อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด - ตอนที่ 308 ตำรวจจะปล่อยคนไปแบบไม่มีเหตุผลได้ยังไง?
ตอนที่ 308 ตำรวจจะปล่อยคนไปแบบไม่มีเหตุผลได้ยังไง?
“แม่ฉัน… ตำรวจจะปล่อยคนแบบไม่มีเหตุผลได้ยังไงกัน?” เธอแทบจะพูดคำนี้ไม่ออก
คำให้การในบันทึกพวกนั้น อันที่จริงเรื่องนี้เธอเองก็ไม่คิดอยากจะปิดบังเขาเหมือนกัน
“โหรวโหรว” จิ่งเป่ยเฉินกอดเธอ “อันที่จริงแล้ว……”
อันโหรวหัวใจเต้นตึกตักรัว ๆ เขาคิดจะพูดเรื่องอะไร?
“ในปีนั้นเหตุผลที่คุณน้าถูกปล่อยตัวไปเป็นเพราะว่าเขาหย่ากันก่อนที่จะถูกจับ” เขาตรวจสอบเรื่องพวกนี้มาค่อนข้างเยอะเกี่ยวกับตระกูลอัน แต่ก็ไม่รู้ว่าเธอรู้เรื่องที่พวกเขาหย่ามาก่อนหน้านั้นหรือเปล่า
หย่างั้นเหรอ?
อันโหรวแทบจะไม่เชื่อ
ในสายตาของเธอ พ่อกับแม่ล้วนรักกันอย่างใจจริง ถึงแม้ว่าพ่อจะงานยุ่งมากแค่ไหน แต่ก็คงไม่มีความคิดเรื่องหย่าแน่ ๆ
เว้นเสียแต่เขามีจุดประสงค์เดียวเท่านั้น นั่นก็คือหย่าเพื่อปกป้องแม่ของตน
เพราะไม่อยากให้เธอเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องของตระกูลอัน จึงวางแผนซื้อตั๋วเครื่องบินล่วงหน้าไว้ให้แม่ของเธอ อีกทั้งยังทำให้เธอดูเหมือนกับถูกจับไป
แล้วทำไมเธอถึงไม่กลับมากัน? หลังจากถูกปล่อยตัว เธอก็ไม่กลับมาอีกเลย
“โหรวโหรว เชื่อฉันสิ เรื่องพวกนี้อีกไม่นานต้องจบลงแน่นอน” เขาเองก็ไม่คิดอยากจะเห็นโอวหยางลี่กระโดดไปมาอยู่ข้างหน้าเธออีกแล้ว ถึงแม้ว่าโหรวโหรวจะไม่ชอบเขาแล้วก็ตาม แต่คนที่เคยเป็นแฟนเก่า เขาเองก็รู้สึกไม่สบายใจที่ต้องเห็นคนแบบนั้นป้วนเปี้ยนอยู่ข้างกายเธอตลอด
“นายอย่าหุนหันพลันแล่นไปนะ!” สิ่งที่เธอต้องการคือความจริง ไม่ใช่การทำลายโอวหยางกรุ๊ปโดยตรงแบบนั้น
จิ่งเป่ยเฉินหรี่ตามองเธอและพูดขึ้นว่า “โหรวโหรว พรุ่งนี้พวกเราไปเดินเล่นกันไหม?”
“เอาสิ!”
