เกิดใหม่ทั้งทีขอเป็นผู้ดูแลฟาร์มผู้มั่งคั่งบ้างได้ไหมคะ? - เล่มที่ 11 ตอนที่ 319 ทางของเขา
- Home
- เกิดใหม่ทั้งทีขอเป็นผู้ดูแลฟาร์มผู้มั่งคั่งบ้างได้ไหมคะ?
- เล่มที่ 11 ตอนที่ 319 ทางของเขา
เล่มที่ 11 ตอนที่ 319 ทางของเขา
“ไม่คิดเลยว่าแม่นางเซียนแพทย์จะเป็นคนเช่นนี้ ดูเหมือนว่าพวกเราจะมองนางผิดไป!”
“จริงด้วย เหตุใดถึงได้ใช้ความงามแย่งคู่หมั้นของคนอื่น พวกเราถูกหลอกด้วยรูปร่างหน้าตาที่ใจดีของนางแล้วจริงๆ”
“แม่นาง เจ้าควรคืนมงกุฎหงส์ในมือให้กับแม่นางผู้นี้นะ”
คนไม่กี่คนในที่นั้นคนหนึ่งว่าอย่างไรอีกคนก็ว่าตาม พวกเขายังไม่ทันเข้าใจสถานการณ์ดีก็ด่วนตัดสินหลิงมู่เอ๋อร์ไปแล้ว
หยางซื่อโกรธเป็นอย่างยิ่ง ทว่าคนพวกนี้จะใส่ร้ายลูกสาวของนางแบบนี้ได้อย่างไร?
จู่ๆ หลงจู้ร้านเครื่องประดับก็เอ่ยขึ้นมาว่า “แม่นางเซียนแพทย์ไม่ใช่คนเช่นนั้น! นางช่วยชีวิตและรักษาผู้คนที่บาดเจ็บ นางเป็นคนใจดีมีเมตตา ในระยะเวลาสั้นๆ เพียงแค่สองปีนับตั้งแต่ที่นางเปิดโรงหมอในเมืองหลวง นางก็ได้รับความชื่นชมมากมายจากปวงประชา แล้วดูสิว่านางเลือกใคร? ไม่ต้องพูดถึงพ่อค้าคนดังในเมืองหลวงที่แห่แหนเข้ามาหาไม่เว้นแต่ละวัน แม้แต่เสียนหวางก็ยังหลงรักแม่นางเซียนแพทย์ ทว่าแม่นางกลับไม่ได้เลือกเขา แล้วเหตุใดนางถึงต้องมาแย่งบุรุษของท่านด้วย?”
ในเมื่อมีคนเริ่มเอ่ยคนที่หนึ่ง คนที่สามารถแยกแยะถูกผิดได้คนที่สอง คนที่สามย่อมลุกขึ้นตามมาสนับสนุนหลิงมู่เอ๋อร์
“ใช่แล้ว เสียนหวางเป็นถึงผู้ใดกัน? เขาคือคุณชายอันดับหนึ่งแห่งเมืองหลวงเชียวนะ แม้แต่บุรุษผู้อ่อนโยนเพียบพร้อมเช่นเสียนหวางยังไม่เลือกแต่กลับมาเลือกบุรุษของเจ้า? ข้าคิดว่าเป็นเจ้าเองต่างหากที่ไม่สามารถควบคุมคนของเจ้าได้ ถึงได้มายุ่งวุ่นวายที่นี่กระมัง”
“ข้าได้ยินมาว่าแม่นางเซียนแพทย์กำลังจะอภิเษกกับองค์ชายรอง รับยศเป็นพระชายาเอก และองค์ชายรองก็เป็นคนที่ขอแต่งงานเองด้วย เจ้ากล้าพูดหรือว่าองค์ชายรองเคยเป็นคู่หมั้นของเจ้ามาก่อน? ส่วนแม่นาง เจ้าเป็นแค่ผู้ใดกัน!”
