เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 1976 ส่งเธอจากไป (3)
ในอากาศเวิ้งว้างประเทศฉิงเทียนเต็มไปด้วยแสงสว่าง
เสาแสงพุ่งขึ้นฟ้าทำให้ทุกคนอกสั่นขวัญแขวน แสงสีทองสว่างจ้ามีพลังมหาศาล
หานเฟิงและคนอื่นมองผ่านหน้าต่างรถม้า เห็นแสงสว่างที่ดูเหมือนไม่มีที่สิ้นสุด สัมผัสถึงพลังด้านในแล้วอดชื่นชมไม่ได้
ศิษย์พี่ใหญ่พูดว่า “สมแล้วที่เป็นประเทศใหญ่ พลังฟ้าดินขนาดนี้ ไม่รู้เหนือกว่าประเทศอู่อานกี่เท่า มิน่าล่ะพวกเขาถึงเป็นหนึ่งในเก้าประเทศที่ทรงพลัง ส่วนประเทศอู่อานของเราเป็นเพียงประเทศเล็กๆ”
ศิษย์พี่หานเฟิงตบเข่าฉาดแล้วพูดว่า “ฉันบอกแล้วว่าพอมาถึงประเทศฉิงเทียน ความเร็วในการฝึกฝนเพิ่มขึ้นไม่น้อย พวกพี่ก็ไม่ยอมเชื่อ พลังฟ้าดินของพวกเขารุนแรงมาก”
ศิษย์พี่ฉู่เทียนพูดว่า “ฉันเชื่อแล้ว แต่น่าเสียดายที่อยู่ที่นี่นานไม่ได้ ไม่งั้นเราฝึกฝนอีกสักระยะ ไม่แน่อาจเข้าสู่อริยปราชญ์เร็วขึ้นสัก 2-3 ปีก็ได้”
ศิษย์พี่หานเฟิงส่ายหน้าถอนหายใจ “เฮ้อ ฉันอยากอยู่กับศิษย์น้องลู่ฝานสู้กับผู้ฝึกชั่วร้าย น่าเสียดายที่พละกำลังของฉันมีจำกัด ช่วยได้น้อยมาก แต่ฉันรู้สึกแย่มาก ให้ศิษย์น้องลู่ฝานสู้อยู่ที่นั่นคนเดียว ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนขี้ขลาด ฉัน……”
“หุบปาก!”
ศิษย์พี่ใหญ่ตบด้านหลังหัวศิษย์พี่หานเฟิง จากนั้นทำหน้าทำตาใส่หานเฟิงแล้วมองไปทางหลิงเหยา
ศิษย์พี่หานเฟิงหุบปากทันที
ทุกคนในนี้ ถ้าบอกว่าคนที่อยากอยู่ต่อที่สุดคงเป็นหลิงเหยา
แต่หนึ่งในภารกิจที่ลู่ฝานมอบให้พวกเขาคือดูแลหลิงเหยาให้ดี ห้ามให้เธออยู่ต่อเด็ดขาด
ศิษย์พี่หานเฟิงเกือบลืมเรื่องนี้ไปแล้ว พึมพำไม่กี่ประโยคแล้วหุบปากทันที
วันนี้หลิงเหยานิ่งมาก ไม่โวยวาย นั่งนิ่งอยู่ตรงนั้น
หวูเฉินจ้องท่าทางของหลิงเหยาตลอด นัยน์ตาเต็มไปด้วยความสงสัย
จากที่เขารู้จักหลิงเหยา ต้องร่วมเป็นร่วมตายกับลู่ฝานสิถึงจะถูก
หลังกลับมาจากประเทศตันเซิ่งตอนนั้น หลิงเหยาโมโหตั้งหลายครั้ง ทำไมถึงให้ลู่ฝานส่งเธอกลับมาก่อน ตอนนี้หลิงเหยาควรคัดค้านการกลับครั้งนี้สิ แต่ทำไมวันนี้เธอถึงนิ่งมาก
การที่หวูเฉินไม่ได้อยู่ต่อ เพราะเขาต้องดูหลิงเหยากลับไปด้วยตาตัวเอง เขาถึงจะวางใจ
รอหลิงเหยาไปแล้ว เขาค่อยวกกลับไปกับพวกหนานกงสิงก็ยังทัน
หวูเฉินเห็นด้วยกับการกระทำของลู่ฝานมาก
พาคนสนิทและคนรักของตัวเองออกจากเขตอันตรายก่อนศึกใหญ่
นี่คือการกระทำที่ชาญฉลาด แต่กลัวว่าจะมีคนไม่เข้าใจน่ะสิ
อย่างเช่นเขา แม้รู้ว่าทำแบบนี้ดีที่สุด แต่เขายอมอยู่ประเทศฉิงเทียน ดูว่าใต้หล้านี้จะเป็นยังไงกันแน่ ดูว่าลู่ฝานจะเจออันตรายหรือไม่
ช่วงเวลาสำคัญ หวูเฉินมั่นใจว่าตัวเองสามารถกันอันตรายให้ลู่ฝานได้
อันที่จริงเขาตัดสินใจแล้วว่าจะเอาชีวิตตัวเองแลกกับการอยู่รอดของลู่ฝาน
และลู่ฝานไม่รู้สิ่งเหล่านี้
“ดูเร็ว พวกเราออกจากประเทศฉิงเทียนแล้ว!”
