เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 1891 หนังสือซ่อนพลังชี่
เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 1891 หนังสือซ่อนพลังชี่
ลู่ฝานเก็บม้วนหนังสือ แล้วดึงสิบสามเดินไปข้างใน
ลู่ฝานหนังตากระตุก แค่เห็นคำว่าสำนักจิ่วเซียว เขาก็รู้ว่าหนังสือเล่มนี้เป็นหนังสืออัศจรรย์ไร้เทียมทาน
เมื่อก่อนเขาไม่รู้ว่าอดีตของสำนักจิ่วเซียวเคยรุ่งเรืองขนาดไหน ดังนั้นจึงไม่ได้ถามสำนักจิ่วเซียวว่ามีวิชาอะไรสืบทอดกันมาบ้าง แต่หลังจากเขารู้เรื่องราว จินตนาการออกเลยว่าสิ่งที่สำนักจิ่วเซียวสืบทอดกันมาล้ำค่าขนาดไหน
ลู่ฝานทนไม่ไหวแล้ว เขาอยากรู้ว่าวิชานี้จะเป็นยังไง
หนึ่งในตำราสวรรค์สามเล่ม เป็นชื่อที่ฟังดูดุดันมาก
อีกทั้งอาจารย์เขาเก็บไว้นานขนาดนี้กว่าจะยอมให้เขา แสดงว่าของสิ่งนี้ล้ำค่ามาก
ลู่ฝานสงสัยนานแล้วว่าสำนักใหญ่อย่างสำนักจิ่วเซียว แม้พังพินาศก็น่าจะมีอะไรสืบทอดต่อกันมาบ้าง
วิชา เคล็ดวิชาบู๊ ยา อาวุธวิเศษ
จากชื่อเสียงอันโด่งดังของสำนักจิ่วเซียวในตอนนั้น ไม่มีทางไม่มีของพวกนี้
ตอนนั้นลู่ฝานนึกว่าของพวกนี้โดนคนอื่นแย่งไป ดูเหมือนตอนนี้อาจารย์เขายังซ่อนพละกำลังไว้
ลู่ฝานเร่งฝีเท้าเดินไปทางห้องนอน
สิบสามเดินตามหลังลู่ฝานเหมือนเงาของเขาอย่างไรอย่างนั้น
นัยน์ตาสิบสามมีรอยยิ้ม เหมือนเขาคิดถึงความรู้สึกนี้มาก
ไม่นาน ลู่ฝานเดินเข้ามาในห้องนอน
ตอนปิดประตู ลู่ฝานพูดกับสิบสามว่า “ห้ามให้ใครเข้ามา”
สิบสามพยักหน้า ลู่ฝานตบไหล่สิบสาม เอายาออกมายัดใส่มือสิบสามหนึ่งขวด “อีกอย่าง ยินดีต้อนรับกลับมานะ!”
สิบสามรับยามา สีหน้าซาบซึ้งเล็กน้อย
ติดตามเจ้านายช่างดีจริงๆ!
คิดถึงสิ่งที่เจอมาที่ประเทศอู่อานในช่วงนี้ ไม่อยากนึกถึงเรื่องเจ็บปวดในอดีตเลยจริงๆ
สิบสามยืนตัวตรงอยู่หน้าประตู
แต่ถึงเป็นเช่นนี้ตัวเขาดูอ่อนแรง มองแล้วไม่สะดุดตาคน
สิบสามเหมือนก้อนหินวางอยู่ตรงนี้
ในห้องนอน ลู่ฝานให้ไอ้เก้าวางค่ายกลในห้องก่อน เมื่อแน่ใจแล้วไม่มีใครแอบดูแอบฟัง เขาจึงเอาม้วนหนังสือออกมา
ตอนนี้ไอ้เก้ากับเจ้าดำเข้ามาร่วมวงด้วย
เหมือนพวกมันสนใจวิชาของสำนักจิ่วเซียวในตำนานมาก
ลู่ฝานเปิดม้วนหนังสือ เพิ่งเปิดหน้าแรก กระดาษแผ่นหนึ่งลอยออกมาจากหนังสือ เหมือนมันเสียบไว้หนังสืออยู่แล้ว
