เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 1935 ของศักดิ์สิทธิ์สี่อย่าง
เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า นิยาย บท 1935
ลู่ฝานลากหนานกงสิงมาที่มุมตำหนักหมิงฉี่
ปล่อยปราณชี่ ไร้ฟ้าดิน
ปราณชี่ดันพลังฟ้าดินรอบๆ ออกไป ทั้งสองคนหายไปอย่างไร้ร่องรอย
ตอนนี้เมื่อลู่ฝานใช้กระบวนท่านี้ แม้แต่หนานกงสิงยังเห็นม่านแสงรำไรอย่างชัดเจน
ลู่ฝานขยับปากส่งกระแสจิตพูดกับหนานกงสิง “ห้ามพูด!”
หนานกงสิงพยักหน้ารับรู้ ตอนนี้ห้ามโดนจับได้เด็ดขาด ไม่งั้นซวยแน่!
ตึกๆๆๆ!
เสียงฝีเท้าดังขึ้นชัดเจน แสงจันทร์ส่องลงบนตัวผู้อาวุโสซู่มั่น ทำให้เงาของเธอยืดยาว
เงาของผู้อาวุโสซู่มั่นปรากฏในสายตาหนานกงสิงกับลู่ฝาน
สีหน้าลู่ฝานเกิดความสับสนเล็กน้อยทันที
อันที่จริงลู่ฝานเตรียมสู้เรียบร้อยแล้ว
ถ้าคนที่เข้ามาเป็นคนอื่น ไม่แน่เขาอาจลงมือตอนนี้เลย
แต่มีเพียงผู้อาวุโสซู่มั่นที่ทำให้ลู่ฝานลังเลเล็กน้อย
ไม่ใช่เพราะผู้อาวุโสซู่มั่นช่วยเหลือเขา เพราะในจดหมายที่อาจารย์หวูเฉินให้เขา บอกว่าเขาเชื่อใจผู้อาวุโสซู่มั่นได้
แม้ลู่ฝานไม่เข้าใจว่าเพราะอะไร จากการคาดเดาของเขาเอง ผู้อาวุโสซู่มั่นต้องมีความสัมพันธ์กับอาจารย์หวูเฉินแน่ๆ ผู้อาวุโสซู่มั่นมีแหวนผู้อาวุโสสำนักจิ่วเซียวอยู่ในมือ มาจากสำนักเดียวกับเขา
เมื่อเป็นเช่นนี้ เขาจึงลงมือกับผู้อาวุโสซู่มั่นไม่ได้
“ใครบังอาจขนาดนี้!”
ผู้อาวุโสซู่มั่นเห็นในตำหนักหมิงฉี่เต็มไปด้วยศพ เธอพูดออกมาด้วยสีหน้าโมโห
หนานกงสิงส่งกระแสจิตพูดข้างๆ ลู่ฝาน “สหายลู่ฝาน เธอจะไม่เห็นเราใช่ไหม ค่ายกลของนายไว้ใจได้หรือเปล่า!”
หนานกงสิงเห็นผู้อาวุโสของผู้ฝึกชั่วร้ายเข้ามา เขาดูกังวลอย่างเห็นได้ชัด
ในความทรงจำของเขา ผู้อาวุโสของผู้ฝึกชั่วร้ายคือผู้แข็งแกร่งอย่างแท้จริง
อย่างน้อยก็เป็นยอดฝีมือชั้นยอดในบรรดาอริยปราชญ์ ฆ่าพวกเขาสองคนได้อย่างง่ายดาย
ลู่ฝานไม่ได้ตอบหนานกงสิง เพราะเขาไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่ใช้ปราณชี่
เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าผู้อาวุโสซู่มั่นจะเห็นกระบวนท่านี้หรือเปล่า
ลู่ฝานกำลังเดิมพันเหมือนกัน ในใต้หล้านี้มีแค่เขากับอาจารย์ที่ใช้ปราณชี่เป็น
ผู้อาวุโสซู่มั่นน่าจะจับไม่ได้!
ผู้อาวุโสซู่มั่นเดินช้าๆ สำรวจดูศพรอบๆ
สีหน้าเธอเคร่งขรึมทันที
จู่ๆ ผู้อาวุโสซู่มั่นจงใจพูดเสียงดัง “วิชาวิญญาณไม่เลว นายก็เป็นคนของวิถีปีศาจเหรอ เท่าที่ฉันรู้ วิชานี้มีแค่ไม่กี่คนในใต้หล้าที่ใช้เป็น!”
