เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 1928 สำรวจวังตอนกลางคืน
เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า นิยาย บท 1928
เมฆขาวลอยล่อง สายลมเย็นยังคงอยู่
การประลองดำเนินไปเป็นเวลาหนึ่งวันเต็ม ในที่สุดการต่อสู้ทั้ง 25 รอบสิ้นสุดลงแล้ว
ในบรรดานั้นมีการประลองที่สู้กันได้ไม่เลวเลย
อย่างเช่น ข่งหลินแห่งประเทศหวนหยู่ ฝีมือเคล็ดวิชาบู๊ลึกลับซับซ้อน ทำให้คู่ต่อสู้มึนงงไปหมด ได้รับชัยชนะมาอย่างง่ายดาย
อย่างเช่น โฉวล่วนแห่งประเทศหลงอู่ ดุดันแข็งแกร่งมาก พอเอากระบี่ยาวออกมา เสียงมังกรคำรามดังขึ้น อีกฝ่ายโดนระเบิดจนสลบไป ได้รับชัยชนะมาอย่างง่ายดายเหมือนกัน
หวงฝู่อู่ จั่วหยุนตง เย่หนานเทียนก็สู้ได้ไม่เลวเหมือนกัน
ลู่ฝานเคยได้ยินชื่อพวกนี้ เมื่อมองดูดีๆ พบว่าพละกำลังแข็งแกร่งทั้งนั้น
ถ้าสู้กับพวกเขา คิดว่าต้องเป็นการต่อสู้ที่ดุเดือดแน่ๆ
ในบรรดาการประลองพวกนี้ ลู่ฝานยังจับตามองคนคนหนึ่งด้วย
คนคนนี้สวมหน้ากาก ชื่อเขาคือเซินหั่วหวง
วิทยายุทธไม่เลว วิชากระบี่น่าทึ่ง ระหว่างเคลื่อนไหวมีท่าทางโอหังอวดดีด้วย
ลู่ฝานเห็นแล้วคุ้นตา แต่นึกไม่ออกว่าเคยเจอคนนี้ที่ไหน
เวลาหนึ่งวันมียอดฝีมือโดนคัดออกอีก 26 คน
ทำไมถึงเป็น 26 ไม่ใช่ 25 คนน่ะเหรอ
เพราะว่ามีคู่หนึ่งสู้กันโหดเกินไป แต่พละกำลังก็สู้สีกันเกิน สุดท้ายหลังจากปล่อยกระบวนท่าออกมา ทั้งสองคนบาดเจ็บสาหัสจนล้มลงพื้น ดูจากสภาพไม่น่าเข้าร่วมการต่อสู้รอบต่อไปได้อีก
ดังนั้นทั้งสองคนจึงโดนคัดออก
24 คนที่เหลือจะจับฉลากใหม่อีกครั้ง เวลาคืออีกหนึ่งวัน
อีกทั้งหลังจากจับฉลากเสร็จ จะเริ่มต่อสู้ทันที จนกว่าจะหาผู้ชนะคนสุดท้ายได้
นั่นหมายความว่าผู้ชนะมีเวลาพักผ่อนไม่มาก
การต่อสู้ต่อไป ต้องพยายามไม่ให้บาดเจ็บ เพราะถ้าบาดเจ็บ อาจทำให้ความพยายามที่ทำมาก่อนหน้านี้เสียเปล่า
เมื่อเป็นเช่นนี้ แม้แต่คนที่มีพละกำลังค่อนข้างแข็งแกร่ง อย่างเช่น ซูตง ข่งหลิน โฉวล่วนที่ทุกคนเชียร์ตอนนี้ อาจซวยจากการจับฉลาก เจอการต่อสู้ดุเดือดของผู้แข็งแกร่ง จนทำให้ไม่สามารถไปต่อได้
ทั่วทั้งประเทศฉิงเทียนกำลังพูดคุยกันว่าจะจับฉลากด้วยวิธีไหน
ในสถานการณ์แบบนี้ ผลการจับฉลากเป็นสิ่งสำคัญมาก ดังนั้นทุกคนหวังว่าการจับฉลากครั้งนี้จะยุติธรรมและโปร่งใส
แต่ตอนที่ทุกคนกำลังคุยเรื่องการจับฉลาก ในจวนองค์ชายใหญ่ ลู่ฝานและคนอื่นกลับมีความคิดต่างออกไป
