เทพศึกมังกรหวนคืน - ตอนที่ 229 เทียบกับภรรยาผมแล้ว อย่างห่างไกล
“คนอยู่ไหน ส่งไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้”
หลิวเย่าตุงไม่ได้รู้สึกดีเลย แต่เขารีบให้คนส่งไปโรงพยาบาล เขาอยู่ในตระกูลหลิน เป็นผู้นำคนหนึ่ง จะปฏิเสธไม่ได้
“ครับ”
คนที่อยู่ข้างล่าง รีบส่งไปโรงพยาบาลทันที
เพียงแต่แขนทั้งสองข้างได้หักไปแล้ว แต่ยังไม่ตาย ฉินเฟิงให้คนส่งคำเตือน ถ้าหากตายไป มันจะเป็นการง่ายไป แต่ถ้าพิการไป มันจะทำให้คนทุกข์ทรมานมากกว่า
แตะต้องมือของภรรยาตัวเอง ต้องตัดให้ขาด!
หลิวเย่าตุงเดินกลับไปยังห้องหนังสือ
ผ่านไปไม่นาน คนใช้ก็มารายงานว่า“เจ้าบ้านครับ ท่านสามจางแห่งบอดี้การ์ดมังกรกับโจวจือเชียนมาครับ”
“เชิญ”
หลินเย่าตุงพูดออกไปหนึ่งคำ
ต่อมา ท่านสามจางก็เดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มมีเลศนัย ดูก็รู้ว่าไม่ใช่คนดีอะไร โจวจือเชียนยืนอยู่ข้างๆ ยังคงเป็นดวงตาเฉี่ยวดุจดั่งหงส์ สูงส่ง ทำให้คนไม่กล้ารุกราน แต่ก็ทำให้คนอยากกดร่างของเธอ
นี่ก็คือจุดเด่น ของโจวจือเชียน
“หลินเย่าตุง ได้ข่าวว่าMr.X ส่งคนมาถึงที่เลยหรอครับ?ฆ่าคนของตระกูลหลินไปสองคน แถมยังทำให้คุณชายพิการ แขนทั้งสองข้างอีก จึๆๆ ประเด็นคือคุณยังปล่อยเขาไป หลินเย่าตุงคนอย่างคุณเปลี่ยนมาขี้ขลาด แบบนี้เมื่อไรกัน?”
ท่านสามจางสะบัดพัดไปมา พูดโดย เผยให้เห็นฟันของเขา
หลินเย่าตุงเงยหน้าขึ้นมามอง แล้วพูดต่อว่า“เราเป็นคนฉลาดกันทั้งนั้น อย่าอ้อมค้อมเลย เจียงเจิ้นไอ้หมอนั่น ให้คุณมาหาผมเพื่อร่วมงานใช่ไหม?”
“ใช่ครับ ร่วมมือจัดการMr.Xไปด้วยกัน”
ท่านสามจางพยักหน้า
และไม่พูดพร่ำทำเพลงอีกต่อไป พูดพร่ำเพรื่อ กับคนฉลาดอย่างหลินเย่าตุง มันเสียเวลา
“เหอะ Mr.Xนั่นที่จู่ๆก็โผล่ออกมา ทำให้พวกคุณเดือดร้อนมาก ได้น่ะมันได้ครับ แต่ภายในสี่วัน ผมจะต้องเห็นการเคลื่อนไหวของบอดี้การ์ดมังกร หลังจากผ่านไปสี่วัน ผมรู้สึกมีลางสังหรณ์ไม่ดี”
หลินเย่าตุงตอบตกลงทันที
“แน่นอน เวลาสี่วัน ก็สามารถจัดการMr.Xคนนั้นได้แล้วล่ะ บอดี้การ์ดมังกรของเราไม่ได้โชว์เขี้ยวเล็บมานานเกินไปแล้ว ถึงเวลาให้คนเจียงเฉิง ได้รู้ว่าเหตุใดถึงเรียกว่าบอดี้การ์ดมังกรแล้ว”
ท่าสามจางโบกพัดไปมา
บอดี้การ์ดมังกร เป็นคนใหญ่คนโต ไม่ได้จัดการง่ายๆ
Mr.X เป็นแค่หนอนเล็กๆตัวหนึ่งเท่านั้น
หลังจากปรึกษาหารือกันเสร็จ ท่านสามจางก็จางไป หลินเย่าตุงเอนตัวอยู่บนเก้าอี้ นวดคลึงขมับเบาๆ“บอดี้การ์ดมังกรเอ้ย บอดี้การ์ดมังกร Mr.Xคนนั้นไม่ได้ต่อกรง่ายขนาดนั้นหรอกนะ”
ในตอนแรก เขาก็ไม่ได้ใส่เรื่องของMr.Xเท่าไร
แต่ว่า เหตุการณ์ต่อมาหลังจากนั้นบอกกับเขาว่า จนถึงวันนี้เขายังไม่ได้สืบค้นMr.Xให้ลึกซึ้งเลย อีกทั้งไม่สามารถสืบข้อมูลของMr.Xได้แม้แต่น้อย เหมือนจะถูกลบทิ้งไปยังไงอย่างนั้น
“คุณล่ะ?วันนี้มาทำอะไร?”
