เกิดใหม่ในโลกเเห่งเกม 18+ เเต่ไหงตัวเราต้องกลายเป็นจอมมารสาวที่เป็นทาสกามของอีตาเพื่อนผู้กล้าจอมหื่นด้วยล่ะค่ะ !? - ตอนที่ 12: ฺฺผู้ที่ Bad end คนเเรก
- Home
- เกิดใหม่ในโลกเเห่งเกม 18+ เเต่ไหงตัวเราต้องกลายเป็นจอมมารสาวที่เป็นทาสกามของอีตาเพื่อนผู้กล้าจอมหื่นด้วยล่ะค่ะ !?
- ตอนที่ 12: ฺฺผู้ที่ Bad end คนเเรก
ก่อนที่ในวันนั้นพวกเราจะได้ไปพบกับองค์ชายรีเกล เราเเละนายท่านก็ได้ปรึกษาอะไรบางอย่างกันก่อน
“หมายความว่ายังไง เรื่องที่องค์ชายรีเกลมีบางอย่างเเปลกๆ ?”
นายท่านถามด้วยความสงสัย เราเลยเเถลงไขด้วยข้อมูลทั้งหมดที่มี
“ถ้าจะให้พูดเข้าใจง่ายๆก็คือ การกระทำขององค์ชายตามเนื้อเรื่องของเกมเเละตอนนี้ มันดูไม่สอดคล้องกันค่ะ”
“ไม่สอดคล้องตรงไหน ?”
“ถ้าจะให้เราตั้งเเต่เเรก มันก็คงตั้งเเต่ความสามารถขององค์ชายเเล้วล่ะค่ะ”
ตามเนื้อเรื่องเกมองค์ชายรีเกลคือ ตัวร้ายที่มีความโดดเด่นเพียงเเค่ทักษะในด้านการเมืองการปกครอง
ส่วนการใช้เวทมนต์เเละการใช้ดาบก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติ ไม่ต่างจากคนทั่วๆไป
นั่นทำให้ตัวเขาที่เป็นเเค่องค์ชายลำดับสองไม่ได้เป็นที่คาดหวังเท่าไหร่สำหรับตำเเหน่งราชาคนถัดไป พี่ชายของเขาที่เป็นองค์ชายอันดับหนึ่งจึงเป็นคนที่เหมาะกับตำเเหน่งกษัตริย์มากที่สุดเเละไม่ได้ระเเวงในตัวเขาเเม้เเต่น้อย นั่นจึงนำไปสู่การหักหลังพี่ชายตัวเองในภายหลังขององค์ชายรีเกล
นอกจากนี้พอมาอยู่ที่โรงเรียน เขาก็จะพยายามหลีกเลี่ยงคู่หมั้นของตนขนกระทั่งไปตกหลุมรักไอริซ…ตัวละครจีบได้ที่เป็นเเค่สามัญชน
ทั้งหมดนั่นคือเรื่องพื้นฐานที่ควรจะเกิดขึ้นอยู่ในโลกใบนี้
เเต่ทว่า—
“จากการสอบถามข้อมูลของพวกเพื่อนผู้หญิงในห้อง มีเรื่องที่เเตกต่างจากในเกมหลายประเด็นค่ะ”
เราอาศัยช่วงเวลาพักในการพูดคุยกับนักเรียนหญิงคนอื่นๆเพื่อเเสวงหาข้อมูลภายในโรวเรียนเเห่งนี้ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้
ผลของความขยันเเละความพยายามตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา นั่นคือการที่เราได้ข้อมูลเเปลกๆเกี่ยวกับองค์ชายรีเกล
“มีคนว่ากันว่า องค์ชายคือเด็กหนุ่มอัจฉริยะที่โผล่ขึ้นมาในรอบหลายร้อยปี ตัวเขาสมบูรณ์เเบบทุกด้าน ไม่ว่าจะการเมืองการปกครอง รวมไปถึงทักษะการใช้เวทมนต์เเบบไร้ร่าย”
เหมือนกับนายท่านเลย ทั้งคู่ต่างสามารถใช้เวทย์ไร้ร่ายเป็น
ทั้งๆที่ตามเนื้อเรื่อง ทั้งนายท่านเเละองค์ชายรีเกลควรจะเป็นเเค่มนุษย์ธรรมดาๆอยู่ในเกณฑ์มาตราฐาน
“เเถมยังมีข่าวลือทำนองว่า มีคนพยายามลอบสังหารองค์ชายรีเกลอยู่หลายครั้ง คาดว่าจะเป็นฝีมือขององค์ชายลำดับหนึ่งที่กลัวว่าองค์ชายรีเกลซึ่งมีพรสวรรค์มากกว่าจะมาเเย่งบัลลังค์”
