เกษียณทหารแล้วไปทำฟาร์มที่ต่างโลก - ตอนที่ 174
เช้าวันรุ่งขึ้น ณ เมืองฟลอริสตี้ ภามได้เข้าไปทำสัญญาเช่าโกดังอย่างเป็นทางการกับที่ทำการเมือง หลังจากนั้นลูแชงค์ผู้ทำหน้าที่รับผิดชอบเกี่ยวกับที่ดินก็พาผู้เช่าคนใหม่เข้าไปยังโกดังเพื่อชี้แจงรายละเอียดปลีกย่อยต่างๆ รวมทั้งต้องการปรึกษาเรื่องผลึกเวทมนตร์ที่ถูกฝังอยู่ใต้ดินนั่นเอง
“จากคำบอกเล่าของทายาทเจ้าของโกดังคนเก่า เขาบอกว่าขนาดของมันใหญ่เกือบครึ่งหนึ่งของโกดังแห่งนี้ แล้วก็จะอยู่เยื้องมาทางทิศใต้เล็กน้อยขอรับ ข้าคิดว่าเราควรจะเริ่มจากการเอากระเบื้องหินปูพื้นพวกนี้ออก แล้วก็เริ่มขุดจากด้านใดด้านหนึ่ง” ชายหนุ่มผมทองแนะนำ
“แล้วพวกเจ้าคิดว่ายังไงบ้าง?” ภามหลังจากที่ได้รับฟังคำแนะนำของลูแชงค์ก็หันไปถามทีเรียน ทีโอเรีย และเรญ่าที่ตามมาด้วยกัน
“ศิลาเวทย์นี้มีขนาดใหญ่มาก ถือว่าเป็นของล้ำค่าระดับอาณาจักรเลยทีเดียว แม้การปกปิดเป็นความลับจะเป็นสิ่งที่จำเป็น แต่เราก็ต้องใช้คนงานจำนวนมากเพื่อขุดลงไป และค่อยๆสกัดหินออกมาจนกว่าจะหมด นั่นแหละขอรับ” ทีเรียนเสนอความเห็นที่พอจะเป็นไปได้
“ถ้าเช่นนั้นเราก็ต้องเพิ่มเวรยามจำนวนมากเลยนะขอรับท่านพ่อ อีกอย่างคนเหล่านั้นจะเก็บความลับได้รึเปล่าก็ไม่รู้” ทีโอเรียกล่าวค้านขึ้นมา เพราะวิธีการแบบปกติของทีเรียนมันทั้งช้า และมีคนรู้มากเกินไป
“ถ้าเช่นนั้นเราควรจะทำอย่างไรล่ะ ข้าก็คิดวิธีอื่นไม่ออกแล้ว สิ่งสำคัญคือต้องไม่ให้พวกโอเมก้ารู้ว่าพวกเรากำลังทำอะไร อย่างน้อยช่วงแรกๆอาจจะมีข้ออ้างได้ว่ากำลังปรับปรุงด้านในโกดังอยู่ก็ได้นี่” บาร์เทนเดอร์หนวดโค้งเสนอความคิดปกปิดความลับ
หลังจากที่ภามดูสองพ่อลูกถกเถียงกันอยู่นี้ เจ้าของโกดังคนใหม่ก็คิดวิธีการอันแนบเนียนที่สุดขึ้นมาได้ ซึ่งเป็นวิธีที่คนอื่นยากจะคิดได้หากคนเหล่านั้นไม่ใช่จอมเวทย์ ชายหนุ่มจึงคุกเข่าลงแล้วใช้มือสัมผัสกับลงไปกับพื้นศิลา พร้อมกับตั้งสมาธิแผ่จิตสัมผัสแห่งปฐพีลงไปใต้ดิน
ท่าทางของภามทำให้คนรอบข้างเกิดความสนใจขึ้นมา ทุกคนต่างรู้ว่าชายหนุ่มเป็นจอมเวทย์ที่มีฝีมือ แต่ก็ไม่มีใครรู้ว่าแท้จริงแล้วความสามารถควบคุมพลังมานาของเขา นั้นกว้างขวางหรือลึกล้ำเพียงใด อย่างไรพวกเขาก็พอเข้าใจได้ว่าภามกำลังใช้พลังตรวจสอบบางอย่างที่ใต้ดินแน่นอน
ภามที่สามารถเข้ากันได้กับทุกธาตุในโลกนี้ รู้อยู่แล้วว่าการใช้พลังแห่งปฐพีแผ่กระจายสัมผัสลงในดินนั้นเป็นทางที่ดีที่สุดอย่างแน่นอน ขณะที่พลังกระจายไปทั่วพื้นที่อย่างรวดเร็วโดยที่ไม่มีใครสัมผัสได้เลย ในที่สุดเจ้าของโกดังแห่งนี้ก็พบเจอสิ่งที่ตามหาอย่างง่ายดาย และยังสัมผัสได้อย่างชัดเจนอีกด้วย