ค่ำคืนอันเงียบสงบ จันทร์สว่าง ไม่ค่อยมีดวงดาว
ลู่ฝานกับหนานกงสิงนั่งอยู่บนหลังคา ทอดมองวังของประเทศฉิงเทียน
“สหายลู่ฝาน แพ้ชนะตัดสินกันที่ครั้งนี้ เชื่อฉันเถอะ ฉันจะเอาข่าวดีกลับมาฝาก”
หนานกงสิงแววตาลุกโชน กำหมัดแน่น
ลู่ฝานมองหนานกงสิงแล้วพูดว่า “นายแน่ใจเหรอว่าเหลียงเกิ่งพึ่งได้”
หนานกงสิงตอบว่า “ฉันเตรียมเรื่องนี้มาเดือนกว่าแล้ว ไม่ว่าเหลียงเกิ่งจะหลอกฉันหรือเปล่า ยังไงฉันต้องลองดูสักตั้ง นี่คือโอกาสดีที่เราจะสืบได้อย่างชัดเจนว่าผู้ฝึกชั่วร้ายจะทำอะไรกันแน่”
ลู่ฝานถอนหายใจแล้วพยักหน้า “งั้นก็ดี นายต้องระวังมากๆ ถ้าเหตุการณ์ผิดปกติ รีบกลับมาทันที ไม่ต้องลังเล ฉันรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไร ผู้ฝึกชั่วร้ายจัดการต่อสู้ต่อไปเร่งด่วนขนาดนี้ ฉันเดาว่าพวกเขาคงเตรียมแผนเรียบร้อยหมดแล้ว”
หนานกงสิงฉีกยิ้มแล้วพูดว่า “นายคิดเหมือนฉันเลย ดังนั้นเราต้องรีบหาความจริงเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด สหายลู่ฝาน นายคิดจะไปหาสามอริยบุคคลแล้วบอกเรื่องนี้ไหม ไม่ต้องพูดเรื่องฐานะนาย แค่เรื่องผู้ฝึกชั่วร้าย แบบนี้จะง่ายกว่าไหม!”
ลู่ฝานส่ายหน้า “เปล่าประโยชน์ อย่าว่าแต่สามอริยบุคคลจะไม่เชื่อเรา ถึงพวกเขาเชื่อแล้วยังไง ไม่มีอะไรนอกจากให้พวกผู้ฝึกชั่วร้ายอาละวาดเร็วขึ้น นายลองคิดดูสิ พวกผู้ฝึกชั่วร้ายพาพวกผู้แข็งแกร่งในใต้หล้ามาประเทศฉิงเทียนได้ พวกเขาจะกลัวสามอริยบุคคลเหรอ แค่ไม่มีใครรู้ว่าผู้ฝึกชั่วร้ายจะทำอะไร ตอนจบก็ยังเหมือนเดิม เว้นเสียแต่เราจะสืบได้ก่อนและแอบเตรียมการไว้ ไม่งั้นไม่ว่าวิธีไหนก็ใช้ไม่ได้ นายดูสิ ฉันแจ้งหอฝึกสัตว์ไปแล้ว มีประโยชน์อะไรสักนิดไหม ไหนคนของหอฝึกสัตว์ล่ะ”
หนานกงสิงพยักหน้าเข้าใจ ถอนหายใจแล้วพูดว่า “หอฝึกสัตว์คงทำเหมือนเราแน่ๆ ตอนนี้ไม่มีใครกล้าทำอะไรบุ่มบ่าม คิดแล้วฉันก็ขำ สหายลู่ฝาน นายเห็นไหมว่าชะตาของทั้งใต้หล้า อาจอยู่ในมือของนายกับฉัน”
ลู่ฝานได้ยินแล้วอึ้งไปก่อน จากนั้นหัวเราะแล้วพูดว่า “ฉันไม่เคยคิดเรื่องนี้เลย บางทีอาจเป็นเหมือนที่นายพูด ชะตาของทั้งใต้หล้าอยู่ในมือฉันกับนาย ส่วนพวกเราก็ทำให้ดีที่สุด แล้วแต่ฟ้าลิขิต”
หนานกงสิงพยักหน้าหัวเราะ “ฉันไปละ สหายลู่ฝาน ถ้าฉันตายหรือไม่ได้กลับมา ช่วยหาศพฉันด้วย อย่าให้ฉันกลายเป็นผู้ฝึกชั่วร้ายหรือเป็นหุ่นเชิดของผู้ฝึกชั่วร้าย!”