ยามที่เห็นว่าแผนไม่ได้ผล คนที่ชี้หน้าหลิงมู่เอ๋อร์แต่เดิมกลับเริ่มหันมาเยาะเย้ยนางด้วยความดูถูก มั่วจวินเหยาโมโหจนควันออกหู “หุบปากให้หมดทุกคน!”
นางกรีดร้องคำราม น้ำเสียงที่อ่อนนุ่มกลับถูกคำรามจนดังขึ้นหลายเท่า ราวกับเสียงคำรามของสิงโตทางตะวันออกของแม่น้ำอย่างไรอย่างนั้น ทำให้คนที่อยู่รอบๆ พากันตกใจผละถอยไปสองสามก้าว แม่นางน้อยขี้กลัวคนหนึ่งถึงกับหดเข้าไปในอ้อมแขนของสามีนาง “มิน่าคนของนางถึงไม่ต้องการนางแล้ว ช่างดุร้ายยิ่งนัก หากเป็นข้าก็คงไม่ต้องการนางเช่นกัน”
เมื่อมั่วจวินเหยาได้ยินเช่นนี้ นางก็พุ่งเข้าไปคว้าคอเสื้อของผู้หญิงคนนั้นทันที “เจ้าพูดว่าอันใดนะ? เจ้ากล้าใส่ร้ายข้าหรือ? ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อครู่เจ้าเพิ่งบอกว่าเสียนหวางเองก็ชื่นชมนางเช่นกันหรือ?”
นางกำลังจะระเบิดแล้ว เพราะเหตุใดบุรุษที่นางเลือกทั้งสองคนถึงได้มีความสัมพันธ์ไม่ชัดเจนกับหลิงมู่เอ๋อร์ พี่ชายของนางสนใจในตัวนางก็นับว่าช่างมันเถิด ทว่าแม้แต่ชายสองคนนั้นก็ตาบอดไปด้วย?
หากองค์หญิงแห่งซีอวี้ทำร้ายผู้บริสุทธิ์ในเมืองหลวง เชื่อว่าจะต้องกลายเป็นเรื่องตลกอย่างแน่นอน หลิงมู่เอ๋อร์เดิมทีตั้งใจอาจนั่งเฉยๆ ปล่อยให้เรื่องไหลไป รอดูนางทำเรื่องโง่ๆ เพื่อทำลายตัวเอง ทว่าหากเป็นเช่นนั้นย่อมทำให้ซูเช่อเสียหน้าไปด้วย
ถึงอย่างไร มั่วจวินเหยาก็เป็นคู่หมั้นของซูเช่อ
“คนที่ข้าต้องการแต่งงานด้วยมีนามว่าซั่งกวนเซ่าเฉิน ข้าพบเขาเมื่อสามปีก่อน เราสัญญากันว่าแต่งงานเมื่อครึ่งปีก่อน เจ้าเพิ่งมาถึงเมืองหลวงได้เพียงครึ่งเดือน เจ้ากล้าพูดได้อย่างไรว่ามีคนกำลังวางแผนที่จะแย่งชิงบุรุษของเจ้าไป?” หลิงมู่เอ๋อร์เอ่ยถามอย่างแข็งกร้าว ในขณะที่ดึงผู้หญิงที่ถูกคว้าคอเสื้อไว้มาปกป้องด้านหลังของนาง
ท่าทางเบิกตาถลนก้าวร้าวแผ่รังสีกดข่มของนางทำให้หัวใจของมั่วจวินเหยาสั่นสะท้าน นางไม่เคยคิดเลยว่าสตรีชาวบ้านที่เกิดมาเป็นเพียงสาวชาวนาจะมีกลิ่นอายที่ทรงพลังเช่นนี้
“เจ้า…” มั่วจวินเหยาหมดความอดทน ทว่าตอนนี้นางไม่ได้สนใจซั่งกวนเซ่าเฉินอีกต่อไป ในใจของนางเต็มไปด้วยคำพูดที่ว่า ‘เสียนหวางชื่นชมหลิงมู่เอ๋อร์’ ซ้ำไปซ้ำมา “นางจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ พูดมาเดี๋ยวนี้ เจ้าไปยั่วยวนเสียนหวางตั้งแต่เมื่อใด? ระหว่างเจ้ากับเขาเกิดอันใดขึ้นบ้าง?”
