เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 1966 สงสัย
“ปล่อยให้หัวใจนำทาง วิถีจะไปถึง ใต้หล้านี้ใครจะขวางฉันได้!”
เฟิงเสี่ยวชี่มองเจี่ยหมิงแล้วพูดเบาๆ
นี่คือสิ่งที่เขาได้เรียนรู้จากหนังสือซ่อนวิถี แม้ยังอ่อนหัดและยังไม่เชี่ยวชาญ
แต่ก็เหนือกว่าคนอื่นไม่รู้ตั้งเท่าไรแล้ว นี่คือประสิทธิภาพจากวิชาชั้นยอด
สวบ!
กระบี่ยาวดันไปข้างหน้าอีกครั้ง ทะลุตัวของเจี่ยหมิง
เฟิงเสี่ยวชี่ขยับปากเบาๆ ส่งกระแสจิตกระซิบข้างหูเจี่ยหมิงว่า “ลู่ฝานตัวปลอม นายยังห่างชั้นอีกเยอะ!”
เจี่ยหมิงทั้งตกใจทั้งกลัว จ้องเฟิงเสี่ยวชี่แต่พูดอะไรไม่ออกสักคำ
แสงสว่างวาบบนกระบี่เฟิงเสี่ยวชี่ เจี่ยหมิงสูญเสียโอกาสขัดขืนครั้งสุดท้ายทันที
ร่างอมตะแล้วยังไง ถึงระดับแดนนี้แล้ว พลังปราณของใครจะไม่สามารถทำให้ร่างกายนายแหลกเป็นผุยผงได้บ้าง เลือดสักหยดยังแข็งตัวไม่ทันเลย
โหดหน่อยก็ทำลายวิญญาณ ทำลายพลังชีวิต
เห็นได้ชัดว่าเฟิงเสี่ยวชี่ทำแบบนี้ได้
แต่เขาไม่ได้ฆ่าเจี่ยหมิง ดึงกระบี่ฟางชุ่นออกมา เจี่ยหมิงล้มลงพื้นเสียงดังแล้วสลบไป
พูดได้เพียงว่าความสามารถของเจี่ยหมิงยังอ่อนเกินไป
เทียบกับสิบคนก่อน เขาสู้ใครไม่ได้สักคน
คิดดูแล้ว เฟิงเสี่ยวชี่ที่ดูเหมือนจะอ่อนแอสุด ยังสามารถกำจัดเขาได้สบายๆ ความสามารถเขาคงมีแค่นี้
กลุ่มคนเงียบสนิท
ไม่ใช่แค่ความสามารถอันน่ากลัวที่เฟิงเสี่ยวชี่แสดงให้เห็น
ยิ่งไปกว่านั้นคือเจี่ยหมิงอ่อนแอจนทำให้ทุกคนไม่เข้าใจ
นี่มันคนที่ฝึกทั้งบู๊และชี่ในตำนานเชียวนะ ผู้แข็งแกร่งอันดับหนึ่งในสมุดรายนามของสำนักเงินปาฟาง!
ทำไมถึงอ่อนแอขนาดนี้!
แม้คนที่อ่อนแอยิ่งกว่ายังดูออกว่าชื่อเสียงของเจี่ยหมิงไม่สมคำร่ำลือ ห่างชั้นกับคนอื่นมาก
หรือจะพูดว่าเขาไม่มีความสามารถที่จะอยู่ในสิบ อันดับแรกในใต้หล้าเลย แค่เจอคนที่ไม่ค่อยแข็งแกร่ง มีชื่อให้ครบจำนวนคนเท่านั้น
ถ้าคนที่ฝึกทั้งบู๊และชี่อ่อนแอขนาดนี้จริงๆ
งั้นอริยบุคคลทั้งใต้หล้าจะตามหาเขาไปทำไม
จากนั้นคนจำนวนไม่น้อยเริ่มพูดคุยกัน
คิดออกเลยว่าการประลองครั้งนี้มีคนสูญเงินไปตั้งเท่าไร อย่างน้อยก็มีคนจำนวนมากคิดว่าเจี่ยหมิงจะชนะ
เพราะเขาสวมรอยชื่อลู่ฝาน เพราะเขาเรียกตัวเองว่า “ฝึกทั้งบู๊และชี่!”
