เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 1907 มีความแค้นเหรอ?
เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า นิยาย บท 1907
ลู่ฝานไม่ได้ตอบกลับ เขากลับไปนั่งที่เก้าอี้ของตัวเองช้าๆ และไม่ได้มองเฟิงเทียนอีกเลย
สำหรับผู้แข็งแกร่งที่ถนัดใช้แดนมายา มองตาเป็นการกระทำที่ไม่ฉลาดนัก
ลู่ฝานก็ไม่ได้ตอบกลับ เฟิงเทียนให้ซูตงมาเล่นกับเขา เขาไม่เข้าใจจริงๆ
เขาไม่เข้าใจเจตนาของเฟิงเทียนจริงๆ ว่าทำเพื่ออะไรกันแน่?
หรือเพียงเพื่อความสนุกแค่นั้น?
เขาไม่อยากเชื่อจริงๆ ว่ามีคนที่น่าเบื่อถึงขนาดนี้
ในตอนที่ลู่ฝานคิดเพ้อเจ้อ ในเวลานี้สายฟ้าแต่ละเส้นที่อยู่บนท้องฟ้าแสดงรายชื่อของผู้แข็งแกร่งหนึ่งร้อยอันดับแรก สลักบนหินศิลาจารึกติดต่อกัน
ตามที่รายชื่อยิ่งอยู่ยิ่งมากขึ้น หินศิลาจารึกยิ่งอยู่ยิ่งสว่าง และวนเวียนขึ้นมา
ถึงตอนสุดท้าย เหมือนจันทร์กระจ่างที่อยู่บนฟ้า ส่องสว่างพื้นดิน
“เย่หนานเทียน!”
“จั่วหยุนตง!”
ในที่สุด สองรายชื่อสุดท้ายได้สลักเสร็จเรียบร้อย
เสียงกลองดังไปทั่ว สายฟ้าบนท้องฟ้ากลายเป็นมังกรสายฟ้าสามตัว วนเวียนอยู่บนหินศิลาจารึก จากนั้นก็พุ่งไปบนพื้นทันที!
ตู้ม!
เสียงระเบิดดังขึ้น
หมอกควันสีขาวคลุ้งไปทั่ว หลังจากเสียงฟ้าผ่า จู่ๆ ตรงหน้าทุกคนปรากฏโต๊ะตัวหนึ่งขึ้นมา
ขณะเดียวกัน อาหารรสเลิศต่างๆ ปรากฏบนโต๊ะราวกับภาพเพ้อฝัน
“เริ่มงาน!!”
ประมุขประเทศฉิงเทียนตะโกนดังก้อง ทำให้บรรยากาศทั้งงานเลี้ยงไปจู่สุดสูงสุดอย่างสมบูรณ์
ลู่ฝานยิ้มเล็กน้อย จากนั้นมองอาหารกองโตตรงหน้า ปล่อยเจ้าดำที่อยากกินจนแทบทนไม่ไหวออกมาก่อน
กินเถอะ! กินเถอะ!
เจ้าดำเริ่มกินอย่างมูมมามในทันที ทุกคนปล่อยท้องและเริ่มรับประทานอาหาร
ลู่ฝานยิ้มเต็มที่ ไม่ว่าเหล่าผู้ฝึกชั่วร้ายอยากทำอะไร อย่างน้อยในการแข่งขันหมื่นประเทศในครั้งนี้ พวกเขาทำได้ดีมาก
ลู่ฝานก็หยิบอาหารที่ไม่เคยเห็นขึ้นมาและเริ่มกิน อย่างเช่นปลาหมึกเสียบไม้ และก็ลูกชิ้นที่ใหญ่กว่าหัวหมี
ทุกคนกินกันอย่างมีความสุข ภายในประเทศฉิงเทียน คนจำนวนมากกำลังดูพวกเขากินอาหารและรู้สึกอิจฉาเป็นอย่างมาก
ลู่ฝานกำลังกินอยู่ จู่ๆ ผู้ชายที่อยู่ข้างกายก็พูดกับลู่ฝาน “ฉันจำนายได้ นายก็คือสารเลวที่อยู่กลางป่าไม้ในวันนั้น”
ลู่ฝานหันหน้าไป เห็นใบหน้าคุ้นตาในทันที
นี่คือคนหลงทิศทางคนนั้นไม่ใช่เหรอ?
ลู่ฝานยิ้มพูด “ที่แท้ก็นายเองเหรอ!”
