เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 1857 ทำพอเป็นพิธี
เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 1857 ทำพอเป็นพิธี
วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวผ่านไปอีก 10 วัน
มีคนมาในตำหนักนองค์ชายใหญ่ทุกวัน วุ่นจนรับมือไม่ทัน บวกกับช่วงนี้หลวี่เหวยพาคนกลับมาไม่หยุด ทำให้ตำหนักองค์ชายใหญ่ที่กว้างใหญ่แน่นขนัดอย่างเห็นได้ชัด
เดิมทีคนเป็นหัวหน้าสำนักอย่างลู่ฝานต้องมีเรื่องให้จัดการมากมาย
แต่ในความเป็นจริง มีคนมีความสามารถอย่างหนานกงสิงกับหลวี่เหวย บวกกับอู่คงหลิงที่มาใหม่คอยช่วยเหลือ
ลู่ฝานเป็นคนว่างงานสุดๆ หน้าที่ในทุกๆ วันคือฝึกฝนและฝึกฝน เตรียมรับมือกับการแข่งนานาประเทศที่กำลังจะมาถึง
จากข่าวที่หนานกงสิงได้รับมา ช้าสุดอีกไม่กี่วันก็จะเริ่มอย่างเป็นทางการแล้ว
ตอนนี้ในประเทศฉิงเทียนเริ่มรวมจำนวนผู้เข้าแข่งขันแล้ว
มีแท่นหินสูงหลายเมตรวางอยู่ที่ประตูเมืองมากมาย คนที่จะเข้าร่วมการแข่งขันต้องยืนยันวิทยายุทธของตัวเองว่าอยู่ในระดับแดนปราณดินหรือปรมาจารย์บำเพ็ญชี่ขึ้นไป จากนั้นเขียนชื่อตัวเองลงไป
ผลปรากฏว่าแท่นหินพวกนี้ไม่พอ ต้องเพิ่มใหม่ทุกวัน
ตอนนี้ถ้าไปดูที่ประตูเมืองทั้งสี่ทิศของประเทศฉิงเทียน แท่นหินที่เต็มไปด้วยชื่อถือเป็นภาพมหัศจรรย์อย่างหนึ่ง
วันนี้ลู่ฝานก็ดื่มชาอย่างผ่อนคลายอยู่ด้านหลังจวนอีกแล้ว
เจ้าดำกำลังกินอาหารอันโอชะอยู่ข้างๆ เขา
ตอนนี้แม้แต่เจ้าดำยังมีคนใช้ของมันเอง เจ้าดำอาบน้ำและกินอาหารแสนอร่อยภายใต้การดูแลของคนใช้
ว่างๆ ก็จีบกับมังกรขาวที่งดงามสุดในตำหนักองค์ชายใหญ่ด้วย ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายมาก
เสียงฝีเท้าดังขึ้น ลู่ฝานไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่าเป็นอู่คงหลิง
มีเพียงเสียงฝีเท้าของเธอที่เป็นจังหวะเหมือนบรรเลงดนตรีขนาดนี้
ถือกองกระดาษในมือ อู่คงหลิงเดินมาข้างลู่ฝานแล้วพูดว่า “หัวหน้าสำนักดูว่างมากเลยนะ เรื่องในจวนเยอะขนาดนี้ อีกทั้งมีเรื่องที่เกี่ยวข้องกับชีวิตนายด้วย นายไม่กังวลเลยเหรอ”
ลู่ฝานวางแก้วชาแล้วพูดว่า “ก็มีพวกเธออยู่ไง ว่ามาสิ เกิดเรื่องอะไรขึ้นอีก”
อู่คงหลิงยิ้มบางๆ แล้วพูดว่า “หลวี่เหวยรองหัวหน้าสำนักของนายไปคุกใต้ดินทุกวัน เขาเริ่มได้รับความไว้ใจจากจางเยว่หานแล้ว ฉันว่าอีกไม่นานจางเยว่หานจะเปิดโปงตัวตนนายให้เขารู้ ถึงตอนนั้นเขาอาจไปรายงานเบื้องบน จะจัดการเรื่องนี้ก็ให้จัดการภายในสองวันนี้”
ลู่ฝานพูดว่า “นี่อยู่ในแผนการของพวกเธอไม่ใช่เหรอ พูดเรื่องที่ฉันไม่รู้สิ”
อู่คงหลิงเห็นท่าทางลู่ฝานดูไม่คิดอะไรมาก จึงพูดว่า “สืบที่อยู่ของพวกศิษย์พี่นายได้แล้ว เป็นอย่างที่นายคิดไว้เลย มีคนจับตาดูพวกเขาอยู่ สองสามวันที่แล้วนายไม่ได้ไปหาพวกเขา ถือว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องมาก แต่วันนี้พวกเขาจะไปเดินเล่นที่งานประมูล ฉันเตรียมที่ไว้ให้นายแล้ว จัดการคนที่คอยจับตามองแล้วด้วย นายไปเจอพวกเขาได้เลย”
ลู่ฝานพยักหน้าพูดว่า “ดีมาก ยังมีอะไรอีกไหม”
อู่คงหลิงพูดต่อ “ข้างนอกมีคนของหอฝึกสัตว์มา รองหัวหน้าหนานกงให้ฉันมาเรียกนาย”
ลู่ฝานหัวเราะแล้วพูดว่า “ผ่านไปตั้งสิบวัน คนของหอฝึกสัตว์เพิ่งมา ฉันคิดว่าพวกเขาจะไม่มาแล้วเสียอีก!”
