เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 1945 ลู่ฝานตัวจริงหรือตัวปลอม(2)
เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า นิยาย บท 1945
เงียบกริบ เสียงดังทั้งหมด ดูเหมือนจะเงียบลงอย่างสมบูรณ์ในขณะนี้
ตามด้วยคำพูดของเจี่ยหมิงจบลง ผู้คนนับไม่ถ้วนตกตะลึง
สภาวะแบบนี้กินเวลาหลายอึดใจ ต่อจากนั้น มีเสียงอุทานดังขึ้นมา
“ลู่ฝาน! คือลู่ฝานอันดับหนึ่งในแผ่นพับเหรอ?”
“เขามาจริงๆเหรอ ฉันได้ยินมาว่าลู่ฝานเป็นฝึกทั้งบู๊และชี่ในตำนาน!”
“หา ผู้แข็งแกร่งลึกลับที่ถูกซ่อนตัวไว้จนถึงตอนนี้ ทรงพลังเกินไปแล้ว!”
“เขาเพิ่งจะใช้วิชาจริงๆ ฝึกทั้งบู๊และชี่! ตำนานเป็นความจริง!”
…….
มีเสียงอุทานมากมาย และวิพากษ์วิจารณ์กันไม่รู้จบ
คำพูดของเจี่ยหมิงราวกับเหมือนกับการเทน้ำเดือดใส่บนตัวทุกคน ทำให้ฝูงชนเดือดพลุ่งพล่าน
เจี่ยหมิงฉีกยิ้มกว้างขึ้น และโบกมือเบาๆให้ฝูงชนด้านล่าง ดูภูมิใจมาก
บนท้องฟ้า สามอริยบุคคล สายตาลุกเป็นไฟ
เทพเงินแปดทิศพูดว่า “ลู่ฝานเหรอ? หมอนั่นที่ทำให้อริยบุคคลผู้เป็นอมตะกับผู้ฝึกชั่วร้ายในโลก ตามหาเขาทั่วโลก? เขากล้าที่จะมาจริงๆด้วย!”
อริยบุคคลแห่งจักรวาลพูดว่า “ถ้าหมอนี่เป็นฝึกทั้งบู๊และชี่จริงๆ เก็บเขาไว้ไม่ได้เด็ดขาด”
เทพบู๊หุ้นตุ้นพูดว่า “แน่นอนอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าก่อนที่จะฆ่าเขา ความลับฝึกทั้งบู๊และชี่ของเขา พวกเราต้องได้มาก่อน”
เทพเงินแปดทิศพูดว่า “นี่มันแน่นอนอยู่แล้ว!”
อีกด้านหนึ่ง คุณชายเฟิงเทียนปรบมือและหัวเราะขึ้นมา
“ลู่ฝาน! ลู่ฝานปรากฏตัวแล้ว!”
“อะไรเรียกว่าพยายามหาแทบตายไม่เจอ พอเลิกหาเลิกสนใจกลับได้มาง่ายๆ น่าสนุกมาก พวกคุณรู้ว่าควรจะทำยังไงใช่มั้ย!”
ด้านหลัง ผู้อาวุโสผู้ฝึกชั่วร้ายทุกคนก็พูดพร้อมกัน: “รับทราบ!”
จู่ๆคุณชายเฟิงเทียนก็นึกถึงอะไรขึ้นมาได้ และยกมือขึ้นมาพูดว่า “เดี๋ยวก่อน อย่าเพิ่งรีบจับเขา ฉันยังอยากดูว่าการประลองรอบต่อไปของเขา พวกคุณจับตาดูเขาไว้ให้ดีก่อนก็พอ ใครกล้าปล่อยให้เขาหนีไป ฉันจะเอาคนนั้นป้อนให้สัตว์อสูรอากาศธาตุ!”
ผู้อาวุโสทุกคนก็ตอบรับ พวกเขามองไปทางเจี่ยหมิงจากระยะไกล ราวกับกำลังดูคนตาย
แต่เจี่ยหมิงกลับได้ใจ ดูภูมิใจมาก ที่พูดคำว่าลู่ฝานออกมา
ดูเหมือนว่า นี่คือชื่อของเขาจริงๆ
ท่ามกลางฝูงชน ผู้อาวุโสซู่มั่นส่ายหัวพูดว่า “เด็กน่าสงสาร”
อาจารย์หวูเฉินก็ส่ายหัวพูดเหมือนกันว่า “เด็กโง่บรรลัย”
ศิษย์พี่หานเฟิงหัวเราะท้องแข็ง เขาหัวเราะจนน้ำตาไหล ดูเหมือนกับว่าวินาทีต่อไปจะลาลับไปจากโลกนี้
“โอ๊ย ขำจะตายแล้ว คนแบบไหนก็มีจริงๆ!”