พลังธาตุดินของภามค้นพบผลึกเวทมนตร์ขนาดใหญ่แล้ว ขนาดของมันเป็นไปตามที่ลูแชงค์บอกมาอย่างชัดเจน ความกว้างของมันใหญ่ถึงครึ่งหนึ่งของโกดัง แถมเมื่อวัดสัดส่วนที่ลึกที่สุดของผลึกเวทมนตร์ก้อนนี้แล้วยังเท่ากับตึกสามชั้นเลยทีเดียว แต่ภามก็พบสิ่งที่น่าสงสัยอย่างหนึ่งเช่นกัน
‘ตราผนึกเวทย์อย่างนั้นเหรอ? มันคงถูกติดไว้เพื่อปกปิดกลิ่นอายพลังเวทย์ของผลึกยักษ์นี่สินะ นั่นก็แปลว่ามีคนต้องการปกปิดผลึกนี่ไว้จริงๆ แต่จะใช่เจ้าของโกดังคนเก่า หรือว่า…’ เจ้าของฟาร์มหนุ่มต้องคิดวิเคราะห์อย่างละเอียด หลังจากที่พบสิ่งผิดสังเกต
คนอื่นๆที่เห็นภามนิ่งไปนานพวกเขาก็รู้สึกร้อนใจขึ้นมา เพราะรู้สึกไม่แน่ใจแล้วว่าด้านใต้โกดังนี้จะมีของที่ว่าอยู่รึไม่ พวกเขาคาดเดาไปว่าที่ภามไม่มีท่าทีตอบสนองใดๆนั้นอาจเป็นเพราะหามันไม่เจอก็เป็นได้ ยกเว้นก็เพียงแต่ลูแชงค์ที่ยังคงมั่นใจว่าใต้ดินนี้ต้องมีบางสิ่งบางอย่างอยู่แน่นอน
ในขณะที่คนรอบข้างกำลังร้อนใจกันอยู่ ภามก็ลืมตาขึ้นมาจากการใช้สมาธิสัมผัสพลังด้านใต้ดิน เมื่อลุกขึ้นมายืนตรงสีหน้าของเขาก็จริงจังขึ้นมากว่าปกติ ทำให้ทุกคนตื่นเต้นไปด้วยความสงสัยว่าจอมเวทย์เจ้าของโกดังได้ค้นพบอะไรที่ใต้ดินนั้น
“ท่านภามเป็นอย่างไรขอรับ เจอมันหรือไม่?” ชายหนุ่มผมทองที่มั่นใจว่าต้องมีอะไรอยู่ที่ใต้โกดังนี้แน่นอนกล่าวถามขึ้นเป็นแรก
“ตอบคำถามข้ามาก่อนลูแชงค์ ทายาทเจ้าของโกดังคนเก่าเป็นใคร และทำไมเขาต้องให้ข้อมูลเกี่ยวกับผลึกเวทย์กับกลุ่มพันธมิตรโลเลี่ยน?” ภามเลือกที่จะหาข้อมูลไขปริศนาที่ตนสงสัยก่อน น้ำเสียงที่ฟังดูเคร่งเครียดนี้กดดันความรู้สึกของเจ้าหน้าที่แผนกที่ดินเป็นอย่างมาก
“ทายาทคนนั้น คือ…ข้าเอง พ่อของข้าเคยเป็นเจ้าของโกดังแห่งนี้มาก่อนขอรับ!” ลูแชงค์ตอบความจริงด้วยสีหน้าเจ็บปวด เหมือนว่าเรื่องราวในอดีตคงจะเป็นสิ่งที่ยากจะทำใจสำหรับเขาอย่างยิ่ง
“เฮ้อ! เป็นเจ้าจริงๆสินะ โชคดีที่ข้าคิดได้ทันไม่อย่างนั้นพวกเราคงจะพลาดท่าให้กับโอเมก้าแล้ว ในพันธมิตรโลเลี่ยนมีสายลับของพวกมันอยู่ด้วย ยังไงเรื่องผลึกเวทมนตร์นี้ก็ไม่ได้เป็นความลับต่อไปอีกแล้ว ตอนนี้พวกเราต้องปรับแผนใหม่ และห้ามบอกให้กลุ่มโลเลี่ยนรู้เด็ดขาด” ภามที่กล่าวขึ้นมาเหมือนรู้เรื่องราวบางอย่างอยู่ก่อนแล้ว ทำให้คนทั้งหมดถึงกับชะงักไปด้วยความสับสน
ยิ่งทีเรียน กับทีโอเรียที่คาดไม่ถึงว่าลูแชงค์จะเป็นผู้คุมความลับเรื่องผลึกเวทย์เอาไว้แต่แรก รวมทั้งเรื่องสายลับของโอเมก้า ในกลุ่มพันธมิตรโลเลี่ยนอีกที่เป็นเรื่องน่ากังวลที่สุด ตอนนี้ไม่ว่าใครก็มีสีหน้าไม่ดีทั้งนั้น จากสิ่งที่เป็นความหวังกลับกลายเป็นจะตกลงสู่กับดักของศัตรูไปแล้ว
