เกษียณทหารแล้วไปทำฟาร์มที่ต่างโลก - ตอนที่ 136
ขบวนเกวียนทั้งห้าคันของภาม เรียงแถวเคลื่อนตัวเข้าป่าลึกเพื่อกลับไปยังฟาร์มลึกลับกลางหุบเขาตามปกติ แต่ก็มีบางสิ่งที่ไม่ปกติอยู่นั่นก็คือ ชายทั้งห้าคนผู้เป็นสารถีขับรถม้าต่างก็มีสีหน้าเคร่งเครียดจริงจังในขณะที่กำลังขับเกวียนอยู่
ตอนนี้ที่บ่าของเจ้าของฟาร์มไม่ได้มีถุงย่ามเก่าๆพาดอยู่แล้ว นั่นก็เพราะมันคืนร่างกลับไปเป็นมังกรมายาตัวน้อยสีเขียว ซึ่งกำลังหลบซ่อนตัวอยู่บนต้นไม้ด้านหลังขบวนเกวียนของภามอยู่ช่วงหนึ่ง สายตาของแพนดั้นจดจ้องไปที่ม้าหนึ่ง เกวียนหนึ่งซึ่งตามพวกของภามมา
ก่อนหน้านี้ที่อดีตทหารหนุ่มสอบถามข้อมูลจากชายแปลกหน้าที่ลำธาร เขาก็สามารถรู้ได้ทันทีว่าฝ่ายตรงข้ามมีประสงค์ร้าย ทำให้ในที่สุดภามจึงต้องเริ่มแผนการของตัวเองบ้าง โดยการเคลื่อนขบวนกลับบ้านตามปกติ แต่ให้มังกรน้อยคอยเป็นคนสอดแนมอยู่ที่ด้านหลัง แล้วก็ส่งข้อมูลผ่านโทรจิตกลับมา
ด้านในเกวียนของกลุ่มนักฆ่า
เมื่อเข้ามาในป่าที่รกชัฏแม้ว่าจะมีรอยทางเกวียนแคบ และป่าที่เหลือแต่ต้นไม้แห้งๆไร้ใบ แต่เหล่านักฆ่าจากกลุ่มโอเมก้าก็ยังรู้สึกกังวล พวกเขาแม้ว่าจะมีฝีมือในการลอบสังหารหรือต่อสู้กับคนด้วยกัน แต่ก็ไม่ได้เก่งกาจถึงขนาดจะต่อกรกับสัตว์ร้ายระดับสูงที่อาศัยอยู่ในส่วนลึกของเทือกเขาแม็กซิมัสได้
“หัวหน้าขอรับ เราเข้ามาในป่าลึกแบบนี้มันไม่ชอบมาพากลแล้วนะขอรับ หรือว่าพวกมันรู้ตัวแล้วจะล่อเราเข้ามาให้หลงทางที่นี่” ชายตัวอ้วนกล่าวถามหัวหน้าสาวด้วยความกังวล
“ไม่ใช่หรอก ถ้าพวกมันล่อเราให้ไปผิดทาง เราก็ยังคงเห็นพวกมันได้จากที่ไกลๆจากการที่เป็นป่าโปร่งไร้ใบไม้ปิดบัง หรือถ้าจะหนีออกนอกทางยิ่งเป็นไปได้ยากเพราะพื้นที่ด้านข้าง ทั้งกิ่งไม้ใบไม้กองถมกันสูงเกินครึ่งล้อเกวียน ยังมีรอยล้อเกวียนตามทางนี่อีกที่จะทำให้เรากลับไปทางเดิมได้ถูก
“แต่ตอนนี้ก็เริ่มมืดแล้วนะขอรับ ถ้าเราไม่เห็นทางจนกลับไม่ได้อาจต้องเจอกับพวกมอนสเตอร์ระดับสูงที่อาศัยอยู่ในป่านี้ แถมเรายังไม่ได้เตรียมอาวุธมารับมือพวกมันอีกด้วย” ชายอ้วนยังคงกล่าวถึงอุปสรรคที่ไม่อาจคาดคิด
“เรื่องนั้นยิ่งไม่ต้องห่วง พวกสัตว์นักล่ามันเดินทางลงใต้ตามสัตว์กินพืชไปหมดแล้ว ที่แห้งแล้งอย่างบนเขานี้ไม่มีอาหารพอให้พวกมันอิ่มท้องหรอก หรือไม่บางชนิดยังเข้าสู่การจำศีลไปแล้ว เราไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องมอนสเตอร์อีกต่อไป” เรญ่าผู้มีประสบการณ์มากที่สุดในทีมนักฆ่าตอบคำถามสมาชิกใหม่
ขบวนเกวียนของทั้งสองกลุ่มยังคงเดินหน้าไปเรื่อยๆจนเกินครึ่งทางแล้ว ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะเกิดความผิดปกติอะไร แต่เมื่อมาถึงจุดที่เรียกได้ว่าลึกที่สุดของป่า ที่ซึ่งเคยเป็นที่อยู่อาศัยของเจ้าป่าแห่งนี้ อยู่ๆหมอกยามเย็นก็ลงหนาจนมองทางด้านหน้าแทบไม่เห็น