ศิษย์พี่ใหญ่ ศิษย์พี่ฉู่เทียน ศิษย์พี่ฉู่สิงก็หัวเราะอย่างมีความสุขเช่นกัน
พวกเขามองไปที่เจี่ยหมิงบนเกาะ ในดวงตา ก็เกิดความเวทนา
ปลอมตัวเป็นใครไม่เป็น ปลอมตัวเป็นลู่ฝาน!
นี่มันรนหาที่ตายจริงๆ!
ลู่ฝานก็ไม่รู้จะพูดอะไรดี เขาเองก็ไม่กล้าใช้ชื่อจริง ไม่นึกเลยว่ามีคนกล้าแอบอ้างเป็นเขา
คนคนนี้กล้าหาญมากแค่ไหนกันแน่ ไม่กลัวตายมากขนาดไหน
ลู่ฝานอยากจะขึ้นไปเตือนเขาจริงๆ เพื่อน นายกำลังรนหาที่ตายอยู่นะ!
แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้ ทำได้แค่มองไปที่เจี่ยหมิงด้วยสายตาแปลกๆ
หลิงเหยาส่ายหัวถอนหายใจ
หนานกงสิงกับอู่คงหลิงสบตากัน และทั้งคู่เห็นความประหลาดใจในดวงตาของกันและกัน
หนานกงสิงชี้ไปที่เจี่ยหมิงด้านบนแล้วพูดว่า “คนคนนี้ เป็นบ้าหรือเปล่า?”
อู่คงหลิงมองดูลู่ฝานที่อยู่ไม่ไกลแวบหนึ่งแล้วพูดว่า “คนคนนี้เป็นบ้าหรือเปล่าฉันไม่รู้ แต่สำหรับฉัน นี่เป็นโอกาสที่สมบูรณ์แบบ”
จากนั้น ใบหน้าอู่คงหลิงก็เบิกบาน แม้แต่ผ้าคลุมใบหน้า ก็บดบังรอยยิ้มของเธอไว้ไม่ได้
หนานกงสิงถามอย่างไม่เข้าใจ: “โอกาสอะไร? เธอกำลังพูดอะไร?”
อู่คงหลิงพูดว่า “ไม่มีอะไร ในเมื่อพวกนายไม่ยอมแบ่งปันความลับกับฉัน ฉันก็ไม่อยากพูดมากกับพวกนาย แต่ฉันใจกว้างกว่าพวกนายหน่อย รอฉันจัดการเรื่องนี้เสร็จ พวกนายก็จะได้รับผลประโยชน์เช่นกัน”
หนานกงสิงขมวดคิ้วมองดูอู่คงหลิง ในเวลานี้ อู่คงหลิงหันหลังออกไปในทันที และหายไปในฝูงชนอย่างรวดเร็ว
บนเกาะ เจี่ยหมิงไม่รู้ว่าเขาสร้างปัญหาให้ตัวเองใหญ่มากแค่ไหน เพราะประโยคนี้
เขายังเคลิบเคลิ้มจากการที่ทุกคนชื่นชมต่อเขา รู้สึกภูมิใจมากกับวิธีการที่ตัวเอง“มีไหวพริบ”
เขาเกิดในประเทศเล็กๆ และได้รับความแข็งแกร่งในปัจจุบันผ่านโอกาสและความบังเอิญนับไม่ถ้วน
เดิมทีตอนที่อยู่ในประเทศเล็กๆ อาศัยความแข็งแกร่ง เขาได้รับความเคารพที่สมควร
แต่เมื่อมาถึงประเทศฉิงเทียน เขาค้นพบว่าความแข็งแกร่งแค่นี้ของเขา อันที่จริงไม่ใช่อะไรเลย
แม้ว่าเขาจะสามารถพุ่งไปสู่หนึ่งร้อยอันดับแรก และยี่สิบห้าอันดับแรกได้ แต่เขารู้ว่า ตัวเองยากที่จะไปให้ไกลกว่านี้ ชื่อเสียงก็ไม่ดีเท่าคนอื่น และเนื่องจากเขาเกิดในประเทศเล็กๆ ไม่มีอิทธิพลอะไรให้พึ่งพา ก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกว่าเมื่อเทียบกับยอดฝีมือของประเทศอื่นๆในเก้าประเทศที่ทรงพลังก็ดี หรือแม้แต่เงามืด ซูตงและคนอื่นก็ดี ก็เหยียบหัวคนอยู่ทั่วทุกหนแห่ง
สำหรับท่าทีเย่อหยิ่งนี้ ชินกับการได้รับความเคารพยำเกรง และชื่นชมจากผู้อื่น เขาเป็นที่หนึ่งมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ไม่พอใจอย่างไม่ต้องสงสัย