หลินเย่าตุงถามโจวจือเชียน
“หลานสาวของฉัน จะถูกสืบสวนพรุ่งนี้แล้ว ฉันอยากถามคุณว่ามีวิธีอะไรพอช่วยได้ไหม?”โจวจือเชียนพูดอย่างเย่อหยิ่งจากเดิม แต่ก็มีความรู้สึกไม่พอใจในโชคชะตา
ถึงอย่างไร เธอก็ยืนอยู่บนตำแหน่งผู้นำด้านธุรกิจของเจียงเฉิง
แต่ตอนนี้
มันไม่มีประโยชน์อะไรเลย
เมื่อเผชิญหน้ากับMr.X เธอเอาแต่แพ้พ่าย และแพ้มาโดยตลอด
“ผมขอคิดหาวิธีหน่อย”
หลินเย่าตุงเคาะโต๊ะไปมา
……
ติ๊งๆ
มีสายหนึ่งโทรเข้ามาในมือถือของฉินเฟิง ฉินเฟิงหยิบขึ้นมาดู เป็นสายจากหลิวหลินผู้หญิงคนนั้น ไม่รู้ว่าโทรมาทำไม
“ฮัลโหล”
“ฉินเฟิง พรุ่งนี้เป็นวันพิพากษาโจวซวนซวน คุณมาดูเธอกับฉันหน่อยเถอะ ฉันกลัวว่าพวกเขาจะใช้วิธีสกปรก แล้วทำให้เธอหนีรอดไปได้”
หลิวหลิงกัดฟันพูด
เดิมทีเธอไม่อยากโทรหาฉินเฟิงเลย เนื่องจากเธอเห็นว่าฉินเฟิงเป็นผู้ต้องสงสัยมาโดยตลอด แต่โจวซวนซวนสำคัญมาก เธอกลัวว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด จะต้องให้ฉินเฟิงมาเฝ้าสังเกตการณ์ให้ได้
หลังจากผ่านเรื่องก่อนหน้านี้มา เขาพบว่า ฉินเฟิงอาจจะสู้ไม่เก่ง แต่ต้องมีประสบการณ์แน่ๆ
ไม่อย่างนั้น คงไม่แกล้งเธอที่เป็นถึงตำรวจเบอร์หนึ่งแบบนี้จนหัวหมุนหรอก
“ได้”
ฉินเฟิงมองดูเวลา ตอนนี้ก็ยังเช้า กั่วกั่วยังไม่เลิกเรียน ไปดูเสียหน่อย แล้วค่อยไปรับกั่วกั่ว เวลาพอเหมาะพอเจาะพอดี
ผ่านไปไม่นาน ฉินเฟิงก็ปรากฏตัวขึ้นที่สถานีตำรวจ
“มารับผมหน่อย?”
ฉินเฟิงโทรหาหลิวหลิน
“ไม่ได้ ฉันต้องเฝ้าโจวซวนซวนอยู่หน้าประตู ไปไหนไม่ได้ ฉันจะคนพาคุณเข้ามา ไม่อย่างนั้นคุณจะหาทางมาไม่เจอ อย่าเดินไปไหนซี้ซั่วนะ ไม่อย่างนั้นระวังไว้ให้ดีฉันจะจับคุณ”
“……”
ฉินเฟิงตกตะลึง
จริงจังจริงๆ
เป็นไปตามคาด สตรีและคนถ่อยเป็นผู้เข้าด้วยยาก จะล่วงเกินไม่ได้
แต่ทว่า นี่ก็เป็นเสน่ห์อีกอย่างของหลิวหลิน เต็มไปด้วยความถูกต้อง ในนสังคมแบบนี้ เธอเป็นเหมือนเรือที่อยู่ท่ามกลางคลื่นยักษ์ ถึงแม้จะอันตราย แต่เธอก็ยังยืนหยัดที่จะขับเคลื่อนออกไป
คนแบบนี้ หาได้ยาก
หลังจากผ่านไปไม่กี่นาที ตำรวจคนหนึ่งก็พาฉินเฟิงมาที่ห้องขัง เมื่อเห็นหลิวหลิน ที่สวมเครื่องแบบทะมัดทะแมงสง่างาม ค่อนข้างรัดรูป เห็นได้ชัดถึงการฝึกฝน ใบหน้าเรียวรูปไข่ ยืนอยู่หน้าประตู สายตามุ่งมั่น และออร่าที่ไม่แพ้ผู้ชายก็โพยพุ่งออกมา
เพียงแต่ว่า ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอย
“ยืนมานานเท่าไรแล้ว?”