มั่วจวินเหยาเดินเข้ามาหานางทีละก้าว และแอบหยิบบางอย่างออกมาจากแขนเสื้อข้อมือของนาง
หลิงมู่เอ๋อร์เหยียดยิ้มอย่างขบขัน ทว่าไม่ได้สังเกตการเคลื่อนไหวเล็กน้อยของนาง ซูเช่อกำลังจะแต่งงาน และนางไม่ต้องการให้ใครก็ตามเข้าใจผิดในตัวเขา ทว่ามั่วจวินเหยาคนนี้ช่างน่ารังเกลียดเป็นอย่างยิ่ง ตนต้องการสั่งสอนนางจริงๆ
“ท่านหมายถึงเสียนหวางหรือ?” นางส่ายศีรษะอย่างจงใจ น้ำเสียงชั่วร้าย “เอ่ยเช่นนี้แล้วกัน ข้าเข้าเมืองหลวงมาเพราะเสียนหวาง ข้าเคยเป็นแขกคนสำคัญในจวนเสียนหวาง และข้าก็เคยไปยังเรือนที่ไม่มีผู้ใดรู้จักของเขาด้วย แม้แต่จวนเสียนหวางเอง ข้าก็เป็นแขกผู้เป็นสตรีคนแรกที่ไปเยือน ยิ่งไปกว่านั้น ท่านย่าของเขาก็ให้ความสำคัญกับข้าเป็นอย่างยิ่ง เช่นนั้นแล้ว เจ้าลองบอกสิว่าความสัมพันธ์ระหว่างเราสองเป็นอย่างใด?”
“นางแพศยา!” มั่วจวินเหยาทนฟังไม่ได้อีกต่อไป หญิงสาวยกมือขึ้นเพื่อสลัดผงแป้งในฝ่ามือใส่หน้าของนาง
อามู่เต๋อที่ยืนอยู่ข้างหลัง เขาเห็นทุกอย่างชัดเจน ชายหนุ่มเร็วกว่านางหนึ่งก้าว ผลักน้องสาวของตนออกไปทันที ผงสีขาวพลันกระจัดกระจายไปทั่วพื้นที่ ยามที่มันร่วงหล่นลงสัมผัสพื้นก็กลายเป็นฟองฟ่อดจำนวนนับไม่ถ้วน อีกทั้งยังมีเสียงกัดกร่อนอีกด้วย
เมื่อทุกคนได้เห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้าก็พากันตกตะลึงพรึงเพริศ
“ยาพิษ สิ่งที่นางโรยคือยาพิษจริงๆ ด้วย!” หลังจากที่คนธรรมดาคนหนึ่งอุทานขึ้น ทุกคนที่ชมละครอยู่ก็เผ่นออกจากร้านเครื่องประดับทันที
ในห้องที่ว่างเปล่า เหลือเพียงพี่น้อง อามู่เต๋อ มั่วจวินเหยา หลิงมู่เอ๋อร์และมารดาของนางเท่านั้น
ในเวลาเดียวกันกับที่อามู่เต๋อพุ่งเข้ามา หยางซื่อเองก็คว้าหลิงมู่เอ๋อร์มาปกป้องไว้ด้านหลังของนางเช่นกัน จากนั้นสายตาของนางก็มองไปที่พื้น ก่อนจะต้องอ้าปากค้างด้วยความตกใจ “เจ้า… เจ้าคิดจะทำร้ายลูกสาวของข้าจริงๆ หากเจ้าสิ่งนี้สัมผัสมู่เอ๋อร์ของข้า นางจะไม่เหลือแม้แต่กระดูกเลยหรือ?ข้าจะไปแจ้งทางการ!”
“ข้าเกรงว่าเจ้าจะไปไหนไม่ได้!”
