หัตถ์เทวะธิดาพญายม - ตอนที่ 565 ร่างจําแลงอันทรงพลัง
ตอนที่ 565 ร่างจําแลงอันทรงพลัง
นางสามารถสัมผัสได้ถึงพลังฝีมือของเหล่ายอดฝีมือทั้งหลาย ซึ่งรวมถึงเฟงอวินจึง และหนานกงยี่ ทว่ากลับไม่อาจรับรู้ถึงยอดฝีมือขั้นปรมาจารย์บางคนดังเช่น อาจารย์ของนาง และท่านเจ้าวังจือจน
ในสายตาของนาง ยามนี้หนานกงยวสามารถบรรลุถึงระดับกลางของพลังปราณขั้นที่ห้า ย้ายเคลื่อนจิตวิญญาณ
มังกรทองตัวน้อยยกอุ้งเท้าน้อย ๆ ขึ้นเกาคางด้วยที่ท่าครุ่นคิด
“นายท่านรู้จักเคล็ดวิชาที่หนานกงยี่ใช้หรือไม่ ?”
เกอซีจ้องประสานตากับมังกรทองตัวน้อยด้วยท่าทิ้งนงง
“แน่นอน นั่นคือเคล็ดวิชาสร้างร่างจําแลง ผู้ฝึกยุทธจําต้องสามารถบรรลุถึงขอบเขตพลังปราณอันสูงส่งจึงจะสามารถหลอมรวมพลังปราณทั่วร่างเข้าประสานเป็นหนึ่งเดียวกับจิตวิญญาณของตน ทั้งพลังแห่งจิตวิญญาณนั้นก็ต้องแข็งแกร่งเพียงพอจึงจะสามารถหลอมรวมร่างจําแลงขึ้นมาได้”
“ยิ่งพลังปราณ พลังจิตของคนผู้นั้นแข็งแกร่งมากเพียงไร ร่างจําแลงก็ยิ่งแข็งแกร่งสูงส่งเพียงนั้น”
“ทว่าน่าแปลก”
มังกรทองตัวน้อยแสดงท่าที่อยากรู้อยากเห็น
“สามารถกล่าวได้ว่า การหลอมรวมจิตวิญญาณสร้างร่างจําแลงก็คือความสามารถแห่งยอดฝีมือขั้นที่หก เปิดม่านฟ้าดินยากยิ่งที่จะพบเจอได้ในดินแดนทวีปหมีหลัวแห่งนี้”
“ยิ่งมิต้องกล่าวถึงว่าร่างจําแลงของหนานกงยวนั้นแข็งแกร่งยิ่งนัก สัมผัสทั้งหมดเสมือนหนึ่ง ร่างแท้จริงทั้งสามารถดํารงร่างจําแลงได้ยาวนาน สิ่งนี้หาใช่ความสามารถของผู้ฝึกยุทธขั้นห้าย้ายเคลื่อนจิตวิญญาณไม่ !”
“นี่ยังมิได้กล่าวถึงความสามารถในการฉีกฝ่ามิติล่วงข้ามเขตอาคมแข็งแกร่งที่แม้ยอดฝีมือขั้นหก เปิดม่านฟ้าดิน อาจสามารถกระทําได้เพียงไม่กี่คนเท่านั้น แม้นหากนายท่านจือจินของข้ายังท่องยุทธในทวีปหมีหลัว ก็อาจไม่สามารถกระทําเช่นนี้ หากทว่าหนานกงยวกลับสามารถ !”
ยิ่งได้ฟังถ้อยคําชี้แจงอย่างชัดแจ้งของมังกรทองตัวน้อย หญิงสาวกลับมิได้ตื่นเต้นยินดี ทว่ากลับยิ่งทวีความหวั่นวิตก
“หากเป็นดังที่เจ้ากล่าวว่าสิ่งนี้ไม่สามารถกระทําได้โดยง่ายเช่นนั้นการที่เขาฝืนสร้างร่างจำแลงทั้งยังฝ่ามิติฉีกข่ายอาคมเข้ามาเช่นนี้ มิใช่ต้องแบกรับผลกระทบอย่างหนักกระนั้นหรือ ?”
