เทพศึกมังกรหวนคืน - ตอนที่ 282 ก็กูจะจัดการไอ้พวกยอดฝีมือนี่แหละ
“เฮือก………..พวกมึงเป็นใคร………”
หร่วนสงถูกต่อยหลายหมัด จนกระอักเลือดออกมา
ถอยร่นไปหลายก้าว
สายตามีแต่ความไม่อยากจะเชื่อ คนโหดโผล่มาจากไหน ตนเองสู้ไม่ได้เลย
“ฉีหยุน เลิกเล่นได้แล้ว ฆ่ามันเสีย”
ฉินเฟิงพูดไปด้วย นั่งยองๆ ลงไปด้วย
“ครับ”
ฉีหยุนก็สาดพลังอาฆาตออกมาทางสายตา เดิมทีคิดจะต่อยๆ ไปทีละหมัด ค่อยๆ ต่อยให้มันตาย ให้มันได้รู้สึกถึงความเจ็บปวด แต่ว่าตอนนี้นายพลก็ได้สั่งการมาแล้ว
“ฆ่า!”
ฉีหยุนเหวี่ยงหมัดไป
เพล๊ง!
หร่วนสงเอาสองมือมาต้านไว้ แต่วินาทีต่อมา สีหน้าก็เปลี่ยนไปมาก เพราะว่าที่มือนั้นมีพลังมหาศาลส่งเข้ามา มันมากจนเขาไม่เคยเห็นมาก่อน
จากนั้นก็ระเบิดออก
เสียงดังตูม
หร่วนสงกระเด็นลอยออกไปกระแทกกับผนัง ปากก็กระอักเลือดออกมา จากนั้นก็ไหลลงมาจากผนัง ลืมตาโต พูดเสียงเอื่อยๆ ว่า “กูเป็นถึง…….ยอดฝีมือ……ชั้นเจ็ด”
“แค่ชั้นเจ็ด ชั้น10กูก็เคยฆ่ามาแล้ว”
ฉีหยุนเอาเท้ากระทืบไปที่หน้าอกของเขา
เพื่อทำให้เขาตายสนิท
คนฝึกวิชายุทธ์ในต้าหัว เรียกว่า นักบู๊ มีชั้น1-12 ตามลำดับความสามารถในการต่อสู้ ใครอันดับสูง ก็จะเป็นปรมาจารย์ ทางตะวันตก จะเรียงตามลำดับsss,ss,s,ABCD
ชั้น5ขึ้นไป ก็จะสามารถใช้ลมปราณ เพื่อหยุดยั้งกระสุนปืนได้
แต่คนส่วนใหญ่ ทั้งชีวิตก็ยังไม่สามารถมีพลังฝีมือถึงชั้น5ได้ ชั้น5ก็ถือว่าเป็นระดับคนเก่งแล้ว เช่นพวกทหารม้าและทหารม้าหมาป่าแสนนายของฉินเฟิง ล้วนมีพลังฝีมือชั้น5
นี่ก็คือเหตุผลที่พวกเขาไม่ใช่ปืน แต่ใช้ดาบเป็นอาวุธแทน
เมื่อเทียบกับอาวุธปืนแล้ว พวกเขาถนัดใช้ดาบมากกว่า
นี่คือยุคสมัยที่วิทยาการกับวิชาบู๊ผนวกเข้าด้วยกัน
กองทัพธรรมดาทั่วไปนั้น ล้วนเป็นกองทัพสมัยใหม่ มือถืออาวุธปืน สวมชุดออกรบ แต่กองทัพที่ยอดเยี่ยมจริงๆ นั้น ล้วนใช้ทักษะยุทธ์ในการเอาชนะ เช่นทหารม้าหมาป่า และทหารทัพหน้าของประเทศหนานเยว่
คนเดียวเอาต้านได้เป็นร้อยคน ถึงจะเรียกว่าทหารฝีมือดี
“หมอทหาร”
ฉินเฟิงเรียกหมอทหารเข้ามาดูอาการของซูหมิงเจ๋อ
พอหมอทหารคนนั้นตรวจดูอาการแล้ว ก็พูดถอนหายใจออกมา “อาการหนักมาก ซี่โครงหักไป3ซี่ หน้าอกได้รับความกระทบกระเทือน มือซ้ายกระดูกหักชนิดแตกละเอียด ขาขวาเกือบหัก ผมสามารถรักษาชีวิตไว้ได้ แต่ว่า มือ คงจะรักษาไว้ไม่ได้”
“หมอ คุณดูให้ดีๆ อีกที”
คนทางด้านหลัง รีบพูดขึ้นมา
แต่ว่า ฉินเฟิงก็สะบัดมือไป “ผ่าตัดเลย”
“นายพลครับ”