เมื่อเห็นว่าหยางซื่อหันหลังกลับเตรียมจะวิ่งหนี อามู่เต๋อก็เหาะไปขวางไว้ตรงหน้านาง หน้ากากของเขาพลันหลุดออกเพราะการเคลื่อนไหวที่มากเกินควรของเขา เผยให้เห็นใบหน้าที่น่าเกลียดน่ากลัวทันที
“กรี๊ด!” หยางซื่อกรีดร้องด้วยความกลัวจากใบหน้าของเขา ผู้ชมที่อยู่ข้างนอกเองก็กรีดร้องออกมาด้วยความประหลาดใจเช่นกัน เรื่องตลกกลายเป็นเหตุการณ์ที่เกินความคาดหมายทันที
หลิงมู่เอ๋อร์รีบกดไหล่ของหยางซื่อเอาไว้ โอบกอดนางไว้ในอ้อมแขน ปลอบนางอย่างอ่อนโยน “แม่ไม่ต้องกลัวไปเจ้าค่ะ ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร”
ยามที่เห็นผู้คนจำนวนมากชี้ไม้ชี้มือมาที่เขา อามู่เต๋อกลับไม่ได้สนใจอันใด ทว่าแม่ของหลิงมู่เอ๋อร์รู้สึกหวาดกลัวกับภาพตรงหน้ายิ่งนัก ด้วยเหตุผลบางอย่าง อามู่เต๋อรู้สึกเสียหน้าเพราะใบหน้าที่น่าเกลียดของเขาเป็นครั้งแรก
เขาไม่เคยกระตือรือร้นที่จะรักษาใบหน้าของตนมาก่อน ทว่าในวินาทีนี้ เขากลับตัดสินใจได้ทันที
เขารีบสวมหน้ากากโดยแสร้งทำเป็นว่าเมื่อครู่นี้ไม่มีอันใดเกิดขึ้น ทว่าเขากลับดูรู้สึกผิดเล็กน้อย และไม่กล้ามองไปทางหยางซื่อกับหลิงมู่เอ๋อร์ เขาผลักมั่วจวินเหยาออกไป “พวกเราไปกันเถิด”
“ไม่ไป ข้าจะไม่ไปหากเราไม่พูดให้ชัดเจนในวันนี้ นางแพศยานี่ไม่เพียงแต่ขัดขวางการแต่งงานของข้ากับซั่งกวนเซ่าเฉิน แต่ยังพัวพันกับซูเช่ออีกต่างหาก นางมีสิทธิ์อันใดถึงได้เข้ามาพัวพันกับชายที่ข้าพึงใจ ข้าอยากเห็นนักว่าตกลงแล้วนางมีเสน่ห์ตรงที่ใด!”
มั่วจวินเหยาถูกอามู่เต๋อมัดเอาไว้ นางยายามดิ้นให้หลุด ทว่าโชคไม่ดีที่นางเป็นเพียงสตรี ไม่อาจเทียบความแข็งแกร่งกับบุรุษได้ นางโกรธและรู้สึกย่ำแย่ที่พี่ชายไม่ปกป้องนาง
“ท่านยังเป็นพี่ชายของข้าอยู่หรือเปล่า?” นางพยายามผลักอามู่เต๋ออกไปอย่างสุดกำลัง ทว่าก็ไร้ประโยชน์
สายตาเกลียดชังจ้องมองไปที่อามู่เต๋อ “พี่ชาย หากวันนี้ท่านยังเป็นพี่ชายของข้า จงอย่าหยุดข้า ให้ข้าสอนบทเรียนให้กับนาง!”
“เพราะเจ้าเป็นน้องสาวของข้า คนที่ข้าจะปกป้องก็คือเจ้าต่างหาก!” อามู่เต๋อตะโกนใส่นาง จับไหล่ของนางไว้ “เจ้ารู้หรือไม่ว่านางเป็นใคร เจ้ารู้หรือไม่ว่าในกระเป๋าของนางมีพิษกี่ชนิด? เจ้ารู้หรือไม่ว่านางจะตอบโต้เจ้าเช่นไรหากสิ่งนั้นตกใส่นางจริงๆ?”