ลู่ฝานหยิบกระดาษขึ้นมา เมื่อเพ่งมอง ด้านบนเขียนว่า “ลู่ฝานศิษย์ฉัน ตอนนายเห็นกระดาษแผ่นนี้ ฉันคงตายแล้ว ฉันทิ้งหนังสือเล่มนี้ไว้ในบ้านนาย ถ้านายเห็นแสดงว่านายกลับมาแล้ว ตอนนั้นฉันไม่น่าให้นายไปเลย อายุขัยฉันหมดลงแล้ว ไม่จำเป็นต้องฝืน ฉันหวังแค่ว่านายจะไม่เดินตามรอยฉัน อันที่จริงมีเรื่องมากมายที่ฉันยังไม่ทันบอกนาย อย่างเช่นเรื่องสำนักจิ่วเซียว เรื่องของฉัน เรื่องของหนังสือเล่มนี้ เดิมทีฉันกะว่าจะไม่บอกเรื่องพวกนี้กับนาย แต่ในเมื่อฉันใกล้ตายแล้ว พูดออกไปทั้งหมดคงไม่เป็นไร เผื่อสักวันหนึ่งนายสืบรู้เองแล้วมาโทษฉันอีก”
ลู่ฝานขมวดคิ้วเบาๆ เหมือนกระดาษแผ่นนี้แปลกๆ ไม่เหมือนกับจดหมายที่อาจารย์เขียนเมื่อกี้
ลู่ฝานพลิกกระดาษ หลังกระดาษมีข้อความที่เขียนเพิ่มมาใหม่
“คำพูดด้านหน้าเป็นข้อความที่เขียนหลังจากนายไปในปีนั้น ตอนนี้นายกลับมาแล้ว คำพูดพวกนั้นนายอ่านไว้ก็พอ สิ่งสำคัญคือท่อนหลัง! ไม่ต้องสนใจสองท่อนหน้า!”
ลู่ฝานหัวเราะร่า
ที่แท้หลังจากเขาไป อาจารย์รู้ว่าตัวเองต้องตาย ยังคิดจะทิ้งหนังสือไว้ในบ้านเขาด้วย
“อาจารย์นะอาจารย์ อาจารย์ยังเชื่อใจฉันไม่มากพอนะ!”
ลู่ฝานส่ายหน้าหัวเราะ พลิกกระดาษแล้วอ่านต่อ
“หนังสือเล่มนี้ชื่อว่าซ่อนพลังชี่ เป็นหนึ่งในสามตำราสวรรค์ของสำนักจิ่วเซียว ดังนั้นตำราสวรรค์สามเล่มแบ่งออกเป็น หนังสือซ่อนพลังบู๊ หนังสือซ่อนพลังชี่ หนังสือซ่อนวิถี หนังสือซ่อนพลังบู๊เป็นหนังสือที่นักบู๊ใช้ฝึกฝน หนังสือซ่อนพลังชี่เป็นหนังสือที่ผู้ฝึกชี่ใช้ฝึกฝน ส่วนหนังสือซ่อนวิถีคือหนังสือที่ใช้บรรลุเต๋าอันยิ่งใหญ่ หนังสือสามเล่มนี้ เดิมทีเป็นวิชาสุดยอดของสำนักจิ่วเซียว ถ้าไม่ใช่ผู้อาวุโสหรือหัวหน้าสำนักห้ามบรรลุเด็ดขาด แต่ต่อมาสำนักจิ่วเซียวแตกแยกไปคนละทิศละทาง หนังสือสามเล่มนี้โดนเอาไปด้วย ผ่านอุปสรรคต่างๆ หลายครั้ง สุดท้ายหนังสือซ่อนพลังชี่ตกมาอยู่ในมือฉัน ฉันอาศัยมันก้าวเข้าสู่ระดับสูงสุด ฝึกฝนเต๋าอันยิ่งใหญ่ เปิดโลกใบหนึ่ง”
เมื่อลู่ฝานอ่านถึงตรงนี้ ใจเขาเต้นโดยอัตโนมัติ
เป็นอย่างที่เขาคิดจริงๆ หนังสือเล่มนี้ล้ำค่ามาก
แต่ลู่ฝานประหลาดใจมาก คิดไม่ถึงว่าอาจารย์ตัวเองเคยฝึกฝนพลังแห่งโลก
ลู่ฝานจำได้ว่าคนที่ฝึกพลังแห่งโลกได้ ต้องเป็นผู้โดดเด่นในบรรดาขุนพลังสุดเหนือฟ้านี่นา
น่าจะเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ไปนานแล้วสิ!