……
อันโหรวคิดไม่ถึงเลยว่าจิ่งเป่ยเฉินที่บอกว่าจะออกไปเดินเล่น คือไปที่สวนตระกูลอัน
สวนตระกูลอันไม่ว่าจะมองจากระยะใกล้หรือไกลก็ยังคงเหมือนกับเมื่อห้าปีที่แล้ว พื้นที่บ้านที่โอ่อ่าถูกครอบคลุมไปด้วยหิมะ
พ่อชอบต้นแปะก๊วย ภายในสวนจึงมีปลูกอยู่ห้าต้น ไม่ได้เห็นมันมาห้าปีแล้ว ต้นมันสูงใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ
ดูเหมือนเธอจะนึกถึงฉากเมื่อ 5 ปีที่แล้วขึ้นมา ตอนที่นอนอยู่บนเก้าอี้โยกพร้อมกับอ่านหนังสือ แสงแดดอันอ่อนโยนที่ส่องลงมาบนใบหน้าของเธอผ่านชั้นของใบไม้ที่ร่วงหล่นลงบนพื้น
เวลาผ่านไปรวดเร็วมาก ผ่านไปหลายปีแล้ว…
ลมหนาวอันขมขื่นพัดผ่านเธอไป แต่กลับไม่รู้สึกถึงความหนาว ผ้าพันคอหนารอบคอของเธอป้องกันลมหนาวได้เป็นอย่างดี เธอเดินทีละก้าวท่ามกลางหิมะ จิงเป่ยเฉินเองก็เดินตามเธอไปทุกย่างก้าว
เธอที่สวมชุดตัวหนาขนาดนี้นั้นเป็นผลงานของเขาเอง แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าควรจะใส่น้อยชิ้นลงหน่อย เขาจะได้แบ่งความอบอุ่นให้กับเธอได้บ้าง
กลัวแต่ว่าเธอนั้นจะเป็นหวัดเอา
“ตอนแรกเตรียมจัดคนมาเพื่อทำความสะอาด แต่ว่าหิมะที่ตกที่นี่สวยมาก” มองดูเธอเดินไปที่ต้นแปะก๊วย ทันใดนั้นเขาก็เอ่ยขึ้น
“ฉันอยากพาเธอมาที่นี่ครั้งที่แล้ว แต่ช่วงนี้มีเกิดเรื่องเยอะแยะมากมาย”
เขาจำได้ว่าเธอนั้นชอบหิมะมาก
“มันสวยมากเลย นายมานี่สิ!” อันโหรวจู่ ๆ ก็พูดขึ้นมาและคล้องแขนเขา
จิ่งเป่ยเฉินเดินไปโดยไม่สงสัย เสื้อคุลมสีดำของเขาปลิวไปพร้อมกับสายลม ใบหน้าที่เคร่งขรึมของเขาก็ยิ่งมีมากขึ้น
อันโหรวเดินมาถึงใต้ต้นไม้ ก่อนจะเตะไปที่ลำต้นด้วยขาสองข้างอย่างแรง หิมะที่เกาะอยู่บนต้นไม้นั้นก็ร่วงหล่นลงมาบนตัวของจิ่งเป่ยเฉิน เสื้อคลุมสีดำในตอนนี้เต็มไปด้วยหิมะสีขาวโพลน
เขายิ้มโดยไม่ได้โกรธ ก่อนจะสะบัดหัวเล็กน้อย ฝีเท้าก้าวไปทางอันโหรวที่ทำเรื่องชั่วร้าย “ที่รัก ทนรอไม่ไหวที่จะอยู่กับฉันไปจนแก่ใช่ไหม ฉันมีความสุขที่สุดเลย”
“นายนี่คิดมากเกินไปแล้ว ฉันแค่แหย่นายเล่นแค่นั้นเอง!” อันโหรวกลัวว่าจิ่งเป่ยเฉินนั้นจะแก้แค้นกลับ ถ้าหากว่าเป็นเมื่อก่อนเขาจะต้องทำแบบนั้นแน่ ๆ
เพราะงั้นไม่รอให้เขาเดินเข้ามา เธอก็รีบวิ่งหนีออกไปทันที
หิมะในสวนนั้นหนาเกินไป ทำให้ฝีเท้าที่เธอก้าวนั้นยากลำบาก เดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็เผาผลาญพลังงานไปอย่างมาก
เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าก้าวมาใกล้จากด้านหลัง จู่ ๆ เธอก็หันตัวไปและนอนลงไปบนหิมะก่อนจะหลับตาลงทั้งสองข้าง ใบหน้าแดงระเรื่อ “เดินไม่ไหวแล้ว!”
เมื่อจิ่งเป่ยเฉินเห็นแบบนั้นก็ไม่ได้สนใจหิมะ รีบเดินเข้าไปทันที แม้เธอจะใส่เสื้อหนา แต่ก็ไม่ควรที่จะนอนอยู่บนกองหิมะแบบนั้น
เท้าของจิ่งเป่ยเฉินหยุดชะงัก เขารีบเดินเข้าไปด้านข้างเธอ เธอเองที่เดินต่อไม่ไหว แต่ยังเอื้อมมือไปจับเขาไว้
อันโหรวรีบพลิกตัวทันที จึงทำให้ร่างของเธอทับอยู่บนร่างกายของจิ่งเป่ยเฉิน ผมของเธอมีหิมะและดอกไม้ติดอยู่ไม่น้อย แผ่นหลังของเธอก็ถูกเขาโอบกอดเอาไว้ ส่วนอีกมือหนึ่งก็ช่วยปัดหิมะที่อยู่บนตัวเธอออก
ใบหน้าที่ขาวและแก้มสีแดงระเรื่อนั้นเผยรอยยิ้มออกมา “จิ่งเป่ยเฉิน นายบอกเองว่าพวกเราจะอยู่ด้วยกันจนแก่!”