เมื่อได้เห็นแววตาหวั่นวิตกของผู้เป็นนาย มังกรทองตัวจิ๋วต้องเลี่ยงหลบสายตาพลางกล่าวกล้วยิ้ม
“เอ่อ เรื่องนี้นายท่านมิต้องห่วงพะวงไป ท่านก็เห็นแล้วว่าเขาจัดการพวกนั้นได้อย่างสบาย ทั้งยังไม่อยากเร่งสลายคืนสู่ร่าง ท่านควรทราบว่าองค์ราชันมัจจุราชทรงพลังอํานาจแข็งแกร่งอย่างยิ่ง เมื่อเขาคาดคํานวณทุกอย่างไว้เสร็จสรรพเช่นนี้ ย่อมไม่มีสิ่งใดต้องห่วงพะวง”
เพียงสิ่งที่มังกรทองตัวน้อยมิได้กล่าวก็คือ การหลอมรวมพลังสร้างร่างจําแลงหาใช่ปัญหา หากทว่าการแยกร่างเป็นสอง พลังฝีมือย่อมถูกแยกออกเป็นสองส่วนเช่นกัน ภายใต้สถานการณ์ วิกฤติเช่นนี้ หากเกิดภัยอันตรายแก่ร่างจริง คนผู้นั้นย่อมกลับกลายเป็นร่างศพได้อย่างง่ายดาย
ยังมีพลังที่ถูกขับใช้เพื่อฉีกฝ่ามิติล้วนมากมายสุดประมาณ ย่อมเป็นธรรมดาที่สีหน้าของหนานกงยวี่จะซีดเผือดไร้สี เพียงเขาไม่ต้องการให้ผู้เป็นนายต้องห่วงกังวล จึงอิดออดมิเปิดเผยความจริงทั้งหมด
เมื่อองค์ราชันมัจจุราชยังไม่คิดปริปาก ไยเขาต้องสาธยายให้มากความ จะเป็นการสร้างความหนักใจให้นายท่านไปเสียเปล่า ๆ
เมื่อคิดได้เช่นนั้น มังกรทองตัวจิ๋วจึงเปลี่ยนหัวข้อการสนทนา อุ้งเท้าน้อย ๆ ชี้ไปยังบุรุษผู้ไร้แขนขาคงเหลือเพียงร่างกายท่อนล่างที่ชุ่มโชกโลหิต
“นายท่าน เจ้านี่คือของกํานัลที่องค์ราชันมัจจุราชทิ้งไว้ให้นายท่าน เราควรทําเช่นไรกับมันดี
มันผู้นั้นถูกโยนส่งให้เกอซีในสภาพไร้แขนขา ทั้งน้องชายตลอดถึงกระดูกเชิงกรานล้วนแหลกละเอียดด้วยแรงทุ่มจากก้อนศิลา
หากแต่ไม่ว่าอย่างไร ท่านเดี่ยวคือยอดฝีมือผู้หนึ่ง แม้นอวัยวะในกายถูกตัดขาด สูญเสียโลหิตเป็นอันมาก มันย่อมไม่ถึงแก่ความตายโดยง่าย
เมื่อถูกมังกรทองตัวน้อยจับโยนทุ่มเช่นนั้น มันจึงรู้สึกตัวคืนสติ
เพียงเปิดเปลือกตาขึ้น มันกลับต้องเผชิญกับแววตาที่เย็นยะเยียบด้านชาที่สามารถสร้างความตื่นผวาหวาดกลัวให้กับมันอย่างถึงที่สุดของเกอซี
“ละเว้นข้าเถิด ! โปรดละเว้นข้าด้วยเถิด ! ทั้งหมดทั้งมวลล้วนเพราะเพิ่งเหลียนยิ่งสั่งให้ข้าทําหาใช่ความคิดของข้าไม่ โปรดละเว้นข้าเถิด… ข้าไม่กล้าแล้ว !”
***จบตอน ร่างจําแลงอันทรงพลัง* * *