ลู่ฝานพูดพึมพำ “อาจารย์เป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์อะไรเหรอ น่าจะมีฉายาสิ ดูเหมือนวันหลังต้องถามแล้วล่ะ”
ลู่ฝานสะบัดหัวแล้วอ่านต่อ เขาอยากรู้ว่าหนังสืออีกสองเล่มอยู่ที่ไหน
เพราะเขาสามารถฝึกฝนได้ ไม่ใช่แค่เล่มเดียวเท่านั้น!
เหมือนอาจารย์หวูเฉินเดาความคิดลู่ฝานได้นานแล้ว จากนั้นเขาเขียนต่อไปว่า “ส่วนอีกสองเล่มที่เหลือ หนังสือซ่อนพลังวิถีอยู่ในมือสายเลือดเสินหวง ถ้านายไม่รู้จักสายเลือดเสินหวง ไปถามไอ้อ้วนตงได้ เขาจะบอกนายทุกอย่าง ส่วนหนังสือซ่อนพลังบู๊หายไปแล้ว แต่จากการคาดเดาของฉัน มันต้องอยู่ในมือสามอริยบุคคลแน่ๆ ส่วนเป็นใคร ฉันไม่แน่ใจ แต่พอมั่นใจว่าหนังสือซ่อนพลังบู๊อยู่ในมือพวกเขาคนใดคนหนึ่ง ถ้าสักวันหนึ่งนายเหนือกว่าสามคนนี้ ได้โปรดเอาหนังสือซ่อนพลังบู๊กลับมา นั่นคือเกียรติของสำนักจิ่วเซียวที่สูญสิ้นไป”
ลู่ฝานพยักหน้าแรง เขาต้องเอาหนังสือซ่อนพลังบู๊กลับมาให้ได้
ถึงเป็นสามอริยบุคคลแล้วยังไง!
ลายมือสิ้นสุดลงตรงนี้ ลู่ฝานเอามือลูบขอบกระดาษ เขาเห็นร่องรอยโดนฉีก
ลู่ฝานหัวเราะเบาๆ เขาพอเดาได้ว่าสิ่งที่เขียนต่อจากนี้ได้
เป็นไปได้สูงว่าอาจารย์หวูเฉินจะเขียนคำพูดสะเทือนใจ หรือไม่ก็สั่งเสียเรื่องหลังตายที่เขาไม่อยากพูด
ตอนเขาเขียนจดหมายฉบับนี้ คือตอนที่เขาคิดว่าตัวเองต้องตายแน่นอน
คนใกล้ตายจะพูดความจริงจากใจและจิตใจดี ถ้าไม่ใช่ลู่ฝานใช้เลือดตัวเองแลกเต๋าอันยิ่งใหญ่แห่งชีวิตกลับมา รักษาชีวิตของหวูเฉินไว้
ตอนนี้กระดาษแผ่นนี้คงเป็นจดหมายลาตายของหวูเฉิน
ลู่ฝานพับกระดาษเก็บไว้ในแหวนจิ่วเซียว
ลู่ฝานเริ่มอ่านหนังสือซ่อนพลังชี่อย่างจริงจังทันที
เขาอยากรู้ว่าหนังสือเล่มนี้เหนือธรรมชาติขนาดไหน!
“ขั้นสุดยอดของชี่ เป็นอิสระจากฟ้าดิน ผู้กลั่นพลังชี่ หลอมพลังฟ้าดินมาให้ตัวเองใช้……”
ลู่ฝานอ่านหนังสือซ่อนพลังชี่เสียงเบา พลังสม่ำเสมอตามเสียง
พลังประหลาดเริ่มแผ่ซ่านในห้องนอน
สิบสามที่อยู่ข้างนอกก็รู้สึกถึงพลังนี้ เหมือนฟ้าดินเริ่มประหลาด
สิบสามมองเฉยๆ แล้วไม่สนใจอีก เพราะพลังนี้ออกมาจากห้องนอน เขาไม่สามารถคาดเดาวิชาที่เจ้านายฝึกฝนได้ เขารู้เพียงว่าพลังของวิชานี้ทำให้เขารู้สึกสบายอกสบายใจมาก
ภายในห้อง เสียงลู่ฝานเบาลงเรื่อยๆ จิตใจของเขาจมอยู่ท่ามกลางความลึกลับมากมายของหนังสือซ่อนพลังชี่
ปราณที่เป็นพิษลอยตัวลงช้าๆ พุ่งออกจากตันเถียนเข้าไปในพื้นดิน
ปราณสะอาดบริสุทธิ์ล่องลอยออกมา พุ่งทะยานขึ้นไปบนฟ้าสูง