั้งร้าน
อิ่นเสี้ยงสวี่กับหลี่ห้าวนั่งริมหน้าต่าง ฉินเฟิงกับอิ่นซินก็เดินเข้าไป พอเดินเข้าไปก็มีพนักงานหญิงชาวฝรั่งเศสสูง175เดินเข้ามา ผมบลอนด์ตาสีฟ้าและหุ่นดี เห็นได้ชัดว่าได้คัดเลือกแล้ว
“ที่นี่ กินข้าวมื้อหนึ่งต้องใช้เงินหนึ่งหมื่นกว่า ฉันหน่ะหนึ่งเดือนต้องออกกินหนึ่งครั้ง แต่ครั้งล่าสุดที่เธอกินแบบนี้ ก็ไม่รู้ว่ามันนานแค่ไหนแล้วเหมือนกัน”
อิ่นเสี้ยงสวี่ยิ้มอย่างภูมิใจเล็กน้อย
อิ่นซินไม่สามารถตอบโต้ได้ เพราะความจริงเป็นเช่นนี้ พวกเธอทั้งสองเป็นหลานสาวของคุณท่านอิ่น แต่เพราะอิ่นเสี้ยงสวี่มีน้องที่เป็นผู้ชาย การปฏิบัติต่อของอิ่นเสี้ยงสวี่กับอิ่นซินจึงแตกต่างกันอย่างกับฟ้ากับเหว
ในตระกูล อิ่นเสี้ยงสวี่จะได้รับเงินค่าขนมห้าหมื่นต่อเดือน แต่สําหรับอิ่นซินไม่ได้แม้แต่บาทเดียว เงินแต่ละบาทที่ได้มาเธอล้วนต้องพึ่งตัวเองทั้งนั้น
“คุณผู้ชาย ไม่ทราบว่าพวกท่านจะรับเป็นอะไรดีคะ? ”
พนักงานพูดภาษาฝรั่งเศส ไม่มีภาษาจีนสักคำ
“เอาเป็นชีสหนึ่ง แล้วก็…..”
หลี่ห้าวยิ้ม พูดกับพนักงานอยู่ไม่กี่คำ หลังจากสั่งอาหารเสร็จก็พูดกับอิ่นซินว่า “ไม่รู้ว่าพวกคุณจะกินอะไร ภาษาฝรั่งเศสของผมก็ไม่ค่อยดี ก็เลยไม่ได้สั่งให้พวกคุณหน่ะครับ ”
ใบหน้าของอิ่นซินดูเกร็งๆ เพราะเธอไม่รู้ภาษาฝรั่งเศสเลย สักนิดก็ไม่ได้
ชัดเจนว่าเขาอยากจะแกล้งพวกเธอ
ในตอนนี้ ฉินเฟิงก็มองไปที่หลี่ห้าวแล้วพูดว่า “นี่ไม่ใช่ภาษาไม่ค่อยดี แต่มันแย่มากๆเลยต่างหาก มีห้าคำคุณก็ผิดไปแล้วสามคำ ระดับภาษาของคุณ ยังจะกล้าสั่งอาหาร คุณกำลังทำให้พนักงานลำบากใจอย่างนั้นเหรอ? ”