เกษียณทหารแล้วไปทำฟาร์มที่ต่างโลก - ตอนที่ 142
17.00 น. ณ ที่ทำการเมืองฮาเวสตี้ ภายในห้องจัดเลี้ยง
ห้องโถงขนาดใหญ่ถูกตกแต่งอย่างสวยงามเป็นพิเศษ ด้วยริบบิ้น และผืนผ้าสีสันสดใส เสียงดนตรีจากบนเวทีบรรเลงขับกล่อมเหล่าแขกผู้มาเยือนด้วยบทเพลงอันไพเราะ ตอนนี้ภายในงานผู้คนยังไม่มากนักเป็นเพราะว่ามันเพิ่งจะเริ่มเท่านั้น
งานเลี้ยงที่จัดโดยดยุคเรโคลเต้เจ้าเมืองฮาเวสตี้ในครั้งนี้ เป็นเพียงงานเลี้ยงเล็กๆเพราะเชิญแขกมาไม่ถึงร้อยคน แต่เหล่าบุคคลที่ได้รับเชิญมาเหล่านั้นต่างก็เป็นผู้มั่งคั่งในอาณาจักรฟาร์เมียแทบทั้งสิ้น ซึ่งส่วนใหญ่คนก็มาจากเมืองใกล้เคียงภายในแคว้นตะวันออกใต้การปกครองของดยุคนั่นเอง
แต่คนส่วนใหญ่เหล่านั้นก็เป็นเพียงแค่ตัวประกอบ เพราะเป้าหมายในการจัดงานเลี้ยงครั้งนี้ก็เพื่อเชิญชวนแขกสำคัญจากแคว้นอื่นมาด้วยนั่นเอง และหนึ่งในนั้นก็ยืนอยู่ในงานนี้แล้ว ทำให้ผู้คนมากมายต่างก็เข้ามารุมล้อมเขาด้วยอยากจะสร้างความสัมพันธ์อันดีกับผู้มีบารมีนั่นเอง
“สวัสดีขอรับท่านชายเฟลมเมีย ข้าน้อยมีนามว่าฮาเซล บลู เป็นผู้ดูแลกลุ่มการค้าโอเมก้าในเมืองฮาเวสตี้แห่งนี้ขอรับ” พ่อค้าร่างอ้วนหัวล้านกล่าวทักทายชายหนุ่มผมแดงผู้สูงศักดิ์ตรงหน้า
“หืม?…อ้อ…ข้าเดอริก เฟลมเมีย ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันท่านฮาเซล” ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาในชุดหรูหราสีแดงของชนชั้นสูง กล่าวทักทายกลับด้วยมารยาทดี
“ข้าไม่ทราบมาก่อนเลยว่าท่านชายเดินทางมาถึงเมืองฮาเวสตี้หลายวันแล้ว ไม่เช่นนั้นข้าคงจะได้แวะเข้าไปเยี่ยมเยือนท่านตั้งนานแล้ว ต้องขออภัยด้วยจริงๆ” ฮาเซลกล่าวอย่างถ่อมตัวกับชายผู้สูงศักดิ์
“ฮ่ะๆ ไม่ต้องเกรงใจขนาดนั้นหรอกท่านฮาเซล ข้าแค่อยากมาอย่างเงียบๆเป็นการส่วนตัวน่ะ พิธีที่เอิกเกริกนั้นจะทำให้เกิดความลำบากแก่ผู้อื่นเสียมากกว่า” ชายหนุ่มยังกล่าวอย่างถ่อมตน
“คิดถึงผู้อื่นเช่นนี้ ท่านชายช่างน่าชื่นชมยิ่งนัก” พ่อค้าชรายังคงกล่าวประจบประแจงอยู่เช่นเดิม จนชายหนุ่มเริ่มรำคาญ แต่ด้วยมารยาททางสังคมของชนชั้นสูงก็ต้องวางตัวให้สุภาพ และอดทนไว้ก่อน
แต่ก็เหมือนจะมีโชคช่วยชายหนุ่ม เมื่อเจ้าหน้าที่ต้อนรับด้านหน้าห้องจัดเลี้ยงประกาศเสียงดังออกมาเมื่อแขกคนใหม่มาถึง
“ท่านหญิงอิลม่า เกลเลียน มาถึงแล้ว!” เสียงประกาศอันดังทำให้แขกเหรื่อในงานหันเหความสนใจไปยังหญิงสาวผมเขียวที่แต่งกายด้วยชุดราตรีสีขาว เสริมสง่าราศีให้เธอนั้นงดงามกว่าผู้ใดในห้องนี้เลยทีเดียว
“ท่านหญิงช่างงดงามนัก” ชายหนุ่มผู้ร่ำรวยคนหนึ่งกล่าวกับเพื่อนเมื่อเห็นหญิงสาวสูงศักดิ์