มั่วจวินเหยาผงะไปด้วยความงุนงงอย่างสิ้นเชิงจากเสียงคำรามนั้น ริมฝีปากสีแดงของอามู่เต๋อแนบไว้ใกล้กับหูของนางและพูดด้วยน้ำเสียงที่มีเพียงสองคนเท่านั้นที่ได้ยิน “เจ้าต้องเคยได้ยินเรื่องในราชวงศ์แห่งเมืองหลวงมาแล้ว เจ้าน่าจะรู้ว่าในวังมีองค์หญิงพระองค์หนึ่งนามว่าเหลียนเอ๋อร์ เพราะนางไปล่วงเกินหลิงมู่เอ๋อร์เข้า ไม่เพียงแต่ถูกทำให้เสียโฉมเท่านั้น นางยังถูกสั่งห้ามให้เข้าวังอีกตลอดชีวิต นั่นคือองค์หญิงเชียวนะ ทว่าเพราะเหตุใดฮ่องเต้ถึงไม่ยืนหยัดออกหน้าปกป้องนาง แต่กลับมอบหลิงมู่เอ๋อร์ให้ซั่งกวนเซ่าเฉิน เพียงเท่านี้เจ้ายังไม่รู้อีกหรือว่าผู้หญิงคนนี้เก่งกาจมากแค่ไหน?”
เสียงของพี่ชายนั้นชั่วร้ายอยู่แล้ว มั่วจวินเหยารู้สึกเพียงเหงื่อเย็นที่ไหลท่วมหลังของนาม ยามที่ได้ยินคำที่น่าขนลุกของเขา
เพราะนางกำลังจะต้องแต่งงานกับซูเช่อ นางย่อมต้องตั้งใจเรียนรู้เกี่ยวกับผู้หญิงในคลังของเขา นางเพิ่งได้ยินเรื่องขององค์หญิงเหลียนเอ๋อร์เมื่อวาน เดิมทีนางก็สงสัยอยู่แล้วว่าเหตุใดองค์หญิงจึงถูกปฏิบัติเช่นนี้ คิดว่าทั้งหมดนี้ล้วนเป็นผลงานของหลิงมู่เอ๋อร์
ยามที่นางมองไปที่หลิงมู่เอ๋อร์อีกครั้ง แววตาของนางปรากฏความหวาดกลัวเล็กน้อย
อามู่เต๋อพอใจกับสีหน้าของนางเป็นอย่างยิ่งและรู้สึกว่าตอนนี้เป็นเวลาที่ดีที่จะพานางจากไป “เหยาเหยา วันนี้พอแค่นี้ก่อน วันหน้าหลังจากที่เจ้าได้รับตำแหน่งพระชายาแห่งเสียนอ๋องแล้ว ย่อมไม่สายเกินไปที่จะสอนบทเรียนให้แก่นาง”
มั่วจวินเหยารู้สึกหวาดกลัวหลิงมู่เอ๋อร์เข้าแล้วจริงๆ หญิงสาวกลัวพิษทั้งหลายในกระเป๋าของศัตรู นางพยักหน้าและเดินตามอามู่เต๋อไปเงียบๆ ทว่าน่าเสียดายที่หลิงมู่เอ๋อร์ไม่ได้ตั้งใจปล่อยให้พวกเขาไปง่ายๆ เช่นนี้
“หยุดก่อน!” นางดันท่านแม่ไปปกป้องไว้ด้านหลัง จากนั้นก็มองไปที่มั่วจวินเหยาด้วยสีหน้าอาฆาตแค้น “เจ้าพยายามจะทำร้ายข้า ข้ายังไม่ทันได้คิดบัญชี เจ้าก็คิดจะหนีไปแล้วหรือ?”
