เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 1911 ฆ่าอริยปราชญ์
เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า นิยาย บท 1911
ลมยามค่ำส่งเสียงคำราม เสื้อผ้าพัดสะบัด ทั้งสองคนลอยอยู่กลางอากาศ
พลังฟ้าดินพวยพุ่งอยู่ในมือของผู้อาวุโสห้า ทั้งร่างกายเต็มไปด้วยพลังเต๋ารุนแรง
เขตวิถีของทั้งสองปะทะกันที่กลางอากาศไม่หยุด
ดูจากระดับสายตาที่เฉียบแหลม เขตวิถีของผู้อาวุโสห้านำหน้าลู่ฝานไปไกล การยักย้ายและเปลี่ยนแปลง เปลวไฟพลังเต๋าพลุ่งพล่านราวกับกระแสน้ำ ปกคลุมพื้นที่ แซงหน้าลู่ฝานไปไม่รู้เท่าไหร่ อย่างน้อยดูจากไกลๆ เขตวิถีที่รุนแรงของผู้อาวุโสห้า ก็เหมือนน้ำทะเลปรากฏอยู่กลางอากาศ เขตวิถีของลู่ฝานก็เหมือนเรือรำเล็ก ที่ถูกกระแสน้ำพัดกระหน่ำไม่หยุด
แต่ระดับความแข็งแกร่งเขตวิถีของลู่ฝานดียิ่งกว่า
ไม่ว่าเขตวิถีของผู้อาวุโสห้าจะพุ่งโจมตีอย่างไร ลู่ฝานก็ยังตั้งตระหง่านไม่ขยับเขยื้อน
เขาก็เหมือนก้อนหินก้อนใหญ่ ตั้งอยู่ระหว่างท้องฟ้าและพื้นดิน มองสีหน้าของผู้อาวุโสห้าที่ปวนแปรไปอย่างรวดเร็ว
“คิดไม่ถึง เวลาสั้นๆ ไม่ถึงสองปี ฝีมือของนาย เพิ่งขึ้นจนถึงขั้นนี้ ทำให้คนรู้สึกตกตะลึง!”
ผู้อาวุโสห้ามือซ้ายไพล่ไปด้านหลัง ลู่ฝานมองแค่แวบเดียวก็รู้แล้วว่าผู้อาวุโสกำลังยื้อเวลา เตรียมตัวที่จะแอบปล่อยวิชาที่รุนแรง
ท่วงท่าแบบนี้ ตัวลู่ฝานเองก็เคยใช้มาก่อน อยากหลอกเขาเป็นไปได้ยาก!
ลู่ฝานยิ้มกริ่ม ขี้เกียจจะตอบคำพูดของผู้อาวุโสห้า
เขาพุ่งตรงไปทางผู้อาวุโสห้า กระบี่หนักไร้คมในมือแกว่งออกไปทันที
“พลังความเป็นความตายวนเวียน ครั้งที่ห้าพิฆาตนรก!”
แสงกระบี่พุ่งออก แยกเขตวิถีของผู้อาวุโสห้าออกจากกันในทันที
แรงระเบิดของปราณชี่ แสดงพลังออกมาจนทำให้อริยปราชญ์ต้องตกตะลึง
ผู้อาวุโสตกตะลึงกับปราญชี่เฉียบคมถึงเพียงนี้ของลู่ฝาน นี่มันไม่ใช่ความสามารถของนักบู๊ปราณฟ้าหรือเซียนบำเพ็ญชี่ควรจะมี
แสงกระบี่แฝงไปด้วยพลังความเย็นเยือก ผู้อาวุโสห้าสัมผัสได้ถึงเจตนาสังหารบนกระบี่
ถ้าหากเขาอยากจะใช้ร่างห้าธาตุสกัดกั้นกระบวนท่าของลู่ฝาน ผลลัพธ์มีแนวโน้มสูงที่จะถูกลู่ฝานฆ่าโดยตรง
ผู้อาวุโสห้ารีบแยกร่าง จุดไฟจำนวนนับไม่ถ้วนกระจายไปรอบด้าน หลบหลีกกระบี่ที่แข็งแกร่งของลู่ฝาน
จุดที่แสงกระบี่แกว่งผ่าน หลุมดำปรากฏขึ้นเป็นแถบแถมยังมีแรงดึงดูดรุนแรง แต่ก็ยังไม่ทำให้ผู้อาวุโสห้าได้รับบาดเจ็บ
จุดไฟรวมตัวเข้าด้วยกันใหม่อีกด้านหนึ่ง ในมือของผู้อาวุโสห้ามีลำแสงค่ายกลต่อตัวขึ้น
“เปลวไฟ!”