โดนคัดออกอย่างไร้ค่าแบบนี้ ทำให้คนที่เคยเชียร์เจี่ยหมิงสงสัยทันที
บนสะพานสายรุ้ง ประมุขทุกประเทศกับสามอริยบุคคลก็เริ่มคุยกัน
“ลู่ฝานอ่อนแอเกินไปแล้ว คนแบบนี้หนีออกจากประเทศตันเซิ่งได้ยังไง”
“บอกแล้วว่าข่าวลือไม่น่าเชื่อถือ ได้ยินชื่อเสียงมิสู้ได้พบหน้าจริงๆ ลู่ฝานอ่อนแอจนน่าสงสาร คนแบบนี้ควรค่าให้อริยบุคคลอมตะออกคำสั่งศักดิ์สิทธิ์เหรอ”
“ฉันดูไม่ออกจริงๆ ว่าการฝึกทั้งบู๊และชี่ของเขาเก่งตรงไหน หรือจะพูดว่าฉันดูไม่ออกเลยว่านี่คือคนที่ฝึกทั้งบู๊และชี่ นักบู๊ใช้เครื่องรางที่ใช้ได้เพียงครั้งเดียวที่ผู้ฝึกชี่สร้างออกมา ประสิทธิภาพคงเป็นแบบนี้สินะ!”
“ประมุขประเทศอู่อาน ทำไมไม่พูดอะไรหน่อยล่ะ นายคิดว่าลู่ฝานเป็นยังไง”
……
ประมุขทุกประเทศไม่ค่อยปลื้มลู่ฝานที่โดนหามออกไป ฉินซางต้าตี้ยิ้มแต่ไม่พูดอะไร ขี้เกียจตอบคำถามของประมุขพวกนี้
จะบ้าเหรอ ลู่ฝานยังไม่เปิดเผยตัวเองเลย เขาไม่บอกความจริงให้คนพวกนี้รู้หรอก
ไอ้ตัวปลอมนี่ต้องไม่มีความสามารถอะไรแน่ๆ ฉินซางต้าตี้มองไปทางลู่ฝานด้วยตาเป็นประกาย
เขารู้ว่าบู๊และชี่เป็นหนึ่งเดียวกัน มีเพียงลู่ฝานคนเดียวเท่านั้น ตอนนี้ลู่ฝานเป็นอริยปราชญ์แล้ว พละกำลังอันแข็งแกร่งทำให้เขาอกสั่นขวัญแขวนจริงๆ
ฉินซางต้าตี้หัวเราะอย่างบ้าคลั่งในใจ ในเวลาเดียวกันเขาก็แอบขำประมุขประเทศอื่นในใจ
รอสักวันหนึ่งลู่ฝานเผยตัวตนออกมาจริงๆ พวกนายถึงจะรู้ความแข็งแกร่งแท้จริงของคนที่ฝึกทั้งบู๊และชี่
แต่ถึงตอนนั้น ลู่ฝานคงได้เป็นอริยบุคคลแล้ว
ฉินซางต้าตี้แอบคิดในใจ ถ้าเป็นเขาก็คงฝึกฝนจนไร้เทียมทานแล้วค่อยป่าวประกาศให้โลกรู้
แบบนี้ถึงจะปลอดภัยที่สุด ฉินซางต้าตี้หวังว่าลู่ฝานจะทำแบบนี้เหมือนกัน เมื่อเป็นเช่นนี้ ต่อไปประเทศอู่อานของพวกเขาจะได้มีโอกาสเป็นประเทศแข็งแกร่งอันดับที่สิบ
สามอริยบุคคลมองเจี่ยหมิงแล้วขมวดคิ้วเบาๆ
เทพเงินแปดทิศพูดออกมาเป็นคนแรก “ไม่น่าใช่ คนที่ฝึกทั้งบู๊และชี่ไม่มีทางอ่อนแอขนาดนี้ ทุกคนอย่าลืมอริยบุคคลเฉียนในตอนนั้นสิ เขายังไม่ทันฝึกสำเร็จ แต่พละกำลังเหนือกว่าที่เราคาดไว้ด้วยซ้ำ”
เทพบู๊หุ้นตุ้นพูดว่า “ผู้แข็งแกร่งในใต้หล้า คนที่อยากฝึกทั้งบู๊และชี่มีมากมายนับไม่ถ้วน บางทีลู่ฝานอาจแค่เพิ่งเริ่ม ตอนนี้เขาอยู่แค่แดนปราณฟ้า แน่นอนว่าเทียบกับอริยบุคคลเฉียนในตอนนั้นไม่ได้หรอก ฉันว่าเผยความลับของเขาออกมาก่อนดีกว่า หลังจากการแข่งนานาประเทศ เราค่อยหาเหตุผลให้เขามาหาเรา แค่นี้ก็จบ”