ถ้าเป็นในเกม องค์ชายรีเกลที่อ่อนเเอนกว่า ไม่มีใครคาดคิดเลยว่าตัวเขาจะมีความกล้าพอจะสังหารพี่ชายของตัวเอง กระทั่งตอนท้ายองค์ชายเฮลมุทยังถูกฆ่าตายเเบบงงๆด้วยซ้ำ เขาไม่เคยคิดว่าองค์ชายรีเกลเป็นขวากหนามในการขึ้นครองราชย์มาก่อนทำให้ทั้งคู่ดูเหมือนจะเป็นพี่น้องที่รักกันดี
“เเล้วก็จนถึงทักวันนี้คุณไอริซยังถูกกลั่นเเกล้งอยู่”
ตามที่ได้ยินมา มีคนบอกว่าตัวละครจีบได้อย่างไอริซเคยวิ่งชนองค์ชายเเค่ครั้งเดียว เเต่หลังจากนั้นทั้งสองก็ไม่เข้าใกล้กันอีกเลย
กลับกันเเล้ว เราดันได้ข่าวทำนองว่า องค์ชายรีเกลชอบใช้เวลาร่วมกับคุณคู่หมั้น ลาลาทีน่า วอน ไอซ์ฟิลบ่อย
“ในเนื้อเรื่ององค์ชายรีเกลจะเกลียดคู่หมั้น เเต่ในปัจจุบันมันไม่ใช่เเบบนั้น”
ไอริซยังถูกพวกขุนนางกลั่นเเกล้ง ส่วนองค์ชายรีเกลเเละลาลาทีน่าก็ดูเป็นคู่หมั้นที่เหมาะสมเเละรักกันดี
“เเล้วพอครั้งล่าสุดที่เดินผ่าน เราก็เเอบใช้ ‘เนตรวินิจฉัย’ กับองค์ชาย”
‘เนตรวินิจฉัย’ มันคือพลังโกงที่ทำให้เราสามารถมองเห็นสเตตัสของผู้อื่นได้
ในตอนนั้น พอเราใช้มันกับองค์ชาย เราก็พบว่า–
ชื่อ : รีเกล เเกรน ดูรันดัล (ไซโต้ ทาคุมิ)
อาชีพ : นักเวทย์
ฉายะ : ภูมิปัญญาเเห่งอาณาจักร , องค์ชายผู้ทรงธรรม , นักเวทย์อัจฉริยะ , ผู้กลับชาติมาเกิด
สเตตัสที่เเสดงให้เราเห็นทำให้เราสรุปได้โดยทันที
“จะบอกว่าที่เนื้อเรื่องบางส่วนต่างไปจากเดิม มันเป็นเพราะว่าเขาคือผู้กลับชาติมาเกิดเหมือนพวกเราสิน่ะ”
“ถูกต้องเเล้วค่ะ”
ใช่เเล้วค่ะ องค์ชายรีเกลคือผู้กลับชาติมาเกิดไม่ผิดเเน่ๆ
“เเต่เราไม่รู้ว่าเขาจะมาดีหรือมาร้าย”
นั่นเเหล่ะคือปัญหา พวกเราไม่รู้ว่าองค์ชายรีเกลจะเเย่งบัลลังค์พี่ชายของตนเเละพยายามกำจัดตัวเอกของเกมทิ้งรึเปล่า
“เพราะงั้นต้องลองคุยกันดูซักครั้งค่ะ ถ้าเป็นไปได้ก็ไม่อยากเป็นศัตรูด้วย”
“นั่นสิน่ะ อุตส่าห์เป็นผู้กลับชาติมาเกิดเเท้ๆ ถ้าเป็นพวกเดียวกันได้ก็คงดี”
หลังจากนั้นก็ได้ข้อสรุปว่าจะมาคุยกับองค์ชายในวันรุ่งขึ้น โดยที่พยายามโชว์ไพ่ในมือเท่าที่จำเป็น
“กะว่าจะใช้เกมหมากรุกในการจับผิดค่ะ การบอกให้อีกฝ่ายรู้ว่าเรามี’เนตรวินิจฉัย’อยู่ เราคิดว่ามันอาจจะส่งผลเสียในภายหลังได้ “
สำหรับคนที่ไม่รู้ว่าเป็นมิตรหรือศัตรู พวกเราก็จะปล่อยข้อมูลให้รั่วไหลน้อยที่สุด
“เข้าใจเเล้ว ผมจะร่วมมือด้วย”
“ขอบคุณค่ะ”
นั่นจึงนำมาสู่การเล่นหมากรุกระหว่างนายท่านเเละองค์ชายในที่สุด
๐๐๐๐๐๐๐
หลังจากที่พวกเราทั้งสองฝ่ายเปิดเผยตัวจริงของกันเเละกัน บรรยากาศก็เข้าสู่ช่วงที่เวลาตึงเครียดเข้าจนได้
“เเล้วที่พวกเธอเรียกผมมาคุย มันคงไม่ได้มาเพื่อบอกเรื่องเเค่นี้อยู่เเล้วใช่ไหมล่ะ ?”