ลู่ฝานเลิกคิ้ว ขณะเดียวกันก็ยื่นมือซ้ายออกไป
“วิชาหนึ่งเดียวแดนไกลโพ้น หนึ่งคำหมื่นวิธี เผชิญ!”
ลำแสงสองเส้นปะทะกันกลางอากาศ ส่องสว่างทั่วท้องฟ้ายามค่ำคืนในทันที
ผู้อาวุโสห้าสีหน้าเคร่งขรึม ในดวงตาแฝงไปด้วยแสงเย็นเยือก เขาพลิกข้อมือ ลำแสงรวมตัวกัน
ผู้อาวุโสห้าพูดในใจ “ความสามารถแข็งแกร่งและเลื่อนขั้นได้เร็วถึงขนาดนี้ เก็บไว้ไม่ได้!”
ตรงฝ่ามือมีอักษรยันต์ที่สลับซับซ้อนปรากฏขึ้น
ผู้อาวุโสห้าเตรียมจะใช้วิชาที่แข็งแกร่งที่สุดของตัวเอง
ก่อนที่จะมาเขาไม่เคยคิดเลยว่าฝีมือของลู่ฝานเพียงพอที่จะทำให้เขาสู้จนตัวตาย
แต่ตอนนี้ตัดสินใจไปแล้วไม่สามารถที่จะหยุดยั้งได้แล้ว
ที่นี่ไม่ใช่ประเทศตันเซิ่ง หากยืดเยื้อต่อไปแบบนี้ ต่อให้เขาเอาชนะลู่ฝานได้ แต่ก็ต้องถูกองครักษ์ที่ตามมาจับได้แน่
เขาไม่เชื่อหรอกว่าภายในประเทศฉิงเทียน ไม่มีอริยปราชญ์ยอดฝีมือเหมือนกับเขา!
พลังของทั้งสองคน พัวพันอยู่ด้วยกัน ส่งเสียงฉีกขาดออกมาอย่างต่อเนื่อง
ผู้อาวุโสห้าแอบกัดฟัน ลำแสงในมือได้ปีนขึ้นไปสู่จุดสูงสุด
“ตายซะเถอะ!”
ผู้อาวุโสห้าตะโกนเสียงเบา
แต่ในตอนที่เขาเตรียมจะปล่อยลำแสงออกไป จู่ๆ รู้สึกได้ว่าพลังชี่ภายในร่างกายของตัวเองย้อนกลับ
เหตุการณ์แบบนี้ ทำให้แสงพลังชี่ที่เขารวบรวมขึ้นมืดสลัวลงทันที ขณะเดียวกันเขตวิถีที่ปล่อยออกไปก็เริ่มลดขนาดอย่างรวดเร็ว
ปัง!
จู่ๆ พลังชี่ภายในร่างกายผู้อาวุโสห้ารวมตัวกันเป็นก้อน จากนั้นเริ่มปะทะไปทั่ว
ยังไม่รอให้เขาตอบสนอง พลังชี่ของเขากลับระเบิดออก
ผู้อาวุโสพ่นเลือดออกมาแล้วถอยหลังไปหลายก้าว
ขณะเดียวกัน กระบี่หนักตกลงมาจากท้องฟ้า ฟันเข้าที่บ่าของเขาอย่างแรง
ตู้ม!
ผู้อาวุโสห้าถูกกระบี่ฟาดฟัน กระแทกเข้ากับพื้นดินดังสั่นสะเทือนเลือนลั่น
ร่างห้าธาตุไม่สามารถใช้งานได้ พลังป้องกันก็ถูกกระบี่ฟันจนแหลกละเอียด
ปากกระอักเลือด พลังภายในร่างกายยุ่งเหยิงไปหมด ลมหายใจของผู้อาวุโสห้าก็ลดลงกว่าครึ่ง
ลู่ฝานลอยลงมาจากบนฟ้า กระโดดมาตรงหน้าผู้อาวุโสห้า
เขตวิถีของร่างกายครอบคลุมร่างกายของผู้อาวุโสไว้ ควบคุมเขาเอาไว้ได้อย่างสมบูรณ์
“ฆ่า!”
