เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 1860 ไม่ได้เรื่อง
เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 1860 ไม่ได้เรื่อง
ท้องฟ้ากลับมาสดใสเหมือนเดิม ทุกอย่างกลับสู่ความสงบ
ทุกคนล้อมอยู่หน้าบ้านไม้ในตำหนักองค์ชายใหญ่ มองแสงที่สว่างอยู่ด้านในไม่หยุดด้วยความตกตะลึง รวมถึงพลังแข็งแกร่งที่แผ่ซ่านออกมา
หนานกงสิงกับอู่คงหลิงก็อยู่ในกลุ่ม
พวกเขาไม่กล้าเข้าไปใกล้เกินไป องครักษ์เกราะหนักเตรียมพร้อมรับมืออยู่ข้างๆ กลัวว่าจะมีอะไรโผล่มาจากด้านใน
“รองหัวหน้าหนานกงไม่เข้าไปดูเหรอ”
อู่คงหลิงพูดกับหนานกงสิงเสียงดัง
หนานกงสิงชะงักไป จากนั้นพูดเสียงดังว่า “ฉันเข้าไปเหรอ เมื่อกี้เธอไม่เห็นสีหน้าน่ากลัวของหัวหน้าสำนักเหรอ ฉันกลัวเข้าไปแล้วออกมาไม่ได้อีก!”
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่”
หนานกงสิงเพิ่งพูดจบ เสียงผู้หญิงดังชัดเจนขึ้นบนหัวเขา
ทุกคนมองไปบนท้องฟ้าทันที เห็นผู้หญิงมีอายุคนหนึ่งลอยอยู่กลางอากาศ เธอคือผู้อาวุโสซู่มั่นที่รีบมาอย่างรวดเร็ว
หนานกงสิงจำผู้อาวุโสซู่มั่นได้ เขารีบคำนับแล้วพูดว่า “ผู้อาวุโส!”
ไม่ว่าจะเป็นองครักษ์หรือคนใช้ที่อยู่รอบๆ พากันคุกเข่าทำความเคารพผู้อาวุโสซู่มั่นทันที
อู่คงหลิงมองผู้อาวุโสซู่มั่นด้วยสายตาตกตะลึง เบิกตาโตแล้วกลั้นหายใจ
เธอเพิ่งเคยเจอผู้อาวุโสของจิตใจเต๋าสำนักมารเป็นครั้งแรก จึงอดตื่นเต้นไม่ได้
ผู้อาวุโสซู่มั่นไม่มองเธอสักนิด เธอลงมาอยู่หน้าประตูห้องแล้วถามว่า “ใครบอกฉันหน่อยว่าเกิดอะไรขึ้น หัวหน้าสำนักพวกนายล่ะ!”
เห็นได้ชัดว่าผู้อาวุโสซู่มั่นโมโห เสียงสูง สีหน้าแดงก่ำ
ไม่แปลกหรอก ลู่ฝานก่อเรื่องใหญ่ขนาดนี้ในวัง มีโอกาสเรียกความสนใจจากผู้คนอยู่แล้ว
ตอนนี้ไม่เหมือนแต่ก่อน ในประเทศฉิงเทียนเต็มไปด้วยยอดฝีมือในใต้หล้า
ผู้ฝึกชั่วร้ายอย่างพวกเขาต้องทำอะไรแบบเงียบๆ ห้ามเปิดเผยอะไรก่อนที่จะเริ่มแผนอย่างสมบูรณ์
แต่การกระทำของลู่ฝานกลับละเมิดกฎนี้
ลู่ฝานเป็นคนที่ผู้อาวุโสซู่มั่นแนะนำ ถ้าเกิดอะไรขึ้นจริงๆ คนที่แนะนำเขาเข้ามาอย่างเธอคงไม่สามารถปัดความรับผิดชอบได้ แน่นอนว่าผู้อาวุโสซู่มั่นจึงโกรธมาก
หนานกงสิงอ้าปากหวอ ไม่รู้จะตอบยังไงดี
ขณะนั้นประตูไม้เปิดออกเสียงดังแอ๊ด ลู่ฝานค่อยๆ เดินออกมา
สีหน้าไม่สะทกสะท้าน บนตัวมีกลิ่นเลือดเล็กน้อย นัยน์ตามีความดุดันที่ยังไม่หายไป