“นี่ท่านหญิงเดินทางไกลจากเมืองหลวงเพื่อมางานเลี้ยงนี้โดยเฉพาะเลยเหรอ?” สตรีวัยกลางคนซุบซิบกับเพื่อนสาวคนข้างๆ
“งานเลี้ยงครั้งนี้น่าจะมีอะไรที่น่าสนใจขึ้นมาแล้วสิ” พ่อค้าร่างผอมกล่าวกับเพื่อนในกลุ่ม
จากการที่แขกทุกคน รวมทั้งพ่อค้าฮาเซลหันเหความสนใจไปยังท่านหญิงแห่งตระกูลเกลเลียน ทำให้ท่านชายเดอริกสามารถฉวยโอกาสปลีกตัวออกมาจากห้องจัดเลี้ยงได้โดยไม่มีใครสังเกต จนเขาสามารถเดินลงหลบผ่านทางเดินมาถึงสนามหญ้าด้านหลังตึกได้อย่างง่ายดาย
‘เฮ้อ! งานเลี้ยงผู้ดีแบบนี้ไม่เหมาะกับข้าเลยจริงๆ ถ้าไม่ใช่เพราะมีธุระสำคัญกับท่านลุง ข้าคงไม่ต้องติดร่างแหโดนลากมาที่นี่หรอก’ ชายหนุ่มผมแดงคิดรำคาญอยู่ในใจ พร้อมกับนั่งลงที่ม้านั่งกลางสวนเพื่อผ่อนคลายจิตใจเล็กน้อย
แต่ความวุ่นวายสำหรับชายหนุ่มยังไม่จบเท่านี้ ขณะที่เดอริกกำลังนั่งเหยียดขาผ่อนคลายอิริยาบทอยู่นั้น เสียงแสบแก้วหูของหญิงสาวก็ดังใกล้เข้ามา
“พี่เดอริก! ทำไมท่านจึงมาอยู่ที่นี่ ท่านพ่อให้ท่านคอยดูแลต้อนรับแขกในงานนะ แล้วอย่างนี้ใครจะคอยรับหน้าล่ะ!” เสียงแหลมชวนปวดหูนี่ไม่ใช่ของใครแต่เป็นท่านหญิงบุตรสาวเจ้าเมืองนั่นเอง
“เฮ้ย! บีดีเลีย เจ้า! เจ้าทำไมมาเร็วนัก ไม่ใช่ว่าท่านลุงจะให้เจ้าเปิดตัวมาคนสุดท้ายอย่างนั้นรึ?” เดอริกรีบพูดกลบเกลื่อนความไม่รับผิดชอบของตัวเองทันที
“เพราะข้ารู้ว่าท่านนั้นไว้ใจไม่ได้ยังไงล่ะ ข้าถึงต้องมาจับตาดูท่านที่นี่ เอาล่ะ เข้าไปในงานได้แล้ว” บีดีเลียเข้ามาคว้าใบหูลูกพี่ลูกน้องของเธอแล้วดึงเขาให้ลุกขึ้นอย่างแรง
“โอ้ย! เจ็บๆๆ อย่าดึงหูข้าสิ ข้าไปแล้ว ข้าไปแล้วก็ได้” เดอริกรีบลุกขึ้น และเดินตามเธอไปอย่างว่าง่าย
บีดีเลียในชุดราตรีสีแดงยาวฟูฟ่อง ริบบิ้นสีแดงที่ประดับอยู่บนศีรษะนั้นขับให้เส้นผมสีดำที่ม้วนดัดเป็นลอนดูโดดเด่นขึ้นมาก แต่เครื่องแต่งกายทั้งหมดทั้งมวลนั้นก็ขับให้ผิวอันขาวเนียนของเธอเปล่งปลั่งชัดเจนด้วยเช่นกัน เธอค่อยๆก้าวเดินขึ้นบันไดตึกไปด้วยกิริยาอันสง่างาม จนกระทั่งมาถึงห้องจัดเลี้ยง
“ท่านหญิงบีดีเลีย เรโคลเต้ มาถึงแล้ว!” พนักงานต้อนรับประกาศเสียงดัง และทำให้แขกทั่วทั้งงานหันมาจับจ้องไปที่บุตรีแห่งดยุคผู้นี้
และเพียงพริบตาเดียวที่บีดีเลียก้าวย่างเข้ามาในงาน พ่อค้าหัวล้านเจ้าเก่าก็เข้ามาทักทายเธอเป็นคนแรก
“สวัสดีขอรับท่านหญิง ไม่ได้เจอกันเสียนานเลยนะขอรับ ถึงแม้เราจะอยู่เมืองเดียวกันก็ตาม” ฮาเซลเข้ามาประจบประแจงหญิงสาวทันที แต่…
“อืม…ข้าขอตัวก่อน” บุตรสาวเจ้าเมืองตอบกลับสั้นๆ และมองเขาด้วยหางตาเท่านั้น แทนที่จะกล่าวตอบรับอย่างสุภาพ แต่หญิงสาวกลับแสดงออกถึงความไม่พอใจพ่อค้าร่างอ้วนอย่างชัดเจน ซึ่งทำให้ทั้งฮาเซล และคนรอบข้างถึงกับทำตัวไม่ถูกกันเลยทีเดียว