“คะ เรามีเรื่องที่อยากจะรู้เกี่ยวกับคุณ”
เรามองหน้านายท่านทีหนึ่งเพื่อยืนยันการตัดสินใจ พอนายท่านพยักหน้าเห็นด้วยอีกครั้ง เราก็ถามออกไปในทันที
“ไม่ทราบว่า เป้าหมายสูงสุดหรือจะเรียกว่าสิ่งที่คุณต้องการหลังจากนี้คืออะไรอย่างงั้นหรอคะ ?”
“จุดมุ่งหมาย ?”
“มีความคิดจะเเย่งชิงบัลลังค์มารึเปล่า เเล้วมีความคิดที่จะกำจัดคุณเลออนออกไปบ้างไหม”
เพราะตามเนื้อเรื่องเกม ไม่ว่าจะไปในรูทไหน พระเอกของเกมอย่างเลออนก็มักจะเป็นศัตรูของเขาเเทบทุกครั้ง
นี่จึงเป็นคำถามที่ชี้ชะตาความเป็นความตายของโลกเเละพวกเราเลยทีเดียว
“ถ้าเรื่องเเย่งบัลลังค์มา มันก็ต้องเเน่นอนว่า ใช่ อยู่เเล้ว”
“— !!!”
“ก็น่ะ ผมคงไม่ปล่อยให้คนที่พยายามลอบสังหารผมตั้งหลายรอบมีชีวิตอยู่หรอก”
“ถ้าอย่างงั้น อย่าบอกนะคะว่า —“
“เดี๋ยวก่อน อย่าพึ่งเข้าใจผิด “
สายตาอันมืดมนของเขาจับจ้องมาที่พวกเรา พร้อมกันนั้นรีเกลก็ยกมือขึ้นปราม
“ผมรู้ดีว่าหากเสียหนึ่งในเจ็ดผู้กล้าอย่างเลออนคุงไป มันจะทำให้การปกป้องโลกมีโอกาสสำเร็จน้อยลง เเน่นอนว่าถ้าเพื่อตัวเองเเละมนุษยชาติเเล้วผมอยากให้เลออนคุงมีชีวิตรอดมากกว่า”
“เเม้จะเป็นศัตรูกันในภายหลัง ?”
“ผมเชื่อว่าถึงบางอย่างจะคล้ายที่เกิดขึ้นในเกม เเต่เส้นทางของพวกเรา เราสามารถกำหนดมันได้ด้วยตัวเอง”
เป็นคนที่เชื่อมั่นในตัวเองกว่าที่คิด เหมือนนายท่านเลยค่ะ
“เเล้วอีกอย่าง–“
สายตามืดมนขณะที่รีเกลนั่งเท้าคาง มันชวนให้รู้สึกหนาวสั่นราวกับว่ามีจิตสังหารเเผ่ออกมาจากรีเกล
“สาเหตุที่ผมต้องจัดการพี่ชาย มันไม่ใช่เเค่เรื่องที่ผมถูกลอบฆ่าเพียงอย่างเดียวหรอกน่ะ”
คำพูดถัดมาของเขาทำให้นายท่านเเละเรากลืนน้ำลายเฮือกใหญ่
“เพราะคู่หมั้นของผม…ลาลาทีน่าคนนั้นก็ถูกปองร้ายเหมือนกัน เพียงเเค่ว่าเธอเป็นคู่หมั้นของผม ทั้งๆที่เธอไม่ได้ทำอะไรผิดเลยเเท้ๆ”
จริงๆด้วย เป็นอย่างงี้จริงๆสิน่ะ
เพราะรีเกลรู้สึกเเบบนั้นกับลาลาทีน่า เขาถึงไม่ได้สนใจไอริซ
“จะฆ่าผมก็ไม่เป็นไร จะพยายามลอบสังหารตัวผมอีกซักร้อยรอบ ผมก็ไม่ว่า เเต่หากมันผู้ใดที่ริอาจเเตะต้องลาลาทีน่าของผม มันผู้นั้นต้องตายสถานเดียว”
เป็นคำตอบที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นเเละความตั้งใจอันเเรงกล้า
เเสงสีดำมืดที่อัดเเน่นอยู่ภายในดวงตาล้วนเต็มเปี่ยมไปด้วยความโกรธเเค้น
จะว่าไปก่อนเมื่อเดือนก่อนก็เคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับคุณคู่หมั้นของรีเกลมาบ้าง
เพอรู็ว่าเธอโดนลูกหลงมาขนาดนั้น ชายคนนี้จะเเสดงความโกรธออกมาก็คงไม่เเปลก
“เอาล่ะ ทีนี้ผมขอฟังความเห็นของพวกเธอทั้งคู่บ้าง พวกเธอคิดจะทำอะไรหลังจากนี้ ?”
“ถ้าเรื่องนั้นล่ะก็—“
หมับ !