ถ้าหากหลังจากนี้เกิดเรื่องอะไรขึ้นอีก พวกเขาจะจูงมือกันไปจนแก่เฒ่าพร้อมกับลูก ๆ ใช่ไหม?
“พวกเรายังคงมีชีวิต และวันนี้เป็นเพียงหนึ่งวันในนั้น” จิ่งเป่ยเฉินมองไปที่เธอ เธอชอบที่จะนอนอยู่บนตัวเขา ซึ่งเขาก็ปล่อยให้เธอนอนอยู่แบบนั้น
ร่างกายของเขานั้นแข็งแรงดี ไม่เป็นหวัดง่าย ๆ
อันโหรวควบคุมอารมณ์ที่ซาบซึ้งภายในจิตใจ ใบหน้าที่สวยงามแสร้งทำเป็นยิ้มอย่างผ่อนคลาย “นายบอกว่านายเก่งกาจ ฉันคนเดียวสามารถดูแลหยางหยางและหน่วนหน่วนเองได้ นายเองก็ต้องทำได้! จะต้องดูแลได้ดีว่าฉันแน่ ๆ”
หน่วนหน่วนชอบเขา หยางหยางเองก็เริ่มเปลี่ยนความคิด พวกเขาจะต้องเชื่อฟังคำพูดเขาอย่างแน่นอน
หยางหยางและหน่วนหน่วนเป็นลูกที่น่ารักของเธอ เธอไม่เสียดายที่จะห่างจากพวกเขา
แต่ว่าแม่ของเธอ คุณยายของพวกเขาในตอนนี้ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน เธอนั้นคิดอยากไปหาแม่มาก ๆ
จิ่งเป่ยเฉินเอื้อมมือไปจับที่ใบหน้าเล็ก ๆ ของเธอ ดวงตาสีดำสนิทของเธอกำลังสะท้อนใบหน้าของเขาที่กำลังยิ้มแย้มออกมา ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยการแสร้งทำเป็นเข้มแข็ง มันทำให้หัวใจของเขารู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อย ริมฝีปากค่อย ๆ เปิดขึ้น ก่อนจะพูดออกไปให้เธอได้ยินอย่างชัดเจน “ฉันดูแลไม่ดี คงต้องอยู่กับเธอไปตลอด”
ต่อให้คำพูดของเขาเฉียบแหลมมากแค่ไหน ถ้าหากแต่เดิมไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น เธอก็คงพูดออกมาแล้ว
ยิ่งในช่วงเวลานี้ที่หยางหยางและหน่วนหน่วนเกิดเรื่องขึ้น เขาก็เกือบจะลืมเรื่องที่ก่อนหน้านั้นเธอไปไหนมาไหนโดยไม่บอกเขาถึงสองครั้ง ดวงตาที่ดูเป็นประกาย พร้อมกับสายตาที่มองมาอย่างเฉยเมย คงจะมีแค่เขาคนเดียวที่ได้มองดูดวงตาคู่นี้
อันโหรวรู้สึกเจ็บปวดในหัวใจ ไม่ใช่เพราะคำพูดของเขาเท่านั้น แต่อีกทั้งยังมีรอยแผลตื้น ๆ บนฝ่ามือของเขาที่ตอนนี้กำลังสัมผัสไปบนใบหน้าของเธอ มันเกิดจากการรับมีดแทนเธอในคืนนั้น คืนที่เขาคอยปกป้องเธอ
มือนั้นค่อย ๆ โอบไปที่ด้านหลังศีรษะของเธอ ก่อนจะค่อย ๆ ดันให้เข้ามาชิดใกล้ ใบหน้าที่เย็นชาที่อยู่เบื้องหน้าดูกว้างใหญ่ขึ้น
หิมะที่หยุดตกไปสักพักแล้ว ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่มันจะเริ่มตกอีกครั้ง แต่ก่อนใจกลางหัวใจของพวกเขามีเกล็ดหิมะเล็ก ๆ ที่ดูราวกับคริสตัลเกาะอยู่ ตอนนี้มันค่อย ๆ ละลายกลายเป็นของเหลวและค่อย ๆ จางหายไปแล้ว
ตอนนี้เธอเริ่มที่จะหายใจไม่ออก
ในที่สุดเขาก็ปล่อยเธอออก
“เกินไปแล้ว”
“อืม โหรวโหรวพูดถูกต้องนะ”
“บิ๊กบอส นี่นายจะหน้าด้านเกินไปแล้วนะ” เธอไม่เคยเห็นผู้ชายคนไหนที่จะยอมสารภาพออกมาตรง ๆ แบบนี้มาก่อน
“เอาไว้ให้เธอหายใจได้ก็พอแล้ว”
“อืมม……..”