หานหยวนหนิงที่นั่งเงียบอยู่ด้านหลังตลอดเวลาตะโกนขึ้นมา
ทุกคนรีบมองออกไปนอกหน้าต่างทันที
เสาแสงประเทศฉิงเทียนทางด้านหลังยังสูงตระหง่าน ค่อยๆ ไกลออกไป
ด้านหน้าเดิมทีควรเป็นอากาศเวิ้งว้างดำสนิท ทว่าตอนนี้กลับมีเงาดำนับไม่ถ้วน
พวกเขาเหมือนตั๊กแตนโฉบไปมาในอากาศเวิ้งว้าง อาศัยแสงจากแสงสีทอง ถึงจะเห็นเงานับไม่ถ้วนของพวกมัน
ในเวลาเดียวกัน แสงค่ายกลค่อยๆ สว่างขึ้น
ค่ายกลนับไม่ถ้วนรวมตัวกันเป็นแถบ มองจากไกลๆ เหมือนมีกำแพงสีดำกับสีแดงนับไม่ถ้วนในอากาศเวิ้งว้าง
ทุกคนหรี่ตาลง
ไอ้หลิวที่เงียบอยู่ในรถม้าพูดว่า “จริงด้วย เมื่อกี้ฉันยังไม่ค่อยเชื่อ คิดไม่ถึงเลยว่าจะจริง!”
มองค่ายกลกับออร่าปีศาจพลุ่งพล่านของผู้ฝึกชั่วร้ายอย่างตกตะลึง
แม้อยู่ห่างขนาดนี้ ออร่าปีศาจยังทำให้พวกเขารู้สึกเย็นไปทั่วร่างกาย
เมื่อเข้ามาใกล้ขึ้น ทุกคนเห็นเงาคนด้านหลังค่ายกล
สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าคือกองทัพหุ่นเชิดของผู้ฝึกชั่วร้าย
กองทัพหุ่นเชิดโครงกระดูกที่เห็นบ่อยๆ กับกองทัพหุ่นเชิดผีดิบ ยืนแยกเป็นสองแถวอย่างเป็นระเบียบ ยังมีหุ่นเชิดสัตว์อสูรยักษ์ที่ไม่ค่อยได้เห็นปะปนอยู่ในนั้นด้วย
จำนวนของกองทัพหุ่นเชิดพวกนี้ ใช้ได้เพียงคำว่าไร้ที่สิ้นสุดมาบรรยาย
ข้างหลังด้านบนกองทัพหุ่นเชิด คือฝันร้ายต่างๆ โดดไปโดดมา
มีทั้งเล็กทั้งใหญ่ เสียงหัวเราะเสียงแหลมดังขึ้นไม่หยุด
ออร่าปีศาจพลุ่งพล่านรวมตัวกัน ฝันร้ายเล่นอย่างสนุกสนานอยู่ในนั้น
นี่คือฝันร้ายแท้จริงของผู้ฝึกชั่วร้าย มองแวบเดียวก็ทำให้คนขนลุก เสียงหัวเราะสะเทือนวิญญาณมาก
เมื่อมองไปด้านหลัง ยังเห็นดวงตาสีแดงก่ำกะพริบอยู่ด้านหลังฝันร้าย
ถึงอยู่ในอากาศเวิ้งว้างอันมืดมิด เกราะหนักบนตัวยังสว่างแวววาวเหมือนโลหะ
อาวุธมีประกายแหลมคม มังกรซากศพอยู่ใต้เท้า
ผู้ฝึกชั่วร้ายนักรบมังกรดำที่แท้จริง
ปกติเห็นของพวกนี้แค่กี่ตัวก็ทำให้ตกใจทั้งเมืองแล้ว อกสั่นขวัญแขวนไปหมด