เเต่ก่อนที่เราจะได้ตอบ นายท่านกลับคว้าไหล่ของเราเเละดึงตัวเราเข้าไปกอด
“ผมได้บอกไปเเล้วไงรีเกล”
สายตาของนายท่านในตอนนี้จริงจังสุดๆ
“หลังจากจัดการจอมมารทั้ง 6 ตนเสร็จ พวกเราจะย้ายไปอยู่ชนบทเเล้วเเต่งงานครับ”
“นะ นะ นายท่าน !!!”
ว๊าย ! อีตานี้พูดอะไรของมันกันค่ะ นี่กำลังจริงจังกันอยู่น่ะ เลิกพูดจาล้อเล่นจะได้ไหม ?
“ผมพูดจริงน่ะมาเคีย !”
อะไรกัน ? นี่อ่านใจเราได้ด้วยหรอ !?
“หึ ! เเน่นอนสิ ! เพราะไม่มีใครบนโลกนี้รู้จักมาเคียดีเท่าผมอีกเเล้ว”
อ่านใจได้จริงๆด้วย ! เเถมช่วยกรุณาอย่าลอกคำพูดที่เราบอกกับนายท่านมาใช้ซ้ำจะได้ไหมค่ะ
นี่มันละเมิดทรัพย์สินทางปัญญากันชัดๆ
“ความรักไม่ใช่ของๆใครคนหนึ่งคนเดียวหรอกครับ”
เลิกอ่านใจเอาซ่ะทีเถอะค่ะ !
“เปล่าซักหน่อย ก็สีหน้าของมาเคียน่ะอ่านง่ายจะตาย”
“ว่าไงนะคะ !? กรุณาอย่าใส่ร้ายป้ายสีเรามั่วๆด้วยค่ะ เลิกพูดเล่นเเล้วกลับมาจริงจังกันได้เเล้ว !”
“ผมจริงจะน่ะมาเคีย !”
เเต่นายท่านก็ไม่วายกอดตัวเราเเน่นยิ่งกว่าเก่า เเถมยังมากระซิบข้างหูของเราด้วยลมหายใจอุ่นๆอีกด้วยอ่า
จักกะจี้มากๆ เเล้วก็อายจะตายอยู่เเล้ว
“ฟู่ววว อยากได้ลูกสาวซักคนจัง”
“อึก !”
พอโดนจู่โจมเเบบนี้เข้าไป เเขนขาถึงกับไร้เรี่ยวเเรงจนต้องเกาะเเขนของนายท่านเพื่อประคองร่างเอาไว้
ไม่ไหวๆ อยู่ๆก็มาบอกลูกสาวอะไรกันค่ะ คิดเองเออเองเเบบนี้ได้ยังไง
คนเดียวไม่พอหรอกค่ะ มันต้องซักห้า—เเค่กๆ ไม่ใช่ล่ะ เลิกนอกเรื่องได้เเล้วค่ะ
“ฮ่าๆๆ เข้าใจล่ะ พวกเธอทั้งคู่นี่น่าสนใจจริงๆด้วย”
ดูเหมือนฝั่งนั้นจะยอมรับง่ายกว่าที่คิด
“ดูตากสายตาเเล้ว ยูลิอุสคุงก็คงไม่ได้พูดโกหก”
“เเน่อยู่เเล้ว ไม่ว่าจะอะไรขึ้น เกิดผมไม่มีทางโกหกหัวใจของตัวเองอย่างเเน่นอน”
น้ำเน่ามากๆค่ะ ตะ ตะ ตะ เเต่ก็เท่ซ่ะจนเกือบจะตกหลุมรักไปอีกรอบเลยล่ะค่ะ
สมเเล้วที่เป็นนายท่านของเรา
“เเล้วทางมาเคียล่ะ ?”
“ถ้าเป้าหมายของเราล่ะก็ มีเเค่อย่างเดียวค่ะ”
หนุบๆ
ว่าเเล้ว เราก็จิ้มลงไปบนจมูกของอีตานายท่านจอมหื่นกามที่ยังลูบก้นของเราไม่เลิกซักที
อยู่ต่อหน้าคนอื่น ช่วยสำรวมมือของตัวเองหน่อยสิย่ะ !
อยู่ที่บ้าน ยังจับไม่พอใจอีกรึไง ! ช่างเป็นสัตว์ป่าที่หื่นกระหายเเละโรคจิตที่สุดเลยค่ะ
เราพยายามปกปิดใบหน้าเเดงก่ำสุดความสามารถ ต้องพยายามกลั้นเสียงร้องออกมาในขณะที่พยายามเเกะมือของนายท่านออกไปจากก้นของตัวเอง
“เป้าหมายสูงสุดของเราคือความสุขของนายท่านค่ะ”
“มาเคีย ?”