ดังนั้นเขาจึงคิดวิธีนี้ได้ ปลอมตัวเป็นลู่ฝาน เพื่อให้ได้รับความเคารพยำเกรงจากชาวโลก
แน่นอนว่า เหตุผลที่เขาคิดวิธีนี้ขึ้นมา ก็เป็นแรงบันดาลใจที่กะทันหัน
ก่อนที่จะมาถึงประเทศฉิงเทียน เขาไม่เคยได้ยินชื่อลู่ฝานมาก่อนด้วยซ้ำ
เพียงแค่อ่านแผ่นพับที่ขายโดยสำนักเงินปาฟาง เขาก็นึกถึงวิธีการนี้ขึ้นมาได้อย่างกะทันหัน
ยิ่งไปกว่านั้น ที่สำคัญที่สุดคือ เขามีเงื่อนไขที่จะปลอมตัวเป็นลู่ฝานจริงๆ
นั่นก็คือ เขามีของพิเศษอยู่ในตัว ทำให้เขาปลดปล่อยวิชาบางอย่างออกมาได้จริงๆ ตราบใดที่เขาอำพรางปิดบังได้เพียงพอ เขาเชื่อว่าไม่มีใครในโลกนี้สามารถมองแผนการของเขาออก เพราะว่านี่เป็นสมบัติที่อริยบุคคลทิ้งไว้ หรือจะเรียกว่าอาวุธศักดิ์สิทธิ์ก็ได้
มีสิ่งนี้ เขาก็สามารถปลอมตัวเป็นลู่ฝาน ที่มีฝึกทั้งบู๊และชี่ได้จริงๆ
ส่วนทำไมต้องปลอมตัว เหตุผลนั้นง่ายมาก ชื่อเสียงของลู่ฝานยิ่งใหญ่พอ เรื่องนี้แม้แต่สำนักเงินปาฟางยังจัดให้เขาเป็นอันดับหนึ่ง แค่คิดก็รู้แล้ว
หลังจากที่เขาสอบถามข้อมูลมามากมาย ลู่ฝานเป็นคนที่อริยบุคคลในโลกระบุชื่อต้องการตามหา คนที่สำคัญเช่นนี้ กลับไม่ได้ปรากฏตัวในประเทศฉิงเทียน นี่ก็เป็นโอกาสที่สมบูรณ์แบบของเขาไม่ใช่หรอกเหรอ แม้แต่เจี่ยหมิงก็สงสัย ตราบใดที่เขาบอกว่าตัวเองชื่อลู่ฝาน สามอริยบุคคลจะมองเขาแตกต่างกัน ไม่แน่อาจจะรับเขาเป็นลูกศิษย์ก็ได้ เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ก็ทำให้เขามุ่งมั่นที่จะปลอมตัวมากขึ้น
และตอนนี้ เขาเงยหน้ามองไปทางสามอริยบุคคลบนท้องฟ้า และสถานการณ์ดูเหมือนจะตรงกับที่เขาจินตนาการไว้
สามอริยบุคคล กำลังจ้องมองมาที่เขาในขณะนี้
ฝ่ามือไปด้านหลังเล็กน้อย กดที่เอว ใบหน้าของเจี่ยหมิงเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เขารู้ว่าการเดิมพันของตัวเอง เดิมพันถูกจริงๆ
ในโลกนี้ จุกตายนั้นกล้าหาญ หิวตายนั้นขี้ขลาดไม่ใช่หรอกเหรอ (จุกตายนั้นกล้าหาญ หิวตายนั้นขี้ขลาดเป็นสำนวนที่คนจีนใช้เปรียบเปรยว่า คนที่กล้าเสี่ยง กล้าได้กล้าเสีย)
บนขอบของเกาะลอยที่สิบ โฉวหรงค่อยๆลุกขึ้น เขาตกตะลึงกับท่วงท่านี้ของเจี่ยหมิงจริงๆ
ฝึกทั้งบู๊และชี่ ช่างเป็นคนที่น่ากลัวขนาดนี้!
เปลือกตาของโฉวหรงเริ่มกระตุก วินาทีต่อมา เขาไม่มีความหวังที่ตัวเองจะชนะเลยสักนิด
โฉวหรงยกมือขึ้น กัดฟันแน่
ไม่ได้ เขาเป็นคนของประเทศหลงอู่ ต่อให้รู้ว่าจะแพ้ ก็ต้องต่อสู้จนถึงวินาทีสุดท้าย
ทันใดนั้นโฉวหรงกลายร่าง คนกลายเป็นมังกร ร่างกายขยายออก และปีกทั้งสองกางออก
ในพริบตาเดียว โฉวหรงกลายเป็นมังกรฟ้าร้องเขาเขียวขนาดใหญ่ตัวหนึ่ง!
เมื่อเห็นฉากนี้ เจี่ยหมิงก็ยกกระบี่ขึ้น เพียงแต่ว่ามือซ้าย แอบกดที่เอวของตัวเอง