ชายร่างผอมบนหลังม้าผู้นำทางของกลุ่มนักฆ่า หยุดรออยู่ที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งบนเนินสูงที่เกวียนด้านหลังสามารถเห็นได้อย่างเด่นชัด เพราะการเดินทางต่ออาจทำให้หลงออกนอกเส้นทาง และเมื่อเกวียนของเรญ่ามาถึงก็หยุดที่นี่เช่นกัน เพื่อประชุมหารือแผนการต่อไป
“หัวหน้าขอรับ หมอกลงหนาแบบนี้เราคงจะตามพวกมันไม่ทัน แถมนี่ก็มืดแล้วด้วย ข้าว่าเราควรตั้งค่ายพักแรมกันบนเนินตรงนี้จะดีกว่า” นักฆ่าร่างผอมแนะนำ
“แต่ข้าว่าเราไปข้างหน้าอีกหน่อยดีกว่า จากข้อมูลที่ข้าได้หามาจากพวกนักผจญภัย เนินสูงกลางป่าลึกบริเวณนี้คือที่อยู่ของ เจ้าป่า!” เรญ่ากล่าวออกมาเสียงเครียด ด้วยการหาข้อมูลเกี่ยวกับเขตปกครองของเมืองฮาเวสตี้มานานนับปีเพื่อใช้ในการทำงานลับ เธอมั่นใจมากว่าที่แห่งนี้คือที่ที่ไม่ควรจะมามากที่สุดในป่า แม้ว่าจะมาถึงแล้วโดยไม่ได้ตั้งใจก็ตาม
“เอ้า! เมื่อตะกี้หัวหน้ายังเพิ่งบอกข้าอยู่เลยว่าพวกสัตว์กินเนื้อมันเคลื่อนที่ลงใต้ตามสัตว์กินพืชที่อพยพไปก่อนหน้านี้แล้ว” ชายร่างอ้วนถามย้ำกับหัวหน้าของตน
“ใช่ ข้าพูดเช่นนั้น แต่เป็นข้อยกเว้นของสิ่งที่เรียกว่าเจ้าป่า ผู้เป็นใหญ่ที่สุดในป่าแห่งนี้ก็ต้องคอยอยู่ปกป้องดินแดนของมันไม่ไปไหนอย่างแน่นอน ถึงตอนนี้มันอาจจะออกหากินไปทางอื่น แต่อีกไม่นานมันก็คงจะกลับมา” หญิงสาวผมดำกล่าวย้ำเพื่อให้ลูกน้องของเธอเห็นความสำคัญ
“แล้วพวกนั้นที่ขับเกวียนเข้าป่าลึกไปอีกล่ะขอรับ มันไม่กลัวอันตรายหรือยังไง ข้าว่าหัวหน้ากังวลมากเกินไปแล้ว” ชายผู้นำทางกล่าวอย่างไม่เชื่อในคำพูดของหญิงสาว
“นี่! พวกเจ้า…” เรญ่ากำลังจะเถียงกลับลูกน้องแต่แล้วเธอก็ต้องหยุดชะงักไป
เสียงคำรามก้องกังวานลั่นป่า พร้อมกับเสียงพื้นดินที่สั่นสะเทือนมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้กลุ่มนักฆ่าแห่งสมาคมการค้าโอเมก้าถึงกับยืนตัวแข็งแทบจะลืมหายใจ
“โฮก!!!!!!!!!!”
“รีบขึ้นที่สูงเร็วเข้า!” เรญ่าผู้มีประสบการณ์ตะโกนสั่งการเหล่านักฆ่าทันที
แต่พวกเขาช้าเกินไป เพียงเสียงคำรามจบลงท่ามกลางความมืดที่มีแสงจันทร์สาดส่องผ่านลงมาตัดกับสายหมอกจางๆ สัตว์ร้ายที่เห็นชัดเพียงดวงตาสีแดงทั้งสามบนหัวเท่านั้น ก็ลอยตัวผ่านม่านหมอกเข้ามาเหยียบย่ำเกวียนคันใหญ่พังทะลายในทีเดียว
“โครม!” เสียงเศษไม้แตกหักกระจาย โชคดีที่คนทั้งสิบไม่ได้อยู่ตรงนั้น แต่คนที่อยู่ใกล้ๆก็ถึงกับกระเด็นล้มไปด้วยแรงอัดกระแทกมหาศาล ม้าทั้งสามตัวหลุดจากพันธนาการ และตกใจวิ่งหนีไป
“โฮก!!!!!!!!!!!” คราวนี้ร่างสัตว์ร้ายปรากฏชัดเจนท่ามกลางแสงจันทร์ตกกระทบ ร่างลิงกอริลล่ายักษ์สูงเท่าตึกสองชั้น ดวงตาทั้งสามเรืองแสงสีแดง ในปากของมันมีเขี้ยวยาวดุจเสือร้าย มันคำรามเสียงดังด้วยความโมโห กำปั้นใหญ่ทั้งสองข้างตีหน้าอกรัวๆเพื่อแสดงพลังความน่าเกรงขาม
“หนี!!!!”
