เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 1943 เสมอกัน
เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า นิยาย บท 1943
แสงจันทร์ปรากฏขึ้น และแสงสีเงินสาดส่องมา
เกือบจะในทันที ทุกคนก็รู้สึกว่าเสียงเพลงของหลิงเหยากำลังจะหายไป
โลกดูเหมือน จะมีเพียงพระจันทร์นี้เท่านั้นที่เป็นนิรันดร์!
สัตว์เทพหิมะเปล่งเสียงร้องอย่างโศกเศร้า และร่างก็หดตัวลงอย่างรวดเร็ว
แม้ว่ามันจะดูเหมือนจะไม่เป็นอะไร แต่ความเป็นจริงพลังของมันยังฟื้นตัวได้ไม่เต็มที่
โดยทั่วไปแล้วสัตว์อสูรแข็งแกร่งมากแค่ไหน ถ้าเกิดได้รับบาดเจ็บ ก็ยากที่จะฟื้นตัวขึ้นได้เท่านั้น
เหมือนอย่างสัตว์เทพหิมะแบบนี้ เป็นเรื่องปกติมากที่จะฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บมานานหลายทศวรรษ
มันสามารถที่จะออกมาช่วยหลิงเหยาสกัดกั้นการโจมตีรอบต่อไปได้ ก็ดีมากแล้ว
ใบหน้าของหลิงเหยา ภายใต้แสงจันทร์นี้ ยังคงงดงามมาก
เสียงเพลงใกล้จะหยุดลงแล้ว แต่หลิงเหยายังคงไม่ยอมแพ้
แสงสีเงินตกลงบนพื้น และในพริบตา ทุกอย่างก็เริ่มละลาย
ทั้งตัวของหลิ่วจื่อระลอกคลื่นด้วยแสงสีเขียว แต่ภายใต้แสงดวงจันทร์ ออร่าของเธอพุ่งสูงขึ้น
เปรียบเหมือนไม้เลื้อยที่เติบโตภายใต้แสงดวงจันทร์ และดอกไม้ที่ผลิบานอย่างเงียบงันในคืนจันทร์เพ็ญ
ลมปราณนั้นกำราบทุกอย่าง และพลังก็ไม่มีใครเทียบได้
ในเวลานี้ ต่อให้หลิงเหยาต้องการยอมรับความพ่ายแพ้ก็เป็นไปไม่ได้
หลิ่วจื่อที่ได้ปลดปล่อยกระบวนท่านี้ออกมาแล้ว สายตาที่อ่อนโยนราวกับแสงจันทร์ แต่ข้างในมีความอาฆาต กลับชัดเจนมาก
ในใจของลู่ฝานกังวลขึ้นมา เขาเตรียมพร้อมที่จะลงมือได้ทุกเมื่อแล้ว
เขาไม่สนใจกฎบ้าอะไรทั้งนั้น ถ้าหลิ่วจื่อต้องการฆ่าหลิงเหยาจริงๆ
ลู่ฝานก็ไม่รังเกียจที่จะแข่งว่าเขตวิถีของใครแข็งแกร่งกว่ากัน!
จู่ๆหลิ่วจื่อยกมือขึ้น ลอยตัวบินไปตรงหน้าหลิงเหยา และคว้าขลุ่ยไม้ในมือของหลิงเหยาไว้ในทันที
สีหน้าของหลิงเหยาดูเจ็บปวดเล็กน้อย หลิ่วจื่อพูดเบาๆว่า: “เธอแพ้แล้ว!”
หลิงเหยากัดฟันพูดว่า “ฉันยังไม่แพ้!”
หลิ่วจื่อส่ายหัวเล็กน้อย และฝ่ามือสัมผัสใบหน้าของหลิงเหยาโดยตรง
หลิงเหยาต้องการที่จะขัดขืน แต่กลับไม่สามารถทำอะไรได้
มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า พลังสีเขียวเริ่มพุ่งเข้าสู่ในร่างกายของหลิงเหยา
หลิงเหยาค่อยๆหมดสติลงไปกับพื้น
เมื่อลู่ฝานเห็นเช่นนี้ ก็ปล่อยกระบี่หนักไร้คมในมืออย่างช้าๆ
โชคดี หลิ่วจื่อไม่ได้ลงมือฆ่า
แม้ว่าผู้หญิงคนนี้ จะดูเหมือนเย็นชาไปบ้าง แต่จิตใจก็ยังใช้ได้ และไม่ใช่คนเลือดเย็น
หลิ่วจื่อทำทั้งหมดนี้เสร็จแล้ว ก็เตรียมพร้อมที่จะหันหลังออกไป
ครั้งนี้ แม้ว่าเธอจะชนะแบบหักมุมบ้าง แต่เป็นเรื่องน่ากลัวแต่ปลอดภัย
ช่องว่างของความแข็งแกร่งก็อยู่ที่นี่ และไม่มีใครสามารถโต้แย้งได้
เสียงเพลงของหลิงเหยาจัดการกับนักบู๊ปราณฟ้า และเซียนบำเพ็ญชี่เหล่านั้นก็ยังใช้ได้ แต่จัดการกับอริยปราชญ์ที่แท้จริงอย่างเธอ ยังดูอ่อนแออยู่เล็กน้อย
ต่อให้จะเพิ่มสัตว์อสูรที่ดีตัวหนึ่ง แต่ก็ไม่มีโอกาสอะไรที่จะได้รับชัยชนะ
ฝูงชนด้านล่าง เสียงปรบมือดังก้องขึ้น และโห่ร้องขึ้นมา
การแสดงของหลิ่วจื่อกับหลิงเหยาสร้างความเพลิดเพลินให้กับผู้ที่รับชม
“ขนาดท่วงท่าก็สวยงามขนาดนี้!”