ซึ่งก็ทำให้ผู้คนในงานต่างซุบซิบนินทากันถึงข่าวลือบางอย่าง นั่นก็คือเรื่องที่ทหารหน่วยเทพอัคคีได้ตรวจพบนักฆ่าในบริเวณด้านหลังของที่ทำการเมือง แม้จะไม่สามารถจับกุมมันได้ แต่ก็กลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมาระดับหนึ่ง และทุกคนต่างก็รู้ว่ากลุ่มโอเมก้าได้เพาะเลี้ยงนักฆ่าเอาไว้ด้วยนั่นเอง
แม้ว่าทางดยุคเรโคลเต้เจ้าเมืองฮาเวสตี้จะไม่ได้พุ่งเป้าการตามล่านักฆ่ามาที่กลุ่มโอเมก้า แต่ก็ไม่มีใครสามารถคาดเดาเป็นอย่างอื่นได้ว่าคนเหล่านั้นไม่ใช่คนของกลุ่มการค้าใหญ่นี้ แต่จากการแสดงออกของหญิงสาวมันทำให้ทุกคนคิดไปตามนั้นจริงๆ
“แหะๆ ข้าต้องขอโทษแทนนางด้วยนะ เมื่อตะกี้เป็นข้าเองที่ทำให้นางโมโหจนมาลงเอากับท่านฮาเซล ขอโทษด้วยจริงๆ” เดอริกที่ตามหลังบีดีเลียมารีบเข้าไปแก้ต่างกับชายชราทันที
“อ้อ…ที่ท่านชายหายไปเมื่อสักครู่ก็เพราะไปรับท่านหญิงขึ้นมานี่เอง ข้าต้องขอบพระคุณท่านด้วยนะขอรับที่อุตส่าห์มาอธิบายให้ข้าได้เข้าใจ ถ้าอย่างไรขอเชิญท่านชายไปดื่มไวน์ด้วยกันทางนั้นดีกว่า ได้ยินว่าตระกูลวีตาเร่นำไวน์สูตรใหม่มาให้ได้ลองชิมในวันนี้ด้วยขอรับ” พ่อค้าชราตอบกลับด้วยความสุภาพ และเชิญชวนชายหนุ่มไปสานสัมพันธ์ทางธุรกิจต่อ
“เอ่อ…ก็ดีนะ เชิญๆ” เดอริกจำเป็นต้องฝืนยิ้ม และตอบรับคำเชื้อเชิญนั้นอย่างจำใจ
อีกทางมุมหนึ่งของงานเลี้ยง ริมระเบียงกว้างที่ยื่นออกไปเหนือสวน โต๊ะตัวหนึ่งที่นั่งล้อมไปด้วยคนสามคนกำลังสนทนากันอย่างออกรส (รึเปล่า?)
“ไม่ๆๆ ข้ายังไม่มาว สเตล่าเจ้าอย่ามาใส่ร้ายข้าต่อหน้าหลานสาวสุดที่รักสิ” ชายหนวดเทาผู้ห่มหนังเสือกล่าวย้ำกับหญิงสาวผมขาวในชุดอัศวินสีดำด้วยน้ำเสียงที่ยืดยาวกว่าปกติ
“ครูใหญ่เจ้าคะ ท่านดื่มไปไม่ใช่น้อยๆ จะบอกว่าไม่เมาได้อย่างไร แถมตอนนี้หน้าของท่านก็แดงตาก็ลอยออกมาชัดอย่างนี้ หึ! เสียชื่อสถาบันหมด” เลขาสาวสวยยังคงบ่นเจ้านายของเธอเช่นปกติ
“สเตล่าก็อย่าถือสาท่านลุงเลยนะ ท่านก็เป็นอย่างนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ชาตินี้คงจะแก้ไม่หายหรอก” หญิงสาวสูงศักดิ์ผมเขียวในชุดเดรสสีขาวกล่าวกับอัศวินสาวที่นั่งอยู่ด้านข้าง
“อิลม่าหลานข้า นี่เจ้าแอบแซะลุงของเจ้าอย่างนั้นรึ?” ครูใหญ่นาธานหันหน้ามาจ้องหลานสาวผู้มาจากแดนเมืองหลวง
“เอ้ะ? เหตุใดท่านลุงจึงกล่าวเช่นนี้เจ้าคะ ข้าล่ะเสียใจจริงๆ อุตส่าห์เดินทางไกลเพื่อมาพบท่านแต่กลับกลายเป็นว่าถูกตัดเยื่อใยเช่นนี้” หญิงสาวผู้งดงามเพียบพร้อมก้มหน้าเศร้า
“ไม่ต้องมาดราม่า เฮ้อ! เจ้านี่เหมือนพ่อมากจริงๆ” มหาจอมเวทย์ถึงกับส่ายหน้า