ลู่ฝานลุกขึ้นเดินไปด้านนอก
เจ้าดำมองลู่ฝานแล้วมองอาหารข้างๆ สุดท้ายมันกระโดดขึ้นไหล่ลู่ฝานแล้วออกไปพร้อมกัน
อู่คงหลิงหัวเราะแล้วมองเจ้าดำ แลบลิ้นปลิ้นตาภายใต้ผ้าปิดหน้า
เมื่อลู่ฝานมาถึงโถงหลัก ก็เห็นผู้ชายแต่งตัวหรูหรา รอยยิ้มสดใส หน้าตาดูดีกำลังคุยกับหนานกงสิงและหลวี่เหวยอย่างสนุกสนาน
ชุดเผาบู๊บนตัวปักลายสรรพสัตว์ ประกอบกับพลานุภาพดุดันแข็งแกร่งบนตัวเขา เห็นแล้วรู้สึกยำเกรง
เมื่อเห็นลู่ฝานเข้ามา หนานกงสิงกับหลวี่เหวยลุกขึ้นอย่างรู้งาน
หนานกงสิงพูดกับผู้ชายว่า “คุณชายหลีซูคุยกับคุณชายเงามืดเถอะ คุณชายคนนี้เป็นคนตัดสินใจเรื่องของพวกฮ่วนเย่ว์”
หลีซูพูดอย่างตกใจเล็กน้อย “อย่าบอกนะว่าคำพูดขององค์ชายใหญ่ตัดสินอะไรไม่ได้”
หนานกงสิงยิ้มแต่ไม่ได้ตอบ
ทั้งสองเดินออกไปอย่างรวดเร็ว ในโถงใหญ่เหลือเพียงลู่ฝานกับหลีซู
ลู่ฝานมองหลีซูตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วพูดว่า “คุณชายหลีเป็นตัวแทนหอฝึกสัตว์มาที่นี่เหรอ”
หลีซูยิ้มบางๆ แล้วพูดว่า “ใช่ เราหวังว่าหลีซุ่นกับฮ่วนเย่ว์จะกลับสำนัก อันที่จริงเรื่องของพวกเขาไม่ได้เกี่ยวกับองค์ชายใหญ่หรือคุณชายเงามืดสักเท่าไร เป็นเพราะกฎสำนักเราไม่เข้มงวด ถ้าล่วงเกินตรงไหนขออภัยด้วย”
ลู่ฝานพูดว่า “คุณชายหลีซูทำงานตำแหน่งอะไรในหอฝึกสัตว์เหรอ”
หลีซูพูดว่า “หัวหน้าทางตะวันออก คุณชายเงามืดถามทำไมเหรอ”
ลู่ฝานพยักหน้าพูดว่า “ถามให้แน่ชัดจะได้พูดกันง่าย คุณชายหลีซูกลับไปได้แล้ว ฉันไม่ปล่อยตัวคนให้หรอก ถ้าจะคุยก็ให้เจ้าบ้านหรือผู้อาวุโสของพวกนายมาคุย”
สีหน้าหลีซูเปลี่ยนไปเล็กน้อย “คุณชายเงามืดคุยกับฉันก็เหมือนกัน ฉันเป็นตัวแทน……”
จู่ๆ ลู่ฝานพูดตัดบทหลีซู “นายเป็นตัวแทนอะไรไม่ได้หรอก กลับไปเถอะ อย่าให้ฉันซัดนายออกไปเลย!”