“หนวกหูค่ะ ไอ้เจ้านายท่านโรคจิต หื่นกาม ที่ไม่ยอมตัดใจจากเราซ่ะที ! ช่วยฟังไปเงียบๆอย่างสงบเสงี่ยมจะดีมากค่ะ “
เรามองตรงไปที่ตาของรีเกลเเล้วพูดความรู้สึกของเราออกมา
“นายท่านคือเหตุผลในการมีชีวิตอยู่ของเรา โลกใบนี้จะเป็นยังไงเราไม่สน ขอเเค่นายท่านใช้ชีวิตอยู่บนโลกนี้อย่างมีความสุข เราก็พอใจเเล้วค่ะ”
“………..”
“ดังนั้นถ้าจะถามว่าเป้าหมายในการใช้ชีวิตอยู่บนโลกนี้คืออะไร เราก็ขอตอบว่า เพื่อความสุขของนายท่านค่ะ”
เเละเพื่อการนั้นเเล้ว การร่วมมือในครั้งนี้จึงจำเป็น
“เเละเพื่อจะนำพาไปสู่จุดๆนั้นได้ เราจึงต้องการพลังของคุณเพื่อใช้ในการกำจัดพวกจอมมารที่เหลือทั้งหมด”
“………..”
เวลาผ่านไปพักหนึ่ง หลังจากที่เราทั้งคู่เเลกเปลี่ยนความรู้สึกของกันเเละกัน
รีเกลกอดอกเเล้วลับตา ส่วนนายท่านก็กอดตัวเราเเน่นด้วยความรุ้นระทึกว่าอีกฝ่ายจะตอบตกลงรึเปล่า
ความอบอุ่นของนายท่านที่ส่งผ่านเเผ่นหลังมา มันทำให้เราตื่นเต้นในเรื่องอย่างว่ามากกว่าการรอคำตอบจากองค์ชายซ่ะอีก
ฟู่วววว
เเละเเล้วสายลมก็พัดผ่าน
เสียงของรีเกลมาพร้อมกับคำตอบที่รอคอยมานานเเสนนานทั้งๆที่เวลาจริงๆผ่านไปไม่ถึงห้านาที
“ก็ได้… เข้าใจเเล้ว มีพวกเยอะกว่ามันก็คงจะดีจริงๆนั่นเเหล่ะ”
เปลือกตาเปิดขึ้นมา ดวงเนตรสีมรกตจับจ้องมาที่พวกเรา
“ตกลง ! ผมจะยอมเป็นพวกด้วยก็ได้”
“ขอบคุณค่ะ —“
“เเต่มีข้อเเม้อยู่–“
ทว่า รีเกลกลับชู้นิ้วชี้่ขึ้นมา
“พวกเธอจะต้องช่วยผมในการเเย่งชิงบัลลังค์มาจากท่านพี่”
“เอ๋ ???”
ก็ไม่ถึงกับคาดไม่ถึงว่าจะมีคำขอทำนองนี้มา เเต่เราไม่คิดว่าเขาจะขอกันตรงๆเเละกระทันหันเเบบนี้
“ว่าไง ? ตกลงไหม ?”
“ต้องดูความคุ้มค่ากับเนื้องานก่อนสิค่ะ ประโยชน์ที่เราทำให้คุณ มันมากกว่าที่เราจะได้รับกลับมาเสียอีก”
จริงๆเเล้ว อยากให้ทำร่วมมือกันเเค่การหาวิธีป้องกันการรุกรานของเผ่าปีศาจต่างหาก
จะให้มาข้องเกี่ยวกับปัญหาราชสมบัติ มันไม่ใช่เรื่องจะช่วยก็ช่วยได้ง่ายๆ
“ขอถามหน่อยเถอะ พวกเธอเคยเล่นเกม ‘อะจึ๋ยๆ’ นั่นมากี่ภาค ?”
“ของผม 0 “
นายท่านไม่เคยเล่นมาก่อน พึ่งมารู้ว่าโลกใบนี้เป็น H-Game ก็ตอนที่เขาพบกับเรา
“หึ ! ส่วนทางผมคือ 3 ภาค”
รีเกบตอบกลับมาอย่างมั่นใจ
“ส่วนเราภาค 1-5 เเละภาค IF หนึ่งภาค นอกจากนี้ก็มีสถานะเป็นหนึ่งในทีมงานที่ช่วยในการสร้างเกมค่ะ”
“ดะ ดะ ดะ เดี๋ยวก่อน นี่คงไม่ได้บลัฟกันใช่ไหมเนี่ย ?”
“จะลองทดสอบดูก็ได้น่ะ”
พอพูดออกไปเเบบนั้น รีเกลก็ลองถามคำถามเกี่ยวกับเกมทั้งสามภาคที่เขาเคยเล่น
“ถ้าตอบตกลงไปในตอนนั้น มันจะได้ฉากเอาท์ดอว์ริมชายหาดค่ะ”
“บ้าน่า ! นี่เธอจำได้ละเอียดขนาดนั้นเลยหรอ !?”
“ส่วนถ้าตอบ A ถอดกางเกงว่ายน้ำก่อน มันจะ—“
“พอเเล้วๆๆ เข้าใจเเล้ว !!!”