ผู้อาวุโสซู่มั่นพูดพลางปล่อยแสงสว่างจ้าออกจากตัว
ลู่ฝานไม่รู้จะอธิบายแสงนี้ยังไงเหมือนกัน เหมือนแสงเก้าสีฟ้าดินอยู่ในนั้น แต่ก็เหมือนแสงนี้โปร่งใส
ความสว่างจ้าแบบนี้ ทำให้ลู่ฝานรู้สึกอยากกระอักเลือดออกมา
หนานกงสิงแย่กว่าเขาเยอะ เลือดไหลออกมาจากมุมปาก สีหน้าซีดเผือด ตัวสั่นไปทั้งตัว
ลู่ฝานรีบเอามือข้างหนึ่งวางบนไหล่หนานกงสิง ใส่ปราณชี่เข้าไป ช่วยหนานกงสิงต้านทานพลังนี้
แค่มองเพียงแวบเดียวก็มีพลานุภาพขนาดนี้
ลู่ฝานจินตนาการไม่ออกเลยว่าถ้าพลังนี้โจมตีบนตัว แม้ร่างอมตะหรือร่างห้าธาตุ ก็ต้องโดนฆ่าตายแน่นอน
พลังแห่งเต๋าอันยิ่งใหญ่!
ต้องเป็นพลังแห่งเต๋าอันยิ่งใหญ่แน่ๆ!
แม้ลู่ฝานดูไม่ออกว่าคือเต๋าอันยิ่งใหญ่ประเภทไหน
แต่ไม่ด้อยกว่าเต๋าอันยิ่งใหญ่แห่งชีวิตของประมุขประเทศตันเซิ่งแน่นอน พลังอันตรายเช่นนี้ แข็งแกร่งกว่าเต๋าอันยิ่งใหญ่แห่งชีวิตไม่รู้ตั้งเท่าไร
พลังฟ้าดินรอบๆ เริ่มหดตัว
ลู่ฝานรู้สึกว่าปราณชี่ของตัวเองโดนดันกลับมาอย่างรวดเร็วเช่นกัน
ลู่ฝานกัดฟันพยายามรักษาปราณเกราะกระจายพลังเอาไว้
ถ้าปราณเกราะนี้โดนทำลาย ทั้งสองคนจะปรากฏตัวต่อหน้าผู้อาวุโสซู่มั่นทันที
ถ้าเป็นเช่นนั้น ชีวิตพวกเขาจะตกอยู่ในกำมือของผู้อาวุโสซู่มั่น
ลู่ฝานไม่ยอมให้เป็นแบบนั้นหรอก!
แสงน่ากลัวบนตัวผู้อาวุโสซู่มั่นสว่างอยู่นานมาก จากนั้นจึงหยุดลง
เสื้อผ้าลู่ฝานเปียกซกไปด้วยเหงื่อ เหมือนเพิ่งโดนดึงขึ้นมาจากน้ำ
เมื่อพลังของผู้อาวุโสซู่มั่นหายไป ตัวลู่ฝานโงนเงน หนานกงสิงรีบประคองเขาไว้
ผู้อาวุโสซู่มั่นหันมองรอบๆ ความดุดันในแววตาหายไป
เหมือนเธอไม่เห็นลู่ฝานกับหนานกงสิง เธอเหาะไปทางม่านแสงมากมาย
กวาดตามองม่านแสงรอบๆ สีหน้าผู้อาวุโสซู่มั่นเริ่มดีขึ้น
หนานกงสิงส่งกระแสจิตพูดว่า “สหายลู่ฝาน เหมือนเธอดูโล่งอก อย่าบอกนะว่าม่านแสงพวกนั้นมีความลับอะไรอีก”
ลู่ฝานส่ายหน้าบอกว่าไม่รู้
ขณะนั้นจู่ๆ ผู้อาวุโสซู่มั่นเหวี่ยงมือ ม่านแสงนับไม่ถ้วนรวมตัวกันทันที
เห็นด้วยตาเปล่าว่าม่านแสงผสานกันอย่างต่อเนื่อง
แสงทั้งตำหนักหมิงฉี่เริ่มมืดลง
จู่ๆ ม่านแสงทั้งหมดรวมตัวเป็นประตูสีดำบานหนึ่ง
ลู่ฝานเห็นภาพนี้แล้วส่ายหน้ายิ้มแหย ส่งกระแสจิตพูดกับหนานกงสิงว่า “นายพูดถูกแล้ว ยังมีความลับอีกจริงๆ!”