ภามในตอนนี้เขากลับเป็นคนเดียวที่รู้สถานการณ์ปัจจุบันได้ดีที่สุด ด้วยข้อมูลที่ไม่มีใครรู้จากนักฆ่าของโอเมก้าที่ถูกมังกรน้อยจับตัวได้ก่อนหน้านี้ พร้อมกับคาดการณ์การเคลื่อนไหวของศัตรูล่วงหน้าและยังคิดแผนเตรียมการรับมือเอาไว้เรียบร้อยแล้ว โดยไม่มีใครเดาทางได้ถูกอย่างแน่นอน
“เอาล่ะทุกคน ตอนนี้ข้ามีแผนการแล้ว แต่ก่อนที่ข้าจะนำผลึกเวทย์ขึ้นมาจากใต้ดิน เราจะต้องป้องกันการสอดแนมของโอเมก้าให้มิดชิดเสียก่อน โดยเรื่องนี้ข้าจะเป็นคนจัดการเอง ส่วนลูแชงค์ห้ามเจ้านำเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ไปเล่าให้ใครฟังเด็ดขาด เพื่อป้องกันไส้ศึกรู้ตัว” เจ้าของโกดังสั่งการทันที แต่นั่นกลับทำให้ชายหนุ่มผมทองทำตัวไม่ถูก ทั้งเรื่องสายลับของโอเมก้า รวมทั้งที่ภามกล่าวว่าจะนำผลึกเวทย์ขึ้นมา ล้วนเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อน
“ท่านภาม หากท่านจะนำผลึกเวทย์ขึ้นมา มันเป็นไปได้อย่างไรที่จะไม่มีใครรู้ ถึงแม้จะป้องกันการมองเห็นจากภายนอก แต่ทั้งเสียง แรงสั่นสะเทือน และระยะเวลาที่นานมาก รวมถึงต้องใช้คนมากมายท่านจะทำได้อย่างไร แล้วพวกสายลับนั่นท่านรู้ได้อย่างไรว่ามีอยู่ ทั้งที่ทุกคนก็ถูกตรวจสอบมาแล้ว” ลูแชงค์ค้านการกระทำของภาม ด้วยสิ่งที่เขารู้นั้นไม่ต่างกับสิ่งที่ทีเรียน และทีโอเรียบอกมาก่อนหน้านี้แม้แต่น้อย
“พวกเราจะมาคุยเรื่องที่มาของเจ้าทีหลังนะลูแชงค์ ตอนนี้ข้าต้องการใช้โอกาสการเข้ามาสำรวจโกดังเป็นครั้งแรกนี่เพื่อนำผลึกขึ้นมา เพื่อไม่ให้เป็นที่สงสัยของคนที่สอดแนมอยู่ภายนอก และระหว่างขั้นตอนทั้งหมด รับรองว่าพวกมันจะไม่มีใครรับรู้ว่าด้านในโกดังนี้เกิดอะไรขึ้น เจ้าคอยดูไว้” ภามยืนยันออกมาด้วยความมั่นใจ จากนั้นก็ไม่รอช้าเขาเดินไปยืนอยู่ตรงกลางโกดังพร้อมกับหลับตาลง
ทั่วร่างของภามเรืองแสงสีเขียวจางๆ และเพียงครู่เดียวเสียงดังจากภายนอกทั้งเสียงคนพูดคุยกัน เสียงรถม้าเคลื่อนที่ไปตามทาง รวมทั้งเสียงนกร้องก็หายไปหมดสิ้น ทุกคนในที่นี้รู้สึกเหมือนกับว่าอยู่ท่ามกลางดินแดนรกร้างไร้ชีวิต นี่คือการใช้เวทย์ลมเพื่อปกปิดเสียงไม่ให้เข้า และออกไปได้
จากนั้นภามไม่รอช้ากางฝ่ามือลงไปตรงหน้าตัวเองให้ขนานกับพื้นศิลา แสงจากเวทมนตร์สีน้ำตาลอ่อนๆเรืองขึ้นรอบสองมือนั้น สักครู่แผ่นศิลาปูพื้นก็ค่อยๆลอยขึ้นมาทีละแผ่นทีละแผ่น และไปเรียงซ้อนกันอย่างเป็นระเบียบอยู่อีกด้านหนึ่งของโกดัง ทำให้พื้นที่ครึ่งหนึ่งเหลือแต่พื้นดินราบเรียบ