“ช่วยด้วย!!!”
“ขึ้นต้นไม้เร็ว!!!” เหล่านักฆ่าตกใจเสียขวัญ วิ่งหนีแตกกระเจิงทางใครทางมันอย่างไม่คิดชีวิต เหล่านักฆ่าผู้สังหารคนเป็นผักปลา เมื่อเจอสัตว์ร้ายทรงพลังตรงหน้ากลับวิ่งหนีไม่กล้าสู้เลยแม้แต่น้อย ถึงอย่างไรก็คงต้องชื่นชมถึงความกล้าของหัวหน้าหน่วยที่ยังคงตั้งสติ และขึ้นไปหลบอยู่บนยอดไม้ใหญ่ได้แล้ว
“โฮก!!!!!! โฮก!!!!!!” เจ้าป่ายังคงกระโดด และวิ่งไปมาพร้อมทั้งคำรามอยู่รอบๆรังของมัน ที่ซึ่งมีพื้นที่รัศมีค่อนข้างกว้าง แต่มันก็วิ่งกลับไปกลับมาไม่ยอมหยุด จนกระทั่งเวลาผ่านไปได้ครึ่งชั่วโมง
ตอนนี้หมอกหนาทึบได้กระจายหายไปหมดแล้ว แสงจันทร์สุกสกาวบนฟากฟ้าเผยให้เห็นพื้นที่โดยรอบถูกทำลายไปด้วยแรงกระแทกจากเจ้าป่า ต้นไม้หักโค่น พื้นดินกลายเป็นหลุมลึก ก้อนหินแตกกระจาย สภาพพื้นที่ดุจดั่งผ่านสมรภูมิรบ ทั้งที่เป็นสัตว์ร้ายเพียงตัวเดียวที่กระโดดไปมา
ลิงยักษ์ตัวสีดำนั่งพักลงบนเนินสูง ตอนนี้มันกำลังหอบเหนื่อยกับการระเบิดพลังความโกรธที่ผ่านไปเมื่อสักครู่ ซึ่งเหนือจากเนินสูงขึ้นไปนี้ก็คือกิ่งไม้ที่นักฆ่าสาวซ่อนตัวอยู่นั่นเอง เรญ่าได้แต่นั่งเงียบปรับลมหายใจให้สงบเพื่อไม่ให้เจ้าป่าที่ด้านล่างรู้ตัว
‘นี่มันเรื่องบัดซบอะไรกัน!’ หญิงสาวได้แต่สบถกับตัวเองในใจเท่านั้น เธอไม่คิดเลยว่าจะต้องมาเจอเรื่องอันตรายที่ไม่อยู่นอกเหนือแผนการอย่างนี้ ถึงแม้จะรู้ว่าการเข้ามาในเทือกเขาแม็กซิมัสนั้นมีอันตรายรอคอยอยู่ แต่เธอก็ยังคงเข้ามาเพราะเห็นว่าชาวบ้านธรรมดาๆก็เข้ามาได้โดยไม่เกรงกลัวอันตรายอะไร
เมื่อคิดมาได้ถึงตรงนี้เรญ่าก็ถึงกับตาสว่าง ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าได้พลาดไป เธอคิดมาตลอดว่าภามเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดา ที่สามารถรอดพ้นจากการติดตามของเธอมาได้ก็เป็นเพราะการช่วยเหลือของฮาคิม แต่ครั้งนี้เธอเข้าใจแล้วว่ามันไม่ใช่อย่างนั้น เป้าหมายของหญิงสาวไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน
“ตุบ! ตุบ! ตุบ!” เสียงเหมือนมีอะไรมาตกกระทบต้นไม้ใกล้ๆ เรญ่ารีบหันหน้าไปมองโดยรอบทันที เพื่อว่าจะได้เห็นคนของเธอรอดอยู่บ้าง คนรอบข้างเหล่านั้นปรากฏตัวแล้ว แต่ชัดเจนว่าไม่ใช่คนของเธอ
“พวกเจ้า!” เรญ่าอุทานออกมาเสียงดังเมื่อเห็น อองรี เดนนิส แม็กซ์ และอลันอยู่บนต้นไม้รอบๆตัวเธอ และต้องอึ้งไปอีกเมื่อมองลงไปที่ด้านล่างจากเสียงที่เรียกเธอ
“สวัสดีครับ!” ภามที่นั่งอยู่บนไหล่ของลิงยักษ์กล่าวทักทาย