ชายหนุ่มสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมาก เขาชี้หน้าลู่ฝาน “วันนั้นพวกเรายังแข่งกันไม่จบนะ สมควรตายจริงๆ ฉันจะสู้กับนาย ครั้งนี้นายอย่าหนีไปอีก”
ลู่ฝานมองดูหลังเก้าอี้ของเขา ด้านบนเขียนชื่อจั่วหยุนตงสามคำ
ลู่ฝานแบมือออกแล้วพูดขึ้น “ไม่ใช่ฉันหนี แต่เป็นนายที่หนีไป นายเป็นพวกหลงทิศทางสินะ!”
ได้ยินคำว่าหลงทิศสองคำนี้ จั่วหยุนตงโมโหในทันที เขาตบหลังเก้าอี้ตะโกนเสียงดัง “เงามืด นายลุกขึ้น ฉันจะต่อสู้กับนาย!”
ทันใดนั้นสายตาของทุกคนมองมา
ลู่ฝานมือกุมหน้าผาก ดูท่าอาหารมื้อใหญ่นี้ เขากินอย่างสบายใจไม่ได้แล้ว
ลู่ฝานมองจั่วหยุนตงอย่างเฉยเมย “จะต้องสู้ตอนนี้เหรอ?”
จั่วหยุนตงยกดาบยาวขึ้น พูดเสียงดัง “เมื่อไหร่ก็ได้ แค่กลัวว่านายจะปอดแหก!”
ลู่ฝานพูด “งั้นตอนประลองได้เจอกันก็ค่อยสู้กันเถอะ นายอย่าแพ้ให้คนอื่นก็พอแล้ว”
ประโยคนี้แฝงไปด้วยความดูหมิ่น เหมือนกับไม่เห็นผู้แข็งแกร่งคนอื่นอยู่ในสายตา
ลู่ฝานตั้งใจพูดแบบนี้ หาโอกาสที่จะเปิดใจกว้างได้สักครั้ง มาดใหญ่หน่อยแล้วจะทำไม
“อวดดี!”
ในผู้แข็งแกร่งหนึ่งร้อยคน เย่หนานเทียนพูดเสียงเบา
หลิงเหยา หานหยวนหนิงและหานเฟิงต่างยิ้มกริ่ม
หวงฝูอู่ที่นั่งอยู่ตรงมุมจับผมตัวเองไปด้วย มองลู่ฝานแล้วพูดไปด้วย “ผู้แข็งแกร่งเยอะแยะเลย ฉันจะยอมแพ้ให้พวกเขาคนใดคนหนึ่งในยกหน้าดีไหม แบบนี้ฉันจะได้กลับไปเร็วหน่อย”
หวงฝูอู่คิดแบบนี้ จากนั้นก็หันหน้ามองลงไปด้านล่าง ตรงนั้นผู้หญิงคนหนึ่งกำลังถลึงตาใส่เขาอย่างรุนแรง หวงฝูอู่ตกใจจนหดหัวทันที
ซูตงมองลู่ฝานอย่างราบเรียบ ในสายตามีแสงเย็นคลุมเครือ เหมือนว่าไม่มีความรู้สึกใดๆ เย็นเยือกจนเหมือนกับศพ
“ฮ่าฮ่า ดูท่าเหล่าผู้แข็งแกร่งของพวกเรา ต่อให้ทานอาหาร ก็ยังไม่ลืมที่จะต่อสู้สินะ นี่ถึงจะเป็นจิตใจของผู้แข็งแกร่ง การต่อสู้ไม่มีขอบเขต!