สุดท้ายรีเกลก็ยอมเเพ้
“นี่เธอเป็นหุ่นยนต์หรือเป็นสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์ไหนกันเนี่ย ? จะมีความจำดีมากเกินไปเเล้วน่ะ”
“ขอบพระคุณค่ะ”
“ให้ตายเถอะ ใครมันจะไปสู้ได้กันเล่า”
เพราะงั้นองค์ชายจึงเสนอข้อต่อรองเพิ่มเติม
“เเต่ถ้าผมเป็นราชา ผมอาจจะช่วยเสนอตำเเหน่งดีๆให้กับพวกเธอก็ได้น่ะ”
“ยังไงตอนนี้องค์ราชาก็เตรียมจะยัดตำเเหน่งดีๆให้นายท่านที่เป็นผู้สังหารมังกรอยู่เเล้วค่ะ”
“ขอบอกไว้ก่อนน่ะ ผมไม่อยากเป็นขุนนาง”
“เสียใจด้วยค่ะ ยังไงต่อให้ปฏิเสธ นายท่านก็ต้องเป็นอยู่ดี”
“อึก !”
หลังจากที่เราโต้เถียงกันอยู่พักหนึ่ง รีเกลก็ตัดสินใจบางอย่างขึ้นมา
“ถ้างั้นเอาเเบบนี้ดีไหม ? ในกรณีที่ผมขึ้นเป็นราชาได้ ผมจะมอบตำเเหน่งพิเศษให้พวกเธอทั้งสองคน”
“ตำเเหน่งพิเศษ ?”
“ไม่ใช่ทั้งขุนนาง ในขณะเดียวกันก็ไม่ถือว่าเป็นสามัญชน …เป็นตำเเหน่งที่เป็นรองเเค่องค์ราชา”
เดี๋ยวน่ะ ? ตำเเหน่งนั้นมีด้วยหรอ ?
“ถ้าทำสำเร็จ ผมจะเเต่งตั้งพวกเธอทั้งคู่เป็น ‘ปีกคู่เเห่งดูรันดัล’ “
“ไม่เห็นเคยได้ยินตำเเหน่งนี้มาก่อนเลยค่ะ…”
“ฮ่าๆ ก็เพราะผมพึ่งคิดขึ้นมาได้เมื่อกี้นี้นี่นา”
รีเกลอธิบายด้วยสีหน้าคึกคัก
“ผมจะใช้อำนาจส่วนตัวตั้งให้พวกเธอทั้งคู่เป็นบุคคลที่มีตำเเหน่งสูงกว่าดยุคเเละสามารถดำเนินการต่างๆได้อย่างอิสระไม่ยึดติดกับสังคมขุนนาง โดยหน้าที่หลักก็คือการรับใช้ชาติเวลาเกิดศึกสงครามระหว่างพวกเราเเละเผ่าปีศาจ”
“นั่นมันไม่ต่างจากทหารเลยนิค่ะ”
“ไม่เหมือนเลยซ่ะทีเดียว เพราะเวลาเข้าสู่สนามรบ พวกเธอทั้งคู่จะมีสิทธิสั่งการเทียบเท่าเเม่ทัพ จะเป็นรองก็เเค่ตัวผมที่เป็นราชา”
“เเบบนี้คิดหนักเลยเเฮะ”
“ยังไงพอจบสงครามกับจอมมารได้ เผ่าปีศาจก็คงไม่บุกมาอีกนานหลายสิบปี หลังจากนั้นพวกเธอก็ไม่น่าจะต้องมาทำหน้าที่นี้อีกเเล้ว เชิญกลับไปใช้ชีวิตปลดเกษียณตามสบายเเถบชนบทได้เลย เวลามีขุนนางมาหาเรื่อง พวกเธอก็สามารถมาฟ้องผมได้ ความจริงเเล้ว พวกเธอสามารถสั่งลงโทษได้เลยด้วยซ้ำ เพราะตำเเหน่งนี้คือตำเเหน่งสูงยิ่งกว่าขุนนางระดับดยุค”
“เเล้วมันจะไม่มีปัญหาหรือสร้างความไม่พอใจให้กับขุนนางคนอื่นงั้นหรอ ?”
“ถ้าต้องเลือกระหว่างพวกเธอเเละขุนนางพวกนั้น ยังไงผมก็เลือกพวกเธออยู่เเล้ว ใครหน้าไหนที่คัดค้าน ผมจะจัดการมันให้เอง”
อุหวา นี่มันเผด็จการชัดๆเลยค่ะ
เเต่จะว่าไปเเล้ว ถึงจะปฏิเสธตอนนี้ ซักวันก็คงมาตามตื๊ออีกอยู่ดี
เเถมถ้ามีจุดมุ่งหมายคือการปกป้องอาณาจักรเเห่งนี้ การผลักดันให้รีเกลเป็นราชา มันคงดีกับอนาคตของมวลมนุษยชาติมากกว่า
“คิดว่าไงค่ะ นายท่าน ?”
