หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้ - ตอนที่ 29 ร่ำลาคนที่เคยรักกัน
คำพูดของลู่จือสิงทำให้ฉันตกใจรีบผละออกจากอ้อมกอดและเงยหน้ามองเขา “ลู่จือสิง คุณอย่าหุนหันอย่างนี้สิ”
“คุณคิดว่าผมทำอะไรโดยไม่คิดเหรอ”
ฉันส่ายหน้า “ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้น”
สีหน้าของเขามึนตึงขึ้นทันที “ถ้าอย่างนั้นคุณหมายความว่ายังไง ซูยุ่น”
ก่อนหน้านี้ฉันรู้สึกแย่เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ความไม่พอใจของลู่จือสิงตอนนี้ยิ่งทำให้ฉันควบคุมตัวเองไม่ได้ “หมายความว่าไงน่ะหรือ? ลู่จือสิง คุณอยากจะแต่งงานกับฉันจริงๆ หรือเปล่า? ถ้าไม่ใช่เพราะตอนแรกเรามีลูก คุณจะเสนอให้เราแต่งงานกันไหม? คุณอาจลืมที่ตัวเองพูดไว้ก่อนเดินทางไปแล้ว แต่ฉันยังจำได้ชัดเจน ประธานลู่!”
เขามีสิทธิ์อะไรถึงพูดแบบนี้ นึกอยากแต่งก็จะแต่ง ไม่อยากแต่งก็จะไม่แต่ง
ทันทีที่พูดจบ แววตาของลู่จือสิงก็เหมือนพายุที่โหมกระหน่ำ แต่ฉันยังคงเผชิญกับสายตาของเขาอย่างไม่หวั่นเกรง
เขามองฉันอยู่นาน ในที่สุดก็ค่อยคลายความถมึงทึงบนใบหน้าแล้วลุกขึ้นเดินจากไป
“ลู่จือสิง”
ฉันลุกขึ้นและเรียกเขาไว้ เขาหันกลับมามองฉันด้วยแววตาที่ฉันอ่านความรู้สึกไม่ออก
ฉันหลบตา ไม่กล้ามองเขาตรงๆ “ฉันย้ายของออกจากคอนโดหมดแล้ว ยื่นจดหมายลาออกแล้วด้วย เมื่อไม่มีลูกแล้ว เราสองคน… จบกันตรงนี้ดีไหม”
“จบกัน?”
เขาทำเสียงออกจมูกอย่างไม่พอใจแล้วยิ้มเยาะ “ในเมื่อคุณรู้ตัวเองดีแบบนี้ งั้นก็เอาเถอะ”
พูดแล้วเขาจึงหันหลังเดินกลับไปโดยไม่หันกลับมาอีก
สุดท้ายแล้วฉันก็ยกมือขึ้นป้องริมฝีปากอย่างทนไม่ได้ ร้องไห้ออกมาจนตัวโยน
ฉันรักลู่จือสิง แต่ฉันควรจะรู้สึกยังไงกับการตัดสินใจของเขา? ที่เขาบอกว่าจะแต่งงานกับฉันหลังจากที่เขาเพิ่งพารักแรกกลับมาจากต่างประเทศ
อันที่จริงฉันไม่มีเวลามาคิดเรื่องนี้มากนัก เพราะสถานการณ์ของคุณยายทำให้ฉันแทบไม่เหลือเวลาไปคิดเรื่องอื่นเลย
ฉันต้องดูแลยายทุกวันและยังต้องปลีกตัวไปหางานทำ มีแค่ช่วงกลางดึกเท่านั้นที่ฉันจะมีเวลานึกถึงผู้ชายที่ชื่อลู่จือสิง ซึ่งอันที่จริงก็ไม่ได้เป็นเวลาที่มากมายนัก
หลังจากวันนั้นดูเหมือนลู่จือสิงจะหายไปจากชีวิตของฉันโดยสิ้นเชิง นอกจากบางครั้งที่เห็นเขาผ่านตาทางทีวีและข่าวล่าสุดของเขากับจ้าวชิงหราน รักแรกของเขา ฉันก็ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับลู่จือสิงอีกเลย
ได้ยินว่าพวกเขากำลังรื้อฟื้นความสัมพันธ์ที่เคยมีและเข้าออกบริษัทพร้อมกันตลอด ใครจะรู้ล่ะ ฉันอาจเป็นแค่ของเล่นที่บังเอิญผ่านมาในช่วงที่เขาเบื่อ และเขาก็ใช้ฉันเพื่อฆ่าเวลาเท่านั้น
แต่พอคิดแล้วในใจฉันมันกลับเจ็บปวดเหลือเกิน
ฉันรีบยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาด้วยความลนลานเพราะกลัวว่ายายจะเห็น
ยาย… ใช่แล้ว ฉันยังมียายที่ต้องดูแล ถึงแม้ว่ามันจะเจ็บปวดแต่ฉันก็ยังต้องใช้ชีวิตต่อไป
เดิมทีฉันเองก็ต่อสู้เพียงลำพังมาตลอดหลายปีที่ผ่านมาอยู่แล้ว
ขณะกำลังออกจากโรงพยาบาล จู่ๆเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ฉันนึกว่าเป็นโทรศัพท์โทรมานัดสัมภาษณ์งาน แต่พอกดรับแล้วจึงพบว่าเป็นลู่จือสิง
หลังจากขาดการติดต่อมาเกือบสองสัปดาห์ การได้ยินเสียงเขาอีกครั้งทำให้ฉันเกือบจะร้องไห้ขึ้นมาอีก
“มีอะไรหรือ”
ตรงทางเข้าโรงพยาบาลมีคนผ่านไปมาตลอด ฉันจึงต้องพยายามข่มความรู้สึกเอาไว้
“ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน”
น้ำเสียงของเขาเย็นชาและแข็งกร้าวจนฉันแทบจับอารมณ์ไม่ได้
“โรงพยาบาล”
“ผมอยู่ที่คอนโด มาที่นี่หน่อย ผมมีบางอย่างอยากจะถามคุณ”
ฉันงงไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหัวเราะออกมา “พอดีเลย ฉันเองก็มีเรื่องอยากพูดกับคุณอยู่พอดี”
คนไม่รักกันแล้ว ก็แค่ต้องบอกลากันก็เท่านั้น…
ฉันวางสายแล้วเรียกแท็กซี่เพื่อไปคอนโดทันที