เมื่อหลีซูได้ยิน สีหน้าเขาเย็นชาทันที
หลีซูมองตาลู่ฝานแล้วพูดว่า “คุณชายเงามืดไม่ได้จะเป็นศัตรูกับหอฝึกสัตว์ของเราจริงๆ ใช่ไหม ฉันขอเตือนพวกนายไว้ก่อน นี่มันไม่มีผลดีอะไรเลย โดยเฉพาะในประเทศฉิงเทียน”
ลู่ฝานยิ้มแล้วพูดว่า “มีผลดีหรือไม่ฉันรู้ดีแก่ใจ นายไปได้แล้ว!”
ความอาฆาตฉายขึ้นนัยน์ตาหลีซู พลังแข็งแกร่งรวมตัวอยู่ในมือเขา
ลู่ฝานมองเขาแล้วยิ้มบางๆ จู่ๆ แสงหนึ่งแวบขึ้นนัยน์ตา
ทันใดนั้นหลีซูสั่นไปทั้งตัว แสงในมือหายไป ใบหน้าซีดเผือด
ลู่ฝานพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า “ถ้ายังไม่ไปอีก นายอาจออกไปไม่ได้แล้วนะ อย่ามาท้าความอดทนของฉัน!”
หลีซูได้ยินแล้วลุกขึ้นช้าๆ ฝีเท้าเกร็งเล็กน้อย รีบเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
แม้เขาพยายามควบคุมร่างกายตัวเองสุดกำลัง แต่ก็ยังเดินโงนเงนออกไปอยู่ดี
ลู่ฝานมองเขาเดินออกไปด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า
เขาจงใจจัดการหอฝึกสัตว์เช่นนี้ น่าสงสารที่หลีซูไม่รู้เรื่องอะไรเลย ก็โดนวิชาชิงวิญญาณเล่นงานเข้าให้
หลังกลับไปเขาต้องรายงานเรื่องนี้กับผู้อาวุโสของหอฝึกสัตว์แน่ๆ ลู่ฝานต้องการให้เป็นเช่นนี้
องค์ชายใหญ่ประเทศฉิงเทียนที่ไม่สามารถตัดสินใจอะไรได้ กับชายลึกลับที่สามารถใช้วิชาชิงวิญญาณได้
ลู่ฝานจินตนาการออกเลยว่าหลังจากหอฝึกสัตว์ฟังหลีซูพูดจบจะมีปฏิกิริยายังไง
การที่เขาทำแบบนี้เพราะต้องการเตือนหอฝึกสัตว์ ให้พวกเขาเริ่มสงสัยสถานการณ์ของราชวงศ์ประเทศฉิงเทียน สิ่งที่เขาสามารถทำได้ตอนนี้ก็มีเพียงเท่านี้ อย่าลืมสิว่าพวกผู้อาวุโสซู่มั่นส่งหลวี่เหวยมาจับตาดูเขาอยู่ เขาทำอะไรใหญ่โตไม่ได้ ทำพอเป็นพิธีถือว่าดีที่สุดแล้ว รอมีโอกาสเขาคอยให้ฮ่วนเย่ว์ช่วยส่งข่าวให้เขา ตอนนี้ต้องดูว่าหอฝึกสัตว์จะเชื่อใจได้ไหม หวังว่าอีกฝ่ายจะฉลาดนะ
เมื่อหลีซูออกไปแล้ว หนานกงสิงกับหลวี่เหวยเดินเข้ามา
หนานกงสิงมองลู่ฝานด้วยรอยยิ้ม “หัวหน้าสำนักไล่เขากลับไปแล้วเหรอ”
ลู่ฝานพูดว่า “ใช่ เขายังไม่มีสิทธิ์คุยกับฉัน”
หลวี่เหวยยิ้มแล้วพูดว่า “ใช่ หัวหน้าสำนักฐานะระดับไหนแล้ว ทำไมต้องคุยกับคนกระจอก ให้พวกเขาส่งพวกหัวหน้ามาใหม่”
ลู่ฝานพูดว่า “เอาล่ะ ฉันขอกลับก่อน พวกนายทำงานต่อเถอะ”
จู่ๆ หนานกงสิงพูดว่า “หัวหน้าสำนัก มีสินค้าล็อตหนึ่งที่หัวหน้าสำนักต้องดูสักหน่อย ฉันไม่ค่อยแน่ใจเท่าไร!”
ลู่ฝานมองหนานกงสิงแล้วขมวดคิ้วเบาๆ เหมือนเขาคิดอะไรออก พูดด้วยตาเป็นประกายว่า “ของถึงแล้วเหรอ”
หนานกงสิงพยักหน้าพูดว่า “ใช่ ของที่มาจากเขตตงหวาถึงแล้ว!”