เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 1874 หลีเหรินหลง
เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 1874 หลีเหรินหลง
เสียงของหลีเหรินหลงแม้เรียบนิ่ง แต่ลู่ฝานยังคงสามารถจับได้ถึงไอสังหารหลายส่วนที่อยู่ในน้ำเสียงของเขา
สามารถตะโกนก้องหัวหน้าสำนักเงามืด ย่อมแสดงให้เห็นว่าหอฝึกสัตว์เริ่มตรวจสอบเขาแล้ว
ในเมื่อตรวจสอบเขาได้ งั้นก็ย่อมตรวจสอบองค์ชายใหญ่หนานกงสิงได้เหมือนกัน สามารถตรวจสอบราชนิกุลของประเทศฉิงเทียน ก็เป็นไปได้ว่ามีเครือข่ายตรวจสอบอยู่ในนั้น
ลู่ฝานต้องการก็คือผลลัพธ์เช่นนี้ เพียงแต่ไม่รู้ว่า ผลจากการตรวจสอบของพวกเขาเป็นอย่างไร
ลู่ฝานหัวเราะน้อย ๆ นิ้วมือเคาะลงบนพนักเก้าอี้: “นายเข้าใจจริง ๆ แล้วใช่ไหม? พูดให้ฉันฟังสักหน่อยได้ไหม”
ดวงตาหลีเหรินหลงมีประกายเฉียบขาดวาบผ่าน มีดบินในมือเริ่มเปล่งประกาย
“หัวหน้าสำนักเงามืด สิ่งที่พวกเรารู้ห่างไกลจากจินตนาการของนายมากนัก เรื่องนี้นายสามารถเชื่อมั่นได้อย่างแน่นอน ดังนั้นพวกเรายังไม่เคลื่อนไหวในตอนนี้ เพียงแค่เพราะว่ายังไม่ชัดเจนว่าพวกคุณคิดจะทำอะไรกันแน่ก็เท่านั้น หากนายช่วยฉันคลี่คลายปัญหานี้ ฉันรับรอง นายจะอยู่รอดปลอดภัย!”
รอยยิ้มบนใบหน้าลู่ฝานยิ่งเพิ่มขึ้น หัวเราะเบา ๆ: “พวกคุณก็ต้องเชื่อฉันเหมือนกัน ล้วนเป็นเรื่องที่ฉันสืบหามาโดยตลอด เอาล่ะ การหยั่งเชิงของพวกเราก็พอแค่นี้เถอะ หอฝึกสัตว์ไม่ได้ทำให้ฉันผิดหวัง สุดท้ายส่งคนฉลาดมาผู้หนึ่ง นายเป็นผู้บัญชาการคนไหนของหอฝึกสัตว์? หรือว่ามีฐานะอะไร?”
หลีเหรินหลงตอบว่า: “ฉันไม่มีตำแหน่ง เพียงแค่แขวนชื่อลูกหลานของผู้บัญชาการสูงสุดแห่งหอฝึกสัตว์เท่านั้น หัวหน้าสำนักเงามืด แสดงความจริงใจของนายออกมาเถอะ ผู้อาวุโสท่านนี้ที่อยู่ข้าง ๆ ฉัน กำลังจะหมดความอดทนแล้ว ฉันเองก็ไม่กล้ารับประกัน หากอีกสักครู่เขายังไม่ได้พบผู้อื่น จะทำลายที่นี้จนพังหมดไหม”
ลู่ฝานช้อนสายตาขึ้นมองคนแก่แวบหนึ่ง ยิ้มพลางพูดว่า: “ก็ได้ ในเมื่อพูดถึงความจริงใจ งั้นสิ่งที่ฉันต้องการจะบอกพวกคุณก็คือ ฉันไม่เหมือนอย่างที่พวกคุณคิด ฉันจริงใจมาก!”
คำพูดของลู่ฝานเพิ่งหยุดลง หนานกงสิงที่อยู่ด้านนอกก็พาฮ่วนเย่ว์มาถึง
เพิ่งเดินเข้ามา ฮ่วนเย่ว์ที่เห็นคนแก่ก็ร้องอย่างตื่นตะลึง: “อาจารย์!”
คนแก่รีบสาวเท้าขยับขึ้นไปดึงฮ่วนเย่ว์มาด้านข้างทันที
ลู่ฝานถึงเพิ่งจะเข้าใจ ที่แท้ก็คืออาจารย์ของฮ่วนเย่ว์นั่นเอง จะว่าไปแล้วเขาเคยพบหน้าอาจารย์ของเธอมาแล้วหนหนึ่งจริง ๆ ตอนนั้นเขายังฝึกฝนอยู่ที่เขาซีซานนอกเมือง พริบตาเดียวหลายปีผ่านไป เขาก็จำไม่ได้แล้ว มิน่าถึงได้รู้สึกค่อนข้างคุ้นตา
หลีซุ่นผิวหนังทั่วทั้งร่างมีรอยฟกช้ำสีม่วง ช่วงเวลาสั้น ๆ ที่อยู่กับลู่ฝานจะต้องลำบากไม่น้อยแน่
แม้หนานกงสิงมีคำสั่งไม่ให้ฆ่าเขา และห้ามทำให้เขาพิการ แต่ผู้ฝึกชั่วร้ายเหล่านั้น มักมีวิธีกลั่นแกล้งเขา
หลีซุ่นตอนนี้ดูแล้ว ไม่โอหังเหมือนคราวนั้นที่มาจวนองค์ชายใหญ่
เดินขึ้นมา ตัวสั่นเทาเหมือนเป็นลมบ้าหมูก็ไม่ปาน
เมื่อเห็นหลีเหรินหลงพลันน้ำตาร่วงลงมา
ทิ้งตัวคุกเข่าพูดว่า: “พี่ใหญ่ พี่ใหญ่ในที่สุดนายก็มาแล้ว! นายมาช่วยฉันแล้ว!”