ฉีหยุนเดินหลับมา เหมือนอยากจะถามอะไรบางอย่าง
เขารุ้ดีว่า มือข้างหนึ่งนั้น มันสำคัญกับคนคนหนึ่งมากแค่ไหน
“คนอย่างซูเฉินหมิง ไม่ได้ขี้ขลาดขนาดนั้น” ฉินเฟิงกล่าว
“ครับ”
หมอคนนั้น ก็รีบให้คนมาหามซูหมิงเจ๋อออกไปผ่าตัด
ผู้ช่วยที่อยู่รอบๆ ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก และพวกเขาก็รู้ดี ว่าคำสั่งที่ฉินเฟิงสั่งการมา ล้วนถูกต้องที่สุด ถ้าตอนนี้ไม่รีบผ่าตัดล่ะก็ ไม่ต้องพูดถึงมือซ้ายเลย ชีวิตก็จะไม่เหลือ
แล้วฉินเฟิงก็ค่อยเดินออกมาที่ถนนสายหนึ่ง บนถนนนั้น เต็มไปศพเกลื่อนพื้น สองตาลืมกว้างออก ตายตาไม่หลับ กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งไปทั่วอากาศทั้งบริเวณนั้น
ตุบ
ผู้หญิงคนหนึ่งกระโดดลงมาจากชั้น3
กระแทกกับพื้น หัวฟาดเลือดไหลนองออกมา
ตายตาไม่หลับ
และในห้องนั้น ก็มีคนประเทศหนานเยว่2คน ค่อยๆ เดินออกมา “ผู้หญิงของต้าหัว ช่างนุ่มนวลจริงๆ ผู้หญิงเมื่อครู่นี้ ยังไม่เป็นสาวเลย”
“จะว่าไป แม่ของมัน อย่ามองว่าแก่ไปนะ จริงๆ แล้วก็เด็ดอยู่เหมือนกัน ถ้าไม่เข้ามากัดกู แล้วกูฆ่าตาย กูคงจะเล่นสนุกได้มากอยู่เหมือนกัน”
พอพวกเขาออกมา ก็พบกับคนพวกนี้ที่ถนนสายนี้
“องครักษ์หมาป่า ไปที่ https://th.readeraz.com เพื่ออ่านเนื้อหาใหม่ล่าสุดทุกคน! นี่ก็เป็นราษฎรของต้าหัว จะให้พวกคนประเทศหนานเยว่เข้ามาเหยียบถึงที่ได้ที่ไหนกัน
“ฆ่า”
องครักษ์หมาป่าทางด้านหลัง ก็ทนดูไม่ได้ สองตาก็เต็มไปด้วยพลังอาฆาต
ไม่นาน องครักษ์หมาป่าพวกนั้นก็กลับมา เนื้อตัวเต็มไปด้วยเลือด
“แม่คะ……แม่คะ……”
ในตึกหลังนั้น มีเสียงร้องไห้ดังออกมาเป็นช่วงๆ พอฉินเฟิงได้ยินก็รีบขึ้นไป พอขึ้นไปบนชั้น3 ก็พบว่าที่ห้องโถงมีศพของผู้ชายกับผู้หญิง
ล้วนตายไปอย่างตาไม่หลับ
และในตู้หลังหนึ่ง มีคนกำลังร้องไห้
ฉินเฟิงเปิดตู้ออกมา ก็มีเด็กผู้หญิงถักผมเปียสองข้าง อายุประมาณ3-4ขวบ ในมือกำมีดปอกผลไม้ไว้ ร้องไห้น้ำตานองพร้อมกับกำมือมีดมองฉินเฟิง
“แก…….อย่าเข้ามานะ……..”
เด็กน้อยร้องไห้
“” หนูน้อย อาไม่ใช่คนชั่วนะ
ฉินเฟิงก็สำลักๆ อาจจะเป็นเพราะเห็นว่าฉินเฟิงสวมชุดทหาร เธอก็เลยรู้ว่าไม่ใช่คนชั่ว ก็เลยค่อยๆ วางมีดปอกผลไม้เล่มนั้นลง
ฉินเฟิงเข้าไปอุ้มหนูคนนั้น
“คุณอาคะ…..แม่ของหนู…..ตายแล้ว…..ญาญาเห็นกับตาว่าแม่ถูกคนฆ่าตาย…..พ่อก็เหมือนกัน….พ่อก็เหมือนกัน…..พี่สาวอุ้มญาญามาไว้ในนี้……จากนั้นก็วิ่งออกไป……พี่สาวหนูยังอยู่ไหมคะ…….”