ฉินเฟิงเดินเข้ามาถามเธอ
“สิบแปดชั่วโมงกับอีกห้านาทีเศษ”หลิวหลินตอบกลับ แต่ก็ชะงักไปชั่วครู่หนึ่ง ถึงหลุดจากภวังค์“รอเดี๋ยวนะ ไม่ใช่สิ ทำไมฉันต้องรายงานตอบกลับคำถามนี้ของคุณด้วย คุณไม่ใช่หัวหน้าฉันสักหน่อย”
“คุณรู้ได้ยังไงว่าไม่ใช่”
ฉินเฟิงยิ้มเบาๆ
“ลูกคนรวยอย่างคุณ ครอบครัวมั่งคั่ง ได้รับการสั่งสอนที่ดีมาตั้งแต่เด็ก ในจุดอื่นๆอาจจะเก่งมากก็จริง แต่ในกองทัพคุณทนลำบากไม่ได้หรอก”
หลิวหลินกลอกตาใส่ฉินเฟิง
คำถามนี้ยังต้องถามอีกหรอ ฉินเฟิง เป็นแค่ลูกคนรวยเท่านั้น จะไปทนลำบากอยู่ในกองทัพ จนมีชื่อเสียงได้ยังไง
“อาจจะเป็น แบบนั้นก็ได้”
ฉินเฟิงส่ายหัวไปมา ไม่ได้อธิบายอะไร แต่หันกลับไปมองโจวซวนซวนที่อยู่ในห้องขัง เธอแตกต่างจากก่อนหน้านี้ราวฟ้ากับเหวเลย จากเดิมที่ทั้งตัวสูงส่ง ดวงตาดอกท้อ สะกดจิตให้คนหลงใหล
แต่มาตอนนี้ ชุดกี่เพ้าที่สวมอยู่ ก็ได้สกปรกมอมแมม เก่าขาด และยังเป็นเพราะโจวซวนซวนอารมณ์ไม่ดี จนฉีกมันขาด ใบหน้าของเธอโทรมมาก เผ้าผมรกรุงรัง
ถ้าไม่ใช่คนคุ้นเคย ต้องจำโจวซวนซวนไม่ได้แน่
หงส์ที่ตกอับจนไม่ต่างอะไรกับไก่
“ฉินเฟิง!”
โจวซวนซวนเงยหน้าขึ้นมา มองออกไปก็เห็นผู้ชายคนหนึ่งอยู่ด้านนอก ใบหน้านั้น ก่อนหน้านี้เธอพอรู้อยู่บ้าง ฉินเฟิง เป็นสามีที่แต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงของตระกูลอิ่น
ไอ้เศษสวะคนนั้น
“แกมาที่นี่ทำไม?รอเดี๋ยวนะ แกรู้จักกับหลิวหลินงั้นหรอ?เร็วสิ รีบช่วยฉันเร็วเข้า ฉันผิดไปแล้ว ให้ฉันออกไปเถอะ ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่แม้แต่วินาทีเดียวเลย”
“ฉินเฟิง ให้ฉินออกไปเถอะ ฉันให้แกได้ทุกอย่างเลย ฉันเป็นคนของตระกูลโจว ตระกูลโจวของเรามีเงินทองนะ ฉันให้แกได้นะ ตัวฉันเองก็ให้แกได้ ไม่ว่าจะท่าไหน แกอยากเล่นแบบไหน ฉันทำเป็นหมดเลย ขอร้องล่ะ ช่วยฉันออกไปเถอะ ฉันไม่อยากอยู่ในนี้จริงๆ”
เดิมทีเธอไม่อยากสนใจ แต่พอเห็นแค่แวบเดียว ว่าฉินเฟิงยืนอยู่กับหลิวหลิน คิดว่าทั้งสองรู้จักกันดี เธอจึงรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา รีบยกเงื่อนไขทั้งหมดที่เธอมี รวมถึงตัวเองให้เขาทั้งหมด
เธอพูดไปด้วย ทำท่าเซ็กซี่ไปด้วย พลางดึงคอเสื้อ
เธออยากออกไป
เธอจึงใช้ทุกวิถีทาง!
แต่ฉินเฟิงที่เอามือไพล่หลัง มองไปที่โจวซวนซวนแวบหนึ่ง แล้วพูดว่า “ขอโทษนะครับ เมื่อเทียบกับภรรยาผมแล้ว คุณยังห่างไกล ผมไม่ชอบหรอก”