หลีซุ่นน้ำมูกน้ำตาไหล มองหลีเหรินหลงที่ขมวดคิ้วมุ่น
ลู่ฝานซึ่งอยู่ข้าง ๆ พูดว่า: “วางใจได้ แขนไม่ขาด ขาไม่ขาด พากลับไปอบรมให้ดีสักหน่อย การเป็นคนอย่าได้โอหังอวดดีอย่างนี้ วิ่งมาหาเรื่องฉันถึงที่นี่ นับว่าเขาซวยเอง”
สายตาสับสนของหลีเหรินหลงมองลู่ฝานแวบหนึ่ง ขณะนั้นเขาไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าลู่ฝานเป็นคนอย่างไรกันแน่
ด้านข้าง คนแก่ตรวจดูสภาพร่างกายของฮ่วนเย่ว์อย่างละเอียด จากนั้นถามว่า: “ฮ่วนเย่ว์เอ๋ย ช่วงนี้คงลำบากมากล่ะสิ รีบตามอาจารย์กลับไป อย่าได้อยู่ที่นี่ต่อเป็นอันขาด”
ฮ่วนเย่ว์พูดอย่างตกใจ: “อาจารย์ ฉันอยู่ที่นี่มีความสุขมาก”
ฮ่วนเย่ว์มองลู่ฝานอย่างเหม่อลอย ค่อนข้างไม่เข้าใจ
ลู่ฝานยิ้ม: “ฮ่วนเย่ว์เอ๋ย กลับไปพร้อมอาจารย์ของเธอเถอะ ถ้ามีเวลาฉันจะแวะไปเยี่ยมเธอที่หอฝึกสัตว์”
ฮ่วนเย่ว์ส่ายหน้า: “ไม่ ฉันไม่ไป กลับไปก็จะให้ฉันแต่งงาน ฉันไม่อยากกลับไป!”
หลีเหรินหลงพูดเสียงดัง: “วางใจเถอะ ไม่ให้แต่งแล้ว เธอบอกว่าไม่แต่งก็คือไม่แต่ง ฉันหลีเหรินหลงรับรองต่อเธอ กลับไปก่อนเถอะ!”
ฮ่วนเย่ว์ได้ยินอย่างนั้นก็งงงัน หลีเหรินหลงชื่อนี้ เธอย่อมรู้จัก
เงยหน้าขึ้นมองอาจารย์ ฮ่วนเย่ว์พูดว่า: “จริง ๆ นะ?”
คนแก่พยักหน้า: “จริงสิ คุณชายใหญ่พูดแล้ว ยังจะมีคำลวง ทั้งหมดล้วนเป็นไปตามที่เธอต้องการ ไม่อยากแต่งก็ไม่ต้องแต่ง เชื่ออาจารย์สักคำ กลับไปพร้อมพวกเราเถอะ ถือว่าอาจารย์ขอร้องเธอแล้ว!”
ฮ่วนเย่ว์สายตาสับสน ครู่หนึ่ง กัดฟันพูดว่า: “ก็ได้ ฉันกลับ”
คนแก่ได้ยินอย่างนั้นก็ดีใจมาก ดึงฮ่วนเย่ว์เดินไปข้างนอก
ขณะนั้นฮ่วนเย่ว์พลันหยุดฝีเท้า สีหน้าแดงก่ำ มองลู่ฝาน: “ช้าก่อน ฉันยังมีคำหนึ่งต้องการพูดกับนาย”
ลู่ฝานประหลาดใจ: “อะไร?”
ฮ่วนเย่ว์บิดปลายแขนเสื้อตัวเอง ใบหน้าคล้ายเมฆแดงยามอาทิตย์อัสดง พลันตะโกนเสียงดัง: “นายต้องมาเยี่ยมฉันจริง ๆ นะ!”
ลู่ฝานอ้าปากน้อย ๆ ตอบกลับอย่างเลื่อนลอย: “ได้สิ”
ฮ่วนเย่ว์หมุนตัววิ่งออกไปทันที เสี่ยวหยุนที่อยู่ด้านข้างรีบสาวเท้าตามไป
หลีเหรินหลงพูดกับหลีซุ่นพร้อมโบกมือ: “นายก็ไปสิ!”