ยามที่ต้องเผชิญหน้ากับสายตาอาฆาตของนาง มั่วจวินเหยาพลันเสียขวัญเล็กน้อย นางเอ่ยกระท่อนกระแท่นไม่เรียงเป็นประโยคนัก “เจ้า… มิใช่ว่าเจ้าเองก็ยืนอยู่ตรงนี้อย่างไร้ราคีไม่ใช่หรือ? นอกจากนี้ เป็นพี่ชายของข้าที่ช่วยชีวิตเจ้าไว้เมื่อครู่!”
“หากเจ้าไม่ทำร้ายข้าก่อน พี่ชายของเจ้าจะมีโอกาสมาช่วยชีวิตข้าได้อย่างไร หากว่ากันตามที่เจ้าเอ่ย ข้ายังต้องขอบคุณเจ้าสำหรับการทำร้ายนี้อีกหรือ?” หลิงมู่เอ๋อร์เดินเข้ามาหานางทีละก้าว “ที่แท้แล้ววิธีคิดขององค์หญิงแห่งซีอวี้ช่างไม่เหมือนผู้ใดนัก เช่นนั้นให้ข้าเอายาพิษทาหน้าท่านด้วยได้หรือไม่ หลังจากนั้นค่อยขอให้พี่ชายของท่านช่วยท่าน แต่ว่านั่นก็ขึ้นอยู่กับว่าพี่ชายท่านรวดเร็วแค่ไหนแล้ว”
ทันทีที่นางเอ่ยจบ หลิงมู่เอ๋อร์ก็ยกมือขึ้นสะบัดผงสีขาวแบบเดียวกับที่นางสาดตนเมื่อครู่ใส่หน้านางทันที
มั่วจวินเหยาหลบไม่ทัน นางจึงสะบัดหน้าหนีอย่างแรง คราที่เห็นว่ามันเป็นแป้งสีขาว นางก็ให้ตกใจเป็นอย่างยิ่ง “กรี๊ด! หลิงมู่เอ๋อร์ นางแพศยา ข้าจะฆ่าเจ้า!”
เนื่องจากอามู่เต๋อคาดไม่ถึงว่าหลิงมู่เอ๋อร์จะลงทือ ยามที่เขาได้สติกลับมาก็เป็นตอนที่น้องสาวของเขากรีดร้องเสียงแหลมแล้ว
เขารู้อยู่เสมอว่าหลิงมู่เอ๋อร์ไม่ใช่คนดี ทว่าเขาไม่คิดว่านางจะหยิ่งผยองถึงเพียงนี้ ไร้ประโยชน์ที่เมื่อครู่เขาปกป้องนางเอาไว้
“เจ้าทำอันใดกับเหยาเหยา?” อามูเต๋อยื่นมือไปจับคอของนาง ทว่าหลิงมู่เอ๋อร์หลบทัน
“หนามยอกก็ต้องเอาหนามบ่ง มิสู้เจ้าลองบอกข้าสิว่าเมื่อครู่นางลงมือทำอันใดกับข้ากัน?”
นี่หมายความว่าสิ่งที่นางสะบัดใส่ก็มีพิษที่อาจทำให้ใบหน้าของนางเสียโฉมได้เช่นกัน?
มั่วจวินเหยาหวาดกลัวแทบสิ้นสติแล้ว นางเอาทว่าส่ายหัวท่าเดียว “ข้าไม่อยากเสียโฉม ไม่เอานะ!” ทว่ามือของนางไม่กล้าแตะแป้งสีขาวบนใบหน้า นางหลับตาและคลำไปรอบๆ เหมือนคนตาบอด “พี่ชาย ช่วยข้าด้วย แจ้งทางการที ข้าต้องการแจ้งทางการ พี่ช่วยข้าด้วย!”
ความโกรธที่อามู่เต๋อเก็บกลั้นไว้ระเบิดออกมาอย่างสมบูรณ์ เขาแผ่รังสีกดดันทันที ยามที่เขามองไปที่หลิงมู่เอ๋อร์อีกครั้ง ดวงตาของเขาดุร้ายราวกับสัตว์ร้ายที่จะพร้อมปากโชกเลือดนั้นกัดขยำได้ทุกยาม เขากัดฟัน “ หลิงมู่เอ๋อร์!”