ถ้าเห็นเป็นกลุ่ม สามารถทำให้คนทั้งประเทศปิดล้อมและกวาดล้าง
แต่ตอนนี้สิ่งที่ปรากฏในสายตาศิษย์พี่หานเฟิงและคนอื่น คืออุโมงค์ข้ามมิติผู้ฝึกชั่วร้ายนับไม่ถ้วน เหมือนมหาสมุทร เหมือนทะเลอันกว้างใหญ่
นี่เป็นแค่เครื่องมือของผู้ฝึกชั่วร้าย เป็นพลังการต่อสู้ที่ไม่ได้ทำให้บาดเจ็บสาหัส ผู้ฝึกชั่วร้ายที่แท้จริงซ่อนอยู่ด้านหลังสามกองทัพใหญ่นี้ มองไม่เห็นเงาคนเลย
หวูเฉินเห็นเหตุการณ์แล้วพึมพำว่า “ผู้ฝึกชั่วร้ายทั้งใต้หล้าอยู่ที่นี่ทั้งหมด”
ศิษย์พี่หานเฟิงเห็นแล้วหนังตากระตุก ขนหัวลุก ขาแข้งอ่อนแรงไปหมด
เขาตบหน้าตัวเองอย่างแรงแล้วพูดว่า “ให้ตายเถอะ ฉันเริ่มกลัวแล้ว ไอ้เวรเอ๊ย ฉันจะกลัวผู้ฝึกชั่วร้ายพวกนี้ไม่ได้ อย่างมากก็แค่ตายล่ะวะ!”
ฉินอวิ่นตกใจจนรู้สึกอ่อนแรง อ้าปากหวอ นัยน์ตาเต็มไปด้วยความกลัว ฉินฝานดีกว่านิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้ต่างกันเท่าไร
บรรดาคนในที่นี้ หลิงเหยามองภาพนี้ด้วยสายตาเฉยเมย
คิดถึงตอนอยู่ประเทศตันเซิ่ง ก็ภาพนี้เหมือนกัน ไม่มีอะไรนอกจากครั้งนี้คนเยอะกว่า “นิดหน่อย”
ไอ้หลิว ยัยแก่หยางและตาแก่เซวียนหยวนมองหน้ากัน
เห็นความเด็ดขาดจากนัยน์ตาของอีกฝ่าย
ทั้งสามลุกขึ้นพร้อมกัน แล้วเดินออกไปนอกรถม้า
หวูเฉินรีบเรียกพวกเขาไว้ “พวกนายทำอะไร”
ไอ้หลิวพูดว่า “ออกไปรับลม เดี๋ยวกลับมาพร้อมหนานกงสิง”
ยัยแก่หยางพูดว่า “อยู่มาจนอายุปูนนี้แล้ว ควรทำอะไรเพื่อใต้หล้าบ้าง”
ตาแก่เซวียนหยวนพูดว่า “เทียบกับหนีตาย ฉันชอบสู้มากกว่า”
ทั้งสามพูดจบแล้วเดินออกจากรถม้า
หวูเฉินถอนหายใจออกมาแล้วส่ายหน้า
จู่ๆ หวูเฉินพูดกับหลิงเหยาว่า “หลิงเหยา เธอคิดว่าไง”
หลิงเหยาเงียบไม่พูดอะไร
หวูเฉินเห็นสีหน้าหลิงเหยาแล้วพูดว่า “เธอไม่ได้คิดจะกลับไปใช่ไหม มองตาฉัน ฉันรับปากลู่ฝานแล้วนะว่าจะส่งเธอกลับไป”
หานเฟิงและคนอื่นก็หันกลับมาพูดว่า “พวกเราด้วย”
หลิงเหยาไม่มองพวกเขาสักนิด ทอดมองไปนอกหน้าต่าง ไม่พูดอะไรสักคำ
ฝ่ามือเธอกดอยู่บนกระเป๋าใบเล็กของเธอแล้ว