หลีซุ่นได้ยินอย่างนั้นก็วิ่งออกไปข้างนอกทันที กลัวว่าหากช้าไปก้าวหนึ่งก็จะไม่ได้ออกไปแล้ว
ลู่ฝานหัวเราะเฮ่อเฮ่อ: “พวกคุณคนของหอฝึกสัตว์ นับว่าน่าสนใจ”
หลีเหรินหลงลุกขึ้นช้า ๆ สีหน้าสับสน
“นายเป็นคนยังไงกันแน่?”
หลีเหรินหลงถามลู่ฝาน
ลู่ฝานพูดเรียบ ๆ: “คำถามประเภทนี้ ทางที่ดีนายอย่าถามดีกว่า ฉันเองก็จะไม่ตอบ บางทีเมื่อวันหนึ่งมาถึง นายก็จะรู้เอง ยังคงเป็นคำพูดนั้น พวกคุณเชื่อฉันย่อมดีที่สุด”
หลีเหรินหลงมองดวงตาของลู่ฝาน เงียบขรึม
ลู่ฝานก็มองเขา สายตาพลันมีประกายวาบพาดผ่าน
เพราะในขณะนั้น หลีเหรินหลงลงมือกะทันหัน สะบัดแขน แสงสีฟ้าเส้นหนึ่งจากมีดบินพุ่งเข้าหาใบหน้าของลู่ฝาน
แสงดาบพลิ้วผ่านทางใด ล้วนราบเป็นหน้ากลอง
ในห้องโถงใหญ่ โต๊ะ เก้าอี้ ม้านั่งทั้งหมดล้วนแตกละเอียด ฝุ่นผงพุ่งกระจายกลางอากาศ
ในห้องโถงใหญ่ เมฆลมแปรปรวน เสียงฟ้าผ่าดังขึ้น
ระหว่างแสงฟ้าแลบ จิตใจลู่ฝานกระตุกวูบ
วินาทีต่อมา ลำแสงสีฟ้าถูกแสงแห่งไฟผืนหนึ่งขวางไว้ พื้นในห้องแยกตัวออก ลมโหมกระหน่ำ
ปึง!
พื้นปรากฏหลุมลึก แสงสีแดงและสีฟ้าทั้งสองเส้นพลันสูญสลาย
พริบตาผ่านไป ทุกอย่างกลับสู่ความสงบ เหลือเพียงซากปรักหักพังในห้องโถงใหญ่
ลู่ฝานยังคงนั่งอยู่ที่นั่น สีหน้าเรียบเฉย
มีดบินในมือหลีเหรินหลงยังคงอยู่ เมื่อครู่นี้เขาไม่ได้ขว้างออกไป ที่สะบัดออก เป็นเพียงพลังดาบขุมหนึ่ง
ยิ้มพลางมองลู่ฝาน หลีเหรินหลงพูดว่า: “มีฝีมือ ตอนนี้ฉันค่อนข้างเชื่อนายแล้ว”
ลู่ฝานยิ้มพลางตอบว่า: “นายไม่ควรทำอะไรตื้นเขินอย่างนั้น หากเมื่อครู่นายขว้างมีดบินออกมาไม่แน่ว่าอาจทดสอบได้ดีกว่านี้สักหน่อย”
หลีเหรินหลงส่ายหน้า: “ไม่จำเป็นหรอก วันนี้ฉันไม่อยากใช้มีด”
พูดจบ หลีเหรินหลงก็เดินไปยังด้านนอก
เดินถึงหน้าประตู จู่ ๆ ก็หันกลับมามอง: “นายก็เข้าร่วมการแข่งนานาประเทศใช่ไหม?”
ลู่ฝานตอบว่า: “ถูกต้อง”
หลีเหรินหลงยิ้มบาง ๆ: “ดีมาก หวังว่าพวกเราจะได้พบกัน ถึงตอนนั้น ฉันจะไม่ออมมืออีก ส่วนนายก็จะได้ยืนยันสักหน่อย ที่นายพูดมาเป็นจริงหรือเท็จ”
ลู่ฝานหัวเราะ: “นายช่างมีความมั่นใจในตัวเองเหลือเกิน แต่ฉันขอบอกนาย ไม่แน่ว่าฉันอาจออมมือ”
หลีเหรินหลงมองเขาอย่างลุ่มลึกแวบหนึ่ง พูดว่า: “งั้นก็ต้องมาดูกันว่าฝีมือของนายจะเก่งเหมือนปากของนายไหม พบกันใหม่!”
พูดจบ หลีเหรินหลงก็เก็บมีดบิน เดินช้า ๆ หายไปท่ามกลางแสงแดด
ลู่ฝานมองรอบด้าน แล้วจึงเรียกบ่าวทาสผู้หนึ่งเข้ามา
“ไป คำนวณความเสียหายสักหน่อย คูณสิบเท่า จากนั้นส่งบัญชีไปที่หอฝึกสัตว์ ระบุชื่อหลีเหรินหลงให้เป็นผู้จ่ายคืน ช้าก่อน คูณร้อยเท่าดีกว่า อื้มเอาอย่างนี้แหล่ะ!”