ประมุขประเทศฉิงเทียนเริ่มปรบมือเชียร์
รอยยิ้มที่มุมปากของเขาแฝงไปด้วยความชั่วร้ายรุนแรง
ในตอนนี้แม้แต่หลิงเหยาและคนอื่นๆ ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย พวกเขาต่างรู้สึกว่ามีบางจุดที่ไม่ปกติ
แต่ในวินาทีต่อมา ประมุขประเทศฉิงเทียนก็หุบยิ้มเจ้าเล่ห์ของตัวเองแล้วพูดเสียงดังก้องในทันที “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นก็ยืนยันรายชื่อการประลองรอบถัดไปให้เร็วขึ้นหน่อย ทุกท่าน ไม่ว่าพวกคุณจะทานอิ่มแล้วหรือไม่ ตอนนี้ เชิญมองท้องฟ้า”
ประมุขประเทศฉิงเทียนชี้ไปทางท้องฟ้า ทันใดนั้นลำแสงหนึ่งพุ่งออกมาจากนิ้วของเขา เชื่อมต่อท้องฟ้าและพื้นดิน
ท้องฟ้ายามค่ำคืนที่มืดมิด เริ่มหมุน เสียงฟ้าผ่าคำรามขึ้นอีกครั้ง
จากนั้นมีจุดลำแสงตกลงมาที่ท้องฟ้า
แต่ละดวงมีขนาดเท่ากำปั้น เริ่มสลับที่ไปมากลางอากาศ
หินศิลาจารึกลึกลับลอยวนอยู่กลางอากาศ ชั่วพริบตาลำแสงนับร้อยถูกปล่อยออกมา เข้าสู่จุดลำแสง
เห็นได้กับตาว่ารายชื่อบนหินศิลาจารึก มีแสงสว่างเข้าสู่จุดลำแสง
ประมุขประเทศฉิงเทียนพูดเสียงดัง “ทุกท่าน ตอนนี้ภายในจุดลำแสงทุกดวง มีชื่ออยู่ แต่ละคนสามารถแย่งชิงจุดลำแสงได้หนึ่งดวง ชื่อที่อยู่ข้างใน ก็คือคู่ต่อสู้ถัดไปของคุณ”
ทุกคนจ้องมองไปที่จุดลำแสงเหล่านั้น
ในตอนนี้จุดลำแสงที่ถูกลำแสงส่องเข้าไป เริ่มขยับไปทั่วแล้ว
ทั่วทั้งประเทศฉิงเทียน คนจำนวนนับไม่ถ้วนติดตามภาพนี้
วิธีเลือกคู่ต่อสู้ที่น่าสนใจแบบนี้ ทำให้พวกเขาได้เปิดโลกกว้าง
ลู่ฝานยิ้มกริ่ม เขาเห็นแล้วว่าชื่อของตัวเองเข้าไปที่จุดลำแสงดวงไหน แม้กระทั่งรายชื่ออื่นๆ ลู่ฝานก็มองเห็นอยู่สามสี่ชื่อ
แยกออกเป็นหลิงเหยาและพวกศิษย์พี่หานเฟิง เขาไม่อยากแข่งกับพวกหลิงเหยาหรอกนะ
ประมุขประเทศฉิงเทียนพูดขึ้น “ทุกคนเตรียมพร้อมแล้วยัง? ฉันนับหนึ่งสองสาม พวกคุณก็เริ่มแย่งชิงชื่อได้เลย”
ลู่ฝานพยักหน้า ฝ่ามือกำลังเตรียมท่า
จู่ๆ มีเสียงดังขึ้นข้างหูของลู่ฝาน
ครั้งนี้เป็นซูตง
“อย่าแย่งชื่อของฉัน นายกับฉันต่างมีภารกิจติดตัว”
ลู่ฝานได้ยินก็ขมวดคิ้วแน่น แล้วส่งเสียงตอบกลับ “เธอกลัวแล้ว หรือว่ามีเหตุผลอื่น?”
เสียงเย็นชาของซูตงดังขึ้น
“กลัวอะไร? ตอนนี้ฉันไม่มีอารมณ์นั้นแล้ว เงามืด ถ้าหากนายกล้าแย่งชื่อของฉัน ฉันไม่สนการประลองยกถัดไปแล้วฆ่านายโดยตรง!”
เสียงเย็นเยือก ไม่มีน้ำเสียงล้อเล่นสักนิด
แรงอาฆาตที่น่าสะพรึงกลัวนั้น ไม่เหมือนกับโกหก ลู่ฝานขมวดคิ้ว จ้องมองไปที่ซูตง
“ฆ่าฉัน? เธอกับฉันมีความแค้นกันเหรอ?”
ลู่ฝานถามอย่างไม่เข้าใจ
ซูตงตอบอย่างรวดเร็ว “ไม่มี ฉันแค่อยากฆ่านายก็เท่านั้น ดังนั้นทะนุถนอมช่วงเวลาที่ดีในอนาคตของนายไว้เถอะ!”
ลู่ฝานงุนงงอย่างมาก นี่มันเรื่องอะไรกัน!
ระหว่างพวกเขามีภารกิจที่ต้องสู้ถึงตายเหรอ?
ลู่ฝานไม่เข้าใจ ซูตงคนนี้กินยาผิดหรือเปล่า!
ในตอนนี้เอง ประมุขประเทศฉิงเทียนพูดเสียงดังแล้วโบกมือ “เริ่มได้!”
ทันใดนั้นทุกคนพุ่งไปยังจุดลำแสง
ลู่ฝานจิตใจสั่นสะเทือนเล็กน้อย จากนั้นโบกมือ จุดลำแสงดวงหนึ่งลอยมาทันที