ลู่ฝานพยักหน้า “เข้าใจแล้ว ให้ฉันไปกับนายเลยไหมล่ะ”
หนานกงสิงยิ้มแล้วโบกมือไปมา “ถ้านายไป เป้าหมายจะใหญ่เกินไป ตอนนี้นายเป็นคนดังในใต้หล้านะ มีสายตามากมายจับจ้องการเคลื่อนไหวของนาย แม้แต่ส่วนในของผู้ฝึกชั่วร้ายยังหวาดระแวงนายตลอดเวลา ให้ฉันไปเองเถอะ”
หนานกงสิงพูดพลางเอาอะไรบางอย่างออกมายัดใส่มือลู่ฝาน
ลู่ฝานมองมวลแสงในมือแล้วพูดว่า “นี่อะไร”
หนานกงสิงพูดว่า “นี่คือกุญแจทรัพย์สินส่วนตัวของฉัน นายรู้ใช่ไหมว่าฉันซ่อนของไว้ที่ไหน ถ้าฉันไม่ได้กลับมา ของพวกนั้นเป็นของนายทั้งหมด ในนั้นมีของดีของสำนักที่ 15 นายต้องเอาไปให้หมด อย่าเหลือไว้ให้พวกผู้ฝึกชั่วร้าย”
พูดจบ หนานกงสิงยิ้มบางๆ กระโดดลงจากหลังคาแล้วหายไปบนท้องฟ้าอันมืดมิด
ลู่ฝานมองมวลแสงในมืออยู่นาน
……
หลังจากหนานกงสิงออกไปได้ไม่นาน เงาคน 2-3 คนแอบเข้ามาในวัง
ซ่อนพลังไว้ คนพวกนี้หลบองครักษ์ทั้งหมดเหมือนผี
ระดับความเร็ว ความว่องไวในการเคลื่อนไหว ทำให้คนถึงกับอึ้งจริงๆ
อีกทั้งตอนพวกเขาเคลื่อนตัวไปข้างหน้า มีพลังหยินหยางขาวดำกะพริบใต้เท้ารางๆ
คนพวกนี้เป็นผู้แข็งแกร่งระดับอริยปราชญ์
“ทำไมที่นี่พลังแข็งแกร่งขนาดนี้ ฉันรู้ว่าประเทศฉิงเทียนมียอดฝีมือไม่น้อย แต่ก็ไม่น่าแข็งแกร่งถึงขั้นนี้นะ ฉันสัมผัสได้ว่ามีพลังยิ่งใหญ่ซ่อนอยู่ที่นี่”
“ฉันว่ามีโอกาสเป็นไปได้สูงว่าอริยบุคคลอยู่ที่นี่ ดังนั้นเราต้องรีบสู้รีบจบ ห้ามล่ออริยบุคคลของประเทศฉิงเทียนออกมาเด็ดขาด ไม่งั้นเราตัวระเบิดตายแน่”
“เข้าใจแล้ว ฆ่าซูตงเสร็จแล้วแยกย้ายเลย ฉันไม่เชื่อหรอกว่าเธอจะเชิญอริยบุคคลมาคุ้มกันข้างกายได้”
“หึ กล้าฆ่าชวีซานประเทศเฟิงหยู่ของเรา เธอต้องชดใช้ พระองค์สั่งว่าต้องเอาหัวซูตงกลับไป ไม่งั้นเราซวยแน่”
“วางใจเถอะ เราร่วมมือกันโจมตี ซูตงต้องตายแน่ๆ”
เมื่อพูดจบ เงาดำรีบพุ่งเข้าไปในวัง
ตอนนี้หนานกงสิงเจอเหลียงเกิ่งที่มารอนานแล้ว
“พร้อมหรือยัง”
“พร้อมทุกอย่างแล้ว!”
“งั้นไปกันเถอะ!”