ญาญาทุ่มตัวมาบนตักของฉินเฟิง น้ำตามเม็ดใหญ่ ไหลหยดลงมาทีละเม็ด
“พวกเขาจะรอดูญาญาอยู่บนสวรรค์นะ”
ฉินเฟิงอุ้มตัวญาญา ใช้สองมือปิดตาเธอไว้ จากนั้นก็ก้าวข้ามศพของพ่อเธอไป ก้าวข้ามศพของแม่เธอ ศพของปู่เธอ
สุดท้าย เดินออกประตู ก็ก้าวข้ามศพของพี่สาวเธอไป
ทั้งบ้าน มีเด็กน้อยคนนี้เหลือรอดมาคนเดียว
ก็เพราะว่าพี่สาวเธอเสียสละชีวิตตนเอง
“หลิวหลิน”
ฉินเฟิงเรียกคนหนึ่งเข้ามา
“ค่ะ”
หลิวหลินรีบวิ่งออกมาในชุดทหาร เป็นผู้หญิงคนเดียวในทหารม้าหมาป่านับแสน ก่อนหน้านี้ฉินเฟิงออกคำสั่ง ว่าให้ทหารทุกคนออกรบ จริงๆแล้ว ไม่รวมตัวเธออยู่ด้วย
เพราะว่าเธออ่อนแอเกินไป
แต่ว่า เธออาศัยที่ตนเองเป็นลูกน้องของฉินเฟิง เลยขอตามมาด้วย
พอมาแล้ว เธอถึงรู้ว่า อะไรที่มันเรียกว่าความวุ่นวายในสงคราม อะไรมันเรียกว่าความแค้นของครอบครัวที่เกิดจากประเทศถูกโจมตี อะไรที่เรียกว่าความแค้น!
“เด็กคนนี้ ให้เธอดูแลก็แล้วกัน”
ฉินเฟิงอุ้มเด็กคนนั้นให้หลิวหลิน
“ค่ะ”
หลิวหลินรับคำสั่ง
ตอนที่หลิวหลินอุ้มคนนั้น หนูน้อยจึงได้เห็นโลกภายนอก ก่อนหน้านี้ถูกฉินเฟิงปิดตาทั้งสองไว้หมด สองตาร้องไห้ออกมาจนแดง พอเห็นหลิวหลิน ก็รู้ว่าเป็นคนดี จากนั้นก็พูดด้วยเสียงสะอื้นไห้ว่า “พี่สาวคะ พี่ชายคนนั้นบอกว่า ครอบครัวของหนูจะมองดูหนูอยู่บนฟ้า พวกเขาจะกลับมาไหมคะ? ญาญาคิดถึงพวกเขา”
“พวกเขาน่ะหรอ……”
หลิวหลินปวดใจเหมือนถูกมีดกรีด ไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรดี
หนูน้อย ครอบครัวของหนู ตายหมดแล้ว
ไม่กลับมาแล้ว
แต่ว่า ก็ยังคงฝืนยิ้มออกมา “ขอแค่ญาญาโตไวๆ เป็นเด็กดี สักวันหนึ่ง พวกเขาก็จะกลับมานะ”
“ค่ะ ญาญาจะรีบโตไวๆ ค่ะ”
ญาญาหยักหน้าอย่างตั้งใจ
ส่วนฉินเฟิงก็กลับเข้าไปในค่ายทหาร ซูหยางก็เข้ามารายงาน “นายพลครับ กองระวังหน้าหนานเยว่ในหมู่บ้าน มีทั้งหมด1300คน คนนำทัพคือหร่วนสง พวกเราจับตัวไว้หนึ่งคน ที่เหลือฆ่าทิ้งหมดแล้วครับ”
“มันอยู่ไหน?”
“เอาเข้ามา”
ซูหยางกวัวมือ แล้วคนประเทศหนานเยว่ก็ถูกนำตัวเข้ามา
“มึงฝันไปเถอะ กูไม่มีทางทรยศจักรพรรดิเยว่ตี้หรอก!กูเป็น……”
คนประเทศหนานเยว่คนนั้นยังไม่ทันพูดจบ ก็ถูกฉินเฟิงบีบคอไว้ สายตาที่เย็นยะเยือกจ้องเขม็งไปที่ชายคนนั้น ทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวขึ้นในใจ
เป็นอาการเจ็บๆ ที่ใจ
เป็นความตายที่บีบเข้ามา
“บอกกูมา กองระวังหน้าหนานเยว่ มากันกี่คน?”
“ทหารฝีมือ……แสนหน้าหมื่น……นาย!”
เสียงดังตุบ
ร่างไร้วิญญาณของคนประเทศหนานเยว่คนนั้นถูกโยนลงพื้น
“ทหารฝีมือดีงั้นรึ กูก็จะฆ่าพวกทหารฝีมือดีนี่แหละ ซูหยาง ถ่ายทอดคำสั่งลงไป เตรียมออกรบ วันนี้กูจะเอาทหารฝีมือดีแสนหน้าหมื่นคน มากองเป็นเจดีย์ศพ ให้คนประเทศหนานเยว่ได้รู้สึกผิด ที่คิดเข้ามารุกรานแผ่นดินต้าหัวเรา”
ฉินเฟิงตะโกนออกมา