จากนั้นผู้อาวุโสซู่มั่นยื่นมือไปทางประตู
ฝ่ามือทะลุเข้าไปในประตู หัวใจที่ยังเต้นอยู่หนึ่ง ดวง กระดูกประหลาดหนึ่งอัน หยดเลือดที่มีแสงสีดำ-แดงแวววาวหนึ่งหยด มุกสีดำขลับเหมือนท้องฟ้ายามค่ำคืนหนึ่งเม็ด
ผู้อาวุโสซู่มั่นมองของสี่อย่างนี้อย่างละเอียด เหมือนกำลังยืนยันว่าของสี่อย่างนี้ไม่ได้โดนคนแอบสับเปลี่ยน
ลู่ฝานเบิกตาโต เขาอึ้งมาก
หนานกงสิงมองของสี่อย่าง ใบหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย
เขาดูออกว่าของสี่อย่างนี้น่าจะเป็นของศักดิ์สิทธิ์ของผู้ฝึกชั่วร้าย ต้องเป็นสมบัติล้ำค่าของจิตใจเต๋าสำนักมารแน่ๆ แต่เขาจำไม่ได้ว่าของพวกนี้คืออะไร
ส่วนเหตุที่ลู่ฝานตะลึงขนาดนี้ เพราะเขารู้จักของหนึ่งอย่างภายในนั้น
นั่นก็คือหัวใจปีศาจสวรรค์ที่โดนจอมมารทั้งสี่ขโมยไปที่เมืองหยุนไห่!
ลู่ฝานยังจำได้ว่าอู่คงหลิงเคยพูดเรื่องนี้กับเขา!
ตอนนั้นอู่คงหลิงบอกเขาว่ามีข่าวลือว่าจิตใจเต๋าสำนักมาร ได้ของศักดิ์สิทธิ์สี่อย่างที่ทำให้เทพปีศาจสวรรค์ฟื้นคืนชีพแล้ว ขาดแค่ชิ้นสุดท้าย ก็จะรวบรวมของในตำนานครบ
ดูเหมือนอู่คงหลิงจะพูดจริง
ถ้าเขามองไม่ผิด ของสี่อย่างนี้คงเป็นของในตำนาน
หัวใจปีศาจสวรรค์ กระดูกปีศาจสวรรค์ เลือดปีศาจสวรรค์ มุกปีศาจสวรรค์
ขาดเพียงแค่อย่างเดียวคือร่างปีศาจสวรรค์ เคราะห์ดีที่ยังขาดอีกหนึ่งอย่าง
ไม่งั้นลู่ฝานรู้สึกกลัวจริงๆ ว่าโลกนี้จะไม่มีที่ให้ตอบโต้กลับอีก
ตอนนั้นตำนานเกี่ยวกับเทพปีศาจสวรรค์น่ากลัวจริงๆ แม้ความจริงพละกำลังของเทพปีศาจสวรรค์ จะมีเพียงสิบเปอร์เซ็นต์จากในตำนานก็เถอะ
แค่นี้ก็ทำให้พวกผู้ฝึกชั่วร้ายเข่นฆ่าทั้งใต้หล้าแล้ว!
เมื่อผู้อาวุโสซู่มั่นตรวจสอบของพวกนี้เสร็จแล้ว เธอค่อยๆ เก็บไว้ในอกอย่างระมัดระวัง
เหาะออกจากตำหนักหมิงฉี่ ผู้อาวุโสซู่มั่นเหวี่ยงมือ ศพในตำหนักหมิงฉี่กลายเป็นเถ้าทั้งหมด
ประตูตำหนักปิดลงเสียงดังสนั่น ลู่ฝานเก็บปราณเกราะ
หนานกงสิงพูดว่า “สหายลู่ฝาน ของพวกนั้นคืออะไรกันแน่ สำคัญมากไหม”
ลู่ฝานพยักหน้าพูดว่า “สำคัญสิ กลับไปค่อยอธิบายให้นายฟัง!”
พูดจบ ลู่ฝานเหวี่ยงมือพาหนานกงสิงกลับมาในเสามังกรเลื้อยที่โดนระเบิดอีกครั้ง แสงค่ายกลสว่างจ้า
ทั้งสองคนหายตัวไป
ด้านนอก ผู้อาวุโสซู่มั่นหันกลับมามองตำหนักหมิงฉี่ หัวเราะเบาๆ แล้วพูดว่า “ลู่ฝาน! เหอะๆ”
พูดจบ ผู้อาวุโสซู่มั่นส่ายหน้า เอาของทั้งสี่ อย่างออกมาดูอีกครั้ง
สายตาแปรเปลี่ยนเป็นล้ำลึก จู่ๆ ผู้อาวุโสซู่มั่นเอาหัวใจอีกดวงที่ยังเต้นอยู่ ออกมาจากแหวนของตัวเอง จากนั้นสลับกับหัวใจปีศาจสวรรค์ที่อยู่ในอก
จากนั้นเอาหัวใจปีศาจสวรรค์ยัดลงไปในแหวนตัวเอง
เมื่อทำทุกอย่างเสร็จ ผู้อาวุโสซู่มั่นถอนหายใจแล้วพูดว่า “หวังว่าการที่ฉันทำแบบนี้จะเป็นเรื่องที่ถูกต้องนะ”