ลู่ฝานเห็นผู้อาวุโสซู่มั่น เขาพูดอย่างเฉยเมยว่า “ผู้อาวุโสซู่มั่นมาที่นี่ทำไม”
ผู้อาวุโสซู่มั่นจ้องมือลู่ฝาน นัยน์ตามีประกายเย็นชา “นายฆ่าคนเหรอ ใคร”
ลู่ฝานตอบอย่างราบเรียบ “เป็นแค่เรื่องภายในสำนักที่ 15 ผู้อาวุโสไม่ต้องกังวล”
ผู้อาวุโสซู่มั่นหันไปมองรอบๆ เธอพูดเสียงดุว่า “เงามืด นายฆ่าหลวี่เหวยใช่ไหม”
ลู่ฝานพูดอย่างเฉยเมย “ใช่”
สีหน้าผู้อาวุโสซู่มั่นไม่สู้ดีเข้าไปอีก ชี้หน้าลู่ฝานแล้วพูดว่า “หลวี่เหวย เป็นคนที่พวกผู้อาวุโสส่งมาช่วยนายโดยเฉพาะ นายกล้าฆ่าเขาตามอำเภอใจ นายไม่อยากเป็นหัวหน้าสำนักแล้วใช่ไหม”
ลู่ฝานพูดว่า “หลวี่เหวยทำอะไรตามอำเภอใจ ดึงคนไปเป็นของตัวเอง คิดกำจัดฉันเพื่อความสบายใจ ฉันฆ่าเขาเป็นสิ่งที่สมเหตุสมผลแล้ว อย่าบอกนะว่าเขาแตะต้องฉันได้ แต่ฉันแตะต้องเขาไม่ได้งั้นเหรอ”
ลู่ฝานพูดอย่างมีเหตุผล แม้เขารู้ว่าคำพูดพวกนี้ไม่ได้ผล แต่ยังไงเขาก็ต้องพูด
อีกทั้งไม่ใช่แค่พูด ยังต้องเด็ดเดี่ยวและไม่ยอมอ่อนข้อด้วย
ผู้อาวุโสซู่มั่นโกรธจนมือเริ่มสั่น มิติรอบตัวเริ่มแตกร้าว
อากาศเวิ้งว้างปรากฏแวบๆ
ลู่ฝานเห็นผู้อาวุโสซู่มั่นโมโหมาก จู่ๆ เขาเอาป้ายหัวหน้าสำนักของตัวเองออกมา ยื่นให้ผู้อาวุโสซู่มั่นแล้วพูดว่า “ถ้าพวกผู้อาวุโสคิดว่าฉันทำผิด ก็เอาป้ายหัวหน้าสำนักของฉันไปเถอะ ยังไงพวกผู้อาวุโสก็เป็นคนให้ป้ายนี้กับฉันเอง”
ผู้อาวุโสซู่มั่นมองป้ายหัวหน้าสำนักในมือลู่ฝาน ชี้หน้าลู่ฝานแล้วพูดว่า “สอนแล้วไม่จำ!”
เมื่อพูดจบ ผู้อาวุโสคว้าป้ายหัวหน้าสำนักของลู่ฝานมา จากนั้นพูดเสียงดังว่า “ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป เงามืดออกจากตำแหน่งหัวหน้าสำนักที่ 15 ชั่วคราว รอการตัดสินใจของทางราชการ สมาชิกสำนักที่ 15 ทุกคนทำตัวเหมือนเดิม ให้รองหัวหน้าสำนักเป็นผู้นำ รอฟังคำสั่ง”
ทุกคนคำนับแล้วขานรับ สุดท้ายผู้อาวุโสซู่มั่นพูดกับลู่ฝานว่า “เดิมทีฉันคาดหวังกับนายมาก คิดไม่ถึงว่านายเป็นแค่คนบุ่มบ่ามมุทะลุ ไม่ได้เรื่องได้ราว หาความแน่นอนไม่ได้”
ลู่ฝานมองเธออย่างเฉยเมย หัวเราะเบาๆ แล้วเดินไปข้างนอก
ทุกคนหลีกทางเป็นสองด้าน เว้นทางให้ลู่ฝานเดิน
อู่คงหลิงฉวยโอกาสตอนคนไม่สังเกตเห็นเธอ แอบเดินตามลู่ฝานไปอย่างรวดเร็ว
ผู้อาวุโสซู่มั่นส่งเสียงหึแล้วเหาะออกไป
หนานกงสิงถอนหายใจแล้วปาดเหงื่อบนหน้าผาก