ลู่ฝานตะโกนเสียงเบา พลังชีวิตถูกดึงออกมาจากร่างของผู้อาวุโสห้า
เมื่อได้ยินคำนี้ ผู้อาวุโสห้าก็ตกตะลึง เหมือนกับอยู่ในจุดที่ตกใจอย่างมาก
เขาใช้พลังสุดท้าย บังคับให้พลังชีวิตอยู่บนพื้นผิวร่างกายของตัวเอง ไม่ให้ลู่ฝานแย่งไป
ผู้อาวุโสห้าจ้องมองใบหน้าของลู่ฝานแล้วพูดขึ้น “แกใช้วิธีการอะไรกันแน่? ฉันที่เป็นถึงอริยปราชญ์ กลับแพ้ให้กับแก”
ลู่ฝานพูดอย่างราบเรียบ “จากระดับฝีมือของอริยปราชญ์ทั่วไปอย่างคุณ วางแผนมาจับฉันตัวคนเดียว ฉันพูดได้แค่ว่าคุณใจกล้ามาก และก็โง่มาก!”
สีหน้าของผู้อาวุโสห้าที่แดงก่ำเปลี่ยนเป็นซีดขาวอย่างรวดเร็ว ในตอนนี้เหล่าองครักษ์ภายในพระราชวังก็มาถึงในที่สุด
“ทางนี้ เร็ว ไอ้พวกขยะ!”
หนานกงสิงโบกมือตะโกนเรียก ขณะเดียวกันอู่คงหลิงก็เดินมาด้านข้างลู่ฝาน
รู้ถึงความสามารถที่แข็งแกร่งของลู่ฝาน กับเห็นลู่ฝานเอาชนะอริยปราชญ์ได้ด้วยมือตัวเอง ความรู้สึกแบบนี้ต่างกันโดยสิ้นเชิง
แม้แต่อู่คงหลิง ในดวงตาเริ่มมีประกายขึ้นมา
สายตาที่เหมือนกับมีความเลื่อมใสเพิ่มมากขึ้น
องครักษ์ล้อมรอบผู้อาวุโสห้าเอาไว้ เมื่อเห็นว่าสถานการณ์เลวร้ายลงจนไม่อาจแก้ไขได้ ผู้อาวุโสห้าถอนหายใจพูดขึ้น “คิดไม่ถึงว่าฉันไร้อุปสรรคขวางทางมาตลอดชีวิต สุดท้ายกลับมาตายในมือของแก ฉันไม่ยอม!”
ลู่ฝานพูด “คนอ่อนแอมีชีวิตอย่างยากลำบาก ผู้แข็งแกร่งไม่ได้ตายดี นี่คือกฎเกณฑ์ของโลก และก็เป็นความจริง ผู้อาวุโสห้าอย่าคิดที่จะไถ่ถามวิชาของฉัน ยังมีคำสั่งเสียอะไรพูดออกมาให้หมดเถอะ!”
ผู้อาวุโสห้ากำมือแน่นแล้วพูดทีละคำ “แกจะฆ่าฉันจริงๆ เหรอ?”
ลู่ฝานพยักหน้า “คุณว่าอย่างไรล่ะ? ผู้อาวุโสห้า คุณดักฆ่าฉันกลางดึกเช่นนี้ ไม่ใช่คุณตายก็ฉันตาย ยังมีอะไรให้พูดอีกไหม?”
ผู้อาวุโสห้าหัวเราะเสียงดัง “งั้นแกก็เข้ามาเถอะ ฆ่าฉันเถอะ!”
ขณะพูด จู่ๆ ทุกคนเห็นร่างกายของผู้อาวุโสขยายออก
หนานกงสิงถลึงตาโต ตะโกนเสียงสูง “ถอยออก ทุกคนถอยออก! เขาจะระเบิดตัวเองแล้ว!”