“สวยมาก เมื่อกี้นี้ชุดของนางฟ้าแห่งเสียงสวรรค์คืออะไร สวยมาก!”
“นั่นเรียกว่าเสื้อคลุมฟีนิกซ์หนีเฉิง แต่ว่าชุดก็ต้องดูคนใส่ด้วย นางฟ้าแห่งเสียงสวรรค์หน้าตาสวยมาก!”
“นี่คือพลังแห่งความงดงาม!”
ฝูงชนยังคงพูดคุยกัน สำหรับพวกเขา อันที่จริงการประลองครั้งนี้ไม่มีผู้ชนะ
แต่ในเวลานี้ หลิ่วจื่อก็หยุดฝีเท้าลงอย่างกะทันหัน สีหน้าประหลาดใจ เธอรู้สึกถึงพลังที่แตกต่างมาจากด้านหลัง
นี่เป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อ หลิ่วจื่อหันหน้ากลับมาในทันที ก็เห็นหลิงเหยาหลับตาลง และยื่นนิ้วไปหาเธอ
ค่อยๆชี้ไปกลางอากาศ พลังวิญญาณอันทรงพลังออกมาโดยตรงพร้อมกับแสงสีทอง
เมื่อลู่ฝานเห็นท่วงท่านี้ รู้สึกตกใจอย่างมาก
ห่างไกลมากขนาดนี้ เขาก็รู้สึกว่าตัวเองค่อนข้างอกสั่นขวัญหาย ท่านี้ของหลิงเหยาคืออะไร?
หลิ่วจื่อยังไม่ทันตั้งสติได้ คนทั้งคนก็นิ่งอยู่กับที่
จากนั้น สายตาก็กลายเป็นหย่อนยาน เบิกตากว้างมองดูหลิงเหยา และพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “เธอ……เธอ…….”
หลิงเหยายังคงหลับตา และไม่พูดอะไร
หลิ่วจื่อพูดคำว่าเธอเป็นเวลานาน ก็ไม่ได้พูดคำต่อไปออกมาได้อีก แหงนหน้าล้มลงอยู่บนพื้น
แสงจันทร์หายไป พลังทั้งหมด หยกจันทร์เสี้ยวบนคอของหลิ่วจื่อกระทบกับหิน ทำให้เกิดเสียงกรุ๊งกริ๊ง
หลังจากที่หลิงเหยาทำทุกอย่างเสร็จ ดูเหมือนว่าจะใช้พลังของตัวเองไปทั้งหมด ก็แหงนขึ้นล้มลงกับพื้น
ทุกคนเงียบสนิท แม้แต่สามอริยบุคคลก็ตะลึงไปครู่หนึ่ง
พวกเขาก็ไม่เข้าใจว่า นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ผู้แข็งแกร่งทั่วโลก ถ้าหากมีใครสักคนหนึ่งเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น นั่นก็คือคุณชายเฟิงเทียน
คุณชายเฟิงเทียนปรบมือเบาๆ ยิ้มอย่างมีความสุขมาก
“วิญญาณตื่นขึ้น เร็วมากเลยนะ ดูเหมือนว่าเธอจะหาคนแห่งโชคชะตาเจอแล้ว คือเงามืดหรือเปล่า? เป็นสองคนที่โชคดีจริงๆ!”
ด้านหลังของคุณชายเฟิงเทียน กลุ่มผู้อาวุโสพยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำอีก
ในนั้น ผู้อาวุโสที่มีใบหน้าซีกเดียวพูดว่า: “ธิดาเทพในโลก ด้วยแสงมืดที่แข็งแกร่งที่สุด ห้าธาตุรองลงมา ธิดาเทพแห่งแสงผู้นี้คืออริยบุคคลโดยกำเนิด แล้วก็ตามหาคนแห่งโชคชาตะของตัวเองอีก อนาคตนั้น ไร้ขีดจำกัด ขอแสดงความยินดีกับจิตใจเต๋าสำนักมารด้วย ได้ผู้แข็งแกร่งมาอีกคน!”