“ได้เเต่งงานกับมาเคียผมก็พอใจเเล้วล่ะ”
เฮ้อ..ยังขออะไรที่เป็นไปไม่ได้เหมือนเดิมเลยค่ะ
เพราะเเบบนั้นเราที่กำลังเหนื่อยใจก้เลยตอบอีกฝ่ายกลับไป
“เข้าใจเเล้วค่ะ จะยอมช่วยเหลือก็ได้”
“ขอบคุณมาก”
“เเต่ถ้าวันไหนคุณกลายเป็นทรราชจอมชั่วร้ายขึ้นมา ขอให้เตรียมใจถูกฉีกสัญญาทิ้งได้เลยนะคะ”
“จะพยายามไม่ให้มีวันนั้นล่ะกัน”
เฮ้อ…..
ในขณะที่เราถอนหายใจออกมาด้วยความรู้สึกผ่อนคลาย อยู่รีเกลก็ปรากฎสีหน้าปั้นยากขึ้นมา
“ในเมื่อตกลงเป็นพันธมิตรกันเเล้ว ผมก็คงต้องมีเรื่องที่อยากจะให้พวกเธอช่วยซักหน่อย”
“ใช้งานกันเร็วจังนะคะ…เเต่ก็เอาเถอะ”
เพราะยังไงทางนี้ก็คิดจะใช้นายเพื่อกำจัดพวกรุ่นพี่ที่ขวางทางอยู่ออกไปอยู่เเล้ว
“ผมอยากจะให้เธอรวบรวมหลายชื่อตัวละครทั้ง 5 ภาคให้ผมหน่อย เอาที่มีส่วนในการกำจัดจอมมารก็พอ”
“นั่นมันเยอะมากเลยนะคะ”
“งั้นเอาเเค่รายชื่อผู้กล้าทั้งหมดก็ได้ จาก 7 คน ผมรู้เเค่ 3 คนเอง”
เข้าใจเเล้วค่ะ เเต่ว่า—
“ทำไมอยู่ๆถึงอยากได้รายชื่อกันล่ะคะ ?”
พอเราถาม รีเกลก็ให้เหตุผลด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“ได้ยินว่า ยูลิอุสคุงรู้จักกับเลออนคุงที่เป็นพระเอกของเกมภาคเเรกใช่ไหม ?”
“ครับ…..”
“หรอ…งั้นถ้าเป็นอย่างงั้น ผมก็คงจะต้องพูดออกไปตอนนี้เลยสิน่ะ”
รีเกลถอนหายใจเฮือกใหญ่ สีหน้าของเขาดูลำบากใจเเปลกๆ
“พวกเธอคงหาข้อมูลเกี่ยวกับเลออนกันเเล้วสิน่ะ”
“ค่ะ….”
“คงรู้เรื่องที่ว่า เเม้จะดำเนินเรื่องมาถึง 20% หมอนั่นก็ยังจีบตัวละครสาวไม่ติดซักทีเเล้วสิน่ะ”
รู้มาจากนายท่านเเล้วค่ะ ตอนนี้ก็ยังกังวลไม่หาย
“ผมคิดว่า ถ้าเป็นในตามทฤษฎีของเกม การกระทำของเลออนที่ไม่มีคนชี้นำ มันก็ไม่ต่างจากการเล่นเกมจีบสาวโดยที่เรากดตัวเลือกที่หลีกเลี่ยงอีเวนท์ทุกอย่าง….เเละนั่นจะต้องนำไปสู่ Bad End อย่างเเน่นอน”
นั่นก็คือความเป็นไปได้ที่เรารู้สึกสงสัยเหมือนกัน
“ดังนั้นพวกตัวเอกในภาคที่เหลือก็คงคล้ายๆกันกับเลออน…พวกเขาทุกคนต้องการให้ใครซักคนมาชี้นำ โดยเฉพาะเธอ คนที่น่าจะรู้จักตัวเอกทุกภาคดีที่สุด”
งี้นี่เอง หมายความว่าจะให้เราช่วยในการกำหนดรูทต่อจากนี้สินะคะ
“หลังจากนี้ก็อยากจะให้ช่วยสนับสนุนกลุ่มคนพวกนั้นเพื่อเป้าหมายสูงสุดคือการกำจัดจอมมารทั้ง 7 คน ไม่อย่างงั้นมันจะกลายเป็นเหมือนในกรณีของเลออนที่สายเกินเเก้”
“สายเกินเเก้ ?”
เดี๋ยวก่อนน่ะ หมายความว่ายังไง ?
“รีเกล ? ที่บอกว่าสายเกินเเก้ ผมไม่เข้าใจ ? เนื้อเรื่องในภาคหลังตามที่ว่ามามันเดินไปถึง 20% เเล้วไม่ใช่หรอ ?”