สถานการณ์ดีกว่าที่เขาจินตนาการไว้ เหวี่ยงมือแล้วพูดกับคนอื่นว่า “แยกย้าย แยกย้ายให้หมด ไม่ต้องมายุ่งตรงนี้แล้ว พวกนายไม่มีงานทำหรือไง”
ทุกคนรีบไปอย่างรวดเร็ว หนานกงสิงส่ายหน้ายิ้มแหย เดินตามลู่ฝานออกไปข้างนอกเช่นกัน
ลู่ฝานมาที่ฐานของผู้ฝึกชั่วร้ายอีกครั้ง เขาเดินเข้าไปในห้องหินช้าๆ
ไอ้อ้วนเผิงยังอยู่ที่นี่ไม่ได้ไปไหน
ไอ้อ้วนเผิงไม่ได้เอาของไป เขากล้าไปที่ไหนกันล่ะ ทำได้แค่รอลู่ฝานกลับมาที่นี่
เมื่อเห็นลู่ฝานเข้ามา ไอ้อ้วนเผิงรีบไปยืนด้านข้าง
ลู่ฝานโยนขวดยาให้ไอ้อ้วนเผิงแล้วพูดว่า “ออกไปเถอะ นี่คือค่าเหนื่อยของนาย”
ไอ้อ้วนเผิงรีบรับยามาดม เขาชะงักไปทันที
ยาเซียนชั้นดี ถึงเป็นผู้ฝึกชั่วร้ายก็ยังน้ำลายสอ ไอ้อ้วนเผิงรีบพูดขอบคุณ คำนับแล้วถอยออกไป
ลู่ฝานมองร่างหุ่นเชิดของลู่หมิง ค่อยๆ เอามุกของจางเยว่หานออกมา
นี่คือมุกที่มีพลังสีเทาไหลเวียนอยู่ ลู่ฝานไม่แน่ใจว่านี่คือเครื่องรางหรือมุกเต๋า หรือว่ามุกปีศาจ
สรุปว่ามุกเม็ดนี้ไม่ธรรมดา
ลู่ฝานพูดกับลู่หมิงเสียงเบา “ลู่หมิง ฉันแก้แค้นแทนนายแล้ว”
ลู่ฝานพูดแล้วเอามุกวางตรงหว่างคิ้วของลู่หมิง
ถ้าจางเยว่หานใช้พลังของมุกควบคุมลู่หมิง งั้นตอนนี้น่าจะดูดพลังนั้นกลับมาได้ นี่คือวิธีปกติที่ผู้ฝึกชั่วร้ายใช้ควบคุมหุ่นเชิด
เป็นไปตามคาด เมื่อลู่ฝานเอามุกวางตรงหว่างคิ้วของลู่หมิง
พลังสีเทาออกมาจากอกและท้องของลู่หมิง จากนั้นค่อยๆ ไหลเข้าไปในมุก
ลู่หมิงลืมตาขึ้นทันที ดวงตาสีแดงก่ำค่อยๆ กลับมาเป็นเหมือนเดิม
ใบหน้าโหดเหี้ยมผ่อนเริ่มผ่อนคลาย
เหมือนตอนนี้เขาได้รับความสงบอย่างแท้จริง
“นายเป็นห่วงเขามากเลยเหรอ”
จู่ๆ เสียงอู่คงหลิงดังขึ้นด้านหลัง
อู่คงหลิงรีบเดินมาข้างลู่ฝาน
ลู่ฝานถอนหายใจแล้วพูดว่า “คงงั้นมั้ง พอพูดขึ้นมา อันที่จริงตอนเด็กฉันโคตรเกลียดเขาเลย ฉันไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่งจะต้องเสียใจกับการจากไปของเขา เป็นฉันเองที่อยากฆ่าเขาด้วยตัวเอง แล้วก็อาจถ่มน้ำลายใส่หน้าหลุมศพเขาด้วย บางทีเธออาจยังไม่รู้ เขาด่าฉันว่าไอ้ขยะตั้งแต่เด็ก ด่าฉันมาตั้ง 10 กว่าปี”
อู่คงหลิงขมวดคิ้วพูดว่า “ทำไมนายต้องเสียใจกับคนแบบนี้ล่ะ”
ลู่ฝานยื่นมือไปปิดตาลู่หมิงเบาๆ แล้วพูดว่า “ต่อมาฉันเข้าใจอะไรขึ้นเยอะ ครอบครัวยังไงก็คือครอบครัว!”
เสียงถอนหายใจเบาๆ ดังอยู่ในห้องหิน จากนั้นหายไปอย่างไร้ร่องรอย