ทันใดนั้นองครักษ์พระราชวังทั้งหมดพากันถอยออกไป
อริยปราชญ์คนหนึ่งระเบิดตัวเองเป็นเรื่องน่ากลัวแค่ไหน ใช้หัวเข่าก็สามารถจินตนาการออกมาได้
แต่วินาทีต่อมา ลู่ฝานโบกมือข้างหนึ่ง จากนั้นเห็นได้ว่าร่างกายของผู้อาวุโสห้ากลับหดตัวกลับไป
พรวด! กระบี่หนักไร้คมแทงเข้าในร่างกายของผู้อาวุโสห้าอย่างรุนแรง
กระบี่หนักวนรอบ ลู่ฝานทำลายตันเถียนของผู้อาวุโสห้า
จากนั้นยกมือขึ้น พลังชีวิตของผู้อาวุโสห้าก็ตกลงในมือของลู่ฝาน
“วิชามาร!”
ผู้อาวุโสห้าไม่เข้าใจวิชาของลู่ฝานสักนิด สุดท้ายเขามองลู่ฝานแล้วพูดคำนี้ออกมาอย่างตกตะลึง
ลู่ฝานมองเขา กดเสียงต่ำพูดขึ้น “นี่ไม่ใช่วิชามาร แต่เป็นวิชาที่คุณไม่เข้าใจก็เท่านั้น หนังสือซ่อนพลังชี่เคยได้ยินไหม?”
ผู้อาวุโสถลึงตาโต ตะลึงงันอย่างมาก
เห็นได้ชัดว่าเขารู้ว่า หนังสือซ่อนพลังชี่คืออะไร
ลู่ฝานยิ้มกริ่มแล้วพูดขึ้น “ลาก่อน! เป็นความกรุณาที่ได้รับการดูแลตอนที่อยู่ประเทศตันเซิ่ง ฉันจะให้คุณได้กลับสู่บ้านเกิดเมืองนอน!”
พูดจบลู่ฝานก็จับมือ
เสียงของผู้อาวุโสห้า หายไปในฝ่ามือราวกับสายลม
เสียงตะโกนอย่างแหบแห้งที่ส่งออกมา ผู้อาวุโสยื่นนิ้วออกไป ชี้หน้าลู่ฝานราวกับอยากจะพูดอะไร
แต่จนกระทั่งแสงในดวงตาหายไปหมด เขาก็พูดไม่ออกสักประโยค
ลู่ฝานดึงกระบี่หนักไร้คมออกมา ฝ่ามือที่มีแสง เช็ดเลือดที่ที่เลอะบนตัวดาบอย่างเบามือ
“ทำไมนะ เพื่ออะไรนะ!”
หนานกงสิงและคนอื่นๆ เดินกลับมาอยู่ข้างลู่ฝาน
พวกเขามีสีหน้าตกตะลึง ขณะเดียวกันก็เลื่อมใสและเกรงกลัวลู่ฝาน
แม้แต่อริยปราชญ์ระเบิดตัวเองก็ยังไม่กลัว คุณชายเงามืดเป็นผู้แข็งแกร่งในผู้แข็งแกร่งจริงๆ
องครักษ์ทุกคนมีความคิดแบบนี้ในใจ
ลู่ฝานหันไปมองพวกเขาแล้วพูดเสียงดัง “กลับไปเถอะ”
“ครับ!”
องครักษ์ทุกคนโค้งคำนับแล้วกลับไป พวกเขาเดินหายไปอย่างรวดเร็ว
หนานกงสิงนั่งยองลง มองดูร่างกายของผู้อาวุโสห้าแล้วพูดขึ้น “เขาคือคนของประเทศตันเซิ่ง?”
ลู่ฝานพยักหน้าพูด “ไม่ผิด ฉันรู้ว่าประเทศตันเซิ่งอาจจะลงมือกับฉัน แต่คิดไม่ถึงว่าจะเร็วขนาดนี้ หนานกงสิง ห่อศพนี้ให้ดีแล้วส่งไปให้ประมุขประเทศตันเซิ่ง!”
หนานกงสิงพยักหน้าอย่างเข้าใจ “จะต้องเตือนพวกเขาหน่อย วันนี้เกือบฆ่าฉันตายแล้ว”
ลู่ฝานพูด “ไม่ใช่แค่เตือน ถือโอกาสฝากบอกประมุขประเทศตันเซิ่งให้ฉันด้วย”
หนานกงสิงถาม “บอกอะไร?”
ลู่ฝานพูดอย่างเรียบเฉย “เงามืดเจ้าสำนักที่15ทักทายคุณ”
หนานกงสิง อู่คงหลิงได้ยินแบบนี้ก็ยิ้มมุมปาก