ได้ยินดังนั้น รีเกลก็ขมวดคิ้ว
“นี่พวกนายไม่สงสัยอะไรเลยหรอ เรื่องที่อยู่ๆหมอนั่นก็หายตัวไปเป็นเดือน”
“มาเคียบอกผมว่า เลออนไปทำภารกิจลับบางอย่างตามคำขอของราชวงศ์นิ”
ตามเนื้อเรื่อง ทางราชวงศ์ต้องการทดสอบว่าเลออนจะมีความเหมาะสมในการเป็นผู้กล้าเเห่งดาบรึเปล่าโดยการส่งเขาเข้าไปช่วยเหลือพวกมนุษย์ขุนนางซึ่งถูกพวกปีศาจจับตัวไป
ความจริงเเล้วสาเหตุที่เลออนได้เป็นนักเรียนทุนด้วยเงินสนับสนุนจากราชวงศ์ มันเป็นเพราะว่าเมื่อหลายปีก่อนตอนที่จัดการประลองดาบในเมืองหลวง พวกเขาได้สงสัยว่าเลออนที่เข้าร่วมงานประลองจะเป็นผู้กล้า
เพราะในขณะที่อาวุธศักดิ์สิทธิ์ของผู้กล้าเเห่งดาบอย่าง’โฟตอนคาลิเบอร์’ถูกเอาไปเป็นไม้ประดับคู่บารมีของราชาที่นั่งดูการเเข่งขัน ตอนที่เลออนปรากฎตัวขึ้นมาในสนาม อยู่ๆพวกเขาก็สัมผัสถึงเเสงที่อยู่ๆก็ปรากฎออกมาจากดาบเล่มนั้น
ด้วยเหตุนี้เอง เลออนจึงถูกส่งมาที่โรงเรียนเเห่งนี้เเกมบังคับเพื่อที่จะดูว่าเขามีคุณสมบัติเป็นผู้กล้าจริงรึเปล่า
การส่งเลออนไปปฏิบัติภารกิจที่ต่างเเดนก็เป็นหนึ่งในการทดสอบ
“ที่ผ่านมาก็มอบเเบบทดสอบให้อยู่หลายครั้ง”
“นายท่านไม่รู้เลยหรอ ?”
“………….”
เงียบเเบบนี้เเสดงว่าไม่รู้จริงๆด้วยค่ะ
“เเล้วที่บอกว่าสายเกินไป นี่มันหมายถึงอะไร ?”
ได้ยินดังนั้นรีเกลก็ถอนหายใจ
เขาถอนหายใจยาวๆ สายตาของเขาทอดยาวออกไปบนท้องฟ้า
“เลออน อาเรนเดีย…ว่าที่ผู้กล้าเเห่งดาบคนต่อไป”
มือของเขากำเเน่น ก่อนที่จะมองมาที่พวกเราเเล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงตึงเครียด
“ในการทดสอบครั้งล่าสุดที่ส่งไปยังประเทศของเผ่าปีศาจ ระหว่างทางคณะของเขาได้ถูกโจมตีจากกลุ่มคนไม่ทราบฝ่าย”
เเละผลของมันก็คือ—
“เมื่อกำลังเสริมไปถึง ทางเราก็ไม่พบผู้เหลือรอดเลยซักคน”
— เพราะงั้นขอผมพูดซ้ำอีกรอบน่ะ
“ได้มีการยืนยันเเล้วว่า เลออน อาเรนเดีย ได้เสียชีวิตเมื่อเดือนก่อน หรือก็คือ ตอนนี้พระเอกเกมภาคเเรกได้เข้ารูท Bad End ไปเรียบร้อย “
“”—!!!””
ได้เเต่ฟังเสียงของเขาเข้าหูซ้ายมะลุหูขวา
กึกๆๆๆ
เพราะสิ่งที่เรารู้สึกได้ในตอนนี้คือร่างกายอันสั่นเทาของนายท่านที่กำลังกอดตัวเราเอาไว้เเน่น
“ไม่จริง….มันต้องไม่จริง”
นายท่านกล่าวซ้ำไปซ้ำมา เรื่องราวที่เกิดขึ้นอย่างกระทันหันทำให้เเม้เเต่เราก็ยังตามเหตุการณ์ตรงหน้าไม่ทัน
“นายท่าน…”
“นี่มัน…เรื่องบ้าอะไรกันว่ะเนี่ย ?”
ได้เเต่ปลอบนายท่านที่เต็มไปด้วยความสับสนเเละเคลื่อบเเคลง
ในตอนนี้เราทำได้เพียงเเค่กอดนายท่านซึ่งมีสีหน้าว่างเปล่าอย่างเบามือ
คงต้องให้เวลาช่วยเยียวยาความสูญเสียที่เกิดขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัว
เราต้องอยู่ข้างนายท่าน….โอบกอดตัวเขาเอาไว้จนกว่าความเศร้าโศกจะมลายหายไป
ได้เเต่หวังว่ามันจะเป็นเช่นนั้น….