คุณชายเฟิงเทียนส่ายหัวพูดว่า “คุณพูดถูกเพียงครึ่งเดียว อริยบุคคลโดยกำเนิดไม่มีในโลก เธอเกิดมาพร้อมกับจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งเท่านั้น คุณอาจไม่รู้ว่า พลังแบบนี้ อยู่ในบางประเทศ ก็สามารถรับการถ่ายทอดได้ ตัวอย่างเช่นฉันก็รู้ว่ามีอยู่ในประเทศเป่ยเสินทางแดนตะวันออก ธิดาเทพได้รับเลือกในสมัยอดีต และสามารถเรียนรู้พลังอย่างหนึ่งได้อย่างแน่นอน แค่รอคอยให้พวกเธอหาคนแห่งโชคชาตะกลับมา ก็สามารถรับการถ่ายทอดได้อย่างสมบูรณ์ และกระโดดไปสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เฟิงเทียนหัวเราะสองครั้งและพูดว่า “ช่างเป็นวิธีการที่โง่เขลามากเลย ไม่ได้รับการถ่ายทอดที่สมบูรณ์ ยังต้องการตามหาคนแห่งโชคชะตา มันเป็นเรื่องแปลกจริงๆ ต่อให้ตามหานับพันปี เกรงว่าอาจไม่มีผลลัพธ์ มองดูธิดาเทพแห่งแสงคนนี้ ดวงดีเป็นอย่างมาก อายุยี่สิบกว่า ก็ตื่นขึ้นมา เธอจะเป็นนายพลอันดับหนึ่งของฉัน กวาดล้างโลกให้หมดสิ้นเพื่อฉัน และนำความสงบสุขมาสู่โลก!”
ผู้อาวุโสที่มีใบหน้าซีกเดียวพูดด้วยรอยยิ้มว่า: “แต่ว่า เธอจะตกลงมั้ย? แค่ความสัมพันธ์ของเธอกับเงามืด เกรงว่าค่อนข้างยากนะ!”
เฟิงเทียนพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เธอจะต้องตกลง เพราะฉันจะให้เหตุผลที่เธอปฏิเสธไม่ได้!”
บนเกาะ ทั้งสองนอนลงเป็นเวลานานก็ไม่มีใครหามพวกเธอลงจากเวที
เพราะไม่มีใครรู้ว่า เดี๋ยวพวกเธอจะลุกขึ้นมาอีกหรือไม่
ยิ่งไปกว่านั้น ชนะหรือแพ้ ดูเหมือนจะแยกไม่ออกนะ!
หลังจากรออยู่ครู่หนึ่ง เห็นว่าทั้งสองคนหมดสติไปแล้ว และไม่มีความตั้งใจที่จะลุกขึ้นอีก
คนของประเทศติงอวี้ ถึงได้หามหลิ่วจื่อไป ลู่ฝานถึงได้รีบหามหลิงเหยาลงเวทีไปพร้อมกับศิษย์พี่ใหญ่และคนอื่นๆ
วางฝ่ามือบนหน้าผากของหลิงเหยา ลู่ฝานรู้สึกถึงสภาพในร่างกายของหลิงเหยา และพบว่าทุกอย่างเป็นปกติในทันที
หลิงเหยาก็ฟื้นขึ้นมา หลังจากถูกปลุกเร้าปราณชี่
หลิงเหยาเบิกตากว้าง มองไปที่ลู่ฝานพูดว่า: “ทำไม ฉันแพ้เหรอ?”
หานเฟิงหัวเราะฮ่าฮ่าและพูดว่า “เธอชนะแล้ว! เธอช่วยล้างแค้นให้ฉัน!”
หลิงเหยาดูงุนงง ชี้ไปที่ตัวเองแล้วพูดว่า“ฉันชนะแล้ว?”
ลู่ฝานพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เธอสู้กับหล่อนได้เสมอกัน จากนั้นคาดการณ์ว่าจะถูกคัดออก!”
หลิงเหยาแลบลิ้นแล้วพูดว่า “แบบนี้ ดูเหมือนว่าฉันก็ไม่ได้แย่มากนะ”
เมื่อพูดแบบนี้ หลิงเหยาก็โน้มตัวเข้าไปข้างหูของลู่ฝานแล้วพูดว่า “ลู่ฝาน ร่างกายของฉันดูเหมือนจะแตกต่างจากเมื่อก่อน?”
ลู่ฝานดูประหลาดใจและพูดว่า “แตกต่างอะไร? เธอท้องเหรอ?”
ใบหน้าของหลิงเหยาแดง ตบหน้าผากของลู่ฝานแล้วพูดว่า “ท้องกับผีหัวโตอย่างนายนะสิ ฉันว่า ฉันรู้สึกว่า ช่วงนี้ในร่างกายของฉันค่อยๆมีพลังบางอย่างที่ฉันไม่เข้าใจ!”
เมื่อพูดเช่นนั้น หลิงเหยาแตะมือของลู่ฝานอย่างกะทันหัน
ลู่ฝานรู้สึกได้ทันทีถึงพลังโลกในร่างกายก็ปั่นป่วนตาม
นี่คือ…….