อริยบุคคลแห่งจักรวาลพูดว่า “ตอนนี้ฉันก็สงสัยเหมือนกันว่าลู่ฝานฝึกทั้งบู๊และชี่จริงหรือเปล่า ถึงขนาดที่ฉันสงสัยว่าเขาคือลู่ฝานจริงหรือเปล่า”
คำพูดของอริยบุคคลแห่งจักรวาลทำให้เทพบู๊หุ้นตุ้นกับเทพเงินแปดทิศอึ้งนิดหน่อย จากนั้นทั้งสองคนพยักหน้าเบาๆ บ่งบอกว่าอริยบุคคลแห่งจักรวาลพูดมีเหตุผลมาก
ทั้งสามคนรีบหันหลังไปมองประมุขประเทศตันเซิ่งทันที
ในใต้หล้านี้คนที่ดูออกว่าเป็นลู่ฝานตัวจริงหรือตัวปลอม คนแรกคงเป็นประมุขประเทศตันเซิ่ง
ทว่าตอนนี้ประมุขประเทศตันเซิ่งกลับไม่พูดอะไรสักคำ แม้สามอริยบุคคลมองเขาด้วยสายตาสงสัย เขาก็ไม่พูดอะไรเลย
เหมือนใบหน้าอ่อนเยาว์ดูลังเลเล็กน้อย
ในสายตาของสามอริยบุคคล ประมุขประเทศตันเซิ่งกำลังลังเลว่าคนนี้ใช่ลู่ฝานหรือเปล่า
แต่ในความเป็นจริง ประมุขประเทศตันเซิ่งกำลังลังเลว่าจะบอกตัวตนที่แท้จริงของลู่ฝานให้สามอริยบุคคลรู้ดีหรือเปล่า
เขาสับสนมาก เทพเงินแปดทิศทนไม่ไหวแล้วถามออกมาเป็นคนแรก “อมตะ นายรู้จักลู่ฝานไหม”
ประมุขประเทศตันเซิ่งเงียบไปครู่หนึ่งแล้วตอบว่า “ไม่รู้จัก ไม่แน่ใจ พูดยาก!”
สามอริยบุคคลหันกลับมาอย่างผิดหวังเล็กน้อย
สุดท้ายประมุขประเทศตันเซิ่งก็ไม่เปิดเผยตัวตนของลู่ฝาน ไม่ใช่เพราะเขาอยากปกป้องลู่ฝานตัวจริง แต่เพราะเขารู้ว่าตอนนี้มีสายตาของผู้ฝึกชั่วร้ายมากมายกำลังจ้องพวกเขาอยู่ ดังนั้นเขาจึงพูดออกมาไม่ได้
เป็นอย่างที่ประมุขประเทศตันเซิ่งคิด ด้านบนหอ
คุณชายเฟิงเทียนลูบคาง ชี้เจี่ยหมิงแล้วพูดว่า “ดูปลอมมาก ไม่ได้จงใจล้อฉันเล่นใช่ไหม! แบบนี้ก็หมดสนุกน่ะสิ!”
ผู้อาวุโสซู่มั่นพูดขึ้นข้างๆ ว่า “จะสืบไหม”
คุณชายเฟิงเทียนโบกมือไปมา “ไม่จำเป็น จะจริงหรือปลอมก็ไม่มีอะไร ถึงตอนนั้นแค่จับให้หมดก็พอแล้ว”
ผู้อาวุโสทุกคนคำนับแล้วขานรับ
บนเกาะลอยฟ้า เฟิงเสี่ยวชี่เหาะลงมา เขาเหาะเข้าไปหาลู่ฝานต่อหน้าทุกคน
เฟิงเสี่ยวชี่เหาะลงมาข้างลู่ฝานเสียงดังพลั่ก
เฟิงเสี่ยวชี่ค่อยๆ ถอดหน้ากากเงินออก แล้วพูดกับลู่ฝานด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่ได้เจอกันนาน เป็นไง ประหลาดใจไหม”
ลู่ฝานยิ้มบางๆ “เดาออกนานแล้วว่าเป็นนาย!”